Saturday, August 1, 2020

#เหรียญทองแดงปราบพิภพ #3เล่มจบ #นิยายวาย #BL #MinervaBook


Review : 25/2563
เรื่อง : เหรียญทองแดงปราบพิภพ (3 เล่มจบ) (นิยายวาย Y)
ผู้แต่ง : มู่ซูหลี่
ผู้แปล : ใบไม้แดง
พิมพ์ครั้งที่ 1 : พ.ศ.2563
สำนักพิมพ์ : มิเนอร์วา บุ๊ค (Minerva Book)



โปรยปกเล่ม 1 :
ตำนานเทพมังกรผู้ยิ่งใหญ่ถือกำเนิดจากท้องทะเล
และมาพร้อมกับเมฆสายฟ้าอานุภาพรุนแรงน่าครั่นคร้าม
ทว่ามังกรก็มีวันประสบเคราะห์ใหญ่ถึงคราววิบัติ
ถูกทำร้ายจนเหลือเพียงแก่นวิญญาณที่รอวันกลับคืน...

จู่ๆ ที่เมืองหนึ่งก็มีเหตุการณ์ประหลาด
ข่าวลือเรื่องชายรูปร่างหน้าตาสยองราวกับภูตผี
มักปรากฏตัวในยามค่ำคืนจนผู้คนหวาดผวา
กระทั่งหลวงจีนผู้หนึ่งมาที่นี่พร้อมเหรียญทองแดง
เรื่องราวอันแสนพิลึกพิลั่นก็บังเกิดขึ้นนับตั้งแต่นี้

เล่ม 1 :
บทวิจารณ์ผลงาน
ปีเทียนสี่ที่ยี่สิบสาม มังกรตนหนึ่งร่วงลงมายังมณฑลกว่างตงชายฝั่งทะเลตะวันออก ถูกผู้คนตัดเส้นเอ็น กระชากกระดูกไปทั้งเป็น หลายเดือนหลังจากนั้น ตลาดร้านรวงก็มีคำร่ำลือว่าราชครูผู้มีวิชาสูงเยี่ยมประสบเคราะห์หนัก มิอาจไม่ปิดประตูเก็บตัวพักฟื้น ฤดูหนาวปีเดียวกัน ที่อำเภอหนิงหยาง เมืองฮุยโจว ก็มีนักบวชเยาว์วัยที่สูญเสียความทรงจำ ฉายาเสวียนหมิ่นเพิ่มมาคนหนึ่ง มาถึงวันแรกก็ปราบวิญญาณร้ายในบ้านหลังหนึ่งจนราบคาบ วิญญาณร้ายตนนี้ชื่อเซวียเสียน ก็ไปสิงอยู่ในร่างตุ๊กตากระดาษชั่วคราว กลายเป็นอัมพาตครึ่งท่อนไม่มีปัญญาเดินเหินไปไหนได้ พวกเขานั้นผู้หนึ่งเย่อหยิ่งเย็นชา ผู้หนึ่งแค้นฟ้าโกรธดิน ผู้หนึ่งจะตามหาคน ผู้หนึ่งจะตามล้างแค้น นับจากวันนั้นเรื่องราวก็พลิกผัน จนชุลมุนวุ่นวายไม่ได้สงบลงอีกเลย ผู้เขียนใช้สำนวนเปี่ยมอารมณ์ขัน วาดภาพร้อยเรียงเรื่องราวที่สุขสันต์หรรษา ผิดฝาผิดตัว สร้างโลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการ อิงอยู่บนความเชื่อของชาวตะวันออกขึ้นมา สามารถสร้างรอยยิ้มให้ท่าน คู่ควรให้ทดลองอ่านดู

บทที่ 1 ค้นหาเบาะแส
ฤดูร้อนปีเทียนสี่ที่ยี่สิบสาม มีมังกรตนหนึ่งร่วงลงยังอำเภอหว่าเหมิง มณฑลกว่างตง ถูกพันธนาการในตาข่าย เนื้อหนังปริแตก ไม่เห็นกระดูกสันหลัง พอดีกับฝนเทกระหน่ำลงมาครั้งใหญ่ เกลียวคลื่นสาดซัด ม้วนเอาร่างมังกรลงสู่ทะเลจากนั้นไม่มีผู้ใดพบเห็นอีก ... จากบันทึกเมืองหว่าเหมิง
ฤดูหนาวปีเดียวกัน ที่อำเภอหนิงหยาง มณฑลฮุยโจว
เด็กรับใช้กับคนเคาะโมงยามสังเกตเห็นคนที่ไม่ควรเห็นเรียกว่าผีนั่นเอง ผีที่ว่ามาเวลาเดิมเพื่อซื้ออาหารขึ้นชื่อเรือนจิ่วเว่ยสองวันติดกันแล้ว ตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง วันนี้ก็มาอีก ที่อยู่ซึ่งก็คือโรงหมอสกุลเจียงที่ถูกไฟเผาจนไม่เหลือแล้ว ก็พอดีกับมีไต้ซือห้อยเหรียญอู่ตี้ ใช้ปราบภูตผีสิ่งชั่วร้าย จึงขอร้องให้ช่วย ไต้ซือจึงตามไปดูที่โรงหมอสกุลเจียง
วิญญาณนั้นคือเจียงซื่อหนิง อาศัยตุ๊กตากระดาษที่เซวียเสียนวาดให้ออกไปตามหาบิดามารดา และซื้ออาหารกลับมาให้เซวียเสียนที่ตอนนี้เป็นอัมพาตครึ่งท่อนล่างเดินไม่ได้ ตอนที่รู้เรื่องจากเจียงซื่อหนิงก็กางเขตอาคมพรางตาหลายชั้นไปอยู่ในตุ๊กตากระดาษและยังแทรกไปในตะไคร้เขียวที่พื้นไม่ว่าใครก็มองไม่เห็น แต่หลวงจีนนี่ที่เซวียเสียนเรียกว่าลาโง่กลับมองออก ทั้งยังรังเกียจว่าสกปรกเอาเศษผ้าจับก่อนหนึ่งชั้นค่อยงัดออกมาจากพื้น เก็บตุ๊กตากระดาษสองตัวใส่ถุงผ้าข้างเอวไป
ด้านนอกมีคนมาล้อมเอาไว้ เพราะเด็กรับใช้และคนเคาะโมงยามคิดว่าหลวงจีนคือนักโทษหลบหนีที่ทางการต้องการตัว แต่ไม่ใช่ หลวงจีนฉายา เสวียนหมิ่น ไม่มีบ้านไม่มีวัด หลิวซือเหยียหาเรื่องเสวียนหมิ่นเพราะประโยคเจ้าอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เสวียนหมิ่นเลยพูดถึงตราโลหิต พอเซวียเสียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าเป็นตราโลหิตของตัวเอง อย่างนี้เบาะแสแรกของการตามหาร่างมังกรและการแก้แค้นก็มาแล้ว
ที่บ้านหลิวซือเหยียเกิดเรื่อง เสวียนหมิ่นตามไปด้วยและที่นั้นทำให้เสวียนหมิ่น เซวียนเสียนและเจียงซื่อหนิงสามารถช่วยปลดปล่อยวิญญาณเหล่าไท่ไท่สกุลหลิวออกจากโม่หินและได้ไข่มุกทองร่างจริงของเซวียเสียนคืนมา ทั้งยังได้คลี่คลายคดีเมื่อสามปีก่อน บิดามารดาของเจียงซื่อหนิงก็ถูกขังอยู่ในกระพรวนแพทย์ที่หลอมรวมด้วยเช่นกัน ทางข้างหน้าเสวียนหมิ่นจะช่วยปลดปล่อยให้ แต่ตอนนี้เสวียนหมิ่นเกิดอาการความจำเสื่อมชั่วคราวเซวียเสียนใช้ให้เจียงซื่อหนิงพาตัวเองหนีไปเพราะต้องการสืบหาคนร้ายในตอนนั้นด้วยตัวเอง และไม่ไว้ใจเสวียนหมิ่น
เสวียนหมิ่นฟื้นขึ้นมาจำไม่ได้ ได้แต่หยิบกระดาษที่จดเอาไว้ขึ้นมาดู มีทั้งเกล็ดมังกรที่เซวียเสียนให้เอาไว้ตอบแทน และยังมีคำว่าหาคน

บทที่ 2 นิรนาม
เซวียเสียนซุกซนไม่อยู่นิ่ง ทั้งยังไม่ยอมเสียหน้าชอบแกล้งตายที่สุด ตอนนี้เป็นนายท่านสั่งให้เจียงซื่อหนิงออกนอกเมืองแต่ตัวเองกลับเป็นพวกหลงทิศ พาเดินหลงวนเวียนไม่รู้กี่รอบ ในที่สุดก็มาถึงอำเภอว่อหลง ยังดีที่เสวียนหมิ่นตามมาทันจึงไม่ถูกขโมยไข่มุกทองคำไป และออกตามหาลู่สือจิ่วพร้อมกับลู่เนี่ยนชี การไปที่เกาะเฝินโถวคราวนี้เซวียเสียนสามารถคืนร่างเดิมได้ก่อนกำหนด น่าจะเพราะพลังที่เกาะเฝินโถวและที่ตัวเสวียนหมิ่นมีอะไรบางอย่าง เสวียนหมิ่นยังใช้เหรียญทองแดงระเบิดเกาะก่อนที่เซวียเสียนจะทำสำเร็จ เอาความดีความชอบไปอีก เสียหน้าซะไม่มีล่ะ
ลู่สือจิ่วเปลี่ยนชะตาให้ลู่เนี่ยนชีได้สำเร็จ เป้าหมายต่อไปคือตามหาช่างที่แกะสลักหินถ่วงน้ำที่พบเป็นค่ายกล และเพราะเซวียเสียนกลัวเสียหน้าเป็นที่สุด ตอนที่เปลี่ยนร่างเป็นมังกรถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อไม่ยอมเปลี่ยนร่างกลับเป็นคน แต่ย่อส่วนตัวเองพันรอบข้อมือเสวียนหมิ่น และตอนนี้ก็บอกให้เสวียนหมิ่นไปซื้อเสื้อให้ตัวเอง และก็ได้เบาะแสของช่างแกะสลักหิน สือโถวจาง พอมาถึงบ้านสือโถวจางร่างของเซวียเสียนร้อนขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าน่าจะมของที่เกี่ยวข้องกับตัวเองอยู่เหมือนที่เกาะเฝินโถว จะให้เสวียนหมิ่นพาตัวเองเข้าไปแล้วกลับไปก่อน แต่เสวียนหมิ่นไม่ได้กลับไปก่อนเพราะมาเจอค่ายกลข่มขวัญในลานบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะเสวียนหมิ่นแก้ได้อย่างง่ายดายและก็ได้เห็นสือโถวจางถือกระบี่แกะสลักจากกระดูกอะไรซักอย่าง เซวียเสียนโกรธจัดเอากระบี่นั้นมาหลอมรวมกับตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วถามถึงคนที่พาตัวไปทันทีแล้วตอนนี้จะกลับยังไงเสื้อยังไม่ได้ใส่ ไม่ยอมเสียหน้าหรอกนะ

หลังอ่านเล่ม 1 :
เสวียนหมิ่น หลวงจีนที่ไม่รู้ความเป็นมาและรักสะอาด หน้าตาเย็นชารู้เพียงอย่างเดียวว่าตามหาคน ตอนนี้ต้องร่วมทางกับเซวียเสียนมังกรที่เป็นอัมพาตครึ่งท่อนล่างเพราะถูกเลาะเอ็นและกระดูกไป แต่ตอนนี้ได้ร่างจริงคืนมาแล้ว ทั้งยังได้กระดูกคืนมาด้วย นิสัยซุกซน ชอบวางอำนาจเป็นเจ้านายสุดๆ เส้นทางการแก้แค้นยังต้องค้นหาต่อไป อย่างนี้ตอนนี้ไปกับลาโง่ก่อนแล้วกันดูเหมือนถุงข้างเอวของลาโง่เป็นที่เก็บสมบัติของตัวเองไปแล้วนี่
เรื่องราวสนุก น่าติดตาม แถมยังฮาได้ตลอดเพราะคนหนึ่งนิ่งสนิท คนหนึ่งซุกซนที่สุด แต่ทั้งสองเริ่มรู้ใจเข้าขากันเรื่อยๆแล้ว ตามอ่านต่อในเล่มสองเลยค่ะ 

โปรยปกเล่ม 2 :

หลังจากเสวียนหมิ่นประกาศชัดถ้อยชัดคำว่า
“อาตมา... ไม่เคยยึดหลักความเมตตา”
เซวียเสียนก็ชักจะรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
เหมือนสวรรค์ส่งลาโง่หัวโล้นตัวนี้มาเป็นดาวข่มเขา

แม้ออกจะเสียหน้า แต่เมื่อยังคืนร่างได้ไม่สมบูรณ์
อย่างไรเขาก็ต้องพึ่งพาเสวียนหมิ่น
เขายังต้องตามหากระดูกเส้นเอ็นที่ถูกกระชากไปจากตัว
ยังต้องตามล่าคนร้ายที่บังอาจกระตุกหนวดมังกร
แต่ยิ่งความจริงค่อยๆ คลี่ตัวกางลงตรงหน้า
สังหรณ์ร้ายและเงาแห่งอดีตก็ยิ่งคุกคามใกล้เข้ามา!!

เล่ม 2 :
เซวียนเสียนผู้รักหน้าตาตอนนี้ก็หาวิธีออกมาได้แล้ว แต่พอจะออกจากบ้านสือโถวจางยังมีปัญหาอีก แกล้งตายซะเลยไม่เสียหน้าดี เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็กลับมาที่บ้านลู่เนี่ยนชีได้ ลู่เนี่ยนชีสลบไปเจ็ดวันในที่สุดก็ฟื้นและไปเฝ้าลู่สือจิ่ว จากนั้นก็ทำนายให้เซวียเสียนบอกว่าอยู่อีกฝั่งแม่น้ำแต่มองไม่เห็นตอนนี้พร้อมที่จะไปด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องดีของเสวียนหมิ่นและเซวียเสียน ทั้งหมดออกเดินทางอีกครั้ง

บทที่ 3 ไร้ขอบเขต
เมืองอันชิ่งกับอำเภอว่อหลงห่างกันแค่แม่น้ำกั้น ช่วงนี้ไม่สงบเมืองอันชิ่งหลายวันก่อนเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาถล่ม ได้ยินเหมือนเสียงมังกรร้อง นี่คือปากคำคนเรือ เซวียเสียนรีบแก้ด้วยความขัดใจ มังกรคำราม สถานที่พวกเขาลงจากเรือคืออำเภอวั่งเจียง เรียกว่าท่ากวานอิน
เจียงซื่อหนิงจะหาเช่ารถม้าไปอำเภอชิงผิงที่พี่สาวที่แต่งงานออกเรือนไปอาศัยอยู่ แต่ไม่มี ได้คณะคนหน้าบากให้เดินทางร่วมด้วย เพียงแต่คณะนี้มีความแปลกประหลาดที่เซวียเสียนบอกให้เจียงซื่อหนิงอยู่ให้ห่าง เพราะว่าคนคณะนี้เป็นคณะงิ้วความจริงตายเพราะโดนภูเขาถล่มไปแล้ว แต่ทั้งหมดล้วนไม่รู้ พอถึงจุดเกิดเหตุเสวียนหมิ่นจึงออกไปใช้เหรียญทองแดงเพื่อเปิดทางส่งทั้งขบวนที่โดนถล่มลงไปใต้หุบเขา แต่ยังพลาดเพราะมองไม่เห็นอีกสองศพที่หนีรอดแต่ก็ยังโดนหินถล่มอยู่ดี เซวียเสียนแปลงเป็นมังกรสั่งสายฟ้าผ่าไม่เหลือซาก ตอนแรกคิดว่าเรื่องจะเรียบร้อยหางเจ้ากรรมที่บังคับไม่ได้กลับหล่นลงมาตรงหน้าชายหน้าบาก ดีที่เสวียนหมิ่นมายกกลับไปช่างเป็นช่วงเวลาชวนเสียหน้าของแท้ ยังจะโอ้อวดเอาความดีความชอบ แต่เสวียนหมิ่นหรือจะยอม ในที่สุดเซวียเสียนก็ต้องยอมให้เสวียนหมิ่น ฮามากๆๆ สองผู้ยิ่งใหญ่ไม่ยอมกันจริงๆเลย
อำเภอที่ผ่านมานี้ชื่ออำเภอฮวาจือ เพราะอยู่ติดแม่น้ำ เซวียเสียนเคยมากินอาหารมาก่อน คณะงิ้วยังไงก็ไม่รับค่าตอบแทน ลู่เนี่ยนชีบอกว่าอีกหน่อยได้ใช้คืนแน่นอน พอเข้าเมืองก็มีคนเฝ้าประตูเมืองมองเสวียนหมิ่นแปลกๆ พอถึงโรงเตี๊ยมเซวียเสียนที่สายตาดีก็บอกว่ามีประกาศติดไปทั่ว สือโถวจางที่ไม่อยู่นิ่งเป็นคนไปเก็บมาให้ดู ประกาศนั้นคือรูปเหมือนที่มีส่วนคล้ายเสวียนหมิ่นถึงหกส่วน ไม่ได้บอกว่าทำผิดอะไร เพียงบอกจุดเด่นบนใบหน้า เด็กรับใช้ในโรงเตี๊ยมคิดว่ารูปร่าง ดวงตาของเสวียนหมิ่นเหมือนกับราชครูที่ตัวเองเคยเห็น จึงไปแจ้งทางการ สรุปว่าผ่านมาสามเมืองมีสองเมืองที่มีประกาศตามหาตัวคนหน้าตาคล้ายเสวียนหมิ่น เซวียเสียนที่พักห้องเดียวกันจึงถามคำถาม ถ้าตอบได้ก็ตอบ ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบเพราะรู้นิสัยดี ก็ได้รู้ว่าเสวียนหมิ่นหลายเดือนก่อนตื่นขึ้นมาในร้านพักศพก็จำเรื่องราวไม่ได้ จำได้ว่ามีภารกิจตามหาคนผู้หนึ่ง ติดค้างคนผู้นั้น หากไม่ชดใช้คืนไม่สงบใจ  แล้วคนของกรมเมืองก็มาเซวียเสียนใช้วิธีที่ยิ่งใหญ่ซะขนาดนั้น เปลี่ยนร่างเป็นมังกรหอบเอาเสวียนหมิ่น เกี่ยวสือโถวจางกับลู่เนี่ยนชีดั้นเมฆไปเลย ยิ่งใหญ่อลังการมาก แต่บทจะกลับร่างคนก็สลัดคนทั้งหมดทิ้งใส่เสื้อกลางอากาศสุดท้ายก็ต้องให้เสวียนหมิ่นพาเข้าฝั่ง
ตอนนี้ก็มาถึงหน้าประตูเมืองอำเภอชิงผิงแล้ว รอเวลาประตูเมืองเปิด เสวียนหมิ่นเอาเหรียญทองแดงของตัวเองมาให้เซวียเสียนรวบรวมพลังวิญญาณ ผนึกเหรียญสองอันเริ่มคลายตัวแล้วจะมากจะน้อยก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
ประตูเมืองเปิดคนเฝ้าประตูไม่ยอมให้เข้าเพราะด้านในมีโรคระบาด แต่เซวียเสียนก็ทำจนคนเฝ้าประตูตกใจปล่อยเข้าเมืองไป เจียงซื่อหนิงนำทางไปบ้านสกุลฟางพอไปถึงก็ลืมตัวเป็นคนเคาะประตู กว่าจะได้เข้าไปในบ้านได้ก็วุ่นวายอีก
เข้ามาในบ้านพี่เขยยังไม่เท่าไหร่ก็มีคนกลับมารายงานว่าคุณชาย และฮูหยินน้อยถูกพวกขอทานจับตัวไป ลู่เนี่ยนชีทำนายจากสิ่งของที่เคยใช้ก็ได้ความว่าถูกพาไปที่ภูเขาเสี่ยวหนานซาน นั่งรถม้าออกตามหาเซวียเสียนไม่ยอมเสียเวลาเรียกลมมาพัดไปทันทีแต่ละทีทำเอาคนธรรมดาตกใจแทบตายแล้ว ในที่สุดการเคลื่อนไหวก็หยุดลงที่หมู่บ้านร้าง หมู่บ้านเวินชุน ที่เป็นหมู่บ้านผีสิง เสวียนหมิ่นเข้าไปในหมู่บ้านแต่พาคนออกมาไม่ได้เลยเอาบ้านออกมาซะเลย และก็เจอกับเหตุการณ์ผีทั้งหมู่บ้าน ทั้งยังเจอคณะงิ้วที่เคยให้ร่วมเดินทาง ตอนนี้เซวียเสียนรู้สึกว่าในหมู่บ้านนี้ต้องมีของที่ตัวเองตามหาเหมือนตอนเกาะเฝินโถว กับบ้านของสือโถวจาง ที่ได้กระดูกบางส่วนคืนมา และตอนนี้ก็จำได้ว่าวันนั้นที่เป็นวันด่านเคราะห์ใหญ่ตัวเองเห็นคนคล้ายเสวียนหมิ่นและมีเส้นผมด้วยระหว่างเส้นไหมทองที่จับตัวอยู่ในสติเลือนราง พอเสวียนหมิ่นกลับมาจึงถามว่าบวชตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ว่าตั้งแต่เด็กก็คลายใจลง
พอเข้าหมู่บ้านเซวียเสียนโดนเสวียนหมิ่นลงโทษที่มีลูบหัวให้หันหน้าเข้ากำแพงซะเลย แต่ละเรื่องที่ทำนี่ฮามาก เจียงซื่อหนิงเจอพี่สาวฉากซาบซึ้งมาก แต่พอเซวียเสียนให้ดึงยันต์ที่เสวียนหมิ่นแปะไว้ดันมือขาด ฮาไปอีก ในที่สุดเสวียนหมิ่นก็คิดว่าสถานที่นี้ต้องมีของที่เซวียเสียนตามหา ทั้งสองออกไปด้วยกัน ด้วยความที่เซวียเสียนซุกซนพอเสวียนหมิ่นปล่อยมือจากเก้าอี้เข็นเท่านั้น เจ้าตัวที่ไม่รู้ว่าจะใช้กำลังลมเท่าไหร่ก็เรียกลมมาพาไปทันที แล้วก็หายไปในสายหมอก พอคิดจะบอกเสวียนหมิ่นก็ยื่นหัวมังกรออกมาบอกว่าอยู่ตรงนี้ คิดไม่เหมือนใครจริงๆ และเพราะเสียงมังกรทำให้กระดูกที่ฝังในดินตอบสนองร้องตอบ เซวียเสียนใช้กำลังเรียกขึ้นมาก็ถูกคาถาสะกดเอาไว้ เสวียนหมิ่นมาทันทางหนึ่งสะกดอาคม ทางหนึ่งเรียกกระดูกมังกร กว่าความร้อนในตัวเซวียเสียนจะคลายตัว ตัวเองก็ไปพันรอบตัวเสวียนหมิ่นอีกแล้ว ทั้งยังใช้น้ำลายมังกรช่วยรักษาบาดแผล แต่ไม่รู้ว่ามีคุณสมบัติอื่นอีกคืออะไร เสวียนหมิ่นก็ไม่ยอมบอก กลับมาถามเจียงซื่อหนิง เจียงซื่อหนิงยังไม่ทันอธิบายเสวียนหมิ่นก็ไม่ให้บอก มันคืออะไรกันแน่
ในที่สุดก็ส่งวิญญาณบิดามารดาของเจียงซื่อหนิงให้เดินทางต่อได้ และหมู่บ้านร้างก็ไม่มีผี วิญญาณอีกต่อไปเพราะไม่มีกระดูกมังกรแล้ว

บทที่ 4 ไม่กลับกลาย
เซวียเสียน เสียนหมิ่นพักอยู่ที่บ้านสกุลฟางและยังพักห้องเดียวกัน เวลาอาหารก็ไม่มีผู้ใดรบกวน เซวียนเสียนจากที่ถูกทำโทษหันเข้ากำแพงห้องหลังจากทำสมาธิดูดซับพลังวิญญาณไปเรื่อยๆเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมา เริ่มรู้สึกตัวอยากให้เสวียนหมิ่นเอายันต์ออก พอจับตัวดูถึงรู้ว่าร้อนรุ่มขนาดไหน ยิ่งมาความรู้สึกยิ่งคลุมเครือ เสวียนหมิ่นเพียงเตือนให้อยู่ห่างๆ เลยเริ่มคิดถึงเรื่องของน้ำลายมังกร กว่าจะผ่านคืนนั้นไปได้ช่างรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเองโดยแท้
พอออกจากห้องมาได้ก็เพราะความหิว แต่พอเจียงซื่อจิ้งรู้เรื่องก็บอกให้ป้าเฉินทำอาหารให้ ระหว่างนั้นได้บอกถึงขอทานทั้งสามคนบอกว่าเสียดายที่ขอทานคนหนึ่งเป็นเด็กหญิง ที่หน้ามีแผลเป็นเซวียเสียนพอฟังก็บอกว่าสามารถแก้ได้ แค่หาอะไรมาทดแทน สือโถวจางบอกว่าจะทำหน้ากากหนังมนุษย์มาให้ พอขั้นตอนเสร็จสิ้นจากที่เซวียเสียนคอยหลบหน้าเสียนหมิ่นตอนนี้ก็ยอมไปพูดด้วยเพราะของในมือสือโถวจาง เสวียนหมิ่นไม่ปฏิเสธแปลว่าในความทรงจำของเสวียนหมิ่นถือหน้ากากหนังมนุษย์นั่นเอง
เซวียนเสียนถามสรรพคุณของน้ำลายมังกรจากฟางเฉิงทำให้รู้ว่ามีสรรพคุณเสริมความต้องการทางเพศ กระตุ้นกำหนัดยิ่งรู้สึกผิดที่ไปเลียเสวียนหมิ่นสองครั้ง
ตอนนั้นเองที่ลู่เนี่ยนชีบอกว่าทำนายได้แล้วว่าคนที่จับตัวสือโถวจางมานั้นอยู่ที่ภูเขาลูกหนึ่งหน้าตาคล้ายที่โกยผง ชื่อภูเขาป้อจีซาน ทั้งหมดไปด้วยกันโดยให้เจียนซื่อหนิงอยู่บ้านสกุลฟาง
เวลาเดียวกันคนสำนักไท่ฉาง ทางหนึ่งมุ่งหน้าสู่ตัวอำเภอเพื่อจัดพิธีขจัดโรคระบาด อีกคณะเดินทางตามหาคน ผู้พยาการณ์ทำนายได้ว่าอยู่ที่ภูเขาป้อจีซาน ทั้งยังทำนายได้ว่าคนผู้หนึ่งที่ไม่ควรปรากฏตัวที่อำเภอชิงผิงแต่มาปรากฏตัวซึ่งเป็นไปไม่ได้ก็คือราชครู คนของสำนักไท่ฉางไปถึงก่อนและหาคนไม่เจอ คลาดกันกับพวกของเซวียเสียน เสวียนหมิ่นไปเพียงก้าวเดียว เสวียนหมิ่นเข้าไปสำรวจด้านในหอไม่ไผ่พร้อมเซวียเสียน ทั้งยังเจอหนังสือที่เป็นลายมือตัวเองเขียนว่า หล่างโจวเสียซาน แล้วก็มีนกประหลาดสีดำที่ร้องหงิงบินมาเกาะไหล่เสวียนหมิ่นอย่างประจบ เสวียนหมิ่นก็รู้สึกคุ้นเคยไม่มีความรังเกียจซักนิด สรุปได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นของเสวียนหมิ่น และนกประหลาดก็ยังเปิดกลไกทำเอาทุกคนลงไปยังห้องลับ และถูกเขตอาคมอสูรในใจกักไว้ เซวียเสียนรู้สึกตัวเร็วเพราะเสวียนหมิ่นที่แปลกประหลาดไปนั่นเอง และก็ได้รู้เรื่องของผู้ใช้อาคมที่เป็นอาจารย์ของคนที่ตามหา ในที่สุดก็ได้ฉายามาคือซงอวิ๋น แมงมุมถงโช่วที่ใส่ไว้ในเขตอาคม แล้วเซวียเสียนก็ไปดูดแมงมุมที่คอเสวียนหมิ่นอีกครั้ง เท่ากับเป็นครั้งที่สาม แมงมุมถงโซ่วก็ได้มาจากเขตหล่างโจว หลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมด เซวียเสียนจึงบอกให้สือโถวจางและลู่เนี่ยนชีกลับบ้านสกุลฟางไปก่อน พอเหลือแค่สองคนเสวียนหมิ่นบอกให้เซวียเสียนเอาเหรียญทองแดงไปรักษากระดูก ตัวเองทำสมาธิจนสามารถเชื่อมต่อกระดูกได้สำเร็จแล้วก็รู้สึกถึงความร้อนที่ไม่อาจความคุม กลายเป็นเสวียนหมิ่นที่ช่วยเซวียเสียน เหมือนยกหินทุ่มขาตัวเอง กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนองจริงๆ
วิญญาณในป้ายเหล็กของทหารที่ถูกเอามาใช้ในพิธีตายอย่างไม่สงบต้องการให้เสวียนหมิ่นและเซวียนเสียนส่งกลับบ้านเกิด

หลังอ่านเล่ม 2 :
เล่มนี้เซวียเสียนและเสวียนหมิ่นยิ่งสนิทกัน แล้วยังมีเหตุจากน้ำลายมังกรอีกต่างหาก เสวียนหมิ่นก็ไม่มองเซวียเสียนเป็นคนนอก ทำทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ผู้หนึ่งแต่งขาวผู้หนึ่งแต่งดำ แต่เข้ากันเป็นที่สุด ปริศนาทุกอย่างเริ่มจะคลี่คลาย มุ่งเป้าไปที่เดียวแล้ว อ่านต่อที่เล่มสามเลยค่ะ 

โปรยปกเล่ม 3 :
การตามหากระดูกมังกรทวีความยากเข็ญขึ้นเรื่อยๆ
มิตรสหายที่พบเจอ ที่ร่วมทาง ที่เคยรู้จักต่างทยอยบอกลา
แต่เศษเสี้ยวความทรงจำของเสวียนหมิ่นกลับค่อยๆ ไหลทวนหวนคืน
และผูกโยงเขาเข้ากับเงาลี้ลับของราชครูผู้ยิ่งใหญ่

ใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วิปลาสทั้งหมดนี่
มันผู้นั้นกางเขตอาคมกว้างใหญ่ไพศาลเท่าแผ่นดิน
คิดจะไขว่คว้าหาอำนาจที่เหนือล้ำกว่าใครในใต้หล้า
และเวลาเดียวกัน
เซวียเสียนมีเรื่องบางประการอยากไต่ถามจากเสวียนหมิ่นให้เข้าใจ
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหวาดกลัวคำตอบ...

เล่ม 3 :
พอวิญญาณทหารไปถึงกลับทำใจไม่ได้ต้องการเฝ้าอยู่ต่อไปและได้พูดถึงวิธีต่อชะตาชาติหน้าที่เคยได้ยินจากเฒ่าชวี๋ จึงไปถามเฒ่าชวี๋ถึงยาวิเศษที่ที่สามารถยืดชีวิต หรือไม่ก็เปลี่ยนโชคหรือเคราะห์ เฒ่าชวี๋ก็บอกว่ามีตำนานเล่า ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ไป่ฉงต้ง (ถ้าร้อยแมลง) และบอกทางเพราะบรรพบุรุษเป็นหมอผี คนทั่วไปไม่รู้จัก
ขณะเดียวกันผู้พยากรณ์ สำนักไท่ฉางก็ทำนายอีกครั้งและได้ผลลัพธ์ว่าคนที่ตามหาตายแล้ว และยังทำนายถึงคนที่คล้ายราชครูตอนนี้ก็อยู่ที่หมู่บ้านข้างหน้านี้เอง แล้วทั้งหมดก็ได้พบเซวียเสียนและเสวียนหมิ่น นี่คือราชครูแน่นอน เสวียนหมิ่นบังตัวเซวียเสียนเอาไว้ แล้วถามมีธุระใดหรือ ผู้พยากรณ์และผู้อำนวยพรที่เพิ่งได้รับจดหมายตอบกลับว่าให้ดูตามสถานการณ์จึงบอกว่าทักคนผิด
งานเลี้ยงวันเกิดของเจียงซื่อจิ้งผ่านไป เซวียเสียนได้เห็นรอบข้อมือของฟางเฉิงและเจียงซื่อจิ้ง ทำให้คิดถึงวิญญาณเร่ร่อนเมื่อหกสิบปีก่อนที่ให้เชือกเพื่อไปผูกเพื่อตามหาภรรยาคนนั้น ในที่สุดก็ได้เจอกัน

บทที่ 5 ไม่เสียใจ
ได้เวลาส่งวิญญาณเจียงซื่อหนิง เจียงซื่อหนิงจากไปโดยไม่ลาเจียงซื่อจิ้ง เมื่อทำพิธีเสร็จเซวียเสียนก็พาทั้งหมดออกตามหากระดูกมังกรที่เหลือ ที่สือโถวจางถามลักษณะภูเขามาจากเด็กเก็บสมุนไพร เมื่อถึงการดึงกระดูกมังกรยิ่งยากแต่ครั้งนี้เซวียเสียนกลับมีความเคยชินที่จะให้เสวียนหมิ่นช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง ถึงกับเว้นที่เอาไว้ให้เลยทีเดียว พอดึงกระดูกขึ้นมาถึงเห็นว่าเป็นเขตอาคมซ้อนเขตอาคมที่ใหญ่กว่า เซวียเสียนและเสวียนหมิ่นตามคนต่อไป และไปเจอร้านพักศพ จากในร้านพักศพก็ยังพบเขตอาคมส่งตัว ทั้งสองก็สำรวจกันต่อ มาถึงถ้ำซึ่งก็คือถ้าร้อยแมลงที่ตามหานั้นเอง ทั้งสองช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี รู้ใจกันที่สุด ในที่สุดก็เข้าถึงส่วนลึกสุดของถ้ำและได้เห็นภาษาโบราณเสวียนหมิ่นก็อ่านออก ในนั้นเขียนถึงแมงมุมสองชนิดชนิดหนึ่งคือแมงมุมถงโซ่วและอีกชนิดที่เสวียนหมิ่นไม่ได้เล่าให้เซวียเสียนฟัง ทั้งยังมีเขตอาคมทำให้มองเห็นความตาย เนื่องจากเซวียเสียนใช้เหรียญทองแดงของเสวียนหมิ่นทำให้เห็นส่วนหนึ่งที่เสวียนหมิ่นมองเห็น ทั้งสองจับแมงมุมถงโซ่วที่กัดเซวียเสียนได้ เซวียเสียนไม่ทันสังเกตว่าเสวียนหมิ่นทำอะไรบ้าง หลังออกจากถ้ำก็พบคนที่ตามหา หลังจากผู้ใช้อาคมต่อสู้ด้วยศพ และเห็นเสวียนหมิ่นก็เรียกเสวียนหมิ่นว่าราชครู ทั้งตอนนั้นเหรียญทองแดงก็ปลดผนึกอีกเหรียญความทรงจำบางตอนของเสวียนหมิ่นที่ไม่ปะติดปะต่อก็กลับมาเป็นตอนที่ตัวเองกำลังทำนายเคราะห์สายฟ้าของมังกร ทำให้เซวียเสียนเสียใจอย่างยิ่ง
ตอนนั้นเองราชครูจู่หงที่ใช้แมงมุมถงโซ่วกับเสวียนหมิ่น ที่เกิดความโลภกำลังจะทำพิธีเขตอาคมปฐพีฝังกระดูก กระดูกที่สามารถใช้ได้นับนิ้วได้หนึ่งคือกระดูกมังกร อีกหนึ่งคือกระดูกพุทธะ เซวียเสียนที่ถูกมารครอบงำหลังจากผิดหวังอย่างแรงคิดจะทำลายทุกสิ่งเมื่อรู้ว่าจู่หงเป็นคนที่ตัดเอ็น เลาะกระดูกตัวเอง ส่วนเสวียนหมิ่นที่รู้สึกอยู่ตลอดว่าเซวียเสียนเป็นคนที่ตัวเองตามหา ก็พยายามแก้ไขช่วยเหลือเซวียเสียนโดยเอากระดูกมังกรคืนมาและกระชากกระดูกพุทธะของตัวเองไปแทน คนที่มีบทบาทในการทำลายเขตอาคมอีกคนคือผู้พยากรณ์ที่ทำลายพิธีทันเวลา เสวียนหมิ่นสูญเสียกระดูกพุทธะ แต่ก็ยังเอาแมงมุมอู๋หมิงเพื่อรับเคราะห์แทนเซวียเสียนไว้อีกด้วย กว่าเซวียเสียนจะได้สติคิดได้ก็เอาแมงมุมถงโซ่วตัวแม่มากัดเสวียนหมิ่น นกประหลาดก็เอาเหรียญทองแดงที่มีพลังวิญญาณของเสวียนหมิ่นมาให้

บทที่ 6 กลับฝั่ง
เซวียเสียนเริ่มมีกำลังใจหาทางรอด ในที่สุดก็เห็นบันทึกของถงเติง ราชครูคนแรกที่เป็นคนคิดค้นแมงมุมถงโซ่วและได้บันทึกตัวอักษรไว้ในหอไม้ไผ่ของเสวียนหมิ่น เซวียเสียนเมื่อรู้ความเป็นมายิ่งต้องหาทางให้เสวียนหมิ่นฟื้นขึ้นมา
ในที่สุดก็หาวิญญาณของเสวียนหมิ่นเจอที่เป็นคนก็ไม่ใช่คน ผีก็ไม่ใช่ผีไม่มีใครมองเห็นแต่เซวียเสียนกลับมองเห็นและจับได้ด้วย ที่อยู่กับถงเติงอาจารย์ตัวเองในชาติก่อน ขนาดถงเติงยังแปลกใจกับการตามใจไม่มีที่สิ้นสุดที่เสวียนหมิ่นมีให้กับเซวียเสียน ถงเติงถึงกับแปลกใจกับลูกศิษย์ที่เย็นชาเก็บตัวอยู่ในไหจะมีด้านนี้ด้วย ทั้งสามคนที่ล้วนมีนิสัยไปมาตามลำพัง เมื่ออยู่ร่วมกันกลับครึกครื้นได้ ยิ่งพอมีนกดำประหลาดแสนรู้อีกตัวด้วย
ตอนนี้ทั้งสองเปิดใจ และใจตรงกันเรื่องอื่นๆก็ไม่ต้องพูดถึง มีแมงมุมถงโซ่วร่วมชะตาก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกร้อยปีพันปี กับนกดำประหลาดอีกตัวที่จำประจบใครก็ไม่ได้สักคน และแล้วชะตาบ้านเมืองก็อยู่เป็นสุขไปร้อยปี

หลังอ่านเล่ม 3 :
ในที่สุดเรื่องราวซับซ้อนมากมาย ก็คลี่คลายว่าสุดท้ายลาสบอสคือใคร ที่ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด เพราะความโลภเพียงคำเดียวเท่านั้น ไม่อยากแก่ ไม่อยากตาย และเสวียนหมิ่นที่พยายามแก้ไขทุกอย่าง ทำทุกทางเพื่อให้เซวียเสียน มังกรของตนอยู่ดีมีสุข หนึ่งขาวหนึ่งดำ แต่เป็นอะไรที่เข้ากันอย่างยิ่ง อ่านจบแล้วอิ่มเอมใจ สนุกมากเลยค่ะ มีความสุข ความซึ้ง ความเศร้าแฝงอยู่แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดีจริงๆค่ะ

เนื้อเรื่อง :

ปีเทียนสี่ที่ยี่สิบสาม มังกรตนหนึ่งร่วงลงมายังมณฑลกว่างตงชายฝั่งทะเลตะวันออก ถูกผู้คนตัดเส้นเอ็น กระชากกระดูกไปทั้งเป็น หลายเดือนหลังจากนั้น ตลาดร้านรวงก็มีคำร่ำลือว่าราชครูผู้มีวิชาสูงเยี่ยมประสบเคราะห์หนัก มิอาจไม่ปิดประตูเก็บตัวพักฟื้น ฤดูหนาวปีเดียวกัน ที่อำเภอหนิงหยาง เมืองฮุยโจว ก็มีนักบวชเยาว์วัยที่สูญเสียความทรงจำ ฉายาเสวียนหมิ่นเพิ่มมาคนหนึ่ง มาถึงวันแรกก็ปราบวิญญาณร้ายในบ้านหลังหนึ่งจนราบคาบ วิญญาณร้ายตนนี้ชื่อเซวียเสียน ก็ไปสิงอยู่ในร่างตุ๊กตากระดาษชั่วคราว กลายเป็นอัมพาตครึ่งท่อนไม่มีปัญญาเดินเหินไปไหนได้ พวกเขานั้นผู้หนึ่งเย่อหยิ่งเย็นชา ผู้หนึ่งแค้นฟ้าโกรธดิน ผู้หนึ่งจะตามหาคน ผู้หนึ่งจะตามล้างแค้น นับจากวันนั้นเรื่องราวก็พลิกผัน จนชุลมุนวุ่นวายไม่ได้สงบลงอีกเลย มาติดตามเรื่องราวของเซวียเสียนและเสวียนหมิ่นกันได้ ว่าจะเป็นยังไง เซวียนเสียนมังกรขี้เล่น ซุกซนอยู่ไม่สุข เสวียนหมิ่นเย็นชาเก็บตัวอยู่ในไห แต่ทั้งสองกลับเข้าคู่กันได้ดียิ่งกว่าใคร ทั้งที่รักอิสระ สันโดษทั้งคู่กลับอยู่ร่วมกันจนเกิดเป็นความเคยชิน และตามใจ เซวียเสียนจะตามล้างแค้น ส่วนเสวียนหมิ่นจะตามหาคนสุดท้ายเรื่องราวจะเป็นยังไง ติดตามได้ในเรื่อง ซึ่งมีทั้งสนุกสนาน ขำ ฮา และยังมีซาบซึ้งกับความรักระหว่างพี่น้อง ครอบครัวอีกด้วย

หลังอ่าน :
เส้นเรื่องชัดเจน ผูกโยงเรื่องราวได้ดีมาก อีกทั้งมีมุกตลก อารมณ์ขันสอดแทรกเป็นระยะ อ่านแล้ววางไม่ลงเลยค่ะ เดินเรื่องชัดเจน ปมเรื่องชัดเจนผู้เขียนไม่หลงทิศ หลงประเด็น ผูกปมได้ดีมากๆ พออ่านไปมีทั้งอารมณ์ตลก ฮา ขำขัน และยังมีซาบซึ้งกินใจ
เฉลยลาสบอสและเหตุที่มาที่ไปชัดเจน เรื่อง NC18+ มีแค่ฉากจูบ อย่างอื่นก็ต้องไปจินตนาการเอาเองค่ะ แต่สรุปว่าเป็นเรื่องที่สนุก ควรค่าแก่การอ่านเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

1/8/63