Monday, March 30, 2020

#หวู่โจ้โฉมงามอัจฉริยะ #4เล่มจบ #สนพ.ต้นกล้าป่าไผ่


Review 11/2563
เรื่อง : หวู่โจ้ ... โฉมงามอัจฉริยะ (4 เล่มจบ)
ผู้แต่ง : QingXianYaTou
ผู้แปล : ทีมต้นกล้าป่าไผ่
สำนักพิมพ์ : ต้นกล้าป่าไผ่
พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2563

โปรยปกหลัง :

ฉูฉู่เป็นนักชันสูตรพลิกศพฝีมือเยี่ยม
เฉลียวฉลาดที่ เก่งกาจที่สุด และสวยที่สุด ... ในบ้านนอก
ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยเดินทางเข้าเมืองหลวงสักครั้ง
หลังจากได้ฟังนักเล่านิทานคุยฟุ้งถึงองค์กรลับ ลิ่วซ่านเหมินนางก็เก็บข้าวของทันที
เอาล่ะ ... ชาตินี้นางจะทำงานที่นั้นแหละ!
ความคิดเองเออเองของฉูฉู่ อันอ๋องเซียวจิ่นอวี๋ไม่ได้รับรู้ด้วย
ในฐานะนายใหญ่แห่งกรมอาญา เซียวจิ่นอวี๋เองก็ไม่รู้จักลิ่วซ่านเหมิน
แต่จู่ๆ ก็มีเด็กสาวนางหนึ่งมาทึกทักเอาว่ากรมอาญาของเขาเป็นสถานที่แห่งนั้น
อีกทั้งนางยังพยายามยัดเยียดตัวเองมาทำงานกับเขา
เพราะนึกไปว่าเขาคือ ตุลาการหน้าหยกในนิทานของนาง!
คนหนึ่งมีเหตุผล
อีกคนจินตนาการล้ำเลิศ
ทั้งคู่จะทำงานด้วยกันรอดหรือ?

เล่ม 1 :


คดีความที่1 : พุทราน้ำขิง

ฉูฉู่ออกจากบ้านเกิดหมู่บ้านฉูสุ่ย เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อตามหาลิ่วซ่านเหมิน การเดินทางของฉูฉู่นั่นขึ้นรถ ลงเรือ นางก็จะบอกว่าจะไปลิ่วซ่านเหมินแห่งเมืองหลวง จนมาถึงเมืองหลวงยังไงก็หาลิ่วซ่านเหมินไม่พบ แต่ได้พบพี่ชายใจดี จิ่งอี้ที่บอกว่ามีการสอบนักชันสูตรที่ลิ่วซ่านเหมินจริง แต่มีกรมอาญาเป็นผู้ดูแล ฉูฉู่จะมาสอบเป็นนักชันสูตร ตามที่อาจารย์ต่งเล่าให้ฟัง
ฉูฉู่นางช่างใสซื่อ คิดอะไรต่างจากคนอื่น แต่มันก็เป็นเหตุผล ทำเอาคนคุยด้วยพูดไม่ออกไปตามๆกัน นางจะแนะนำตัวกับทุกคนว่าข้าชื่อฉูฉู่ที่มาจากฉูฉู่ต้งเหริน สาวงามนะเนี่ย
ทั้งเจ้าของโรงเตี๊ยม จากที่จะคิดเงินยังกลายเป็นต้องให้พักฟรีแถมข้าวให้อีกสองมื้อ พอกินแล้วไม่ถูกใจยังไปบอกอีกว่ามื้อเช้าอยากกินอะไร
เซียวจิ่นอวี๋ อันอ๋อง ผู้ดูแลซานฝ่าซือ  สุดท้ายเซียวจิ่นอวี๋ก็ต้องไปดูการสอบของฉูฉู่ ฉูฉู่ฝีมือการชันสูตรดีมาก แต่ตรรกะการคิดของนางก็ประหลาดมากๆเช่นกัน ทำให้ต้องคอยจับตาดูไปก่อน
อู๋เจียงองค์รักษ์ประจำตัวของเซียวจิ่นอวี๋มารับฉูฉู่ไปพักที่ตำหนักอันอ๋องเพื่อคอยจับตามอง ฉูฉู่ก็ยังพูดเรื่องลิ่วซ่านเหมินไม่รู้จบ เจอใครก็พูดเรื่องลิ่วซ่านเหมิน ขนาดเจอท่านอ๋องเองตอนแรกยังนึกว่าเป็นศพมีชีวิตที่จะให้ทดสอบเข้าไปอีก อ่านแล้วสุดจะฮา แต่สุดท้ายพอรู้ความจริงสิ่งเดียวที่กลัวคือการโบยก้น
ฉูฉู่ยังช่วยเซียวจิ่นอวี๋ชันสูตร และยังสามารถหาหลักฐานที่คนทั้งหมดหาไม่ได้ด้วยความไม่ตั้งใจอีกด้วย จนฮ่องเต้ที่บอกว่าจะให้รางวัลถามว่าอยากได้อะไร สิ่งที่ฉูฉู่อยากได้คือท่านอ๋อง เพราะฉูฉู่ประทับใจท่านอ๋อง อยากติดตามเพื่อเรื่องร็การสืบคดีกับท่านอ๋อง ส่วนท่านอ๋องทั้งที่ไม่เคยต้องคอยอธิบายอะไรพอเป็นฉูฉู่ต้องเกรินนำซะนาน ตอนนี้ฉูฉู่เลยบอกว่าท่านอ๋องต้องไปสู่ขอนางที่บ้านนะ จึงต้องเดินทางออกจากเมืองหลวงไปด้วยกัน

คดีความที่ 2 : ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน

อันอ๋อง เซียวจิ่นอวี๋ ออกเดินทางพร้อมด้วยฉูฉู่และองค์รักษ์อีกสองคน ตอนนี้เองที่ท่านอ๋องเห็นว่าฉูฉู่อ่านตำนานมือปราบทั้งเก้าแห่งลิ่วซ่านเหมินที่นางคอยฟังและจดเล่มเล่มได้สามเล่มจากอาจารย์ต่ง นักเล่านิทานที่โรงน้ำชา เลยขอยืมอ่าน ท่านอ๋องอ่านอย่างตั้งใจเพราะว่าสุดท้ายทุกเรื่องเป็นเรื่องจริง สรุปว่าอาจารย์ต่งเป็นใครที่รอท่านอ๋องอยู่ที่ตำบลจื่อจู๋ จนมาถึงเมืองเซินโจวก็ได้พบกับถังเหยียน ที่เป็นคนในยุทธภพทั้งยังเป็นคนของท่านอ๋องที่ให้สืบคดีพอดี เซียวจิ่นอวี๋ร่างกายไม่แข็งแรงกินยามากมาย ตอนนี้ฉูฉู่ยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเซียวจิ่นอวี๋เป็นโรคอะไรกันแน่ แต่ก็คอยดูแลอย่างดีเพราะจะบอกอยู่เสมอว่าฮ่องเต้มองท่านให้ข้าแล้ว นางช่างใสซื่อจริงๆ ที่อำเภอซ่างหยวนที่เกิดเหตุ และท่านอ๋องต้องพักรักษาตัว ทำให้ต้องสืบคดี และยังได้พบกับท่านหมอกู้เฮ่อเหนียน

หลังอ่านเล่ม 1 :

ฉูฉู่ ที่มาจากฉูฉู่ต้งเหริน มาจากหมู่บ้านฉูสุ่ยเดินทางมาเมืองหลวงด้วยความมุ่งมั่นว่าจะเข้าสอบเป็นนักชันสูตรของลิ่วซ่านเหมินให้ได้ หนูฉุ่ผู้ใสซื่อเป็นน้ำเปล่า แต่เก่งด้านการชันสูตรที่สุดมาเมืองหลวง มาหาลิ่วซ่านเหมินได้ช่วยอันอ๋องไขคดีปริศนา รางวัลที่ขอจากฮ่องเต้คือขอท่านอ๋องเพคะ หนูฉู่จึงต้องขอให้ท่านอ๋องกลับไปสู่ขอนาง และแล้วท่านอ๋องก็ได้อ่านนิทานลิ่วซ่านเหมินของหนูฉู่จะมีใครรออยู่ที่หมู่บ้านกันนะ เรื่องราวชวนติดตาม ลักษณะนิสัยตัวละครชัดเจนมาก หนูฉู่ผู้ทำให้คนขำ ฮา พูดไม่ออก นางใช้ตรรกะอะไรคิดนะ ในหัวสมองน้อยๆมีอะไรอยู่กันแน่ แต่เรื่องชันสูตรแม่นยำเมื่อรวมกับท่านอ๋องที่ฉลาดขนาดนี้จะไขคดีได้ขนาดไหน มาตามอ่านกันค่ะ

เล่ม 2 :

คดีความที่ 2 : ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน (ต่อ)

ท่านอ๋องสามารถตัดสินคดีนี้แต่กลายเป็นสามคดีรวมกัน ในเรื่องเดียว พอตัดสินคดีเสร็จก็ล้มลงอีกตามเคยก็ได้ ท่านหมอกู้เฮ่อเหนียน ที่มองออกว่าเซียวจิ่นอวี๋เป็นโรคไอพิษจากศพ และยังเป็นอาจารย์ของท่านหมอเย่เชียนชิวที่รักษาท่านอ๋องอยู่ที่ตำหนักอันอ๋องอีกด้วย เมื่อเสร็จคดีก็ออกเดินทางต่อไปไปบ้านฉูฉู่

คดีความที่ 3 : ลูกชิ้นสี่สุข

มาถึงอำเภอจื่อจู๋ก็หาอาจาจารย์ต่งไม่เจอซะแล้ว ที่บ้านของฉูฉู่เมื่อเจอท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ และพี่ชายในที่สุดเซียวจิ่นอวี๋ก็รู้ที่มาของฉูฉู่แต่ยังไงก็ยังจะแต่งงานกับนาง ตอนกินข้าวโรคก็กำเริบท่านปู่มองออกช่วยได้ และถามว่าเพราะอะไรเซียวจิ่นอวี๋เลยต้องบอกว่าตัวเองเป็นขุนนางไม่ได้รับเบี้ยหวัด เพราะว่าท่านปู่ไม่ชอบขุนนางใหญ่ เซียวจิ่นอวี๋มารู้ภายหลังว่าเพราะครอบครัวท่านย่าเคยโดนพวกขุนนางใหญ่เล่นงาน เซียวจิ่นอวี๋พาฉูฉู้ไปเยี่ยมอู๋จวิ้นอ๋อง เซียวเจวี๋ย ที่ได้รับโทษเนรเทศจากโทษกล่าวหาว่าก่อกบฏ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของพี่ชายคนที่สาม และในที่สุดเซียวจิ่นอวี๋ก็รู้ว่าองจารย์ต่งคือต่งเหยียน หน่วยสืบสวนแห่งวังหลวง และที่เซียวจิ่นอวี๋ไม่สบายเพราะต้นน้ำมีการพบชิ้นส่วนศพจำนวนมากนั่นเอง ตอนนี้ครอบครัวสกุลฉูทำการชันสูตรอยู่ มาอยู่บ้านสกุลฉูเซียวจิ่นอวี๋โดนท่านปู่ดุเป็นประจำ ฉูฉู่ก็ติดเซียวจิ่นอวี๋มาก คอยดูแลตลอด เซียวจิ่นอวี๋ให้จิ่งอี้กลับเมืองหลวงไปเอาบันทึกคดีของเซียวเจวี๋ยมา ตอนนี้เบาะแสต่างๆรวมกับการที่ฉูฉู่เล่าสภาพศพให้ฟังทำให้เซียวจิ่นอวี๋คาดการได้ ครั้งนี้เซียวจิ่นอวี๋เกือบตายอีกครั้งยังดีที่มีห่วงและได้ท่านหมอกู้มารักษาทัน ครอบครัวสกุลฉูเวลาแบบนี้ก็ยังจะแอบฮาได้อีก ในที่สุดเซียวจิ่นอวี๋ก็แต่งงานกับฉูฉู่

คดีความที่ 4 : แพะหันสมุนไพร

เซียวจิ่นอวี๋ได้บอกเรื่องอาจารย์ต่ง กับเรื่องไม่มีลิ่วซ่านเหมินแต่คดีที่อาจารย์ต่งเล่าคือคดีที่ตำหนักอันอ๋องรับทำ เท่านั้นแหละฉูฉู่ก็บอกว่าท่านคือตุลาการหน้าหยก ในที่สุดข้าก็หาเจอแล้ว ท่านอ๋องดีที่สุดเลย ฉูฉู่เข้าใจแบบนี้ก็แล้วแต่นางเถอะ จินตนาการนางล้ำเลิศกว่าใคร
เซียวเจวี๋ยได้รับมอบหมายภารกิจจากฮ่องเต้ ต้องออกเดินทาง ส่วนเซียวจิ่นอวี๋ก็จะเดินทางไปชายแดนทางเหนือ ฉูฉู่ยังไงก็จะตามไปด้วยเพราะไม่อยากแยกจากเซียวจิ่นอวี๋อีกแล้ว ก่อนไปเซียวจิ่นอวี๋ได้ไปถามท่านย่าถึงขุนนางใหญ่ในคดีบ้านเดิมท่านย่าในปีนั้น ท่านย่าบอกได้เพียงว่าแซ่ฉินตอนนั้นเป็นขุนนางใหญ่ของกรมอาญา
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงเหลียงโจว และฉูฉู่ยังจะได้พบกับเหลิ่งเยว่ ภรรยาของพี่ใหญ่จิ่ง เสี่ยวล่าเจียว หนึ่งในเก้ามือปราบของฉูฉู่อีกด้วย

หลังอ่านเล่ม 2 :

ครั้งนี้เซียวจิ่นอวี๋ออกเดินทางมาหมู่บ้านฉูสุ่ยได้รู้เรื่องราวของฉูฉู่ ทั้งยังมีคดีให้ต้องสืบอีก เซียวจิ่นอวี๋เกือบตายอีกครั้ง แต่ในที่สุดก็สามารถกลับมาได้เพราะว่ายังมีห่วง ก็คือฉูฉู่ และแล้วก็ได้แต่งงานกัน ต่อไปก็เดินทางต่อไปจับผีกันต่อ
ท่านอ๋องนี่ร่างกายอ่อนแอแต่เรื่องคดีต่างๆต้องยกให้จริงๆ ส่วนฉูฉู่เห็นแบบนี้เจอศพเป็นต้องชันสูตร นางต้องกอดท่านอ๋องนอนตลอดขี้อ้อนที่หนึ่งจริงๆ แต่สองคนนี้ก็อยู่ด้วยกันได้ ท่านอ๋องก็ใจอ่อนกับฉูฉู่ตลอดด้วย พอมาบ้านฉูฉู่ท่านอ๋องนี่โดนท่านปู่ดุตลอดเวลา ทำอะไรเป็นผิดไปหมด น่าสงสารเลยทีเดียว หมดมาดท่านอ๋องมาก พอมาเจอครอบครัวนี้ทำให้ท่านอ๋องรู้ว่าทำไม่ฉูฉู่ถึงมีความคิดประหลาดไม่เหมือนใคร แต่ท่านอ๋องชอบก็ไม่เป็นไร คดียังสืบได้ดี เรื่องราวชีวิตก็ยังสนุกไปกับท่านอ๋องและฉูฉู่ที่ตัวติดกันตลอด

เล่ม 3 :

คดีความที่ 4 : แพะหันสมุนไพร(ต่อ)

เดินทางมาถึงเหลียงโจวก่อนจะเข้าค่ายทหารเซียวจิ่นอวี๋ต้องทำความเข้าใจกับสถานการณ์ก่อน จึงพักที่สถานีพักม้าสอบถามเรื่องราว ตอนแรกว่าจะไม่ให้ฉูฉู่ไปด้วยแต่ฉูฉู่ไม่ยอม เข้าไปในฐานะหมอของเซียวจิ่นอวี๋ พอไปชันสูตรทหารที่ตายอย่างประหลาด และได้เหลิ่งเยว่มาเป็นผู้ช่วย ฉูฉู่เริ่มคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ เซียวจิ่นอวี๋ยังมองไม่ออก
องค์ชายสามทูเจวี๋ย อาสื่อน่าซูวู บอกว่าไม่ได้เป็นฝีมือของตน เพื่อไม่ให้เซียวจิ่นอวี๋เสียเวลาและบอกว่าชัยชนะที่ได้มาแบบนี้ไม่น่าภูมิใจ ช่วงนี้เซียวจิ่นอวี๋จะทั้งหึงทั้งงงว่าฉูฉู่เป็นอะไรแต่ยังคิดไม่ออก ศพที่ตายสามศพก็ให้ฉูฉู่ชันสูตร ฉูฉู่ชันสูตรบอกว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็กลับมาขอชันสูตรใหม่ และยังมีข่าวลืออีกว่าฉูฉู่เป็นนักชันสูตรทำให้ดวงไม่ดีไม่มีคนอยากให้นางช่วยในกระโจมทหารบาดเจ็บ จิ่งอี้ก็ปลอมเป็นทหารบาดเจ็บสืบข่าวอยู่ที่นั้น
ฉูฉู่เสียใจมาก มาถามเซียวจิ่นอวี๋ว่าที่ไม่ให้ปรนนิบัติเพราะรังเกียจฮุ่ยชี่ของตัวเองใช่หรือไม่เลยโดนเซียวจิ่นอวี๋อบรมไปชุดใหญ่ และให้เขียนหนังสือสำนึกผิด
จิ่งอี้เกิดเรื่อง ทั้งยังมีทหารตายอีกนายฉูฉู่ชันสูตรจนคนกลัวกันไปหมด กว่าเซียวจิ่นอวี๋ถึงรู้ว่าผู้ตายเป็นใครก็อีกวันหนึ่งเหมือนกับฉูฉู่ เพราะคนที่ตายคือเซวียชินบุตรชายคนที่สามของราชครูเซวีย ที่เซียวจิ่นอวี๋รู้เพราะเซวียหมิงเจ้าเมืองเหลียงโจวมาความปากร้ายของเขาทำให้ฉูฉู่ไม่ชอบ แต่เซียวจิ่นอวี๋บอกเหตุผลแล้วก็เข้าใจ
เซียวจิ่นอวี๋สามารถปิดคดีได้โดยคนร้ายยอมรับผิดทั้งยังบอกว่าคนที่ตายสมควรแล้วเพราะเป็นสายให้ทูเจวี๋ย โดยใช้สถานีพักม้าเป็นที่ส่งสารเรื่องนี้ยังต้องสืบอีกว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง เพราะเซียวจิ่นอวี๋มาบอกท่านแม่ทัพเหลิ่งภายหลังว่าทุกคนที่ตายมีเรื่องปมในใจในเรื่องนั้นๆ เมื่อคดีปิดเซียวจิ่นอวี๋ก็รีบออกเดินทางกลับเมืองหลวง

คดีความที่ 5 : ขาหมูน้ำตาลกรวด

เพราะการเดินทางยาวนานทำให้เซียวจิ่นอวี๋ล้มป่วยอีก อยากจะหาโรงเตี๊ยมพักก่อนก็ไม่มีที่ให้พัก ในที่สุดก็รู้ว่าเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันขึ้นเก้าค่ำมีการสอบคัดเลือกขุนนาง
กลับถึงตำหนักอันอ๋อง เซียวจิ่นอวี๋ถึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองต้องเป็นผู้คุมสอบร่วมกับราชครูเซวีย จะปฏิเสธก็ไม่ได้แล้วเพราะฉูฉู่นี่ปากเร็วเกิน การคุมสอบต้องไปอยู่ในสนามสอบถึงครึ่งเดือนฉูฉู่ขอตามไปด้วยคราวนี้ยังไงก็ไปไม่ได้ เซียวจิ่นอวี๋ก็ล้มป่วยอีก
วันสอบวันแรกก็เกิดเรื่องขึ้นกับผู้โกงการสอบ ต้องตามฉูฉู่มา ที่ฮาคืออู๋เจียงยังคิดว่าก่อนหน้านี้ท่านอ๋องยังป่วยจะเป็นจะตายตอนนี้ดีขึ้นขนาดนี้แกล้งป่วยก็ไม่ใช่ หรือเป็นโรคคิดถึงเมีย ฉูฉู่มาชันสูตรตอนแรกยังไม่พบความผิดปกติ แต่เพราะความสงสัยของฉูฉู่เลยทำให้รู้ว่าผู้ตายไม่เต็มใจฆ่าตัวตาย
ฉูฉู่มีดูแลเซียวจิ่นอวี๋ และยังไปทำอาหารให้ทุกคนรู้ว่าพระชายามีน้ำใจ จนฉูฉู่ได้พบกับสองผู้เฒ่าแซ่ฉินที่มาทำงานที่สนามสอบยี่สิบกว่าปีเพื่อตามหาลูกชายบุญธรรมที่มาสอบแล้วไม่กลับมา ฉูฉู่มาขอร้องเซียวจิ่นอวี๋ ซึ่งท่านอ๋องก็รับปาก
เซียวจิ่นอวี๋ สอบถามจากทหารเฝ้าห้องผู้โกงการสอบ และจับเท็จได้จนทหารยอมพูดความจริง ยังมีคนตายเกิดขึ้นอีกระหว่างที่เซียวจิ่นอวี๋ไม่สบาย พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่ามีอีกหนึ่งศพ ฉูฉู่ไปดูสภาพศพและมาบอกจุดสังเกตทั้งหมด ท่านอ๋องวิเคราะห์ ฉูฉู่ตรวจสอบหาหลักฐาน ราชครูเซวียบอกว่าให้ท่านอ๋องรีบปิดคดี วันสอบเสร็จก็สามารถรู้ตัวคนร้าย แต่ยังไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงทำก็เกิดเรื่องเพราะคนร้ายบีบคอท่านอ๋องซะจนท่านอ๋องเกือบตายอีกแล้ว

หลังอ่านเล่ม 3 :

ท่านอ๋อง เซียวจิ่นอวี๋ยังคงสืบคดีเก่งเหมือนเดิม แต่เวลาอื่นนี่ป่วยจนไม่รู้จะป่วยยังไง นอกจากตอนที่อยู่กับฉูฉู่ที่จะดูดี เพราะฉูฉู่รักและเอาใจใส่ท่านอ๋องตลอดเวลา เล่มนี้ยิ่งเห็นคนรักเมียติดเมีย กับฉูฉู่ที่ติดท่านอ๋องเช่นกัน ติดหนึบและรักมากดูแลตลอดเวลา ท่านอ๋อง ท่านดีที่สุด

เล่ม 4 :

คดีความที่ 5 : ขาหมูน้ำตาลกรวด(ต่อ)

เรื่องราวยังไม่เรียบร้อย ป้าฉินก็มาตายเพราะเห็นปานดำของหลี่หรูเซิงแล้วคิดว่าเป็นลูกบุญธรรมที่หายไป ได้ตายแล้ว เรื่องราวยังไม่จบอู๋เจียวมาบอกท่านอ๋องว่าแม่ทัพหวังเสี่ยวฮวาตายอีก พอเซียวจิ่นอวี๋กำลังจะไปดูศพ ฮ่องเต้ก็เสด็จมาเองเลยทีเดียวบอกว่ามีฎีกามากมาย ทั้งยังมีฎีกาเลือดจากเด็กชายลูกของหลี่หรูเซิงอีก งานนี้ยังไงก็ต้องลำบากท่านอาเจ็ดซักครั้ง ท่านอ๋องเลยต้องไปอยู่คุกฟ้าที่คุมขังคนในราชวงศ์ กลับได้มาเจออดีตเจ้าเมืองเซินโจวที่ถูกท่านอ๋องปลดเมื่อเดือนก่อนตอนนี้อ้วนกว่าเดิมอีก แกล้งท่านอ๋องเกือบตายดีที่ฉูฉู่มาทันทั้งยังบอกว่าท่านราชครูตรวจแล้วบอกว่าตอนนี้นางตั้งครรภ์แล้วด้วย ราชครูเซวียมาอยู่ในคุกแทนเซียวจิ่นอวี๋ให้เซียวจิ่นอวี๋รีบออกไปไขคดีก่อนที่การสอบจะเสร็จสิ้น เพราะต้องมีการตรวจข้อสอบอีก
เซียวจิ่นอวี๋ออกจากคุกพร้อมฉูฉู่กลับสนามสอบ ใช้เวลาไม่นานก็สามารถปิดคดีได้ โดยให้จิ่งอี้รับหน้าที่ไต่สวนไป แต่หลักฐานทุกอย่างเซียวจิ่นอวี๋รวบรวมให้ จิ่งอี้ก็ยังฮาได้ตลอด จนถึงตอนเจอฆาตกรตัวจริงและเปิดคดี จิ่งอี้กับอู๋เจียงนี่เข้าคู่กันดีจริงๆเชียว

คดีความที่ 6 : แมนจูฮั่นพร้อมพรัก

หลังปิดคดีเซียวจิ่นอวี๋สัญญาว่าจะพักผ่อนแต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะราชครูเซวียไม่ยอมออกมา เซียวจิ่นอวี๋จึงต้องเป็นคนตรวจข้อสอบ
วันเวลาผ่านไป ฉูฉู่คลอดบุตรชายตั้งชื่อให้ว่าชิงผิงแต่ร่างกายอ่อนแอ วันที่อายุครบหนึ่งขวบจะจัดงานลี้ยงให้เพราะก่อนหน้านั้นงานอะไรก็ไม่ได้จัด เซียวเจวี๋ยมาหาอาเจ็ดก่อนหนึ่งวันเพื่ออวยพรและเพราะงานของฮ่องเต้ ทั้งยังเอาจดหมายของอ๋องหกมาด้วย ของขวัญที่เซียวเจวี๋ยพามาคือท่านหมอกู้ ซึ่งเซียวจิ่นอวี๋ดีใจมาก ท่านหมอกู้บอกว่าชิงผิงร่างกายอ่อนแอเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดต้องดูแลอย่างดี
ท่านอ๋องหกในที่สุดก็ทนไม่ไหว มาหาเซียวจิ่นอวี๋เรื่องที่ขอร้องก็คือเรื่องที่ให้ตรวจสอบคดีของพี่สะใภ้หก ในที่สุดเซียวจิ่นอวี๋ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยแกล้งเรียกเงินหนึ่งแสนตำลึงทองเป็นค่าตอบแทน กับของรับขวัญหลานอีกหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน สุดท้ายท่านอ๋องหกก็ยอมรับปาก
ฮ่องเต้มาบอกท่านอาเจ็ดเรื่องข่านของทูเจวี๋ยคนใหม่คืออาสื่อน่าซูวูมาจะมาพบกับเซียวจิ่นอวี๋ ทั้งยังจับตัวเซวียหมิงเอาไว้ด้วย เรื่องวุ่นกำลังมาแล้ว ก่อนที่อาสื่อน่าซูวู คืนนั้นเกิดเรื่องกับเซียวเจวี๋ยซะอีก พออาสื่อน่าซูวูมาถึงก็ขอพบเซียวเจวี๋ยด้วยพอเห็นสภาพเซียวเจวี๋ยก็เอาจดหมายลับที่ค้นได้จากพี่ชายมาให้ เรื่องนี้ทำให้เซียวจิ่นอวี๋รู้ทันทีว่ามีคนปลอมลายมือใส่ร้ายเซียวเจวี๋ย กับในที่สุดเรื่องราวเมื่อสองปีก่อนที่เหลียงโจวก็คลี่คลายได้ ตอนนี้ต้องสืบหาตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้อหลังเรื่องราวทั้งหมด
เซียวจิ่นอวี๋ค้นคดีเก่าของหนิงจวิ้นอ๋องและเรื่องก็มาเกี่ยวโยงกันกับเรื่องของเซียวเจวี๋ยเรื่องจดหมายปลอม อาสื่อน่าซูวู เซวียหมิง จิ่งอี้ก็มีส่วนช่วยในการสืบด้วย และแล้วก็รู้เรื่องราวทั้งหมด แผนการทุกอย่าง ความทารุณโหดร้ายของผู้บงการ ลาสบอสสำคัญ ทีนี้จะจัดการยังไง เซียวจิ่นอวี๋เขียวฎีกายื่นให้ฮ่องเต้เพื่อบังคับให้ฮ่องเต้ส่งทั้งครอบครัวเข้าคุกฟ้า เพื่อหาหลักฐาน ในที่สุดก็ล่อให้ลาสบอสปรากฏตัวและได้รับคำสารภาพมาได้ กว่าจะจบเรื่องไม่น่าเชื่อว่ามีคนที่คิดแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วย คดีปิดทุกเรื่องคลี่คลายแล้วท่านอ๋องเจ็ดจะยอมอยู่เฉยไม่ยุ่งกับสามศาลได้หรือไม่ จะรักษาสัญญาที่ให้กับฉูฉู่ได้หรือไม่ติดตามในเล่มเลยค่ะ

หลังอ่านเล่ม 5 :

เรื่องราวคลี่คลาย จากคดีแรกเริ่มเรื่อง โยงมาถึงคดีสุดท้ายก็ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวโยงกันไปมา และตัวลาสบอสที่น่าอึ้งกับความคิดที่ชวนอึ้งอีกรอบ มาดูกันว่าท่านอ๋องเจ็ด เซียวจิ่นอวี๋ที่ป่วยตลอดเวลา กับฉูฉู่จะช่วยกันปิดคดีได้ยังไง บทสรุปทุกอย่างมีให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ทิ้งปมไว้ สนุก และก็ฮาได้ตลอดเรื่องจริงๆค่ะ นักเขียน เขียนได้ดีไม่ทิ้งปมใดๆไว้ให้ค้างคาใจ ตัวละครบุคลิกชัดเจนตลอดเรื่อง ความฮานี่มาตลอดๆตั้งแต่เล่มหนึ่งจนจบเล่มสี่ พออ่านจนจบจะรู้ว่าแต่ละตัวละครหลักทำไมถึงมีนิสัยแบบนั้นๆ เพราะมีบทสรุปเฉลยเอาไว้ตลอดเรื่อง ต้องลองอ่านดูค่ะ

โปรยปกหลัง :

ฉูฉู่เป็นนักชันสูตรพลิกศพฝีมือเยี่ยม
เฉลียวฉลาดที่ เก่งกาจที่สุด และสวยที่สุด ... ในบ้านนอก
ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยเดินทางเข้าเมืองหลวงสักครั้ง
หลังจากได้ฟังนักเล่านิทานคุยฟุ้งถึงองค์กรลับ ลิ่วซ่านเหมินนางก็เก็บข้าวของทันที
เอาล่ะ ... ชาตินี้นางจะทำงานที่นั้นแหละ!
ความคิดเองเออเองของฉูฉู่ อันอ๋องเซียวจิ่นอวี๋ไม่ได้รับรู้ด้วย
ในฐานะนายใหญ่แห่งกรมอาญา เซียวจิ่นอวี๋เองก็ไม่รู้จักลิ่วซ่านเหมิน
แต่จู่ๆ ก็มีเด็กสาวนางหนึ่งมาทึกทักเอาว่ากรมอาญาของเขาเป็นสถานที่แห่งนั้น
อีกทั้งนางยังพยายามยัดเยียดตัวเองมาทำงานกับเขา
เพราะนึกไปว่าเขาคือ ตุลาการหน้าหยกในนิทานของนาง!
คนหนึ่งมีเหตุผล
อีกคนจินตนาการล้ำเลิศ
ทั้งคู่จะทำงานด้วยกันรอดหรือ?

เนื้อเรื่อง :

ฉูฉู่ออกจากบ้านเกิดหมู่บ้านฉูสุ่ย เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อตามหาลิ่วซ่านเหมิน การเดินทางของฉูฉู่นั่นขึ้นรถ ลงเรือ นางก็จะบอกว่าจะไปลิ่วซ่านเหมินแห่งเมืองหลวง จนมาถึงเมืองหลวงยังไงก็หาลิ่วซ่านเหมินไม่พบ แต่ได้พบพี่ชายใจดี จิ่งอี้ที่บอกว่ามีการสอบนักชันสูตรที่ลิ่วซ่านเหมินจริง แต่มีกรมอาญาเป็นผู้ดูแล ฉูฉู่จะมาสอบเป็นนักชันสูตร ตามที่อาจารย์ต่งเล่าให้ฟัง
ฉูฉู่นางช่างใสซื่อ คิดอะไรต่างจากคนอื่น แต่มันก็เป็นเหตุผล ทำเอาคนคุยด้วยพูดไม่ออกไปตามๆกัน นางจะแนะนำตัวกับทุกคนว่าข้าชื่อฉูฉู่ที่มาจากฉูฉู่ต้งเหริน สาวงามนะเนี่ย
ทั้งเจ้าของโรงเตี๊ยม จากที่จะคิดเงินยังกลายเป็นต้องให้พักฟรีแถมข้าวให้อีกสองมื้อ พอกินแล้วไม่ถูกใจยังไปบอกอีกว่ามื้อเช้าอยากกินอะไร
เซียวจิ่นอวี๋ อันอ๋อง ผู้ดูแลซานฝ่าซือ  สุดท้ายเซียวจิ่นอวี๋ก็ต้องไปดูการสอบของฉูฉู่ ฉูฉู่ฝีมือการชันสูตรดีมาก แต่ตรรกะการคิดของนางก็ประหลาดมากๆเช่นกัน ทำให้ต้องคอยจับตาดูไปก่อน เพราะท่านอ๋องต้องการนักชันสูตรที่ประวัติขาวสะอาดเอามาทำงานกับตัว เหตุผลนั้นยังไงก็ต้องเฉลยแน่นอน แต่ตอนนี้ท่านอ๋องต้องฆ่าชื่อของฉูฉู่ออกจากนักชันสูตรกรมอาญาแล้ว
เรื่องราวเริ่มต้น ฉูฉู่ต้องช่วยท่านอ๋องชันสูตรศพ นางชันสูตรซะไม่เหมือนใคร ทำเอาพูดไม่ออก แต่แน่นอนว่าผลการชันสูตรของนางนั้นถูกต้องที่สุด ทั้งยังถึงกับช่วยท่านอ๋องสืบคดีโดยไม่รู้ตัว จนปิดคดีที่หาหลักฐานไม่ได้กันมานานได้ ความดีความชอบนั้นฮ่องเต้ได้ฟังเรื่องราวแล้วคิดว่านางต้องขออะไรที่ให้ได้แน่ๆ แต่ๆๆๆ นางของรางวัลคือท่านอ๋อง อยากแต่งงานกับท่านอ๋อง เหตุผลน่ะหรือ ข้าอยากสืบคดีกับท่านอ๋อง
การเดินทางกลับไปสู่ขอที่บ้านเดิมเริ่มต้น ระหว่างทางท่านอ๋องได้อ่านนิทานที่ฉูฉู่ฟังมาจากอาจารย์ต่งจนอยากรู้ว่าอาจารย์ต่งคือใคร แล้วท่านอ๋องกับฉูฉู่ก็ได้ร่วมกันสืบคดีคนหนึ่งชันสูตร คนหนึ่งคิดวิเคราะห์ ท่านอ๋องก็ร่างกายอ่อนแอแต่ในที่สุดก็พ้นจากปากประตูมาได้ทุกครั้ง ฉูฉู่ดูแลอย่างดีเพราะฮ่องเต้พระราชทานท่านเป็นรางวัลให้ข้า อ่านไปสืบคดีไป ฉูฉู่ดูแลท่านอ๋องไป พวกลูกน้องคนสนิทก็ฮาไป
ท่านอ๋องไปไหน ฉูฉู่ไปด้วยจากบ้านเกิดฉูฉู่ ไปชายแดนเหนือ และก็กลับมาเมืองหลวงทุกที่มีคดีให้สืบซึ่งสุดท้ายจะทิ้งปมหนึ่งเอาไว้จนถึงคดีสุดท้ายที่ทุกอย่างเปิดเผย มาดูว่าลาสบอสคือใคร ให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมายที่เกี่ยวโยงใยกันไปหมด และท่านอ๋องกับฉูฉู่จะร่วมกันจัดการกับลาสบอสและให้ยอมรับผิดได้ยังไง ตามอ่านในเล่มได้ค่ะ

หลังอ่าน :

จากเล่มแรกมาเล่มสุดท้ายเรื่องราวคลี่คลาย จากคดีแรกเริ่มเรื่อง โยงมาถึงคดีสุดท้ายก็ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวโยงกันไปมา และตัวลาสบอสที่น่าอึ้งกับความคิดที่ชวนอึ้งอีกรอบ มาดูกันว่าท่านอ๋องเจ็ด เซียวจิ่นอวี๋ที่ป่วยตลอดเวลา กับฉูฉู่จะช่วยกันปิดคดีได้ยังไง บทสรุปทุกอย่างมีให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ทิ้งปมไว้ สนุก และก็ฮาได้ตลอดเรื่องจริงๆค่ะ
นักเขียน เขียนได้ดีไม่ทิ้งปมใดๆไว้ให้ค้างคาใจ ตัวละครบุคลิกชัดเจนตลอดเรื่อง มีพัฒนาการทางความคิด การเชื่อใจ แต่เรื่องตัวติดกัน ความรักของทั้งสองคนท่านอ๋องกับฉูฉู่นี่ไม่มีใครกล้าดูถูกได้เลยทีเดียว ใครเห็นก็ต้องพยักหน้ากับความเอาใจใส่ ความฮานี่มาตลอดๆตั้งแต่เล่มหนึ่งจนจบเล่มสี่ พออ่านจนจบจะรู้ว่าแต่ละตัวละครหลักทำไมถึงมีนิสัยแบบนั้นๆ เพราะมีบทสรุปเฉลยเอาไว้ตลอดเรื่อง ต้องลองอ่านดูค่ะ



Sunday, March 22, 2020

#ฟ้าส่งข้ามาลุย #ภาคปีศาจผีผา #2เล่มจบ #สนพ.ห้องสมุดดอตคอม


เรื่อง : ฟ้าส่งข้ามาลุย – ภาคปีศาจผีผา (2เล่มจบ)
ผู้แต่ง : Wen Nai Cha
ผู้แปล : ทีมแปลห้องสมุด
พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤษภาคม 2562

โปรยปกหลัง :
ผีผาน้อย นางมารสะคราญโฉม
เจ้าโอ้โลมชายหนุ่มจนหลงใหล
ทำแว่นแคว้นเกิดทุกข์เข็ญจนเป็นภัย
ขอสาปแช่งให้ตายไป... พร้อมแผ่นดิน
นางมารผีผา น้องเล็กสุดในบรรดาสามปีศาจงามล่มเมือง 
รับบัญชาเทพธิดาหนี่ฮวาให้มาล่อลวงโจ้วอ๋องแห่งราชวงศ์อินซาง 
นางถูกบัณฑิตเจียงจื่อหยาและบรรดานักพรตไล่ล่า ตามทำลายล้าง 
แต่ด้วยความช่วยเหลือของสองพี่สาว 
ผีผาหยกขาวจึงถูกนำไปซุกซ่อนอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้ 
ท่ามกลางกลียุค และการผลัดเปลี่ยนรัชสมัย 
ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวันผ่านคืน 
ผีผาหยกขาวค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน 
ใครจะรู้ว่าพันปีให้หลัง.. 
ในยุคที่เทพและมารเป็นเพียงความเชื่อ 
นางจะถูกค้นพบ!

คำนำสำนักพิมพ์ :
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นโดนอ้างอิงวรรณกรรมจีนโบราณที่ชื่อว่า เฟิงเฉินหยั่นอี้หรือ Romance of the Investiture of the Gods โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงโจ้วอ๋องแห่งราชวงศ์อินซางที่เสด็จไปทำพิธีกราบไหว้เทพธิดา หนี่ฮวาที่วัด ครั้นเห็นว่ารูปแกะสลักของนางงดงามเกินห้ามใจ พระองค์จึงแต่งโคลงระบายความกำหนัดที่มีต่อนางขึ้นบนฝาวัด
เมื่อถูกหยามเกียรติเทพธิดาหนี่ฮวาก็โกรธจัด นางเลยส่งปีศาจจิ้งจอก ปีศาจไก่ฟ้าเก้าหัว และปีศาจผีผา มาล่อลวงโจ้วอ๋องเสียจนแว่นแคว้นเกิดความวิบัติ
ปีศาจทั้งสามทำให้พระองค์ลุ่มหลงจนละเลยภารกิจอันพึงมีต่อบ้านเมือง เป็นเหตุให้ไพร่ฟ้าสาปแช่งทั่งทั้งแผ่นดิน ขุนนางคนใดอาจหาญทัดทานพระองค์ ก็จะสั่งลงทัณฑ์จนถึงแก่ความตาย ด้วยเหตุนี้ บรรดานักพรตจากหลายแคว้น นำโดยบัณฑิต "เจียงจื่อหยา" และอาจารย์ของเขา จึงตั้งกลุ่มขับไล่ปีศาจที่มีชื่อว่า "บรรพเทวกษัตริย์" ซึ่งสามารถติดต่อกับเทพบนชั้นฟ้าได้ จึงเป็นที่มาของศึกระหว่างมนุษย์และปีศาจที่มีเหล่าทวยเทพทั้งฝ่ายร้ายและฝ่ายดีคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
นิยายเรื่องนี้อ้างอิงถึงเหตุการณ์บางช่วงของวรรณกรรมเฟิงเฉินหยั่นอี้ โดยเลือกที่จะเล่าในส่วนของปีศาจผีผาน้องเล็กสุดในบรรดาสามปีศาจงามล่มเมือง แล้วส่งนางให้ไปโลดแล่นใหม่อีกครั้งในยุคปัจจุบัน ... ยุคที่เครื่องดนตรีจีนโบราณกำลังจะสูญหายไปจากสังคม

เล่ม 1 :


ปีศาจผีผาถูกเจียงจื่อหยาเผาจนกลายร่างเดิมเป็นผีผาหยก นางจำได้แม่นยำว่านักพรตแซ่เจียง หลังจากที่ซูต๋าจี่ ปีศาจจิ้งจอก กับหูสี่เม่ย ปีศาจไก่ฟ้าเก้าหัว ทำภารกิจเสร็จไม่ได้ขึ้นสวรรค์เทพธิดาหนี่ฮวาผิดสัญญาที่ให้ไว้ทำให้พวกนางไม่ไว้ใจพวกเทพอีกต่อไป กลับโดนเจียงจื่อหยาไล่ล่าพวกนางฐานเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ทำให้ต้องหนีการตามล่าและลืมเอาผีผาหยกไปด้วย
พันปีต่อมา ในที่สุด ซูฉางเล่อก็หาผีผาหยกเจอ ตอนนี้นางเป็นนักแสดงชื่อดัง และได้มาเปิดพิพิธภัณฑ์ ได้แอบใช้อาคมขโมยผีผาหยกกลับมา ซูฉางเล่ออยู่ร่วมกับหูเฉียวสี่ นักเขียนชื่อดัง ตอนนี้ก็มาทำให้น้องสามฟื้นขึ้นมาโดยยืมร่างที่เข้ากันได้โดยที่เจ้าของร่างเป็นเจ้าหญิงนิทราเพราะประสบอุบัติเหตุ เมื่อฟื้นขึ้นมาหลังจากอยู่ในร่างเดิมมาเป็นพันปี ตอนนี้ผีผาหยกมีชื่อว่าอวี้เหยา อายุสิบห้าปีแต่หูเฉียวสี่เปลี่ยนชื่อเป็นอวี้จื่อฉยง เรื่องแรกที่อยากได้คือผีผาจึงไปหาซื้อกับหูเฉียวสี่ตอนเล่นก็ใส่พลังปีศาจสะกดลงไปทำให้คุณปู่เจ้าของร้านโดนสะกด ในเมื่อไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่ต้นทำให้ต้องอธิบายว่าอาณาจักรอินซางล่มสลายไปแล้วและอีกมากมาย และให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ตอนนี้
มาเข้าเรียนก็ได้เรียนห้องหนึ่ง ห้องที่เก่งที่สุด แถมหัวหน้าห้อง อันอวี๋เหนียน ที่ไม่เคยพูดกับใครมากก็พูดกับนางเพราะอวี้จื่อฉยงแปลกเกินไป ส่วนอวี้จื่อฉยงที่ไม่สนใจและปล่อยพลังปีศาจไปเพราะอยากจะควักลูกตาของอันอวี๋เหนียน ก็นางเป็นปีศาจนี่นะ อันอวี๋เหนียนไม่เป็นอะไรเลยเมื่อโดนพลังปีศาจเรื่องนี้แปลกเกินไปแล้ว เรื่องนี้ทำให้คนสนใจกันทีเดียวเพราะ อันอวี๋เหนียนไม่ชอบพูดมาก และตอนนี้ก็มีหลี่ปี้ฉินสาวผู้ปากอย่างใจอย่างสนใจอวี้จื่อเหยาเพราะนางบอกว่าเล่นผีผาได้เลยชวนมาเข้าชมรมดนตรีจีนโบราณ สรุปว่าคุณปู่ของอันอวี๋เหนียนเข้าโรงพยาบาล และพ่อแม่ที่เสียไปของอันอวี๋เหนียนนั้นแม่ก็แซ่เจียง ที่สองพี่น้องปีศาจสาวหนีการตามล่ามาตลอดแน่นอน
อวี้จื่อฉยงไปเรียนก็ตามหาปีศาจอายุสามร้อยปีที่อยู่ในโรงเรียนที่เคยรู้จักกับซูฉางเล่อ ตอนที่อยู่โรงเรียนนางได้เรียนวิชาต่างๆก็จะจดลงแผ่นหยกแล้วค่อยเอาออกมาใช้ ส่วนวิชาที่สนใจจริงๆคือวิชาประวัติศาตร์ ช่วงนี้อาจารย์พูดถึงราชวงศ์อินซางและให้ไปอ่านเฟิงเฉินหยั่นอี้ แล้วเอามาเขียนบทความส่ง ทำให้ต้องไปขอความช่วยเหลือจากอันอวี๋เหนียน
ในชมรมดนตรีอวี้จื่อฉยงเล่นผีผาแต่ก็ระวังไม่ปล่อยพลังปีศาจออกไปสังหาร ทำให้นางอยากได้กลิ่นควันธูปเป็นของตัวเอง ตอนนี้จึงหางานทำโดยการจะให้ความคุ้มครองบุตรสาวบุญธรรมของเทพ ศาลเจ้าที่แทน เด็กคนนั้นโชคร้ายตั้งแต่เกิดต้องเอามาฝากวัด ม่อโฉวเอินที่อยู่ห้องสิบสามห้องบ๊วยสุด โดนคนแกล้งเป็นประจำ อวี้จื่อฉยงก็มาคุ้มครอง แต่แล้วม่อโฉวเอินกลับจำอวี้จื่อฉยงในร่างอวี้เหยาได้ทั้งที่นางบอกว่านางไม่ใช่ และได้เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับอวี้เหยาและรู้สึกผิดมาตลอด แปลว่าเรื่องราวต่างๆไม่อาจคาดเดาได้จริงๆทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน และยังบอกว่าในห้องที่สิบสามมีค่ายกลที่รวมเอาความโชคร้ายเข้าไว้ด้วยกัน ค่ายกลนี้จริงๆเป็นค่ายกลค่ายกลกลุ่มดาวเทียนกังกลับการเป็นค่ายกลปีศาจไปซะได้เรื่องนี้เจียงจื่อเมิ่งที่เข้ามาเป็นอาจารย์สอนแทนวิชาประวัติศาสตร์ในห้องสิบสามก็ตรวจสอบพบ
ที่โรงเรียนมีการทดสอบภาษาอังกฤษอวี้จื่อฉยงทำคะแนนได้หนึ่งร้อยเต็มและเห็นว่าแต่ละคนมีจิตใจไม่บริสุทธิ์ก็พยายามปกป้องกระดาษคำตอบสุดชีวิต จนอันอวี๋เหนียนต้องเสนอว่าเอาของตัวเองไป อวี้จื่อฉยงเข้าชมรมดนตรีและครูฟางอยากให้ไปหาอาจารย์ปู่อัน นางจึงตกลง พอไปถึงก็คือร้านเครื่องดนตรีที่ตัวเองเคยมาซื้อผีผานั่นเอง ที่นั่นมีสองพี่น้องตระกูลเจียง เจียงซือเสวียน เจียงซืออิ๋งคอยดักเล่นงานอวี้จื่อฉยงอยู่และโดนค่ายกลเชือกทองแดงของเจียงจื่อหยากักไว้ แต่เพราะอันอวี๋เหนียนเป็นหลายชายของคุณปู่อันถงเซียว และคิดอยากเล่นเครื่องดนตรีให้คุณปู่ฟังเลยมาที่ร้านเครื่องดนตรีและเห็นสองพี่น้องเข้ามาที่ร้าน ทั้งยังท่าทางประหลาดกับได้ยินเสียงของอวี้จื่อฉยง เลยช่วยเหลือให้อวี้จื่อฉยงหนีไป ตัวเองถูกสองพี่น้องเล่นงานจนมนต์สะกดหายไป ดวงตาแดง และมีหางสีขาว สุดท้ายเมื่อเจียงจื่อเมิ่งพ่อของทั้งสองที่เอากระบี่ปราบมารมาโดยพละการมาถึงหลังจากโดนม่อโฉวเอินขัดขวางที่โรงเรียน หลังจากพบว่าอันอวี๋เหนียนหายไปเหลือเพียงเสื้อผ้าก็ไม่สนใจลูกทั้งสองของตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บเป็นห่วงแต่อันอวี๋เหนียน ละรีบไปตามหาพลังปีศาจที่ปรากฏขึ้นทั้งยังใช้กระบี่ปราบมารอีกด้วย ม่อโฉวเอินรู้ว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับอวี้จื่อฉยงก็รีบตามมาทั้งยังใช้เศษยันต์หยกที่อวี้จื่อฉยงมองให้เป็นตัวล่อทำให้กระบี่ปราบมารฆ่าคนบริสุทธิ์หมดสิ้นฤทธิ์เดชทันที อวี้จื่อฉยงเสียใจที่ไม่อาจรักษาสัญญาปกป้องม่อโฉวเอินได้ หูเสียวฉีตามออกมาทำร้ายเจียงจื่อเมิ่งก่อนจะไปหาอวี้จื่อฉยง และจัดการให้เรื่องม่อโฉวเอินเป็นอุบัติเหตุ และอวี้จื่อฉยงก็พบกับเจ้าก้อนสีขาว ที่ต่อมาถึงรู้ว่าเป็นจิ้งจอกขาวสามหางพากลับไปเลี้ยงที่บ้าน
ซูฉางเล่อกลับมาพบว่าไม่ถูกกับจิ้งจอกตัวนี้แต่ก็ตั้งชื่อให้ว่าชิงเหอ หูเฉียวสี่เป็นนักเขียนชื่อดัง ตอนนี้อยากจะพาอวี้จื่อฉยงออกไปเปิดหูเปิดตาด้วย อวี้จื่อฉยงพบว่าพี่รองมีคนชื่นชมมากมาย และชิงเหอที่อยู่ในกระเป๋าก็ร้องจึงออกมาเดินไปฝั่งเทศกาลการ์ตูนได้เห็นการแต่งกายแปลกๆก็นึกว่าคนอยากเลียนแบบเผ่าปีศาจ ช่างเข้าใจไปได้ และก็ได้เจอต่งฉินเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ชอบหน้าอวี้จื่อฉยงที่กำลังแจกใบปลิวละครวิทยุ เรื่องนี้ทำให้ประธานชมรมวิทยุกวงเหนียน สวีม่านอี ที่ได้เสียงของอวี้จื่อฉยงขอร้องให้เข้าร่วมทันที นางคิดถึงการขึ้นเวทีของพี่รอง การแสดงของพี่ใหญ่ เพื่อความชื่นชมบูชาของพวกมนุษย์ เลยรับปากไป
บทที่จะเล่นดัดแปลงมาจาก เหลียวไจจื้ออี้ อวี้จื่อฉยงถึงกับพูดไม่ออกและยังคิดในใจว่าพวกมนุษย์โง่เง่า ปีศาจอย่างเราไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย

หลังอ่านเล่ม 1 :
แนวเรื่องแตกต่างจากฟ้าส่งข้ามาลุย ภาคท่านหญิงหลีหยาง ให้ลบภาพจำเอาไปให้หมด เพราะนักเขียนคนละคน เรื่องนี้อ้างอิงวรรณกรรมจีนโบราณที่ชื่อว่า ‘เฟิงเฉินหยั่นอี้’ ปีศาจผีผาที่โดนเจียงจื่อหยาเผาเมื่อตอนสมัยราชวงศ์อินซางกลายร่างเดิมเป็นผีผาหยกกว่าจะได้ร่างมนุษย์เวลาก็ผ่านไปเป็นพันปี หลังจากหลับมานานตื่นขึ้นมาอีกครั้งทุกอย่างไม่เหมือนเดิม หินหยกเขียว ปีศาจผีผาตบะพันปีกลายเป็นปีศาจพลังแก่กล้า แต่นางช่างเฉยชา นิ่งเงียบต่างจากที่ทุกคนคิดจริงๆ แล้วต้องไปเรียนรู้สิ่งต่างๆใหม่เพราะอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบห้าปี อวี้จื่อฉยงจะทำตัวยังไงจะหาควันธูปเพื่อฝึกตบะยังไง อ่านไปก็ขำไปกับความเฉยชาและความไม่รู้เรื่องในโลกปัจจุบันของนางจริงๆ และความสัมพันธ์ต่างๆของตัวละครจะค่อยๆเปิดเผย เฉลยออกมาทีละส่วนอย่างช้า 

เล่ม 2 :
บทละครที่ได้มีเรื่องของปีศาจจิ้งจอก แต่มันไม่สมจริงเอาเสียเลย อวี้จื่อฉยงเลยเอากลับมาให้พี่รองดู นักเขียนชื่อดังเลยปรับแก้เขียนให้ใหม่เป็น ทำเอาคนตกตะลึงว่าอวี้จื่อฉยงรู้จักคนดัง พอผลของละครวิทยุออกมาก็มีพลังวิญญาณมาให้อวี้จื่อฉยงแม้จะไม่มากแต่ก็มีจริงๆ ตอนนี้ชิงเหอมีหางหกหางแล้ว
วันสารทจีนเจ้าที่ได้มาเข้าฝันให้อวี้จื่อฉยงไปรับม่อโฉวเอินกลับมา เพื่อจะได้อยู่ที่ศาลเจ้าจนสามารถไปเกิดใหม่ได้ เมื่อรับกลับมาม่อโฉวเอินก็ขอร้องเรื่องที่ให้อวี้จื่อฉยงแก้ไขค่ายกลในห้องสิบสาม
พี่รองให้ชมรมชมรมวิทยุกวงเหนียนพาทย์เสียงละคร และให้อวี้จื่อฉยงได้เป็นตัวเอก ตอนที่กลับบ้านชิงเหอมารับกลับบ้านโดยมาในร่างมนุษย์ที่มีรูปลักษณ์คล้ายอันอวี๋เหนียน  อวี้จื่อฉยงยังไม่สงสัยอะไรนึกว่าปีศาจจิ้งจอกชอบเลียนแบบ ใกล้เวลาเปิดเรียนชิงเหอขอกลับบ้านอวี้จื่อฉยงคิดว่ากลับไปบนเขา ส่วนซูฉางเล่อ และหูเสียวฉีได้รู้ความจริงเกี่ยวกับความเป็นมาของชิงเหอแล้ว เหลือแต่น้องสามที่ใสซื่อบริสุทธิ์เท่านั้น
เปิดเทอมอวี้จื่อฉยงต้องย้ายมาเรียนที่ห้องสิบสามเพราะว่าขาดสอบปลายภาค มาถึงอวี้จื่อฉยงก็หาภาพที่แอบซ้อน ซึ่งเป็นยันต์สะกดทันที ตอนแรกนางไม่รู้ว่าค่ายกลสะกดอะไร และใช้กระดูกอะไรเลยไม่กล้าทำอะไรมาก ความคิดของทั้งม่อโฉวเอินและเพื่อนๆห้องสิบสามเหมือนกันคือสืบความเป็นมาของห้อง ก็ได้ความว่าห้องนี้เคยเป็นที่พักของครูมาก่อน ซึ่งก็คือคู่สามีภรรยาแซ่อันที่เป็นพี่ชายผู้อำนวยการ กับภรรยาแซ่เจียง ในที่สุดอวี้จื่อฉยงที่เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับแซ่และความผูกพันของมนุษย์เริ่มมองเห็นความเกี่ยวโยงกัน ว่าแซ่เจียงคือตระกูลเจียง และแซ่อัน เด็กคนนั้นคืออันอวี๋เหนียน ก็พอดีกับที่อันอวี๋เหนียนกลับมาเรียนแล้ว พออวี้จื่อฉยงไปดู ก็ไม่เห็นไอปีศาจในตัวก็คิดว่าไม่ใช่ แต่ที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้อันอวี๋เหนียนกลับบ้านและโดนกักตัว ทั้งยังถูกสะกด และยังโดนบอกให้รู้เรื่องการตายของแม่ที่มีความเกี่ยวข้องกับซูต๋าจี่ ตัวเองก็สองจิตสองใจ อยากแก้แค้น แต่ไม่อยากทำร้ายอวี้จื่อฉยง
อวี้จื่อฉยงเป็นห่วงชิงเหอมากเพราะว่าไม่กลับมานานเกินกว่าที่บอกเอาใว้ นางก็ออกไปหาทุกคืน จนในที่สุดก็คิดว่าไปหาเจ้าที่น่าจะรู้ว่าตามหาคนได้ที่ไหน เจ้าที่ในป่าเขาที่มีพลังมากเมื่ออวี้จื่อฉยงพบก็รู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่นางเป็นหินหยกบริสุทธิ์ไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่กินเนื้อสัตว์ กินแต่ผักผลไม้ ทำให้ท่านเจ้าที่เอ็นดู และบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อนและชิงเหอ สุดท้ายอวี้จื่อฉยงคิดว่าจะกำจัดซะเพราะสายเลือดตระกูลเจียงแต่เมื่อรู้ว่า แม่ของอันอวี๋เหนียนตายเพราะอัคคีสามตะวัน เมื่อคิดได้จึงเป็นห่วงพี่ใหญ่ซูฉางเล่อ และตัดสินใจลักพาตัวอันอวี๋เหนียนเพื่อพูดจา
อันอวี๋เหนียนถูกอวี้จื่อฉยงพามาที่ห้องสิบสาม และบอกว่าจะสอนวิธีบำเพ็ญตบะ และให้หลอมอัคคีสามตะวันเป็นอัคคีจิ้งจอกไม่งั้นจะทำให้แผดเผาจนตาย และคำสำคัญคืออยู่ด้วยกัน อันอวี๋เหนียนที่หลงรักอวี้จื่อฉยงเลยยอมบอกว่าจะไม่ฆ่าซูต๋าจี่และบอกเรื่องที่รู้ว่าอวี้จื่อฉยงเป็นปีศาจผีผาหยก ตอนแรกว่าจะลวนลามตามประสาจิ้งจอก ดันโดนทักเรื่องหางที่เจ็ด อันอวี๋เหนียนเลยรีบออกจากห้องไปทันที และอวี้จื่อฉยงก็รู้ว่าที่แท้ตระกูลเจียงสะกดอัอวี๋เหนียนเอาไว้เพราะอยากได้อัคคีสามตะวัน ทั้งยังดึงกระดูกปีศาจของอันอวี๋เหนียนออกซะอีก ทีนี้นางเลยถ่ายพลังปราณปีศาจให้อีกซะเลย และตอนนี้ก็ต้องหาพลังมาเพิ่มก็คิดถึงละครเสียงขึ้นมาได้
อวี้จื่อฉยงมาแสดงละครด้วย และอันอวี๋เหนียนก็แอบตามมา แต่จริงๆแล้วเป็นกับดักของพวกตระกูลเจียงและตระกูลอื่นแอบร่วมมือกันคิดว่าจะกำจัดปีศาจไปในคราวเดียว ไม่คิดว่าอันอวี๋เหนียนจะเชื่อฟังหรือไม่ อวี้จื่อฉยงโดนยันต์สะกดตอนนั้นอันอวี๋เหนียนไม่ได้คิดอะไร ตกใจมากที่เห็นอวี้จื่อฉยงไม่หายใจ เลยเสียใจมากจนระเบิดพลังปีศาจออกมาจนกลับคืนร่างเดิม เรื่องราวลุกลามใหญ่โต แต่เพราะความบริสุทธิ์ใสสะอาดของอวี้จื่อฉยง และความรักที่มีให้ของอันอวี๋เหนียนทำให้อัคคีสามตะวันสลายไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของอันอวี๋เหนียน และทั้งสองก็ออกท่องเที่ยวไปด้วยกัน แต่อวี้จื่อฉยงก็ยังไร้เดียงสาอยู่ดี

หลังอ่านเล่ม 2 :

เรื่องราวคลี่คลาย เพราะอวี้จื่อฉยง ปีศาจผีผาหยกที่จิตใจใสบริสุทธิ์ ความคิดไม่ซับซ้อน ทำให้ทุกเรื่องจากการหลั่งเลือดกลับกลายเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว มาดูความสามารถของอวี้จื่อฉยงที่ถึงแม้จะเป็นปีศาจ แต่เกิดจากหินหยก ใครเห็นใครก็รัก และไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต นักเขียนผูกเรื่องได้น่าอ่าน น่าสนใจ เสียนิดเดียวที่เรื่องนี้พิมพ์ผิด พิมพ์ตกเยอะมาก ทำให้อ่านแล้วสะดุดเป็นช่วงๆค่ะ แต่เนื้อเรื่องขำขัน สนุกทีเดียว

เนื้อเรื่อง :
ปีศาจผีผาถูกเจียงจื่อหยาเผาจนกลายร่างเดิมเป็นผีผาหยก นางจำได้แม่นยำว่านักพรตแซ่เจียง หลังจากที่ซูต๋าจี่ ปีศาจจิ้งจอก กับหูสี่เม่ย ปีศาจไก่ฟ้าเก้าหัว ทำภารกิจเสร็จไม่ได้ขึ้นสวรรค์เทพธิดาหนี่ฮวาผิดสัญญาที่ให้ไว้ทำให้พวกนางไม่ไว้ใจพวกเทพอีกต่อไป กลับโดนเจียงจื่อหยาไล่ล่าพวกนางฐานเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ทำให้ต้องหนีการตามล่าและลืมเอาผีผาหยกไปด้วย
พันปีต่อมา ในที่สุด ซูฉางเล่อก็หาผีผาหยกเจอ ตอนนี้นางเป็นนักแสดงชื่อดัง และได้มาเปิดพิพิธภัณฑ์ ได้แอบใช้อาคมขโมยผีผาหยกกลับมา ซูฉางเล่ออยู่ร่วมกับหูเฉียวสี่ นักเขียนชื่อดัง ตอนนี้ก็มาทำให้น้องสามฟื้นขึ้นมาโดยยืมร่างที่เข้ากันได้โดยที่เจ้าของร่างเป็นเจ้าหญิงนิทราเพราะประสบอุบัติเหตุ เมื่อฟื้นขึ้นมาหลังจากอยู่ในร่างเดิมมาเป็นพันปี ตอนนี้ผีผาหยกมีชื่อว่าอวี้เหยา อายุสิบห้าปีแต่หูเฉียวสี่เปลี่ยนชื่อเป็นอวี้จื่อฉยง ก็ต้องหาผีผา ทำให้ได้พบกับคุณปู่เจ้าของร้านเครื่องดนตรี และดันเล่นเพลงสะกด ต่อมาก็ต้องไปเรียนเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อยู่ห้องหนึ่งและรู้จักกับอันอวี๋เหนียนที่อวี้จื่อฉยงรู้สึกว่าแปลกประหลาดเพราะไม่รู้สึกถึงพลังปีศาจที่ปล่อยออกไป อวี้จื่อฉยงที่เป็นผีผาหยกท่าทางนิ่งเฉย ไม่สนใจสิ่งใดเพราะเกิดมาจากหินหยก จะว่าเย็นชาก็ได้ แต่อันอวี๋เหนียนก็ใสใจ
อวี้จื่อฉยงยังยึดธรรมเนียมเก่าต้องบำเพ็ญโดยการหาควันธูป ไม่เหมือนพี่ทั้งสองที่ใช้ความศรัทธาจากมนุษย์ในรูปแบบอื่นคือเป็นดาราดัง และนักเขียนชื่อดัง โดยไปทำข้อตกลงกับศาลเจ้าที่ขอเป็นผู้อารักขา ม่อโฉวเอินที่เป็นบุตรสาวบุญธรรมของเจ้าที่ที่มีดวงเรียกแต่ปีศาจเล็ก ปีศาจน้อยดูดพลังชีวิตตลอดเวลา จนทำให้อวี้จื่อฉยงเห็นห้องเรียนที่ม่อโฉวเอินอยู่คือห้องที่สิบสามห้องบ๊วยที่ดูแล้วเหมือนผังค่ายกล จนบอกว่าให้ม่อโฉวเอินหาทางย้ายออกมาให้เร็วที่สุด แต่ม่อโฉวเอินยังอยากช่วยเพื่อนนักเรียนคนอื่นอีก
อวี้จื่อฉยงเกือบโดนคนตระกูลเจียงจับได้ดีที่ได้อันอวี๋เหนียนช่วยเอาไว้ แล้วอันอวี๋เหนียนหาไปไหนเหลือเพียงจิ้งจอกขาวชิงเหอ เรื่องราวที่ผูกกันเริ่มคลี่คลายเพราะอวี้จื่อฉยงที่มีนิสัยเรียบง่ายซื่อตรง ชิงเหอก็ชอบอยู่กับอวี้จื่อฉยงแต่ไม่ถูกกับซูฉางเล่อ เรื่องราวความรัก ความแค้นที่ตามกันมาพันปีที่ซูฉางเล่อก่อขึ้น ในที่สุดอวี้จื่อฉยงก็รู้ความจริง และเพราะเรื่องทั้งหมดสุดท้ายคนที่จะได้รับผลจากอัคคีสามตะวันคือซูฉางเล่อ อวี้จื่อฉยงจึงต้องไปหาอันอวี๋เหนียนเพื่อบอกว่าจะทำยังไง เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ตรงใจพอดีสิ แล้วดูสิว่าอวี้จื่อฉยง ปีศาจผีผาจะสลายความแค้น อยู่ในโลกใบนี้ได้ยังไงต่อไป

หลังอ่าน :
แนวเรื่องแตกต่างจากฟ้าส่งข้ามาลุย ภาคท่านหญิงหลีหยาง ให้ลบภาพจำเอาไปให้หมด เพราะนักเขียนคนละคน เรื่องนี้อ้างอิงวรรณกรรมจีนโบราณที่ชื่อว่า ‘เฟิงเฉินหยั่นอี้’ ปีศาจผีผาที่โดนเจียงจื่อหยาเผาเมื่อตอนสมัยราชวงศ์อินซางกลายร่างเดิมเป็นผีผาหยกกว่าจะได้ร่างมนุษย์เวลาก็ผ่านไปเป็นพันปี หลังจากหลับมานานตื่นขึ้นมาอีกครั้งทุกอย่างไม่เหมือนเดิม หินหยกเขียว ปีศาจผีผาตบะพันปีกลายเป็นปีศาจพลังแก่กล้า แต่นางช่างเฉยชา นิ่งเงียบต่างจากที่ทุกคนคิดจริงๆ แล้วต้องไปเรียนรู้สิ่งต่างๆใหม่เพราะอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบห้าปี อวี้จื่อฉยงจะทำตัวยังไงจะหาควันธูปเพื่อฝึกตบะยังไง อ่านไปก็ขำไปกับความเฉยชาและความไม่รู้เรื่องในโลกปัจจุบันของนางจริงๆ และความสัมพันธ์ต่างๆของตัวละครจะค่อยๆเปิดเผย เฉลยออกมาทีละส่วนอย่างช้า การเล่าเรื่องเป็นการเล่าแบบเหตุการณ์เดียวกันในแต่ละที่
และแล้วเรื่องราวก็คลี่คลาย เพราะอวี้จื่อฉยง ปีศาจผีผาหยกที่จิตใจใสบริสุทธิ์ ความคิดไม่ซับซ้อน ทำให้ทุกเรื่องจากการหลั่งเลือดกลับกลายเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว มาดูความสามารถของอวี้จื่อฉยงที่ถึงแม้จะเป็นปีศาจ แต่เกิดจากหินหยก ใครเห็นใครก็รัก และไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต นักเขียนผูกเรื่องได้น่าอ่าน น่าสนใจ เสียนิดเดียวที่เรื่องนี้พิมพ์ผิด พิมพ์ตกเยอะมาก ทำให้อ่านแล้วสะดุดเป็นช่วงๆค่ะ แต่เนื้อเรื่องขำขัน สนุกทีเดียว