Review 8/2563
เรื่อง : ยอดบุรุษพลิกคดี (5เล่มจบ)
ผู้แต่ง : ต้าเฟิงกวากั้ว
ผู้แปล : หลินหยาง
สนพ. สยามอินเตอร์บุ๊ค
เล่ม1 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กันยายน
2561
โปรยปกหลัง :
“จางผิง” บัณฑิตยาจกผู้หมายเข้านครหลวง
เพื่อสอบเป็นขุนนาง เนื่องเพราะขาดแคลนเงินตรา
จางผิงต้องตั้งแผงขายหมี่ริมถนนเพื่อยังชีพ
จนถูกผู้เข้าสอบรุ่นเดียวกันดูหมิ่นดูแคลน
หากแต่เขากลับโปรดปรานการสันนิษฐานวินิจฉัยคดี
โดยเฉพาะคดีแปลกพิสดารทั้งหลายแห่งเมืองหลวง
เขาเป็นดาวไม้กวาดมากคราวเคราะห์
เรื่องราวมากเงื่อนงํา
และคดีฆาตกรรมมักบังเกิดรอบกาย
จนกระทั่งเขาได้พบกับ “หลันเจวี๋ย”
รองเสนาบดีกรมพิธีการโดยบังเอิญ
นับแต่นั้นมาจากบัณฑิตยากจน กลับกลายเป็นขุนนาง
จางผิงผู้พบปัญหาอุปสรรคนานาไม่ขาดสาย
กลับไม่เคยคาดคิดว่าหนทางแห่งชีวิตขุนนาง
จะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้
คำนำสำนักพิมพ์ :
ยอดบุรุษพลิกคดี เป็นผลงานของต้าเฟิงกวากั้ว
นักเขียนระดับเบสต์เซลเลอร์
ผลงานเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในผลงานยอดนิยมของนักเขียนท่านนี้ ยอดบุรุษพลิกคดี
เล่าถึงบัณฑิตยาจกนามจางผิง ที่เข้าเมืองหลวง เพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นขุนนาง
หากแต่ดวงของเขากลับเป็นดวงไม้กวาดมากคราวเคราะห์ เขาต้องพบพานคดีฆาตกรรมลึกลับมากมาย
ซึ่งนอกจากเข้าไปเกี่ยวข้องแล้ว
เขายังต้องเป็นผู้เปิดไขคดีแห่งความลึกลับเหล่านั้น!
ยอดบุรุษพลิกคดีมีความยาวทั้งสิ้นห้าเล่มจบ
เป็นผลงานแนวสืบสวนสอบสวนที่ใช้ฉากแบบโบราณ
ตลอดทั้งเรื่องเต็มไปด้วยเรื่องเหนือความคาดหมาย ความสัมพันธ์ของตัวละครที่สลับซับซ้อน
หากท่านเป็นคอนวนิยายสืบสวนสอบสวน
นี่คืออีกหนึ่งผลงานที่ท่านไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊ค
คำนำผู้แปล :
“ยอดบุรุษพลิกคดี” ของ “ต้าเฟิงกวากั้ว” นักเขียนนิยายออนไลน์ สํานวนภาษาละเอียดชัดแจ้ง
บรรยายชัดเจน วางโครงเรื่องสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ทําให้แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
เรื่องของจางผิง บัณฑิตหนุ่มผู้ชื่นชอบการสันนิษฐานและวินิจฉัยคดี
เดินทางเข้านครหลวงเพื่อรอสอบเข้ารับราชการเป็นขุนนาง
ด้วยความยากจนและขัดสนเงินทองจึงต้องเปิดแผงขายหมี่หาเงินเป็นค่าใช้จ่าย
ระหว่างนั้นเกิดคดีต่างๆ
ให้เขามีส่วนร่วมคลี่คลาย ได้พบปะบุคคลสําคัญในราชสํานัก ในความสลับซับซ้อนของคดี
ต้าเฟิงกวากั้วยังสอดแทรกอารมณ์ขันและสร้างตัวละครที่อบอุ่น
มีเอกลักษณ์เฉพาะและน่าติดตามไว้ไม่น้อย
ตําแหน่งขุนนาง กรมกอง หน่วยงานต่างๆขอแปลเป็นภาษาไทย
โดยไม่ทับศัพท์เนื่องจากตําแหน่งขุนนาง กรมกองต่างๆ ในเรื่องนี้มีมาก
หากเป็นชื่อจีนอาจจํายาก
หลินหยาง
เล่ม 1 :
ตอนที่ 1 : เซียนเพียงพอน
หลันเจวี๋ยตำแหน่งรองเสนาบดีกรมพิธีการ ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบเคอจวี่
ทำให้ต้องหลบเลี่ยงการรับสินบนมากมาย วันนี้ปลอมตัวออกไปนอกจวน
ได้พบปะพวกบัณฑิตกล่าวถึงจางผิงอย่างดูแคลนที่เป็นบัณฑิตแต่กลับมาขายหมี่ยังชีพ
และเรื่องราวต่างๆก็รู้สึกสนใจ พอไปถึงแผงขายหมี่ได้พบกับจางผิงทั้งที่ปลอมตัวมา
สุดท้ายก็ถูกสังเกตเห็น หลันเจวี๋ยรู้สึกสนใจในตัวจางผิงยิ่งนัก
จางผิงเข้าไปเขียนบทงิ้วโดยการชักนำของเฉินโฉว
บัณฑิตที่มาสอบบ้านเดียวกัน ตอนแรกจะปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ต้องรับปาก
เขียนบทให้คณะงิ้วไหลสี่ จินฟูเหรินเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจเพียงพอนให้ฟัง
สุดท้ายกลายเป็นถูกจับเพราะต้องสงสัยในคดีลอบสังหารหัวหน้าคณะจินหลี่ฟา
ไปๆมาๆกลับสามารถปิดคดีเมื่อยี่สิบปีก่อนได้ และรู้คนร้ายในคดีนี้
ชื่อเสียงของจางผิงจึงเป็นที่รู้จักเพราะคดีดังกล่าว
ตอนที่ 2 : ผีโถเสียบพู่กัน
หลันฮุยที่ไปนอนค้างบ้านท่านยาย
กลับมาพร้อมบอกว่าโดนผีหลอกเป็นผีโถเสียบพู่กัน จากคดีเฉินจื่อจาง ที่ประพันธ์โศลกดอกเหมยขึ้น
แต่มีบัณฑิตอยากจนหม่าหงบอกว่าตนเป็นผู้ประพันธ์
กรมอาญาร่วมกับกรมพิธีการเป็นผู้ตรวจสอบ ผู้ตัดสินคดีนี้คดี โต้วฟางเสนาบดีกรมอาญา
และหลิ่วหย่วนท่านลุงของหลันเจวี๋ย ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งรองเสนาบดีกรมพิธีการ
สุดท้ายเฉินจื่อซางถูกตัดสินให้ว่าผิด บ้านแตก จวนสกุลเฉินเสื่อมโทรมภายในวันเดียว
เฉินจื่งซางฆ่าตัวตายพร้อมเขียนว่าถูกปรับปรำ พ่อติดคุก แม่ฆ่าตัวตายตาม
ต่อมาราชสำนักรื้อคดีขึ้นมาใหม่ อวิ๋นถังอัครเสนาบดีเป็นผู้สอบสวน
เปรียบเทียบหลักฐานต่างๆพบว่าเฉินจื่อซางถูกปรักปรำแท้จริง
วันสอบเคอจวี่มาถึง เมื่อตรวจข้อสอบ
มาถึงสองชื่อสุดท้ายยังคงเป็นจางผิงกับหม่าเหลียน
สุดท้ายหม่าเหลียนได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สอบติด คนที่สามสิบ
เรื่องราวต่างๆเริ่มขึ้นเมื่อหม่าเหลียนตาย
จางผิงและบัณฑิตอีกจำนวนหนึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย หวังเยี่ยนรองเสนาบดีกรมอาญาจับทุกคนมารวมกันเพื่อหวังฟังคำพูดเพื่อสืบคดี
สุดท้ายสืบไปสืบมาเหลือเฉินโฉวและเพื่อนรวมเป็นสามคนที่เป็นผู้ต้องสงสัย
จางผิงหาทางสืบคดีเพื่อช่วยเหลือเฉินโฉว
ตอนสืบคดีจางผิงนี่ข้ายากจนขอต่อรองราคาค่าธูปอีก ข้ายากจน
ระหว่างที่สืบก็ได้พบกับคุณชายน้อยฉีจู มากับพ่อบ้านสวีเติง
ซึ่งก็คือยุวจักรพรรดิหย่งเซวียน เสด็จออกมาดูสถานที่เกิดเหตุด้วยองค์เอง
กับใต้เท้าเติ้งซวี่ ผู้ว่าการศาลยุติธรรม สุดท้ายเมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็มาหา
ฉีจูและให้ฝ่าบาทอนุญาตให้ดูเอกสารในการสอบเคอจวี่ในครั้งนี้และข้อมูลคนสองคน
จางผิงไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถหาตัวคนร้ายได้
และยังรวมไปถึงเรื่องราวของเฉินจื่อซางในปีนั้นอีกด้วย
เพราะสองคดีนี้เกี่ยวเนื่องกัน
ในที่สุดรายชื่อผู้เข้าสอบระดับราชสำนักก็ได้จักรพรรดิเติมชื่อจางผิงลงไปในชื่อลำดับที่สามสิบและให้เถาโจวเฟิงเป็นอาจารย์ของเขา
ตอนที่ 3 : แดนนารี
วันที่แปดเดือนแปดไหวหวาง พระปิตุลาของจักรพรรดิหย่งเซวียนอภิเษก การสอบเคอจวี่ระดับราสำนักกำหนดวันที่สิบเดือนแปด
หลังงานอภิเษกของไหวหวาง หลังสอบหลิ่วถงอี่ได้เป็นจ้วงหยวน
ส่วนจางผิงได้ที่หนึ่งจากข้างท้าย
หลิ่วถงอี่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยตุลาการระดับเอกขั้นห้า ไช่เสียนจาง
ปั่งเหยี่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการกรมปกครอง ระดับรองขั้นห้า โหยวเหิงชิง
ทั่นฮวา ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการกรมพิธีการ ระดับรองขั้นห้า มีเพียงจางผิงผู้ติดลำดับสุดท้าย
ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยนายอำเภออี๋ผิง เมืองมู่เทียน ระดับรองขั้นเจ็ด
จางผิงเดินทางไปรับตำแหน่งที่อำเภออี๋ผิง เมืองมู่เทียน
เฉินโฉวร่วมเดินทางไปด้วย นายอำเภอเส้าจื้อทง
เห็นว่าจางผิงมีผู้หนุนหลังดีเลยให้ทำงานง่าย คือให้ช่วยเรียบเรียงบันทึกท้องถิ่น
จางผิงตรวจสอบเรียบเรียงบันทึกแล้วก็เห็นว่าหมู่บ้านกูมีความผิดปรกติ และโดนลบทิ้งโดยหลิวจือฮุ่ย
เลขาธิการสำนักตรวจการ เป็นผู้เข้าสอบรุ่นเดียวกับหลันเจวี๋ย
และบุคคลน่าสงสัยอีกคนคือกูชิงจางที่มาจากหมู่บ้านกู
และเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของหลันเจวี๋ย
จักรพรรดิทรงเรียบเคียงถามถึงจางผิงว่าเป็นอย่างไรจากเถาโจวเฟิง และหลันเจวี๋ยก็ได้ความว่าตอนนี้กำลังเรียบเรียงบันทึกท้องถิ่น
ซึ่งผิดจุดประสงค์ที่พระองค์ส่งจางผิงไป
เพราะเรื่องเล่าลือที่เดินทางมาถึงเมืองหลวง ถ้าเป็นจางผิงต้องสืบค้นจนเจอ
เมื่อบอกใครไม่ได้ ก็เรียกเติ้งซวี่มาเดินทางไปอำเภออี๋ผิง
ทำให้จางผิงเห็นใต้เท้าเติ้งและหลิ่วถงอี่ ที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ เฉินโฉวเมื่อตามจางผิงไปดูที่หมู่บ้านสกุลกูก็เห็นใบซิ่งสี่ใบกับผลซิ่งสามผลทำให้นึกถึงเรื่องราวเมื่อตอนนั้นที่เคยเกิดขึ้น
เหมือนตัวเองหลงเข้าไปในเมืองนารีที่มีแต่สตรี
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งเวลาก็ผ่านไปแล้ว แต่หาสถานที่นั้นไม่เจอ จางผิงรับฟังอย่างตั้งใจ
หลันเจวี๋ยบอกไม่ให้สืบเรื่องของกูชิงจาง
แต่จางผิงก็ดื้อรั้นหาทางสืบเอง สุดท้ายหลันเจวี๋ยก็เล่าเรื่องครั้งอดีตให้ฟัง
จางผิงที่ไม่เคยมีสหายสนิท
รับฟังและถามสิ่งที่ต้องการเมื่อได้รับคำตอบก็กลับอำเภออี๋ผิง
หลังอ่านเล่ม 1 :
เล่มแรกมีสามคดี ที่มองหาคนร้ายไม่เจอจริงๆ
นักเขียน เขียนหลอกให้ตามผิดทางตลอด ต้องตามจางผิงที่มีดวงดาวไม้กวาดมากคราวเคราะห์เจอกับคดีตลอดเวลา
แต่เจ้าตัวก็ชอบสืบคดีด้วยนั้นแหละ ทั้งๆที่พูดไม่เก่ง พูดออกมาทีคนนี่หมดคำพูดกันไปเลย
อะไรจะไร้วาทศิลป์ในการพูดปานนั้น แต่เรื่องสืบคดี ก็กัดไม่ปล่อย ยกให้เลย
ขนาดจักรพรรดิยังคาดหวังเลยนะ ตอนที่สามต้องอ่านต่อเล่มสองค่ะ ลุ้นกันต่อไป
เล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 1 : ตุลาคม 2561
เล่ม 2 :
ตอนที่ 3 : แดนนารี (ต่อ)
พอกลับมาถึงอำเภออี๋ผิง ที่แรกที่ไปคือสุสานที่ฝังสกุลกู
ทั้งยังได้เจอใต้เท้าเติ้งซวี่กับหลิ่วถงอี่ ได้พูดคุยกัน จางผิงวิเคราะห์ออกมาว่า
สี่ใบสามผลส่อนัยถึงเคราะห์แห่งสามปราชญ์ในราชวงศ์ก่อน คนสกุลกูเป็นทายาทของราชวงศ์อี้ในราชวงศ์ก่อน
จางผิงที่ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของสหาย และคนรอบข้าง
ถามคำถามที่เฉินโฉวฟังแล้วคิดไปเองว่าจางผิงมีความคิดตัดแขนเสื้อกับตัวเอง
อ่านไปฮาไป ทำเอาคนเข้าใจผิดได้นะเนี่ย เฉินโฉวก็คอยหลบตลอด
จางผิงก็พยายามสืบเรื่องของสกุลกู ไปหาตำนานเรื่องเล่ามาอ่าน ทำท่าทางประหลาด
จนในที่สุดเมื่อเติ้งซวี่
และหลิ่วถงอี่ที่มาจากเมืองหลวงเรียกไปพบจึงบอกว่าคิดไม่ตกเรื่องหนึ่ง
สุดท้ายก็ตัดสินใจได้น่าจะดำเนินแผนการกับเฉินโฉวแล้ว
เกาคานเจ้าเมืองมู่เทียนมา
จางผิงก็ตอบคำถามซะตรงเป็นไม้บรรทัดทำเอาคนหมดอารมณ์คุยด้วย
แถมยังสนใจชวนเฉินโฉวไปทำงานด้วยอีก
ช่วงนี้จางผิงจะคอยมองเฉินโฉวแปลกๆตลอดล่ะ
ส่วนเฉินโฉวเริ่มคิดว่าเจ้าเมืองเกาใช้ตัวเองมากดดันจางผิงในคืนนั้นเลยเขียนจดหมายบอกลาและจากไปทันที
ตอนที่เฉินโฉวจากไป ได้เจอแต่เรื่องราวประหลาดๆมาตลอดทาง
ทำให้คิดว่าเหมือนในตำนานเรื่องต่างๆที่อ่านในช่วงนี้เลยที่เดียว
จนเหมือนจะเห็นหลีหวั่นจากหมู่บ้านประหลาดที่เคยเล่าให้จางผิงฟัง
เติ้งซวี่และหลิ่วถงอี่ดำเนินการสืบภายในอำเภออี๋ผิงได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองเกา
ที่ตัวเองทำเป็นโรคประสาทตอนนี้เลยสืบคนที่มีความเกี่ยวข้องในอำเภอซะเลย
และในที่สุดก็หาตัวการที่แฝงตัวออกมาได้
เฉินโฉวสุดท้ายก็ได้เจอหลีหวั่นหลังจากตัดสินใจได้ก็ย้ายมาอยู่ชานเมืองหลวง
แล้วยังมีคนของอำเภออี๋ผิงมาส่งของให้บอกว่าเป็นของฝากมาจากจางผิงให้ส่งต่ออีกที
ซึ่งคือของฝากไปยังหลันเจวี๋ย กว่าเรื่องราวจะเปิดเผยหลันเจวี๋ยก็โดนลอบวางยาพิษ
กระชากหน้ากากของผู้อยู่เบื้อหลังได้โดยมีจางผิงเป็นผู้วางแผน เรื่องราวเปิดเผยสี่ใบสามผลสำนักหรือจะเรียกว่าลัทธิที่อยู่หลังม่านมาตลอดสองราชวงศ์เป็นอย่างน้อย
ตอนนี้ก็ยังต้องหาใบที่สี่และผลที่สามว่าคือตระกูลไหน
ผลที่สามคือใครที่เหลือรอดเป็นไม้ตายของสำนัก
ส่วนจางผิงที่หน้านิ่ง พูดไม่เป็นทำตามหลักการ
เพราะว่าเป็นคนออกแผนการ คิดวิธีตามการสันนิษฐานสุดท้ายก็ทำให้เฉินโฉวรับไม่ได้ขอตัดขาดความเป็นเพื่อนต่างคนต่างไป
น่าสงสารจางผิงผู้มีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
ไม่เข้าใจเรื่องราวความสัมพันธ์ดีคนนี้จริงๆ
หลังอ่านเล่ม 2 :
เล่มนี้คลี่คลายคดีที่ต่อจากเล่มก่อนเรียบร้อย
ทั้งยังทิ้งปริศนาเอาไว้อีกว่าใบที่สี่ผลที่สามคือตระกูลไหนและคือใคร ตามกันต่อไป
ส่วนจางผิงก็ยังทำหน้าที่ได้ดี พูดตรงเป็นท่อนไม้ทำเอาแต่ละคนอึ้งงันกันไปหมด
ในตอนนี้จะเห็นความสัมพันธ์ของตัวละครชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆจากรายละเอียดที่นักเขียนสอดแทรก
เล่าเรื่องไว้ สนุกจนวางไม่ลงอีกตามเคยค่ะ ตามต่อเล่มสามว่าต่อไปจางผิงจะได้ตำแหน่งอะไรต่อ
ไขคดีเก่งขนาดนี้นี่
แล้วนักเขียนจะหยอดมุกตลอดทั้งเรื่องตัดแขนเสื้อที่ทำเอาคนสยองกันไปหมด
แต่คนอ่าน อ่านไปขำไปกับการแสดงออกของตัวละคร
เป็นเรื่องที่มีมุกตลกสอดแทรกมาเป็นระยะพร้อมทั้งการสืบคดีที่เดาทางไม่ออกเลยจริงๆ
เล่ม 3 พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤศจิกายน 2561
เล่ม 3 :
ตอนที่ 4 : แม่เฒ่าบ่อน้ำโบราณ
แต่ละคนทั้งใต้เท้าเติ้งซวี่และใต้เท้าเถาต่างอยากได้ตัวจางผิง
สุดท้ายจักรพรรดิแต่งตั้งจางผิง
ให้ไปเป็นนายอำเภอเฟิงเล่อ ซึ่งอยู่ในสังกัดของเฝิงไถเจ้ากรมการเขตพระนคร อำเภอเฟิงเล่อมีศาลเจ้าแม่ฉือโซ่วที่โด่งดังอยู่ด้วย
ไต้หวาง ฉีถาน ยังก่อเรื่องกับคณะทูตของแคว้นถ่าฉื้อ
ทำให้จักรพรรดิลงโทษปลดเป็นสามัญชน ฉีถานให้ไปอยู่ชนบทหมู่บ้านเนี่ยนฉิน
พอดีใกล้กับอำเภอจิ่วเหอที่หลันเจวี๋ยกำลังจะลาพักกลับบ้านจักรพรรดิจึงฝากฝังไป
และยังบังเอิญที่อำเภอจิ่วเหอติดกับเฟิงเล่อที่จางผิงจะมารับตำแหน่งนายอำเภออีก
จางผิงเดินทางไปสำรวจอำเภอเฟิงเล่อก่อนเข้ารับตำแหน่ง ได้ดูสภาพทั่วไป
และสังเกตศาลเจ้าแม่เฒ่าฉือโซ่วที่เลื่องลือ กลับถึงอี๋ผิงก็มีเจ้าหน้าที่มาคอยรับ
แต่เพราะรอนานถึงสองวันแล้วก็คิดว่าจางผิงเป็นแค่นายอำเภอเล็กๆแบบนี้ยังออกไปท่องเที่ยว
ระหว่างทางกลั่นแกล้งต่างๆ
จางผิงผู้ทึ่มทื่อก็ไม่รู้เรื่องราวนึกว่าผู้คนเป็นแบบนี้กัน
มาถึงโดนแกล้งแต่เพราะได้เจอหลิ่วถงอี่
และยังได้เจอใต้เท้าทั้งหลายเรื่องฮาๆก็เกิดขึ้นอีก
เพราะพี่จางนิสัยไม่เหมือนใครจริงๆ
มาเมืองหลวงยังได้พบเหตุการณ์นายท่านสกุลเหยาที่เป็นเหตุให้ตัวเองได้เป็นนายอำเภอเฟิงเล่อเสียชีวิตกะทันหัน
เลยไปสืบกับหลิ่วถงอี่
เรื่องนี้รู้ไปถึงเฝิงไถหัวหน้าในบังคับบัญชาตอนนี้ที่ขัดแย้งเป็นประจำกับรองเสนาบดีกรมอาญาหวัง
เพราะเรื่องแย่งคดีกันทำ
จางผิงเดินทางมารับตำแหน่งที่อำเภอเฟิงเล่อก็มีเหตุให้ต้องไปตรวจสอบบ้านสกุลเหยาเพราะขโมยขึ้นบ้าน
ก่อนหน้านั้นได้เจอกับอดีตนายอำเภอเซี่ยฟู่ที่กำลังจำฆ่าตัวตาย ก็ได้ช่วยไว้
ใต้เท้าเซี่ยก็มองเรื่องราวแบบลอยตัวว่าจะตายอยู่แล้วไม่สนอะไรทั้งนั้น
เห็นความประหลาดของนายอำเภอก็ทำใจไม่ได้ ออกมาจัดการ
ส่วนจางผิงตัวเองมุ่งสืบคดีเรื่องต่างๆไม่เข้าใจไม่สนใจ ทึ่มทื่อไม่รู้เรื่อง
คนพูดเพื่อมารยาทก็ฟังไม่ออก จนใต้เท้าเซี่ยหมดหวังทีเดียว
เรื่องวุ่นวายยังไม่หมดเพราะไท่โฮ่วยังจะพระราชทานป้ายให้ศาลเจ้าแม่เฒ่าและยังมีเครื่องเซ่นไหว้
แต่เรื่องนี้กระทำไม่ได้เพราะนี่เป็นศาลเจ้าหลอกลวงอ่านไปฮาไป
ทั้งรองเสนาบดีกรมอาญาหวัง ใต้เท้าเฝิงกรมการเขตพระนครมาที่อำเภอนี้กันหมด
สุดท้ายขึ้นเขาไปขุดโลงศพกัน ตรวจสอบหลักฐาน
คนหนึ่งต้องมีหลักฐานชัดเจนไม่เอาการสันนิษฐาน ห้ามใช้คำว่าคาดว่า คิดว่า อีกคนก็บุกตะลุยทำไว้ก่อนเพราะมีองคมนตรีหวังหนุนหลังอยู่เป็นคุณชายใหญ่มาตลอด
ยังมีเรื่องที่ไต้หวางฉีถานจะมาพำนักที่เขตอำเภอนี้อีก
ทำให้หลันเจวี๋ยที่ได้ข่าวจากหลิ่วถงอี่รีบมาดูสถานการณ์ก่อน เรื่องราวซับซ้อนวุ่นวาย
แต่ที่แน่ๆคือศาลเจ้าเป็นศาลเจ้าปลอมแน่นอน น่าจะเพราะเรื่องโจรขุดสุสานในอดีต
ตอนนี้เครื่องเซ่นไหว้ของไท่โฮ่ว
และบนเขาถูกไฟไหม้จางผิงกำลังแกล้งทำพิธีเพื่อหาตัวการอยู่
หลังอ่านเล่ม 3 :
เล่มนี้ในเรื่องการสืบคดียังไม่ค่อยได้ผลคืบหน้า
แต่เรื่องราวของจางผิงที่ตอนนี้ได้เป็นนายอำเภอแล้วนี่สิ ฮาตลอด ทั้งโดนแกล้งจากเจ้าหน้าที่เล็กๆ
พอรู้ความจริงว่าจางผิงรู้จักคนใหญ่โตนี่เหงื่อตกทีเดียว
ไปอำเภอเฟิงเล่อเจอใต้เท้าเซี่ย นี่ก็ฮาเข้าไปอีก
คนหนึ่งอยากฆ่าตัวตายมองทุกอย่างลอยตัวแต่ก็รับไม่ได้ที่ทำไมใต้เท้าจางไม่รู้เรื่องอะไรเลยขนาดนี้
ธรรมเนียมปฏิบัติ คำพูดบอกปัดไม่รู้เรื่องทุกอย่าง ทึ่มทื่อสุดๆ
ยังมีศิษย์พี่อู๋เม่ยมาเยี่ยมอีกด้วยเพิ่มสีสันว่าอาจางอย่าเอาแต่จ้องตาเขม็งแบบนั้นสิ
ยังดีที่มีใต้เท้าเซี่ยคอยช่วยนะเนี่ย คนอ่าน อ่านไปขำไปจริงๆ
รออ่านคดีนี้ต่อในเล่ม4ค่ะ
เล่ม 4 พิมพ์ครั้งที่ 1 : ธันวาคม 2561
เล่ม 4 :
ตอน : แม่เฒ่าบ่อน้ำโบราณ (ต่อ)
การสืบสวนมีความคืบหน้า
จางผิงสังเกตได้ว่าคนที่จับตัวได้เป็นคนต่างชาติไม่ใช่คนจงหยวน
ที่บ่อน้ำพบศพอีกสามศพ หลันเจวี๋ยบอกได้ว่าโลงนี่ควรอยู่ในยุคใดน่าจะเป็นยุคราชวงศ์ฉู่
พอเรื่องคนต่างชาติรู้ถึงหูเฝิงไถ ทำให้จางผิงถูกต่อว่าเพราะกลัวว่าจะเป็นต่างชาติมาจับตัวไต้หวางแต่ตัวจางผิงเองไม่คิดว่าคดีนี้จะเกี่ยวข้องกับไต้หวาง
จางผิงก็มุ่งมั่นสืบคดีโดนไม่มองตาม้าตาเรือ ไม่ดูสถานการณ์รอบๆต่อไป
มีคนมารายงานว่าขบวนของไต้หวางโดนโจมตี ไต้หวาง (จิ่งฉีถาน) และหลันฮุยหายตัวไป
หลันเจวี๋ยและเฝิงไถไปดูสถานการณ์ที่เกิดเหตุ
และเฝิงไถมองออกว่าเป็นการหนีไปเองของฉีถานแต่ทำไมถึงพาหลันฮุยไปด้วย
เรื่องนี้มีแต่ฉีถานที่รู้เพราะไม่อยากเป็นชาวบ้านสามัญอยากเป็นจอมยุทธ์พเนจร
น่าจะอ่านนิยาย ดูละครมามากจินตนาการเด็กน้อยเลยกว้างไกล อยากได้หลันฮุยเป็นเด็กรับใช้ในเรื่อง
แบบองค์ชายท่านยังเป็นเด็กจริงๆนะเนี่ย
ทางด้านจางผิงก็ค้นพบว่าเฟิงเล่อคือที่ดินศักดินาของเหอหวาง
ฉุนอวี๋ควั่งในราชวงศ์ฉู่ ทั้งเหอหวางยังศรัทธาในเต๋า
เมื่อรวมเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ทั้งหวังเยี่ยนและจางผิงก็คาดการณ์ได้ว่าคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากการขุดสุสานใต้ดินของเหอหวาง
และสกุลผูในตอนนั้นก็คือสกุลผู้ภักดีของราชวงศ์ฉู่ คอยดูแลสุสานให้เหอหวาง
สตรีที่พบในโลงก็คือทายาทสกุลผูนั้นเอง สกุลเหยาก็น่าจะมีส่วนในเรื่องนี้ในตอนนั้น
ส่วนชาวต่างชาติที่ตรวจพบจับได้ก็คือชาวตงเจินที่ลอบเข้ามาเพื่อหาสมบัติของเหอหวางนั้นเอง
ตอนนี้ทางเฟิงเล่อลงมือขุดเจอทางเข้าสุสานและเข้าไปสำรวจกันแล้ว
โดยมีหวังเยี่ยน หลันเจวี๋ย จางผิง และอู๋เม่ย กับทหารติดตามทำให้เห็นภายใน
แต่ยังไม่ได้สำรวจชั้นลึกลงไป
ฉีถานและหลันฮุย แม้จะระวังตัวยังไงก็ยังโดนจับตัวอยู่ดีโดยนางไช่หวง
ที่เอาแต่พูดว่าเป็นลิขิตสวรรค์อายุเก้าขวบ และสิบสองขวบ ส่วนเฝิงไถออกตามรอยมาถึงสังเกตเห็นความผิดปกติแต่เด็กทั้งสองโดนย้ายที่คุมขังไปแล้ว
ทางด้านจางผิง หวังเยี่ยนสามารถเปิดศาลไตส่วนคดีได้เพราะหลักฐานต่างๆที่หาได้
ทำให้รู้ตัวการกำลังจะตกตัวการใหญ่ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง ที่จางผิง
หวังเยี่ยนก็คิดว่าใช่ แต่จางผิงยังบอกว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ
ทางด้านฉีถาน หลันฮุย โดนพาออกมาเพื่อจะไปบูชาเป็นเครื่องสังเวย
ซึ่งเฝิงไถสอบถามชาวบ้านก็ชัดเจนว่าจะมุ่งหน้าไปที่ใด
ส่วนเด็กทั้งสองคนก็หาโอกาสหลบหนีโดยการกระโดดลงน้ำว่ายหนีไป
ทำให้คลาดกับทหารที่ติดตามและเฝิงไถ
ในที่สุดเมื่อหาทางเข้าอีกแห่งพบและสำรวจภายในก็พร้อมวางแผนจับกุมตัวการใหญ่ได้
หลักฐานทุกอย่างพร้อม เพียงยังไม่รู้ว่ายังมีตัวการเบื้องหลังสาวถึงต้นตอได้หรือไม่
ส่วนจางผิงก็ไม่สนอะไรเหลืออย่างสุดท้ายคือหาสุสานที่ท้ายจริงของเหอหวางให้เจอเท่านั้น
หลังอ่านเล่ม 4 :
ปริศนาคดีสกุลเหยา
และคดีแม่เฒ่าฉือโซ่วคลี่คลายปมซับซ้อนซ่อนเงื่อนโยงใยหลายชั้น
นักเขียนเก่งมากที่ปูพื้นเรื่องมาดี จางผิงก็เอาแต่สืบคดี
อย่างอื่นนั้นไม่สนใจทั้งสิ้น
สุดท้ายเหลือเพียงเรื่องสุสานเหอหวางมาลุ้นไปกับการคลี่คลายของจางผิงกันค่ะ ส่วนทางด้านเด็กสองคนฉีถานกับหลันฮุย
อินกับบทบาทจอมยุทธ์พเนจรมาก
แต่ก็เป็นการฉลาดเพราะว่าอยู่ภายนอกจะให้คนไม่ดีรู้ฐานะที่แท้จริงไม่ได้เด็ดขาด
นักเขียนบรรยาย ทั้งความคิดตัวละคร ที่ขำ ฮา
เด็กน้อยก็ใสซื่ออินกับนิยาย
ผู้ใหญ่ก็คิดในใจได้ฮามาแต่ละตัวละครคือโยงเรื่องราวได้ดีมากจริงๆค่ะ
มุกที่นักเขียนใส่มานี่อ่านไปขำไปตลอดจริงๆ
เล่ม 5 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มกราคม 2562
เล่ม 5 :
จางผิงออกจากศาลาว่าการเพราะว่ายังค้นไม่พบสุสานเหอหวาง
ก็ไม่ยอมหยุดจริงๆ เลยออกมากับทหารของรองเสนาบดีกรมอาญากับทหารของกรมการเขตพระนคร
ทั้งสามมุ่งหน้าไปทางที่จางผิงตีความได้ พอมาถึงก็พบกับหินถล่ม
สุดท้ายก็พบกับฉีถานและหลันฮุยที่หนีนางหวงจื้อเหนียงมาก่อนหน้านี้
และยังพบกับชาวตงเจินลอบติดตามมาเพราะตามหาสมบัติของเหอหวางเหมือนกัน
นายทหารสองนายออกไปเบี่ยงเบนความสนใจ จางผิง
ฉีถานและหลันฮุยอยู่ภายในถ้ำแต่ยังมีระเบิดควันเข้ามา
ทำให้จางผิงคิดว่าน่าจะมีทางออกอื่น
การกระทำของจางผิงนี่ทำเอาฉีถานควันออกหูไม่รู้กี่รอบ พูดบังอาจไม่รู้กี่หน
ทั้งอุ้มทั้งให้ถอดเสื้อเพราะมันเปียก ช่างไม่มีวาทศิลป์เอาซะเลย
แต่สุดท้ายทั้งสามคนก็สามารถเข้ามาในสุสานของเหอหวางได้
เห็นอะไรก็ไม่กล้าจับต้องไปหมด จนไปถึงที่เก็บอัฐิของเหอหวาง
ฉีถานยังแอบหยิบหยกชิ้นที่อยู่ในนั้นออกมาด้วย พอมาถึงห้องที่มีบันทึกของเหอหวางเมื่ออ่านถึงได้รู้ว่าศิษย์พี่ของเหอหวางเอาคัมภีร์ซวีหยวนที่สูญหายไปกลับมาได้
และเพราะไม่ได้หยิบจับสิ่งของใดทั้งสามจึงสามารถออกมาที่โลกภายนอกได้อีกครั้ง พอออกมาถึงจางผิงก็เอาหยกไปจากฉีถาน
เป็นเหตุการณ์ที่คนใกล้ตัวต่างเห็นกัน
เรื่องราวทั้งหมดคลี่คลาย จางผิงมีความชอบ
แต่เพราะละเลยหน้าที่ไม่ทำตามกฎระเบียบก็รอรับโทษจากการร้องเรียนของเฝิงไถไป
แต่จางผิงก็รับการเรียนรู้อย่างตั้งใจทุกอย่าง
ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มที่อย่าก้าวก่ายหน้าที่ รู้จักลำดับขั้น
ทุกอย่างต้องศึกษาและเรียนรู้
มีตอนพิเศษสองตอนเป็นเรื่องราวคดีพิสดารที่อู๋เม่ยและจางผิงเคยเจอ
สุดท้ายเป็นคดีตัวอย่างที่ทุกคนต้องศึกษาในที่สุดก็รู้ว่าผู้ไขคดีก็คือจางผิงนี่เอง
อีกคดีเป็นคดีที่หวังเยี่ยนกับเฝิงไถร่วมกันสืบคดีเป็นครั้งแรกเมื่อเล่าเรื่องจบพระบรมราชโองการก็มาถึง
ทุกคนได้รับรางวัลและคำชมเชย
จางผิงทำความชอบแต่ก็มีความผิดที่ละเลยหน้าที่ให้ปรับปรุงตัวแก้ไขให้ดีขึ้นไป
หลังอ่านเล่ม 5 :
คดีปิดทุกอย่างกระจ่างชัด
ส่วนนายอำเภอจางผิงที่ปฏิบัติตัวเกินหน้าที่มุ่งสืบคดีตลอดนั้น
ต่อไปก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์เรียนรู้ให้ดี มุกตลก มุกฮา สอดแทรกตลอดเรื่อง นักเขียนผูกโยงเรื่องราว
และตัวละครได้ดีจริงๆค่ะ
เหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวสืบสวนและยังมีการอ้างอิงทางประวัติศาสตร์
ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ไปอีก แนะนำให้ลองอ่านดูค่ะ
อ่านจบจะเข้าใจความสัมพันธ์ต่างๆของตัวละคร
และอุปนิสัยต่างๆของตัวละคร ความสามารถของตัวละครแต่ละตัวที่เขียนผูกโยงเรื่องราวออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว
โปรยปกหลัง :
“จางผิง” บัณฑิตยาจกผู้หมายเข้านครหลวง
เพื่อสอบเป็นขุนนาง เนื่องเพราะขาดแคลนเงินตรา
จางผิงต้องตั้งแผงขายหมี่ริมถนนเพื่อยังชีพ
จนถูกผู้เข้าสอบรุ่นเดียวกันดูหมิ่นดูแคลน
หากแต่เขากลับโปรดปรานการสันนิษฐานวินิจฉัยคดี
โดยเฉพาะคดีแปลกพิสดารทั้งหลายแห่งเมืองหลวง
เขาเป็นดาวไม้กวาดมากคราวเคราะห์
เรื่องราวมากเงื่อนงํา
และคดีฆาตกรรมมักบังเกิดรอบกาย
จนกระทั่งเขาได้พบกับ “หลันเจวี๋ย”
รองเสนาบดีกรมพิธีการโดยบังเอิญ
นับแต่นั้นมาจากบัณฑิตยากจน กลับกลายเป็นขุนนาง
จางผิงผู้พบปัญหาอุปสรรคนานาไม่ขาดสาย
กลับไม่เคยคาดคิดว่าหนทางแห่งชีวิตขุนนาง
จะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้
คำนำสำนักพิมพ์ :
ยอดบุรุษพลิกคดี เป็นผลงานของต้าเฟิงกวากั้ว
นักเขียนระดับเบสต์เซลเลอร์
ผลงานเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในผลงานยอดนิยมของนักเขียนท่านนี้ ยอดบุรุษพลิกคดี
เล่าถึงบัณฑิตยาจกนามจางผิง ที่เข้าเมืองหลวง เพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นขุนนาง
หากแต่ดวงของเขากลับเป็นดวงไม้กวาดมากคราวเคราะห์ เขาต้องพบพานคดีฆาตกรรมลึกลับมากมาย
ซึ่งนอกจากเข้าไปเกี่ยวข้องแล้ว
เขายังต้องเป็นผู้เปิดไขคดีแห่งความลึกลับเหล่านั้น!
ยอดบุรุษพลิกคดีมีความยาวทั้งสิ้นห้าเล่มจบ
เป็นผลงานแนวสืบสวนสอบสวนที่ใช้ฉากแบบโบราณ
ตลอดทั้งเรื่องเต็มไปด้วยเรื่องเหนือความคาดหมาย ความสัมพันธ์ของตัวละครที่สลับซับซ้อน
หากท่านเป็นคอนวนิยายสืบสวนสอบสวน
นี่คืออีกหนึ่งผลงานที่ท่านไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊ค
คำนำผู้แปล :
“ยอดบุรุษพลิกคดี” ของ “ต้าเฟิงกวากั้ว” นักเขียนนิยายออนไลน์ สํานวนภาษาละเอียดชัดแจ้ง
บรรยายชัดเจน วางโครงเรื่องสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ทําให้แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
เรื่องของจางผิง บัณฑิตหนุ่มผู้ชื่นชอบการสันนิษฐานและวินิจฉัยคดี
เดินทางเข้านครหลวงเพื่อรอสอบเข้ารับราชการเป็นขุนนาง
ด้วยความยากจนและขัดสนเงินทองจึงต้องเปิดแผงขายหมี่หาเงินเป็นค่าใช้จ่าย
ระหว่างนั้นเกิดคดีต่างๆ
ให้เขามีส่วนร่วมคลี่คลาย ได้พบปะบุคคลสําคัญในราชสํานัก ในความสลับซับซ้อนของคดี
ต้าเฟิงกวากั้วยังสอดแทรกอารมณ์ขันและสร้างตัวละครที่อบอุ่น
มีเอกลักษณ์เฉพาะและน่าติดตามไว้ไม่น้อย
ตําแหน่งขุนนาง กรมกอง หน่วยงานต่างๆขอแปลเป็นภาษาไทย
โดยไม่ทับศัพท์เนื่องจากตําแหน่งขุนนาง กรมกองต่างๆ ในเรื่องนี้มีมาก
หากเป็นชื่อจีนอาจจํายาก
หลินหยาง
สรุปเนื้อเรื่อง :
จางผิงเข้ามาสอบเคอจวี่ในเมืองหลวง ระหว่างนั้นก็เปิดแผงขายหมี่ไปด้วย
หลันเจวี๋ยรองเสนาบดีกรมพิธีการ เนื่องจากเป็นคนจัดการการสอบ ไม่อาจรับสินบน
และออกจากจวนมาฟังเรื่องราวเกี่ยวกับบัณฑิตต่างๆตามท้องถนน ก็ได้พบกับจางผิง
และเห็นว่าจางผิงน่าสนใจ ส่วนจางผิงเป็นคนช่างสังเกต รู้แต่แรกว่าเป็นหลันเจวี๋ย
จางผิงเป็นเหมือนคนที่เจอกับคดีต่างๆได้ง่าย
เพราะแค่มาเมืองหลวงก็มีเรื่องพัวพันให้เป็นผู้ต้องสงสัยคดีแล้ว
สุดท้ายตัวเองสามารถหาตัวฆาตกรได้ เป็นผู้คลี่คลายคดีที่ไม่อาจปิดได้เมื่อยี่สิบปีก่อน
หลังวันสอบก็เกิดคดีอีก ตัวเองก็มีส่วนพัวพันในคดีอีกครั้ง
เป็นที่ดึงดูดจนทำให้จักรพรรดิสนใจ คดีที่ตรวจสอบเกี่ยวข้องโยงใยกับคดีในอดีต
จางผิงก็สามารถสืบออกมาได้ เมื่อได้ตำแหน่งแทน ในการสอบ
ทำให้ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยนายอำเภออี๋ผิง
ก็ยังสามารถช่วยใต้เท้าเติ้งเสนาบดีศาลยุติธรรมคลี่คลายคดีที่มีความลับซับซ้อน
เรื่องราวเกี่ยวเนื่องถึงเพื่อนสนิทของหลันเจวี๋ยตอนเข้ามาสอบในเมืองหลวง
ในที่สุดก็สืบหาความลับซับซ้อนออกมาได้
เมื่อคลี่คลายคดีนี้เสร็จได้เลื่อนขั้นเป็นนายอำเภอเฟิงเล่อ
แต่เนื่องจากจางผิงชอบที่จะสืบหาความจริงโดยไม่คำนึงถึงกฎระเบียบทำให้ละเลยระเบียบหน้าที่หลายต่อหลายครั้ง
แม้จะสืบคดีได้สำเร็จ
สุดท้ายความดีที่ได้ก็ต้องลบล้างกับความผิดและพยายามปรับปรุงตัวให้อยู่ในระเบียบ
กฎเกณฑ์มากขึ้น เรียนรู้มาขึ้นไปเรื่อยๆ
หลังอ่าน :
จางผิงชอบสืบคดีอย่างเดียว ไม่สนใจสิ่งต่างๆ ดีที่ได้หลันเจวี๋ย และใต้เท้าเถาคอยอบรม
แต่เรื่องราวต่างๆในการพูดจา ปฏิสัมพันธ์กลับคิดไม่เหมือนคนอื่น
ไม่รู้ว่าการตอบเพื่อรักษามารยาทเป็นอย่างไร
พออ่านไปนักเขียนจะเปิดเผยออกมาว่าเพราะเป็นเด็กกำพร้า ชอบสังเกต นิสัยต่างๆจึงติดตัวมา
ความสัมพันธ์ของตัวละคร ลักษณะนิสัยต่างๆ รวมทั้งมุกตลกที่สอดแทรกมาเป็นระยะ
ทำให้ติดตามอ่านคดีต่างๆไปได้อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงรู้ถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาในช่วงต่างๆ
เป็นการผูกเรื่องได้ดีและชัดเจนมาก อีกทั้งจางผิงระหว่างสืบคดีทำเอาฮาไปหลายรอบกับการกระทำต่างๆ
ที่คนอื่นๆพูดไม่ออกทีเดียว 5 เล่มอ่านจบได้อย่างรวดเร็วทีเดียวค่ะ