Friday, March 20, 2020

#ฟ้าส่งข้ามาลุย #ภาคท่านหญิงหลีหยาง #2เล่มจบ #สนพ.ห้องสมดดอตคอม


Review 9/2563
เรื่อง : ฟ้าส่งข้ามาลุย – ภาคท่านหญิงหลีหยาง (2เล่มจบ)
ผู้แต่ง : เมิ่งซีสือ ( Meng Xi Shi)
ผู้แปล : ทีมแปลห้องสมุด
พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤศจิกายน 2560

โปรยปกหลัง :
ฟ้าส่งข้ามาลุย ภาคท่านหญิงหลีหยาง
ใครๆ ก็ย้อนอดีต... แต่พวกเธอกลุ่มนี้กลับถูกเหวี่ยงมา ‘อนาคต’!
ท่านหญิงหลีหยาง พระราชนัดดาผู้ถือกำเนิดจากพระชายาของ ‘เต้าอ๋อง--หลี่หยวนชิ่ง’ โอรสองค์ที่สิบหกของ ‘ฮ่องเต้เกาจู่’ นับเป็นหนึ่งในราชนิกุลต้าถังที่รุ่งเรืองและถูกทะนุถนอมมากที่สุด
ก่อนที่จะป่วยหนักจนสิ้นใจ นางเคยมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งเงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์
แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางกลับพบว่าตนอยู่ในร่างของ ‘อิ๋งอิ๋ง’ ดาราตัวประกอบหางแถวที่ ‘ไม่มีอะไรสักอย่าง’
ผอมแห้ง--แฟนทิ้ง--งานกำลังดิ่งลงเหว ที่สำคัญไม่มีเงินในกระเป๋าพอยาไส้
ความทรงจำเก่าๆ ของซางอิ๋งทำให้ท่านหญิงทราบว่าสำหรับโลกใบใหม่นี้ ราชวงศ์ถังเป็นอดีตไปแล้ว
อดีตเมื่อพันปีก่อน!!!
ไม่มีฮ่องเต้ ฮองเฮา พระสนมหรือชายงามที่เคยเลี้ยงไว้ ทุกคนบนโลกใบใหม่ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตนเองอยู่รอด
แน่นอนว่าถ้าครอบครัวมีฐานะก็เป็นอีกเรื่อง แต่เห็นได้ชัดว่าฐานะครอบครัวของซางอิ๋งนั้นย่ำแย่สุดๆ!
ตกลง ท่านหญิงอย่างนางกำลังโป๊ะปังถังแตกจริงเหรอเนี่ย?

คำนำสำนักพิมพ์ :
เนื่องจากทางสำนักพิมพ์เคยนำเสนอนิยายแนวย้อนเวลามาหลายเล่มแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล็อตยอดฮิตแบบที่คนในยุคปัจจุบันย้อมกลับไปสร้างชื่อเสียงในอดีต จึงทำให้เกิดความคิดว่า แล้วจะมีบ้างไหมที่คนในอดีตข้ามมาอาศัยในยุคปัจจุบันบ้าง ถ้ามี แล้วพวกเขาจะใช้วิชาความรู้ ความสามารถ และแนวคิดแบบคนสมัยเก่าเพื่อเอาตัวรอดในโลกศิวิไลซ์กว่าได้หรือไม่ ฟ้าส่งข้ามาลุย เป็นซีรี่ส์ที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นี้ นวนิยายทุกเรื่องในซีรี่ส์ส่งข้ามาลุย จะถูกคัดเลือกมาจากนิยายที่พลิกด้าน "จากอดีตข้ามมาปัจจุบัน" โดยจะนำเสนอทั้งหมดสี่ภาค จากสี่นักเขียน โดยที่แต่ละภาคจะไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวเนื่องกันเลย นักอ่านสามารถอ่านแยกเรื่องได้อย่างเสรี เริ่มจากภาคนี้เป็นภาคแรก "ภาท่านหญิง" ต่อด้วยภาคนางมาร ภาคจอมยุทธ์ และจะปิดท้ายด้วยภาคจักรพรรดินี

ทีมงานห้องสมุด


เล่ม 1 :

หลี่เชี่ยน ท่านหญิงหลีหยาง ท่านหญิงจากยุคราชวงค์ถังคาดไม่ถึงว่าเมื่อตายไปแล้วหลังจากอายุสิบแปดปีที่ล้มป่วยและทรุดลงเรื่อยๆจะมาฟื้นในยุคนี้ ในร่างของซางอิ๋งที่เป็นดาราตัวประกอบ เพิ่งฟื้นจากการประสบอุบัติเหตุ ผลออกมาว่าสูญเสียความทรงจำ ตอนนี้นางต้องเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ และทำความเข้าใจกับร่างนี้ให้มากที่สุด หลังจากพักฟื้นอ่านหนังสือทำความเข้าใจต่างๆ เสี่ยวเจี่ย เจี่ยชุนหยง อาแซมผู้จัดการส่วนตัวที่พ่อแม่เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ของซางอิ๋งก็มาบอกว่าหาบทให้ได้แล้วคราวนี้เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย บทที่ได้เป็นการแสดงในยุคโบราณก็ง่ายสำหรับท่านหญิงที่ใช้ชีวิตแบบนี้เรียกได้ว่าสวมบทได้ทันที และคนรอบข้างก็เริ่มสังเกตเห็นว่าซางอิ๋งเปลี่ยนไป
เมื่อเจอกับลู่เหิงแฟนเก่าที่เคยคิดจะเกาะเป็นบันไดก็ไม่รู้สึกอะไร ลู่เหิงก็ดันเรียกออกมา ซางอิ๋งซึ่งเปลี่ยนไปแล้วทำตัวตามสบาย ผิดจากเมื่อก่อน ทั้งยังเสนอตัวช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา เพราะดูแล้วลู่เหิงก็ไม่ได้เสเพลเจ้าชู้ ครอบครัวที่ว่าวุ่นวายยังไม่เท่ากับสมัยถังที่ตัวเองเคยอยู่ที่ต้องอยู่ในจุดสูงเป็นที่ชื่นชอบของเสด็จป้าฮองเฮาอู่เจ๋อเทียน เรื่องแค่นี้เล็กน้อยที่สุด ซางอิ๋งจึงให้คำแนะนำและบอกว่าจะไปหาของขวัญวันเกิดคุณปู่ผู้เฒ่าลู่ด้วยกัน ซึ่งประมูลภาพที่ผู้เฒ่าลู่ชอบมาได้ผิดจากปีที่แล้วที่โดนหลอกลิบลับ ตอนนี้ลู่เหิงเลยช่วยหาบทให้ เรื่องแรกได้เล่นเรื่องศึกชิงบัลลังก์ราชวงศ์ฮั่น เนื้อเรื่องเริ่มขึ้นสมัยปลายรัชสมัยฮั่นเกาจู่-หลิวปัง กับดาราชายอันดับหนึ่งโจวม่อไหวที่ชื่นชอบการเขียนภาพอักษร ซางอิ๋งจากการโดนแกล้งในกองถ่ายของคนที่เขม่นหน้าทำให้ต้องเขียนภาพคืนเลยได้แสดงฝีมือให้เห็นอีก ซึ่งเป็นระดับอาจารย์เลยทีเดียว
พอมาเจอลู่เหิงเพื่อปรึกษาเรื่องงานเพราะได้รับการยอมรับจากคุณปู่ ซางอิ๋งเลยออกความคิดให้เปิดร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์ของสมัยราชวงศ์ถังให้เป็นจุดขาย ลู่เหิงเห็นดีด้วย และก็ไปปรึกษาเพื่อนสนิทอีกสองคน ซึ่งซางอิ๋งก็ได้ช่วยจางเจียหงจากการแข่งม้า ทำให้ยิ่งสนิทกันจางเจียหงนับถือซางอิ๋งเป็นพี่สาวบุญธรรมหลังจากโดนซางอิ๋งปฏิเสธการจีบ และยังได้รู้จักเหอจื้อเหมี่ยน ซางอิ๋งเข้ากับพวกคุณหนูคุณชายได้ดีทีเดียว เพราะตัวเองเป็นท่านหญิงแถมยังมองออกว่าทำไมความคิดแต่ละคนไม่ซับซ้อนขนาดนี้ และทุกคนก็ชื่นชอบซางอิ๋งมากด้วย ตอนที่ซางอิ๋งอ่านบทละครก็มีความคิดว่าบทพวกนี้ไม่สมจริงเอาซะเลย จึงลองเขียนบทละครดูบ้างโดยใช้เรื่องราวของหลี่ซื่อหมินเป็นแกนหลัก การแย่งชิงอำนาจของกลุ่มต่างๆช่วงปลายราชวงศ์สุย การต่อสู้ในราชสำนักช่วงต้นราชวงศ์ถังเรื่องราวความรักของสามีภรรยาและการแก่งแย่งระหว่างนางสนม รวมทั้งการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองดำเนินเรื่องไปในแนวสมจริง และให้อาแซมเป็นคนไปเสนอขาย ตอนนี้ซางอิ๋งมีความคิดว่าจะต้องซื้อบ้านให้ได้เพราะว่าบ้านที่อยู่มันเล็กเกินไป และตัวเองก็สามารถคบหากับพวกลู่เหิงได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ลู่เหิงและเพื่อนสนิทอีกสองคนคือจางเจียหง และฟางรุ่ยชิวซึ่งทำงานกับครอบครัวดูไปแล้วปกติที่สุด ยุ่งที่สุดไม่เหมือนกับคุณชายว่างงานทั้งสองก็เห็นดีด้วย ร้านอาหารเป็นรูปร่าง โดยซางอิ๋งเป็นคนกำหนดรูปแบบต่างๆ อาหาร จุดเด่นเฉพาะของร้าน รวมถึงรูปวาดของแต่ละห้องอีกด้วย อีกทั้งตั้งชื่อร้านว่า เซิ่งถัง
เจ้าของร่างเดิมของซางอิ๋งไม่ถูกกับเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย เซียวเยว่เหยียนตั้งแต่ตอนเรียน และตอนนี้ยังได้เป็นนางเอกหลายเรื่อง ส่วนตัวเองเป็นแค่นักแสดงตัวประกอบปลายแถว  วันนี้ต้องมาเจอกันที่งานเลี้ยงรุ่นและยังโดนแกล้งแต่ซางอิ๋งก็สามารถรับมือได้ ทั้งยังมาเยาะเย้ยเรื่องที่ได้แสดง ตำนานรักชิงไท่จง ตัวเองรับบทสนมจวง ส่วนซางอิ๋งได้รับบทอูหลันเป็นแค่บทเล็กๆเท่านั้น และแล้วสองหนุ่มลู่เหิงและจางเจียหงก็มารับซางอิ๋งเพราะหาตัวพ่อครัวมาได้แล้ว อาแซมมาปรึกษากับซางอิ๋งเรื่องบทละครที่เขียนบริษัทเซิ่งหลงซื้อตอนละหนึ่งหมื่นหยวน รวมสามสิบตอน แต่ซางอิ๋งคิดว่าโครงเรื่องใหญ่ขนาดนี้น่าจะซักห้าสิบหกสิบตอนถึงจะสมบูรณ์
ตอนที่ซางอิ๋งไปรายงานตัวที่กองถ่าย ตำนานรักชิงไท่จง ก็เอาเวลาว่างมาเขียนบทละครด้วย แถมโจวม่อไหวที่ถ่ายละครโรงถ่ายข้างๆยังโทรมาชวนไปกินข้าวอีก กลับมาก็เจอเรื่องกลั่นแกล้งในกองถ่ายหาว่าขโมยกระเป๋าของไป๋เจินเจินไป แต่ดีที่แก้ข้อกล่าวหาได้ทั้งยังทีโจวม่อไหวเป็นพยานให้อีก หลังจากถ่ายละครเสร็จได้กลับบ้าน เหอจื้อเหมี่ยนก็บอกว่าทางบ้านเกิดเรื่อง ซางอิ๋งก็ถูกลู่เหิงพามาดูความก้าวหน้าของร้านอาหาร และบอกว่าจะวาดภาพเอง ทั้งยังให้โจวม่อไหวมาช่วยออกความเห็นบอกว่ามีประโยชน์กว่าทำเอาคุณชายลู่น้อยใจไปเลยทีเดียว และแล้วบทละครของซางอิ๋งจะได้เอาไปทำละคร ตอนนี้ต้องตั้งชื่อละคร อาแซมมีตัวเลือกซึ่งไม่ถูกใจซางอิ๋งทั้งสองชื่อ สุดท้าย.ซางอิ๋งให้อาแซมเลือก ตำนานลับถังไท่จง
ลู่เหิงชวนซางอิ๋งไปงานหมั้นของญาติผู้พี่ลู่อวี๋ ในที่สุดก็ได้ข่าวเหอจื้อเหมี่ยน ปรากฎว่าพ่อของเหอจื้อเหมี่ยนเป็นโรคหัวใจและอยู่ดีๆก็มีลูกชายลับๆมาอีกคนกับเมียเก็บที่เลี้ยงลูกมาจนลูกชายอายุสิบสามปี เหอจื้อเหมี่ยนจึงรับไม่ได้ แต่เมื่อมีซางอิ๋งอยู่และได้ระบายออกมาก็ดีขึ้น
ศึกชิงบัลลังก์ราชวงศ์ฮั่นเป็นที่นิยมมาก ทำให้คนรู้จักซางอิ๋งมากขึ้นไปด้วย ตอนนี้บทละครของซางอิ๋งเปลี่ยนชื่อเป็น รัชสมัยเจินกวน และอยากให้ซางอิ๋งแสดงบทฮองเฮาฉางซุน กับอีกเรื่องเป็นสนมว่านกุ้ยเฟยซึ่งซางอิ๋งชอบบทนี้มาก  ส่วนละครแนวปัจจุบันซางอิ๋งไม่รับเล่น  
วันเทสต์หน้ากล้อง ปีที่หกแห่งรัชสมัยเฉิงฮว่า ตรงกับวันเปิดภัตตาคารพอดีซางอิ๋งเลือกไปเทสต์หน้ากล้อง ซึ่งซางอิ๋งรับบทว่านกุ้ยเฟย โจวม่อไหวรับบทฮ่องเต้จูโย่วถัง พระเอกของเรื่อง ทั้งสองคนคุยกัยถูกคอยังโยงไปถึงลู่เหิงผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกด้วย

หลังอ่านเล่ม 1 :
แนวเรื่องแปลกไปจากเดิม เพราะเป็นเรื่องราวของท่านหญิงหลีหยางยุคราชวงศ์ถังมายังยุคปัจจุบัน เข้าร่างนักแสดงปลายแถวที่หวังจับทายาทเศรษฐี พอฟื้นขึ้นมานางก็เปลี่ยนไป พระเอกที่ว่าเป็นคุณชายเอาใจยาก ก็ไม่เหลือรอดเพราะท่านหญิงไม่สน ดูออกง่ายจะตาย ทำอะไรไม่ได้ก็เป็นแมวพองขน เรื่องราวน่ารักมากๆ นางเอกเก่งมาก ใช้ความสามารถของตัวเอง ในการอยู่ในยุคปัจจุบัน นางจะคิดตลอดว่าต้องหาเงินมาซื้อบ้านหลังใหญ่ ยุคนี้ไม่เปิดให้เลี้ยงผู้ชายน่าเบื่อจริงๆ ทำยังไงดีเนี่ย อ่านไปขำไปกับความโดนแกล้งของพระเอก และดูว่าซางอิ๋งจะใช้ชีวิตในยุคนี้ได้ยังไงเพราะสามารถเอาประสบการณ์ต่างๆในชีวิตเดิม มาปรับใช้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ใครๆก็แกล้งนางไม่ได้เลย มีแต่นางคอยกลั่นแกล้งพระเอกและคนรอบข้าง ทั้งยังกตัญญูต่อมารดาของร่างผู้ให้กำเนิดด้วย

เล่ม 2 :


ช่วงเวลาว่างในการถ่ายละคร ซางอิ๋งจะเขียนบทละครเรื่องต่อไป ทั้งวางโครงเรื่อง วางแนวทางของตัวละคร จนถึงตอนที่ต้องเข้าฉาก ก็เกิดเรื่องกับโน้ตบุ๊คที่ซางอิ๋งใช้ แต่ดีที่ซางอิ๋งระวังทุกอย่างไม่กระทบต่องาน และโน้ตบุ๊คเครื่องนี้ก็เป็นของลู่เหิงอีกด้วย แมวน้อยลู่เหิงคิดถึงซางอิ๋งจนต้องหาข้ออ้างมาที่กองถ่ายก็ยังถูกซางอิ๋งจับได้ แมวน้อยจริงๆ แล้วลู่เหิงก็ได้เห็นตอนซางอิ๋งแสดงเป็นว่านกุ้ยเฟยยิ่งตกหลุมรักเข้าไปใหญ่ หัวใจดวงน้อยๆเต้นแรงทีเดียว
ถึงเวลาของงานเลี้ยงฉลองงานหมั้นลูกพี่ลูกน้องของลู่เหิงพอดีที่ซางอิ๋งไม่มีบทต้องเข้าฉากอีก ผู้เฒ่าลู่เห็นลักษณะมีสง่าราศีของซางอิ๋งก็แอบพยักหน้าในใจ
ในงานเลี้ยงซางอิ๋งโดนอาหญิงของลู่เหิง ที่ร่วมมือกับป้าสะใภ้ใส่ร้ายแต่สุดท้ายคนชอบวางแผนก็เป็นฝ่ายถูกจัดการซะเองเพราะซางอิ๋งช่างสังเกตและรู้ว่าไม่ใช่ผู้หวังดีแน่นอน
เหอจื้อเหมี่ยนอยากทำให้พ่อของตัวเองเห็นความสามารถ ตอนที่มาขอความเห็นว่าควรจะทำอะไรดีนี่จางเจียหงคิดได้ฮามากแต่ละอย่าง สุดท้ายคิดว่าจะทำธุรกิจเสื้อผ้า และเยี่ยมพ่อแม่ของจางเจียหงอย่างเป็นทางการด้วย และก็มีข่าวจากอาแซมว่าซางอิ๋งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมรางวัลซิงฮุย ที่มีชื่อเต็มว่ารางวัลภาพยนตร์จิ่วโจวซิงฮุย จากเรื่องศึกชิงบัลลังก์ราชวงศ์ฮั่น ที่มีโจวม่อไหวแสดงด้วย
ก่อนถึงวันงานซางอิ๋งแวะไปที่เซิ่งถังและได้เจอกับเฉินชิ่นที่เจ้าของร่างเดิมเคยมีเรื่องด้วยจนเกิดอุบัติเหตุกับผู้อำนวนการอวี๋ที่เป็นคนซื้อบทละครของซางอิ๋งไปทำละคร พอมีเรื่องเพราะอยากจะเอาใจเฉินชิ่นเลยตัดสินใจตัดซางอิ๋งออกจากบท เรื่องนี้ซางอิ๋งไม่สนใจเพราะซางอิ๋งได้ระบุบางอย่างในสัญญาที่ทำกับเซิ่งหลง
สุดท้ายแล้วซางอิ๋งก็เป็นคนที่ได้รับรางวัลซิงฮุย ผู้อำนวยการอวี๋คิดจะใช้บทในรัชสมัยเจินกวนมาหลอกซางอิ๋ง ซางอิ๋งกำลังจัดการก็โดนลู่เหิงขัดจังหวะซะก่อน
พอถึงตอนถ่ายทำทุกคนก็ได้รู้ว่าซางอิ๋งเป็นนักเขียนบท ทั้งยังรู้รายละเอียดต่างๆในช่วงราชวงศ์ถังที่ทำให้เฉินชิ่นที่อยากจะทำนอกบท พูดนอกบทก็ทำไม่ได้เพราะทุกอย่างมันเป็นเหตุเป็นผลกันอย่างชัดเจน
ผู้เฒ่าลู่มีเลือดออกในสมอง ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ผู้เฒ่าลู่ถามถึงอนาคตของลู่เหิง และบอกว่าให้ไปฝึกงานที่แผนกทรัพยากรบุคคลครึ่งปี เพื่อให้ฝึกมองคนจะได้ปกป้องซางอิ๋งได้
โจวม่อไหวชวนซางอิ๋งมาเล่นละครที่เขาลงทุน เรื่องยมบาล พอพูดถึงความสนิทสนม ไป๋เจินเจินที่อยู่ในกองเตือนว่าให้ระวัง เวิงจื่อหาน
ลู่เหิงทำงานที่บริษัทก็โดนผู้จัดการฝ่ายไม่ชอบเพราะอยู่ดีๆก็มา จนลู่เหิงหาทางเข้ากับพนักงานได้ และรู้เรื่องราวในแผนกพอสมควร
โจวม่อไหวทำคะแนน ลู่เหิงจะทำยังไงเนี่ย แล้วยังพาซางอิ๋งไปบ่อน้ำพุร้อนอีก ทำให้ได้เจอเวิงจื่อหานเป็นครั้งแรก และยังคุยกันลองจูบกัน ซางอิ๋งก็ตรงซะขนาด บอกว่าเหมือนจูบตัวเอง เป็นเพื่อนกัน เป็นคนรู้ใจกันดีแล้ว แต่แล้วก็มีภาพแอบถ่ายออกมา
ลู่เหิงรู้ข่าวทีหลังในมโนภาพตัวเองเป็นใหญ่ แต่ความจริง เสียงอ่อนทีเดียว กลัวแฟนโกรธมาก ลู่เหิงเลยตัดสินใจกลับแผ่นดินใหญ่พร้อมทั้งเอาคนของคุณปู่ไปด้วยซะเลย ทำให้เหอจื้อเหมี่ยนได้ผู้ช่วยมาหนึ่งคนคือกวนชิง ซึ่งเป็นคนมีความสามารถแต่ดันไม่ถูกชะตากับผู้จัดการฝ่ายโดนคัดออกตอนสัมภาษณ์  
เวิงจื้อหานภายนอกดูเป็นดาราหญิงซูปเปอร์สตาร์ที่ใจดี แต่ความจริงแล้วไม่เป็นแบบนั้น คอยเล่นงานซางอิ๋ง แต่ซางอิ๋งก็สามารถรับมือได้เป็นอย่างดีจนสุดท้ายเวิงจื่อหานก็ต้องหมดสิ้นอนาคตลง และเฉินชิ่นที่เป็นคนสนิทก็เกือบโดนซางอิ๋งเล่นงาน เรื่องนี้ทำให้เฉินชิ่นรู้ความน่ากลัวของซางอิ๋งไปเลยทีเดียว เพราะตอนนี้เป็นโลกของอินเตอร์เน็ตและแฟนคลับ ข่าวลือไปไกลในเรื่องจะเห็นการรับมือกับข่าวลือและการจัดการของซางอิ๋งที่เรียนรู้ได้ดีทั้งยังมีความสามารถมากอีกด้วย กับลู่เหิงหลังจากไปฝึกงานมาก็รู้จักใช้สมองมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกว่างงาน โดนซางอิ๋งแกล้งแต่ก็ยอมโดนให้แกล้ง วิธีขอแต่งงานที่ฮามากและพลาดตลอดของพี่แก ซางอิ๋งยังไม่สนใจ มาดูกันว่าแมวน้อยลู่เหิงจะทำยังไง หลังจากที่ไม่มีคุณปู่และได้รับมรดก ซึ่งมากกว่าที่คิดไว้เพราะตัวเองบอกคุณปู่เองว่าไม่เอามรดกของตระกูลลู่แต่คุณปู่รักนี่นะ ดูการเติบโตของลู่เหิง และซางอิ๋งยังช่วยเหลือเป็นกำลังใจ ให้คำปรึกษากับเหอจื้อเหมี่ยนคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็นจนสามารถบอกกับพ่อที่จากไปได้อย่างเต็มปาก
ในที่สุดซางอิ๋งก็ประสบความสำเร็จเพราะมีเพื่อนที่ดี และมีความสามารถ ทั้งยังอยู่ในยุคนี้ได้อย่างดีมีความสุข

หลังอ่านเล่ม 2 :
ซางอิ๋ง นางเอกของเราใช้ความสามารถที่มีมาตั้งแต่สมัยต้าถังมาประยุกต์ใช้กับเรื่องราวในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ในโลกของดาราก็เหมือนกับในราชสำนัก นางมองการณ์ไกล เดินหมากล่วงหน้า แถมยังมีมุกฮาๆของพระเอกและผองเพื่อน บุคลิกของพระเอกและเพื่อนทำให้นางเอกดูเป็นหญิงแกร่งที่พึ่งของทุกคนจริงๆ ใครเห็นใครก็รักถ้าไม่ใช่ตัวอิจฉา นางอยู่ในโลกปัจจุบันได้ดีเชียวล่ะ นักเขียนเขียนโยงเรื่องได้ดีมาก เรื่องราวแวดวงดาราเอามารวมกับการถ่ายหนังถ่ายละครได้รู้ถึงประวัติศาสตร์เป็นบางช่วงด้วย ยิ่งถ้าได้อ่านรัชศกเฉิงฮวาปีที่สิบสี่ยิ่งเข้าใจในบทบาทในเรื่องเข้าไปใหญ่ สนุกมากค่ะ ตามนักเขียนเลยทีเดียว
เนื้อเรื่อง :

หลี่เชี่ยน ท่านหญิงหลีหยาง ท่านหญิงจากยุคราชวงค์ถังคาดไม่ถึงว่าเมื่อตายไปแล้วจะมาฟื้นในยุคปัจจุบัน ในร่างของซางอิ๋งที่เป็นดาราตัวประกอบ เพิ่งฟื้นจากการประสบอุบัติเหตุ ผลออกมาว่าสูญเสียความทรงจำ ทำให้แม่ของซางอิ๋งเห็นความแตกต่างในตัวลูกสาวแต่ก็ไม่ว่าอะไร ท่านหญิงต้องทำความเข้าใจในยุคสมัยหลังจากที่นางอยู่คือราชวงศ์ถังและเป็นที่โปรดปรานของเสด็จป้าอู่เจ๋อเทียน ซึ่งในตอนนั้นยังไม่ได้ครองบัลลังก์ เพราะฉะนั้นเรื่องเร่งด่วนคืออ่านหนังสือเรียนรู้เรื่องราวต่างๆหลังจากนั้น
ซางอิ๋งก็ได้อาแซมผู้จัดการส่วนตัวที่พ่อแม่เป็นเพื่อสนิทกันคอยดูแลรับงานให้ ทำให้ได้ไปเล่นบทตัวประกอบเล็กๆ พอไปเล่นก็เป็นละครโบราณซางอิ๋งก็ใช้ตัวตนเดิมที่เคยเป็นมาตลอดเข้าถึงบทได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเป็นคนใหม่เพราะฉะนั้นคู่กรณีเดิมที่ทำให้ตัวเองมีเรื่องตบตีจนเกิดอุบัติเหตุย่อมไม่อยู่ในความสนใจของซางอิ๋ง คุณชายรองลู่เหิงที่ได้ชื่อว่าคุณชายเสเพลเจ้าชู้ ซางอิ๋งก็ไม่สนใจ แต่ลู่เหิงกลับเห็นความแตกต่างเพราะซางอิ๋งดูไม่เหมือนเดิมและเล่าเรื่องที่ทำให้ตัวเองกำลังไม่สบายใจออกมา ลู่เหิงไม่รู้แต่ซางอิ๋งรู้เพราะลู่เหิงดูออกง่ายมากเมื่อเทียบกับเหล่าชนชั้นสูงสมัยโบราณที่ท่านหญิงเคยเจอ
สรุปว่าซางอิ๋งช่วยแก้ปัญหาให้ลู่เหิงได้ และยังได้รับการยอมรับจากผู้เฒ่าลู่ จากเรื่องนี้ลู่เหิงนึกว่าตัวเองทำดีมากโดยการหาบทให้ซางอิ๋งอีกสองเรื่อง จริงๆแล้วซางอิ๋งไม่สนใจเลยเพราะคิดว่าบทละครสมัยนี้ไม่สมเหตุสมผล เนื้อเรื่องผิดไปหมด เลยคิดจะเป็นนักเขียนบทซะเอง เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆลู่เหิงชอบมาถามความเห็นซางอิ๋ง สุดท้ายก็ได้ซางอิ๋งออกความคิดให้เปิดภัตตาคารระดับสูงที่เป็นเอกลักษณ์ เรื่องนี้ทำให้ซางอิ๋งได้รู้จักเพื่อนสนิทของลู่เหิงอีกสองคนคือจางเจียงหงอีกหนึ่งคุณชายเสเพล และฟางรุ่ยชิว ทั้งยังได้รู้จักกับเหอจื้อเหมี่ยนอีกคนด้วย
เรื่องที่ซางอิ๋งรับเล่น ได้เจอกับโจวม่อไหวดาราชายอันดับหนึ่งที่ใครเห็นก็ต้องเกรงใจ แต่ซางอิ๋งก็แสดงด้วยได้อย่างดีทั้งยังเพราะโดนแกล้งทำให้ได้แสดงฝีมือการเขียนภาพอักษรเป็นที่สนใจของโจวม่อไหว เรื่องงานในฐานะนักแสดงซางอิ๋งก็รับมือได้เป็นอย่างดี ด้วยบุคลิกสง่างาม ฉลาดทันคน เรื่องส่วนตัวคุณชายรองลู่ก็ยิ่งหลงรักซางอิ๋ง แต่ซางอิ๋งกลับเห็นเป็นแมวน้อยน่ากลั่นแกล้ง และก็โต้ตอบกลับไม่เคยได้
คนอิจฉาจะมาอยู่เรื่อยๆแต่ก็จะพ่ายแพ้เพราะซางอิ๋งไม่เคยพลาดท่าให้กับใคร นางดูคนออกมองการณ์ไกลสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ตลอดเวลาเพราะพอเทียบดูกับสมัยก่อนก็ไม่เกินคาดเดาไป
สุดท้ายเรื่องที่ซางอิ๋งอยากได้มากที่สุดตั้งแต่มาถึงยุคนี้ก็คือการซื้อบ้านหลังใหญ่ เพราะตั้งแต่เริ่มจะเห็นว่าซางอิ๋งจะทำงานเก็บเงินเพราะบ้านที่อยู่มันแคบไป มาดูกันว่าซางอิ๋งที่บอกว่าได้สัตว์เลี้ยงมามากมายทั้งแมว ทั้งหมาพุดเดิ้ล ทั้งจิ้งจอกหิมะ ทั้งหมาบ้านเฝ้านาจะอยู่ในยุคปัจจุบันได้อย่างมีความสุขและดีแค่ไหน เพราะนางเก่งจริงๆสามารถนำประสบการณ์ในชาติก่อนมาประยุกต์ใช้ได้ในทุกเรื่อง หญิงแกร่งและเก่งจะเลี้ยงแมวน้อยยังไงนะเนี่ย

หลังอ่าน :
เพราะว่าประสบการณ์ในชาติก่อนทำให้ซางอิ๋งมองคนออกทะลุปรุโปร่ง อีกทั้งความสามารถในฐานะท่านหญิงหลีหยางก็ต้องไม่ธรรมดา ความรู้สูงส่ง โครงฉันท์ กาพย์ กลอน ภาพอักษร เป็นสิ่งที่ซางอิ๋งสามารถทำได้
บทละครที่เห็นมันไม่ตรงเพราะฉะนั้นก็ต้องเขียนเองสิถึงจะทำเอาคนตะลึงเพราะมันสมจริง และถูกต้อง คนที่บอกว่าซางอิ๋งเป็นคนไม่มีความรู้ก็ไม่ต้องไปแก้ข่าวคอยให้เรื่องราวเปิดเผยออกมาเอง และเพราะซางอิ๋งก็ทำให้ลู่เหิงดีขึ้น เห็นความสามารถแต่ก็ยังเป็นแมวน้อยของซางอิ๋งไปตลอดล่ะอันนี้ฮามากระหว่างเรื่องเครียดๆ จะมีเรื่องแก็งค์พระเอกและเพื่อนที่ฮาได้ตลอดเวลา มุกนี่เยอะมากจริงๆ
แนวเรื่องจะเป็นเรื่องราวในแวดวงการแสดงของซางอิ๋ง แต่เพราะเป็นคนโบราณจะรับเฉพาะเรื่องโบราณ แนวปัจจุบันไม่รับ การเล่าเรื่องจะเล่าเหตุการณ์ปัจจุบันกับเนื้อเรื่องที่แสดง และช่วงเวลาตอนรับบทซึ่งเป็นฉากโบราณ ช่วงนี้จะทำให้เข้าใจถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ จะบอกว่านี่คือตัวละครสมมติ นี่คือเรื่องราวที่ถูกเอามาเล่าบ่อยครั้งน่าสงสารฮ่องเต้สมัยนั้น ฮ่องเต้องค์นี้ที่ถูกเอามายำจนไม่เหลืออะไรแล้ว
และเพราะบทของซางอิ๋งที่แสดงและได้รับรางวัลกับโจวม่อไหวเป็นช่วงรัชศกเฉิงฮว่า ว่านกุ้ยเฟย นักเขียนก็เขียนได้ดี จนอยากจะกลับไปอ่านรัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่อีกรอบทีเดียว
ตัวละครมีเอกลักษณ์ มีจุดจบชัดเจน ลาสบอส ตัวร้ายมีให้เห็นจุดจบของแต่ละคน รับรองว่าอ่านแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ