Review : 25/2563
เรื่อง : เหรียญทองแดงปราบพิภพ (3 เล่มจบ) (นิยายวาย Y)
ผู้แต่ง : มู่ซูหลี่
ผู้แปล : ใบไม้แดง
พิมพ์ครั้งที่ 1 : พ.ศ.2563
สำนักพิมพ์ :
มิเนอร์วา บุ๊ค (Minerva Book)
โปรยปกเล่ม 1 :
ตำนานเทพมังกรผู้ยิ่งใหญ่ถือกำเนิดจากท้องทะเล
และมาพร้อมกับเมฆสายฟ้าอานุภาพรุนแรงน่าครั่นคร้าม
ทว่ามังกรก็มีวันประสบเคราะห์ใหญ่ถึงคราววิบัติ
ถูกทำร้ายจนเหลือเพียงแก่นวิญญาณที่รอวันกลับคืน...
จู่ๆ ที่เมืองหนึ่งก็มีเหตุการณ์ประหลาด
ข่าวลือเรื่องชายรูปร่างหน้าตาสยองราวกับภูตผี
มักปรากฏตัวในยามค่ำคืนจนผู้คนหวาดผวา
กระทั่งหลวงจีนผู้หนึ่งมาที่นี่พร้อมเหรียญทองแดง
เรื่องราวอันแสนพิลึกพิลั่นก็บังเกิดขึ้นนับตั้งแต่นี้
เล่ม 1 :
บทวิจารณ์ผลงาน
ปีเทียนสี่ที่ยี่สิบสาม
มังกรตนหนึ่งร่วงลงมายังมณฑลกว่างตงชายฝั่งทะเลตะวันออก ถูกผู้คนตัดเส้นเอ็น
กระชากกระดูกไปทั้งเป็น หลายเดือนหลังจากนั้น ตลาดร้านรวงก็มีคำร่ำลือว่าราชครูผู้มีวิชาสูงเยี่ยมประสบเคราะห์หนัก
มิอาจไม่ปิดประตูเก็บตัวพักฟื้น ฤดูหนาวปีเดียวกัน ที่อำเภอหนิงหยาง เมืองฮุยโจว
ก็มีนักบวชเยาว์วัยที่สูญเสียความทรงจำ ฉายาเสวียนหมิ่นเพิ่มมาคนหนึ่ง
มาถึงวันแรกก็ปราบวิญญาณร้ายในบ้านหลังหนึ่งจนราบคาบ
วิญญาณร้ายตนนี้ชื่อเซวียเสียน ก็ไปสิงอยู่ในร่างตุ๊กตากระดาษชั่วคราว
กลายเป็นอัมพาตครึ่งท่อนไม่มีปัญญาเดินเหินไปไหนได้
พวกเขานั้นผู้หนึ่งเย่อหยิ่งเย็นชา ผู้หนึ่งแค้นฟ้าโกรธดิน ผู้หนึ่งจะตามหาคน
ผู้หนึ่งจะตามล้างแค้น นับจากวันนั้นเรื่องราวก็พลิกผัน
จนชุลมุนวุ่นวายไม่ได้สงบลงอีกเลย ผู้เขียนใช้สำนวนเปี่ยมอารมณ์ขัน
วาดภาพร้อยเรียงเรื่องราวที่สุขสันต์หรรษา ผิดฝาผิดตัว
สร้างโลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการ อิงอยู่บนความเชื่อของชาวตะวันออกขึ้นมา
สามารถสร้างรอยยิ้มให้ท่าน คู่ควรให้ทดลองอ่านดู
บทที่ 1 ค้นหาเบาะแส
ฤดูร้อนปีเทียนสี่ที่ยี่สิบสาม มีมังกรตนหนึ่งร่วงลงยังอำเภอหว่าเหมิง มณฑลกว่างตง
ถูกพันธนาการในตาข่าย เนื้อหนังปริแตก ไม่เห็นกระดูกสันหลัง
พอดีกับฝนเทกระหน่ำลงมาครั้งใหญ่ เกลียวคลื่นสาดซัด
ม้วนเอาร่างมังกรลงสู่ทะเลจากนั้นไม่มีผู้ใดพบเห็นอีก ... ‘จากบันทึกเมืองหว่าเหมิง’
ฤดูหนาวปีเดียวกัน ที่อำเภอหนิงหยาง มณฑลฮุยโจว
เด็กรับใช้กับคนเคาะโมงยามสังเกตเห็นคนที่ไม่ควรเห็นเรียกว่าผีนั่นเอง
ผีที่ว่ามาเวลาเดิมเพื่อซื้ออาหารขึ้นชื่อเรือนจิ่วเว่ยสองวันติดกันแล้ว ตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง
วันนี้ก็มาอีก ที่อยู่ซึ่งก็คือโรงหมอสกุลเจียงที่ถูกไฟเผาจนไม่เหลือแล้ว
ก็พอดีกับมีไต้ซือห้อยเหรียญอู่ตี้ ใช้ปราบภูตผีสิ่งชั่วร้าย จึงขอร้องให้ช่วย
ไต้ซือจึงตามไปดูที่โรงหมอสกุลเจียง
วิญญาณนั้นคือเจียงซื่อหนิง
อาศัยตุ๊กตากระดาษที่เซวียเสียนวาดให้ออกไปตามหาบิดามารดา
และซื้ออาหารกลับมาให้เซวียเสียนที่ตอนนี้เป็นอัมพาตครึ่งท่อนล่างเดินไม่ได้
ตอนที่รู้เรื่องจากเจียงซื่อหนิงก็กางเขตอาคมพรางตาหลายชั้นไปอยู่ในตุ๊กตากระดาษและยังแทรกไปในตะไคร้เขียวที่พื้นไม่ว่าใครก็มองไม่เห็น
แต่หลวงจีนนี่ที่เซวียเสียนเรียกว่าลาโง่กลับมองออก ทั้งยังรังเกียจว่าสกปรกเอาเศษผ้าจับก่อนหนึ่งชั้นค่อยงัดออกมาจากพื้น
เก็บตุ๊กตากระดาษสองตัวใส่ถุงผ้าข้างเอวไป
ด้านนอกมีคนมาล้อมเอาไว้
เพราะเด็กรับใช้และคนเคาะโมงยามคิดว่าหลวงจีนคือนักโทษหลบหนีที่ทางการต้องการตัว
แต่ไม่ใช่ หลวงจีนฉายา เสวียนหมิ่น ไม่มีบ้านไม่มีวัด
หลิวซือเหยียหาเรื่องเสวียนหมิ่นเพราะประโยคเจ้าอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
เสวียนหมิ่นเลยพูดถึงตราโลหิต
พอเซวียเสียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าเป็นตราโลหิตของตัวเอง
อย่างนี้เบาะแสแรกของการตามหาร่างมังกรและการแก้แค้นก็มาแล้ว
ที่บ้านหลิวซือเหยียเกิดเรื่อง
เสวียนหมิ่นตามไปด้วยและที่นั้นทำให้เสวียนหมิ่น
เซวียนเสียนและเจียงซื่อหนิงสามารถช่วยปลดปล่อยวิญญาณเหล่าไท่ไท่สกุลหลิวออกจากโม่หินและได้ไข่มุกทองร่างจริงของเซวียเสียนคืนมา
ทั้งยังได้คลี่คลายคดีเมื่อสามปีก่อน
บิดามารดาของเจียงซื่อหนิงก็ถูกขังอยู่ในกระพรวนแพทย์ที่หลอมรวมด้วยเช่นกัน
ทางข้างหน้าเสวียนหมิ่นจะช่วยปลดปล่อยให้ แต่ตอนนี้เสวียนหมิ่นเกิดอาการความจำเสื่อมชั่วคราวเซวียเสียนใช้ให้เจียงซื่อหนิงพาตัวเองหนีไปเพราะต้องการสืบหาคนร้ายในตอนนั้นด้วยตัวเอง
และไม่ไว้ใจเสวียนหมิ่น
เสวียนหมิ่นฟื้นขึ้นมาจำไม่ได้ ได้แต่หยิบกระดาษที่จดเอาไว้ขึ้นมาดู
มีทั้งเกล็ดมังกรที่เซวียเสียนให้เอาไว้ตอบแทน และยังมีคำว่าหาคน
บทที่ 2 นิรนาม
เซวียเสียนซุกซนไม่อยู่นิ่ง ทั้งยังไม่ยอมเสียหน้าชอบแกล้งตายที่สุด
ตอนนี้เป็นนายท่านสั่งให้เจียงซื่อหนิงออกนอกเมืองแต่ตัวเองกลับเป็นพวกหลงทิศ
พาเดินหลงวนเวียนไม่รู้กี่รอบ ในที่สุดก็มาถึงอำเภอว่อหลง
ยังดีที่เสวียนหมิ่นตามมาทันจึงไม่ถูกขโมยไข่มุกทองคำไป
และออกตามหาลู่สือจิ่วพร้อมกับลู่เนี่ยนชี
การไปที่เกาะเฝินโถวคราวนี้เซวียเสียนสามารถคืนร่างเดิมได้ก่อนกำหนด
น่าจะเพราะพลังที่เกาะเฝินโถวและที่ตัวเสวียนหมิ่นมีอะไรบางอย่าง
เสวียนหมิ่นยังใช้เหรียญทองแดงระเบิดเกาะก่อนที่เซวียเสียนจะทำสำเร็จ
เอาความดีความชอบไปอีก เสียหน้าซะไม่มีล่ะ
ลู่สือจิ่วเปลี่ยนชะตาให้ลู่เนี่ยนชีได้สำเร็จ
เป้าหมายต่อไปคือตามหาช่างที่แกะสลักหินถ่วงน้ำที่พบเป็นค่ายกล
และเพราะเซวียเสียนกลัวเสียหน้าเป็นที่สุด
ตอนที่เปลี่ยนร่างเป็นมังกรถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อไม่ยอมเปลี่ยนร่างกลับเป็นคน
แต่ย่อส่วนตัวเองพันรอบข้อมือเสวียนหมิ่น
และตอนนี้ก็บอกให้เสวียนหมิ่นไปซื้อเสื้อให้ตัวเอง
และก็ได้เบาะแสของช่างแกะสลักหิน สือโถวจาง พอมาถึงบ้านสือโถวจางร่างของเซวียเสียนร้อนขึ้นเรื่อยๆ
คิดว่าน่าจะมของที่เกี่ยวข้องกับตัวเองอยู่เหมือนที่เกาะเฝินโถว
จะให้เสวียนหมิ่นพาตัวเองเข้าไปแล้วกลับไปก่อน แต่เสวียนหมิ่นไม่ได้กลับไปก่อนเพราะมาเจอค่ายกลข่มขวัญในลานบ้าน
แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะเสวียนหมิ่นแก้ได้อย่างง่ายดายและก็ได้เห็นสือโถวจางถือกระบี่แกะสลักจากกระดูกอะไรซักอย่าง
เซวียเสียนโกรธจัดเอากระบี่นั้นมาหลอมรวมกับตัวเองอย่างรวดเร็ว
แล้วถามถึงคนที่พาตัวไปทันทีแล้วตอนนี้จะกลับยังไงเสื้อยังไม่ได้ใส่
ไม่ยอมเสียหน้าหรอกนะ
หลังอ่านเล่ม 1 :
เสวียนหมิ่น หลวงจีนที่ไม่รู้ความเป็นมาและรักสะอาด
หน้าตาเย็นชารู้เพียงอย่างเดียวว่าตามหาคน
ตอนนี้ต้องร่วมทางกับเซวียเสียนมังกรที่เป็นอัมพาตครึ่งท่อนล่างเพราะถูกเลาะเอ็นและกระดูกไป
แต่ตอนนี้ได้ร่างจริงคืนมาแล้ว ทั้งยังได้กระดูกคืนมาด้วย นิสัยซุกซน
ชอบวางอำนาจเป็นเจ้านายสุดๆ เส้นทางการแก้แค้นยังต้องค้นหาต่อไป
อย่างนี้ตอนนี้ไปกับลาโง่ก่อนแล้วกันดูเหมือนถุงข้างเอวของลาโง่เป็นที่เก็บสมบัติของตัวเองไปแล้วนี่
เรื่องราวสนุก น่าติดตาม แถมยังฮาได้ตลอดเพราะคนหนึ่งนิ่งสนิท
คนหนึ่งซุกซนที่สุด แต่ทั้งสองเริ่มรู้ใจเข้าขากันเรื่อยๆแล้ว
ตามอ่านต่อในเล่มสองเลยค่ะ
โปรยปกเล่ม 2 :
หลังจากเสวียนหมิ่นประกาศชัดถ้อยชัดคำว่า
“อาตมา... ไม่เคยยึดหลักความเมตตา”
เซวียเสียนก็ชักจะรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
เหมือนสวรรค์ส่งลาโง่หัวโล้นตัวนี้มาเป็นดาวข่มเขา
แม้ออกจะเสียหน้า
แต่เมื่อยังคืนร่างได้ไม่สมบูรณ์
อย่างไรเขาก็ต้องพึ่งพาเสวียนหมิ่น
เขายังต้องตามหากระดูกเส้นเอ็นที่ถูกกระชากไปจากตัว
ยังต้องตามล่าคนร้ายที่บังอาจกระตุกหนวดมังกร
แต่ยิ่งความจริงค่อยๆ คลี่ตัวกางลงตรงหน้า
สังหรณ์ร้ายและเงาแห่งอดีตก็ยิ่งคุกคามใกล้เข้ามา!!
เล่ม 2 :
เซวียนเสียนผู้รักหน้าตาตอนนี้ก็หาวิธีออกมาได้แล้ว แต่พอจะออกจากบ้านสือโถวจางยังมีปัญหาอีก
แกล้งตายซะเลยไม่เสียหน้าดี เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็กลับมาที่บ้านลู่เนี่ยนชีได้
ลู่เนี่ยนชีสลบไปเจ็ดวันในที่สุดก็ฟื้นและไปเฝ้าลู่สือจิ่ว
จากนั้นก็ทำนายให้เซวียเสียนบอกว่าอยู่อีกฝั่งแม่น้ำแต่มองไม่เห็นตอนนี้พร้อมที่จะไปด้วยกัน
ซึ่งเป็นเรื่องดีของเสวียนหมิ่นและเซวียเสียน ทั้งหมดออกเดินทางอีกครั้ง
บทที่ 3 ไร้ขอบเขต
เมืองอันชิ่งกับอำเภอว่อหลงห่างกันแค่แม่น้ำกั้น
ช่วงนี้ไม่สงบเมืองอันชิ่งหลายวันก่อนเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาถล่ม
ได้ยินเหมือนเสียงมังกรร้อง นี่คือปากคำคนเรือ เซวียเสียนรีบแก้ด้วยความขัดใจ
มังกรคำราม สถานที่พวกเขาลงจากเรือคืออำเภอวั่งเจียง เรียกว่าท่ากวานอิน
เจียงซื่อหนิงจะหาเช่ารถม้าไปอำเภอชิงผิงที่พี่สาวที่แต่งงานออกเรือนไปอาศัยอยู่
แต่ไม่มี ได้คณะคนหน้าบากให้เดินทางร่วมด้วย
เพียงแต่คณะนี้มีความแปลกประหลาดที่เซวียเสียนบอกให้เจียงซื่อหนิงอยู่ให้ห่าง
เพราะว่าคนคณะนี้เป็นคณะงิ้วความจริงตายเพราะโดนภูเขาถล่มไปแล้ว
แต่ทั้งหมดล้วนไม่รู้
พอถึงจุดเกิดเหตุเสวียนหมิ่นจึงออกไปใช้เหรียญทองแดงเพื่อเปิดทางส่งทั้งขบวนที่โดนถล่มลงไปใต้หุบเขา
แต่ยังพลาดเพราะมองไม่เห็นอีกสองศพที่หนีรอดแต่ก็ยังโดนหินถล่มอยู่ดี
เซวียเสียนแปลงเป็นมังกรสั่งสายฟ้าผ่าไม่เหลือซาก
ตอนแรกคิดว่าเรื่องจะเรียบร้อยหางเจ้ากรรมที่บังคับไม่ได้กลับหล่นลงมาตรงหน้าชายหน้าบาก
ดีที่เสวียนหมิ่นมายกกลับไปช่างเป็นช่วงเวลาชวนเสียหน้าของแท้
ยังจะโอ้อวดเอาความดีความชอบ แต่เสวียนหมิ่นหรือจะยอม
ในที่สุดเซวียเสียนก็ต้องยอมให้เสวียนหมิ่น ฮามากๆๆ
สองผู้ยิ่งใหญ่ไม่ยอมกันจริงๆเลย
อำเภอที่ผ่านมานี้ชื่ออำเภอฮวาจือ เพราะอยู่ติดแม่น้ำ
เซวียเสียนเคยมากินอาหารมาก่อน คณะงิ้วยังไงก็ไม่รับค่าตอบแทน
ลู่เนี่ยนชีบอกว่าอีกหน่อยได้ใช้คืนแน่นอน พอเข้าเมืองก็มีคนเฝ้าประตูเมืองมองเสวียนหมิ่นแปลกๆ
พอถึงโรงเตี๊ยมเซวียเสียนที่สายตาดีก็บอกว่ามีประกาศติดไปทั่ว
สือโถวจางที่ไม่อยู่นิ่งเป็นคนไปเก็บมาให้ดู
ประกาศนั้นคือรูปเหมือนที่มีส่วนคล้ายเสวียนหมิ่นถึงหกส่วน ไม่ได้บอกว่าทำผิดอะไร
เพียงบอกจุดเด่นบนใบหน้า เด็กรับใช้ในโรงเตี๊ยมคิดว่ารูปร่าง
ดวงตาของเสวียนหมิ่นเหมือนกับราชครูที่ตัวเองเคยเห็น จึงไปแจ้งทางการ
สรุปว่าผ่านมาสามเมืองมีสองเมืองที่มีประกาศตามหาตัวคนหน้าตาคล้ายเสวียนหมิ่น
เซวียเสียนที่พักห้องเดียวกันจึงถามคำถาม ถ้าตอบได้ก็ตอบ
ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบเพราะรู้นิสัยดี ก็ได้รู้ว่าเสวียนหมิ่นหลายเดือนก่อนตื่นขึ้นมาในร้านพักศพก็จำเรื่องราวไม่ได้
จำได้ว่ามีภารกิจตามหาคนผู้หนึ่ง ติดค้างคนผู้นั้น หากไม่ชดใช้คืนไม่สงบใจ แล้วคนของกรมเมืองก็มาเซวียเสียนใช้วิธีที่ยิ่งใหญ่ซะขนาดนั้น
เปลี่ยนร่างเป็นมังกรหอบเอาเสวียนหมิ่น เกี่ยวสือโถวจางกับลู่เนี่ยนชีดั้นเมฆไปเลย
ยิ่งใหญ่อลังการมาก
แต่บทจะกลับร่างคนก็สลัดคนทั้งหมดทิ้งใส่เสื้อกลางอากาศสุดท้ายก็ต้องให้เสวียนหมิ่นพาเข้าฝั่ง
ตอนนี้ก็มาถึงหน้าประตูเมืองอำเภอชิงผิงแล้ว รอเวลาประตูเมืองเปิด เสวียนหมิ่นเอาเหรียญทองแดงของตัวเองมาให้เซวียเสียนรวบรวมพลังวิญญาณ
ผนึกเหรียญสองอันเริ่มคลายตัวแล้วจะมากจะน้อยก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
ประตูเมืองเปิดคนเฝ้าประตูไม่ยอมให้เข้าเพราะด้านในมีโรคระบาด
แต่เซวียเสียนก็ทำจนคนเฝ้าประตูตกใจปล่อยเข้าเมืองไป เจียงซื่อหนิงนำทางไปบ้านสกุลฟางพอไปถึงก็ลืมตัวเป็นคนเคาะประตู
กว่าจะได้เข้าไปในบ้านได้ก็วุ่นวายอีก
เข้ามาในบ้านพี่เขยยังไม่เท่าไหร่ก็มีคนกลับมารายงานว่าคุณชาย
และฮูหยินน้อยถูกพวกขอทานจับตัวไป
ลู่เนี่ยนชีทำนายจากสิ่งของที่เคยใช้ก็ได้ความว่าถูกพาไปที่ภูเขาเสี่ยวหนานซาน นั่งรถม้าออกตามหาเซวียเสียนไม่ยอมเสียเวลาเรียกลมมาพัดไปทันทีแต่ละทีทำเอาคนธรรมดาตกใจแทบตายแล้ว
ในที่สุดการเคลื่อนไหวก็หยุดลงที่หมู่บ้านร้าง หมู่บ้านเวินชุน
ที่เป็นหมู่บ้านผีสิง
เสวียนหมิ่นเข้าไปในหมู่บ้านแต่พาคนออกมาไม่ได้เลยเอาบ้านออกมาซะเลย และก็เจอกับเหตุการณ์ผีทั้งหมู่บ้าน
ทั้งยังเจอคณะงิ้วที่เคยให้ร่วมเดินทาง
ตอนนี้เซวียเสียนรู้สึกว่าในหมู่บ้านนี้ต้องมีของที่ตัวเองตามหาเหมือนตอนเกาะเฝินโถว
กับบ้านของสือโถวจาง ที่ได้กระดูกบางส่วนคืนมา
และตอนนี้ก็จำได้ว่าวันนั้นที่เป็นวันด่านเคราะห์ใหญ่ตัวเองเห็นคนคล้ายเสวียนหมิ่นและมีเส้นผมด้วยระหว่างเส้นไหมทองที่จับตัวอยู่ในสติเลือนราง
พอเสวียนหมิ่นกลับมาจึงถามว่าบวชตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ว่าตั้งแต่เด็กก็คลายใจลง
พอเข้าหมู่บ้านเซวียเสียนโดนเสวียนหมิ่นลงโทษที่มีลูบหัวให้หันหน้าเข้ากำแพงซะเลย
แต่ละเรื่องที่ทำนี่ฮามาก เจียงซื่อหนิงเจอพี่สาวฉากซาบซึ้งมาก
แต่พอเซวียเสียนให้ดึงยันต์ที่เสวียนหมิ่นแปะไว้ดันมือขาด ฮาไปอีก
ในที่สุดเสวียนหมิ่นก็คิดว่าสถานที่นี้ต้องมีของที่เซวียเสียนตามหา
ทั้งสองออกไปด้วยกัน
ด้วยความที่เซวียเสียนซุกซนพอเสวียนหมิ่นปล่อยมือจากเก้าอี้เข็นเท่านั้น เจ้าตัวที่ไม่รู้ว่าจะใช้กำลังลมเท่าไหร่ก็เรียกลมมาพาไปทันที
แล้วก็หายไปในสายหมอก พอคิดจะบอกเสวียนหมิ่นก็ยื่นหัวมังกรออกมาบอกว่าอยู่ตรงนี้
คิดไม่เหมือนใครจริงๆ และเพราะเสียงมังกรทำให้กระดูกที่ฝังในดินตอบสนองร้องตอบ
เซวียเสียนใช้กำลังเรียกขึ้นมาก็ถูกคาถาสะกดเอาไว้
เสวียนหมิ่นมาทันทางหนึ่งสะกดอาคม ทางหนึ่งเรียกกระดูกมังกร
กว่าความร้อนในตัวเซวียเสียนจะคลายตัว ตัวเองก็ไปพันรอบตัวเสวียนหมิ่นอีกแล้ว
ทั้งยังใช้น้ำลายมังกรช่วยรักษาบาดแผล แต่ไม่รู้ว่ามีคุณสมบัติอื่นอีกคืออะไร
เสวียนหมิ่นก็ไม่ยอมบอก กลับมาถามเจียงซื่อหนิง เจียงซื่อหนิงยังไม่ทันอธิบายเสวียนหมิ่นก็ไม่ให้บอก
มันคืออะไรกันแน่
ในที่สุดก็ส่งวิญญาณบิดามารดาของเจียงซื่อหนิงให้เดินทางต่อได้
และหมู่บ้านร้างก็ไม่มีผี วิญญาณอีกต่อไปเพราะไม่มีกระดูกมังกรแล้ว
บทที่ 4 ไม่กลับกลาย
เซวียเสียน เสียนหมิ่นพักอยู่ที่บ้านสกุลฟางและยังพักห้องเดียวกัน
เวลาอาหารก็ไม่มีผู้ใดรบกวน
เซวียนเสียนจากที่ถูกทำโทษหันเข้ากำแพงห้องหลังจากทำสมาธิดูดซับพลังวิญญาณไปเรื่อยๆเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมา
เริ่มรู้สึกตัวอยากให้เสวียนหมิ่นเอายันต์ออก พอจับตัวดูถึงรู้ว่าร้อนรุ่มขนาดไหน
ยิ่งมาความรู้สึกยิ่งคลุมเครือ เสวียนหมิ่นเพียงเตือนให้อยู่ห่างๆ
เลยเริ่มคิดถึงเรื่องของน้ำลายมังกร
กว่าจะผ่านคืนนั้นไปได้ช่างรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเองโดยแท้
พอออกจากห้องมาได้ก็เพราะความหิว
แต่พอเจียงซื่อจิ้งรู้เรื่องก็บอกให้ป้าเฉินทำอาหารให้
ระหว่างนั้นได้บอกถึงขอทานทั้งสามคนบอกว่าเสียดายที่ขอทานคนหนึ่งเป็นเด็กหญิง
ที่หน้ามีแผลเป็นเซวียเสียนพอฟังก็บอกว่าสามารถแก้ได้ แค่หาอะไรมาทดแทน
สือโถวจางบอกว่าจะทำหน้ากากหนังมนุษย์มาให้
พอขั้นตอนเสร็จสิ้นจากที่เซวียเสียนคอยหลบหน้าเสียนหมิ่นตอนนี้ก็ยอมไปพูดด้วยเพราะของในมือสือโถวจาง
เสวียนหมิ่นไม่ปฏิเสธแปลว่าในความทรงจำของเสวียนหมิ่นถือหน้ากากหนังมนุษย์นั่นเอง
เซวียนเสียนถามสรรพคุณของน้ำลายมังกรจากฟางเฉิงทำให้รู้ว่ามีสรรพคุณเสริมความต้องการทางเพศ
กระตุ้นกำหนัดยิ่งรู้สึกผิดที่ไปเลียเสวียนหมิ่นสองครั้ง
ตอนนั้นเองที่ลู่เนี่ยนชีบอกว่าทำนายได้แล้วว่าคนที่จับตัวสือโถวจางมานั้นอยู่ที่ภูเขาลูกหนึ่งหน้าตาคล้ายที่โกยผง
ชื่อภูเขาป้อจีซาน ทั้งหมดไปด้วยกันโดยให้เจียนซื่อหนิงอยู่บ้านสกุลฟาง
เวลาเดียวกันคนสำนักไท่ฉาง
ทางหนึ่งมุ่งหน้าสู่ตัวอำเภอเพื่อจัดพิธีขจัดโรคระบาด อีกคณะเดินทางตามหาคน
ผู้พยาการณ์ทำนายได้ว่าอยู่ที่ภูเขาป้อจีซาน
ทั้งยังทำนายได้ว่าคนผู้หนึ่งที่ไม่ควรปรากฏตัวที่อำเภอชิงผิงแต่มาปรากฏตัวซึ่งเป็นไปไม่ได้ก็คือราชครู
คนของสำนักไท่ฉางไปถึงก่อนและหาคนไม่เจอ คลาดกันกับพวกของเซวียเสียน
เสวียนหมิ่นไปเพียงก้าวเดียว เสวียนหมิ่นเข้าไปสำรวจด้านในหอไม่ไผ่พร้อมเซวียเสียน
ทั้งยังเจอหนังสือที่เป็นลายมือตัวเองเขียนว่า หล่างโจวเสียซาน
แล้วก็มีนกประหลาดสีดำที่ร้องหงิงบินมาเกาะไหล่เสวียนหมิ่นอย่างประจบ
เสวียนหมิ่นก็รู้สึกคุ้นเคยไม่มีความรังเกียจซักนิด
สรุปได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นของเสวียนหมิ่น และนกประหลาดก็ยังเปิดกลไกทำเอาทุกคนลงไปยังห้องลับ
และถูกเขตอาคมอสูรในใจกักไว้
เซวียเสียนรู้สึกตัวเร็วเพราะเสวียนหมิ่นที่แปลกประหลาดไปนั่นเอง
และก็ได้รู้เรื่องของผู้ใช้อาคมที่เป็นอาจารย์ของคนที่ตามหา
ในที่สุดก็ได้ฉายามาคือซงอวิ๋น แมงมุมถงโช่วที่ใส่ไว้ในเขตอาคม
แล้วเซวียเสียนก็ไปดูดแมงมุมที่คอเสวียนหมิ่นอีกครั้ง เท่ากับเป็นครั้งที่สาม
แมงมุมถงโซ่วก็ได้มาจากเขตหล่างโจว หลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมด
เซวียเสียนจึงบอกให้สือโถวจางและลู่เนี่ยนชีกลับบ้านสกุลฟางไปก่อน พอเหลือแค่สองคนเสวียนหมิ่นบอกให้เซวียเสียนเอาเหรียญทองแดงไปรักษากระดูก
ตัวเองทำสมาธิจนสามารถเชื่อมต่อกระดูกได้สำเร็จแล้วก็รู้สึกถึงความร้อนที่ไม่อาจความคุม
กลายเป็นเสวียนหมิ่นที่ช่วยเซวียเสียน เหมือนยกหินทุ่มขาตัวเอง
กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนองจริงๆ
วิญญาณในป้ายเหล็กของทหารที่ถูกเอามาใช้ในพิธีตายอย่างไม่สงบต้องการให้เสวียนหมิ่นและเซวียนเสียนส่งกลับบ้านเกิด
หลังอ่านเล่ม 2 :
เล่มนี้เซวียเสียนและเสวียนหมิ่นยิ่งสนิทกัน
แล้วยังมีเหตุจากน้ำลายมังกรอีกต่างหาก เสวียนหมิ่นก็ไม่มองเซวียเสียนเป็นคนนอก
ทำทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ผู้หนึ่งแต่งขาวผู้หนึ่งแต่งดำ แต่เข้ากันเป็นที่สุด
ปริศนาทุกอย่างเริ่มจะคลี่คลาย มุ่งเป้าไปที่เดียวแล้ว อ่านต่อที่เล่มสามเลยค่ะ
โปรยปกเล่ม 3 :
การตามหากระดูกมังกรทวีความยากเข็ญขึ้นเรื่อยๆ
มิตรสหายที่พบเจอ ที่ร่วมทาง
ที่เคยรู้จักต่างทยอยบอกลา
แต่เศษเสี้ยวความทรงจำของเสวียนหมิ่นกลับค่อยๆ
ไหลทวนหวนคืน
และผูกโยงเขาเข้ากับเงาลี้ลับของราชครูผู้ยิ่งใหญ่
ใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วิปลาสทั้งหมดนี่
มันผู้นั้นกางเขตอาคมกว้างใหญ่ไพศาลเท่าแผ่นดิน
คิดจะไขว่คว้าหาอำนาจที่เหนือล้ำกว่าใครในใต้หล้า
และเวลาเดียวกัน
เซวียเสียนมีเรื่องบางประการอยากไต่ถามจากเสวียนหมิ่นให้เข้าใจ
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหวาดกลัวคำตอบ...
เล่ม 3 :
พอวิญญาณทหารไปถึงกลับทำใจไม่ได้ต้องการเฝ้าอยู่ต่อไปและได้พูดถึงวิธีต่อชะตาชาติหน้าที่เคยได้ยินจากเฒ่าชวี๋
จึงไปถามเฒ่าชวี๋ถึงยาวิเศษที่ที่สามารถยืดชีวิต หรือไม่ก็เปลี่ยนโชคหรือเคราะห์ เฒ่าชวี๋ก็บอกว่ามีตำนานเล่า
ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ไป่ฉงต้ง (ถ้าร้อยแมลง) และบอกทางเพราะบรรพบุรุษเป็นหมอผี
คนทั่วไปไม่รู้จัก
ขณะเดียวกันผู้พยากรณ์
สำนักไท่ฉางก็ทำนายอีกครั้งและได้ผลลัพธ์ว่าคนที่ตามหาตายแล้ว
และยังทำนายถึงคนที่คล้ายราชครูตอนนี้ก็อยู่ที่หมู่บ้านข้างหน้านี้เอง แล้วทั้งหมดก็ได้พบเซวียเสียนและเสวียนหมิ่น
นี่คือราชครูแน่นอน เสวียนหมิ่นบังตัวเซวียเสียนเอาไว้ แล้วถามมีธุระใดหรือ
ผู้พยากรณ์และผู้อำนวยพรที่เพิ่งได้รับจดหมายตอบกลับว่าให้ดูตามสถานการณ์จึงบอกว่าทักคนผิด
งานเลี้ยงวันเกิดของเจียงซื่อจิ้งผ่านไป
เซวียเสียนได้เห็นรอบข้อมือของฟางเฉิงและเจียงซื่อจิ้ง
ทำให้คิดถึงวิญญาณเร่ร่อนเมื่อหกสิบปีก่อนที่ให้เชือกเพื่อไปผูกเพื่อตามหาภรรยาคนนั้น
ในที่สุดก็ได้เจอกัน
บทที่ 5 ไม่เสียใจ
ได้เวลาส่งวิญญาณเจียงซื่อหนิง
เจียงซื่อหนิงจากไปโดยไม่ลาเจียงซื่อจิ้ง เมื่อทำพิธีเสร็จเซวียเสียนก็พาทั้งหมดออกตามหากระดูกมังกรที่เหลือ
ที่สือโถวจางถามลักษณะภูเขามาจากเด็กเก็บสมุนไพร
เมื่อถึงการดึงกระดูกมังกรยิ่งยากแต่ครั้งนี้เซวียเสียนกลับมีความเคยชินที่จะให้เสวียนหมิ่นช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง
ถึงกับเว้นที่เอาไว้ให้เลยทีเดียว พอดึงกระดูกขึ้นมาถึงเห็นว่าเป็นเขตอาคมซ้อนเขตอาคมที่ใหญ่กว่า
เซวียเสียนและเสวียนหมิ่นตามคนต่อไป และไปเจอร้านพักศพ
จากในร้านพักศพก็ยังพบเขตอาคมส่งตัว ทั้งสองก็สำรวจกันต่อ
มาถึงถ้ำซึ่งก็คือถ้าร้อยแมลงที่ตามหานั้นเอง ทั้งสองช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี
รู้ใจกันที่สุด ในที่สุดก็เข้าถึงส่วนลึกสุดของถ้ำและได้เห็นภาษาโบราณเสวียนหมิ่นก็อ่านออก
ในนั้นเขียนถึงแมงมุมสองชนิดชนิดหนึ่งคือแมงมุมถงโซ่วและอีกชนิดที่เสวียนหมิ่นไม่ได้เล่าให้เซวียเสียนฟัง
ทั้งยังมีเขตอาคมทำให้มองเห็นความตาย เนื่องจากเซวียเสียนใช้เหรียญทองแดงของเสวียนหมิ่นทำให้เห็นส่วนหนึ่งที่เสวียนหมิ่นมองเห็น
ทั้งสองจับแมงมุมถงโซ่วที่กัดเซวียเสียนได้
เซวียเสียนไม่ทันสังเกตว่าเสวียนหมิ่นทำอะไรบ้าง หลังออกจากถ้ำก็พบคนที่ตามหา
หลังจากผู้ใช้อาคมต่อสู้ด้วยศพ และเห็นเสวียนหมิ่นก็เรียกเสวียนหมิ่นว่าราชครู
ทั้งตอนนั้นเหรียญทองแดงก็ปลดผนึกอีกเหรียญความทรงจำบางตอนของเสวียนหมิ่นที่ไม่ปะติดปะต่อก็กลับมาเป็นตอนที่ตัวเองกำลังทำนายเคราะห์สายฟ้าของมังกร
ทำให้เซวียเสียนเสียใจอย่างยิ่ง
ตอนนั้นเองราชครูจู่หงที่ใช้แมงมุมถงโซ่วกับเสวียนหมิ่น
ที่เกิดความโลภกำลังจะทำพิธีเขตอาคมปฐพีฝังกระดูก
กระดูกที่สามารถใช้ได้นับนิ้วได้หนึ่งคือกระดูกมังกร อีกหนึ่งคือกระดูกพุทธะ
เซวียเสียนที่ถูกมารครอบงำหลังจากผิดหวังอย่างแรงคิดจะทำลายทุกสิ่งเมื่อรู้ว่าจู่หงเป็นคนที่ตัดเอ็น
เลาะกระดูกตัวเอง
ส่วนเสวียนหมิ่นที่รู้สึกอยู่ตลอดว่าเซวียเสียนเป็นคนที่ตัวเองตามหา
ก็พยายามแก้ไขช่วยเหลือเซวียเสียนโดยเอากระดูกมังกรคืนมาและกระชากกระดูกพุทธะของตัวเองไปแทน
คนที่มีบทบาทในการทำลายเขตอาคมอีกคนคือผู้พยากรณ์ที่ทำลายพิธีทันเวลา
เสวียนหมิ่นสูญเสียกระดูกพุทธะ แต่ก็ยังเอาแมงมุมอู๋หมิงเพื่อรับเคราะห์แทนเซวียเสียนไว้อีกด้วย
กว่าเซวียเสียนจะได้สติคิดได้ก็เอาแมงมุมถงโซ่วตัวแม่มากัดเสวียนหมิ่น
นกประหลาดก็เอาเหรียญทองแดงที่มีพลังวิญญาณของเสวียนหมิ่นมาให้
บทที่ 6 กลับฝั่ง
เซวียเสียนเริ่มมีกำลังใจหาทางรอด ในที่สุดก็เห็นบันทึกของถงเติง
ราชครูคนแรกที่เป็นคนคิดค้นแมงมุมถงโซ่วและได้บันทึกตัวอักษรไว้ในหอไม้ไผ่ของเสวียนหมิ่น
เซวียเสียนเมื่อรู้ความเป็นมายิ่งต้องหาทางให้เสวียนหมิ่นฟื้นขึ้นมา
ในที่สุดก็หาวิญญาณของเสวียนหมิ่นเจอที่เป็นคนก็ไม่ใช่คน
ผีก็ไม่ใช่ผีไม่มีใครมองเห็นแต่เซวียเสียนกลับมองเห็นและจับได้ด้วย
ที่อยู่กับถงเติงอาจารย์ตัวเองในชาติก่อน ขนาดถงเติงยังแปลกใจกับการตามใจไม่มีที่สิ้นสุดที่เสวียนหมิ่นมีให้กับเซวียเสียน
ถงเติงถึงกับแปลกใจกับลูกศิษย์ที่เย็นชาเก็บตัวอยู่ในไหจะมีด้านนี้ด้วย
ทั้งสามคนที่ล้วนมีนิสัยไปมาตามลำพัง เมื่ออยู่ร่วมกันกลับครึกครื้นได้
ยิ่งพอมีนกดำประหลาดแสนรู้อีกตัวด้วย
ตอนนี้ทั้งสองเปิดใจ และใจตรงกันเรื่องอื่นๆก็ไม่ต้องพูดถึง
มีแมงมุมถงโซ่วร่วมชะตาก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกร้อยปีพันปี
กับนกดำประหลาดอีกตัวที่จำประจบใครก็ไม่ได้สักคน
และแล้วชะตาบ้านเมืองก็อยู่เป็นสุขไปร้อยปี
หลังอ่านเล่ม 3 :
ในที่สุดเรื่องราวซับซ้อนมากมาย ก็คลี่คลายว่าสุดท้ายลาสบอสคือใคร
ที่ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด เพราะความโลภเพียงคำเดียวเท่านั้น ไม่อยากแก่
ไม่อยากตาย และเสวียนหมิ่นที่พยายามแก้ไขทุกอย่าง ทำทุกทางเพื่อให้เซวียเสียน มังกรของตนอยู่ดีมีสุข
หนึ่งขาวหนึ่งดำ แต่เป็นอะไรที่เข้ากันอย่างยิ่ง อ่านจบแล้วอิ่มเอมใจ
สนุกมากเลยค่ะ มีความสุข ความซึ้ง ความเศร้าแฝงอยู่แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดีจริงๆค่ะ
เนื้อเรื่อง :
ปีเทียนสี่ที่ยี่สิบสาม
มังกรตนหนึ่งร่วงลงมายังมณฑลกว่างตงชายฝั่งทะเลตะวันออก ถูกผู้คนตัดเส้นเอ็น
กระชากกระดูกไปทั้งเป็น หลายเดือนหลังจากนั้น
ตลาดร้านรวงก็มีคำร่ำลือว่าราชครูผู้มีวิชาสูงเยี่ยมประสบเคราะห์หนัก
มิอาจไม่ปิดประตูเก็บตัวพักฟื้น ฤดูหนาวปีเดียวกัน ที่อำเภอหนิงหยาง เมืองฮุยโจว
ก็มีนักบวชเยาว์วัยที่สูญเสียความทรงจำ ฉายาเสวียนหมิ่นเพิ่มมาคนหนึ่ง
มาถึงวันแรกก็ปราบวิญญาณร้ายในบ้านหลังหนึ่งจนราบคาบ
วิญญาณร้ายตนนี้ชื่อเซวียเสียน ก็ไปสิงอยู่ในร่างตุ๊กตากระดาษชั่วคราว
กลายเป็นอัมพาตครึ่งท่อนไม่มีปัญญาเดินเหินไปไหนได้
พวกเขานั้นผู้หนึ่งเย่อหยิ่งเย็นชา ผู้หนึ่งแค้นฟ้าโกรธดิน ผู้หนึ่งจะตามหาคน
ผู้หนึ่งจะตามล้างแค้น นับจากวันนั้นเรื่องราวก็พลิกผัน
จนชุลมุนวุ่นวายไม่ได้สงบลงอีกเลย มาติดตามเรื่องราวของเซวียเสียนและเสวียนหมิ่นกันได้
ว่าจะเป็นยังไง เซวียนเสียนมังกรขี้เล่น ซุกซนอยู่ไม่สุข
เสวียนหมิ่นเย็นชาเก็บตัวอยู่ในไห แต่ทั้งสองกลับเข้าคู่กันได้ดียิ่งกว่าใคร
ทั้งที่รักอิสระ สันโดษทั้งคู่กลับอยู่ร่วมกันจนเกิดเป็นความเคยชิน และตามใจ
เซวียเสียนจะตามล้างแค้น ส่วนเสวียนหมิ่นจะตามหาคนสุดท้ายเรื่องราวจะเป็นยังไง
ติดตามได้ในเรื่อง ซึ่งมีทั้งสนุกสนาน ขำ ฮา
และยังมีซาบซึ้งกับความรักระหว่างพี่น้อง ครอบครัวอีกด้วย
หลังอ่าน :
เส้นเรื่องชัดเจน ผูกโยงเรื่องราวได้ดีมาก
อีกทั้งมีมุกตลก อารมณ์ขันสอดแทรกเป็นระยะ อ่านแล้ววางไม่ลงเลยค่ะ
เดินเรื่องชัดเจน ปมเรื่องชัดเจนผู้เขียนไม่หลงทิศ หลงประเด็น ผูกปมได้ดีมากๆ
พออ่านไปมีทั้งอารมณ์ตลก ฮา ขำขัน และยังมีซาบซึ้งกินใจ
เฉลยลาสบอสและเหตุที่มาที่ไปชัดเจน เรื่อง NC18+ มีแค่ฉากจูบ
อย่างอื่นก็ต้องไปจินตนาการเอาเองค่ะ แต่สรุปว่าเป็นเรื่องที่สนุก
ควรค่าแก่การอ่านเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
1/8/63