Wednesday, August 26, 2020

#นวลหยกงาม #15เล่มจบ #มากกว่ารัก #แจ่มใส่

 

Review 29/2563

เรื่อง : นวลหยกงาม (15 เล่มจบ)

ผู้แต่ง : ซานเยวี่ยกั่ว

ผู้แปล : Honey Toast

สำนักพิมพ์ : แจ่มใส (มากกว่ารัก)



เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤศจิกายน 2562

โปรยปกหลังเล่ม 1 :

เพราะอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียวในครานั้นพานางเข้าร่วมทัพผู้เดินทางข้ามเวลา

และถูกส่งตัวไปยังร่างของเด็กน้อยวัยสี่ขวบในชนบทห่างไกล

ถึงนางจะเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีผู้ใดให้ห่วงหาอาทร แต่ก็ไม่ได้อยากย้อนเวลากลับมาอยู่ในสังคมโบราณที่ไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรงนี้หรอกนะ ยังดีที่แม้เดิมนางไม่นับว่าฉลาด ทว่ามีข้อดีที่สุดคือปรับตัวเก่ง

สุดท้ายจึงสามารถใช้ชีวิตที่นี่ได้อย่างพึงใจและมีความสุข

แต่เวลาแห่งความสุขของนางและ ‘ครอบครัวใหม่’ นี้ก็แสนสั้นนัก

เพราะมารดานางถูกใส่ร้าย และมีอันให้ต้อง ‘หนีตาย’ ร่วมกัน

จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจาก ‘เขา’ เขาที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนผู้หนึ่ง

ทว่ายิ่งอยู่ใกล้ ตัวตนของเขาที่เดิมปิดซ่อนไว้ก็ยิ่งเห็นชัด

และหากเขามีฐานะที่แท้จริงเป็นเช่นที่นางคิด เขาจะมาวนเวียนอยู่ใกล้นางเช่นนี้ด้วยเหตุใดกันนะ

มิหนำซ้ำยังมีเรื่องภูมิหลังของครอบครัวนางที่ดูเหมือนว่าจะมีลับลมคมในยิ่ง

แต่ไม่ว่าจะเรื่องใด นางก็ไม่ยินยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายคนในครอบครัวนางได้

หาก ‘อี๋อวี้’ ยังอยู่ ใครก็อย่าหวังมาแตะต้องมารดาและครอบครัวของนางเลย นางไม่ยอมเด็ดขาด!

คำนำสำนักพิมพ์เล่ม 1 :

"อี๋อวี้" ทะลุมิติไปยังยุคโบราณและได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวข้นแค้นครอบครัวหนึ่งในชนบท ทว่าที่นี่กลับเติมเต็มในสิ่งที่นางขาดมาตลอดชีวิต แม้จะไม่ได้เป็นองค์หญิง ท่านหญิง หรือคุณหนูผู้สูงศักดิ์มาจากไหน แต่การที่มีครอบครัวที่ดีเยี่ยมก็เพียงพอจะให้นางกลายเป็น "หยกงาม" ที่สมบูรณ์พร้อม แล้วนางใช้ความรู้ความสามารถของตนเองเปลี่ยนเด็กน้อยวัยสี่ขวบที่บกพร่องทางสติปัญญา ค่อยๆ กลายเป็นเด็กสาวที่เปรียบดั่งอัญมณีที่มีค่ายิ่งนางฝ่าฟันทุกสิ่งที่เป็นขวากหนามมาด้วยตนเองและครอบครัว จนได้มาพบกับ "เขา" ทว่าเขาจะเป็นผู้โอบประคองหยกงาม หรือเป็นต้นเหตุให้หยกงามมีรอยร้าวและแตกสลาย

 

สำนักพิมพ์แจ่มใส

เล่ม 1 :

อี๋อวี้เป็นเด็กกำพร้า ที่ไม่ค่อยฉลาดนัก กว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมดาๆได้ก็ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ตอนเข้าปีหนึ่งได้เป็นหัวหน้าห้องได้ยังไงยังไม่รู้ตัว แต่คิดว่าจะใช้สถานะหัวหน้าห้องไปจนจบสี่ปีเพื่อเป็นใบเบิกทางในการหางานทำ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น พอปีสองอี๋อวี้ได้เป็นเพียงรองหัวหน้าห้อง แต่เพราะเป็นคนไม่มีปากเสียง ความดีความชอบทุกอย่างหัวหน้าห้องรับไป แต่ความเหนื่อยยากกลับเป็นตัวเองที่ต้องแบกรับ

จนถึงวันที่สมัครงาน อี๋อวี้ดันตกตึกตาย และรำพึงรำพันว่าชาติหน้าไม่ของโง่อีกแล้ว

เฮยไป๋อู๋ฉางพาอี๋อวี้มาเข้าร่างเด็กน้อยวัยสี่ขวบ เสี่ยวเฮยกับเหล่าไป๋เป็นคนพาอี๋อวี้มาเพราะ ที่เบื้องบนทำงานผิดพลาดไม่มีวิญญาณลงมาเกิด เมื่ออี๋อวี้รู้สึกตัวถึงรู้ว่าตัวเองทะลุมิติมาอยู่ในยุคราชวงศ์ถังแต่ไม่ใช่ราชวงศ์ถังในประวัติศาสตร์ เป็นมิติคู่ขนาน หลายสิ่งเหมือนกัน หลายสิ่งแตกต่าง เด็กหญิงเจ้าของร่างสมองพิการแต่กำเนิด ลืมตาตื่นขึ้นมาก็มองเห็นแต่ทุ่งนา ต้องรอคนที่บ้านมารับแล้ว

ผู้ที่มารับคือพี่รองหลูจวิ้น กลับถึงบ้านหลูซื่อตีทำโทษหลูจวิ้น ทำให้อี๋อวี้ตกใจลืมตัวพูดคำว่าแม่ออกมา คราวนี้เลยตามเลย หายจากปัญญาอ่อนไปทีเดียว และก็ได้เจอหลูจื้อ พี่ใหญ่ ทั้งบ้านรักนางมาก และอี๋อวี้ก็ค้นพบว่าความจำของตัวเองดีกว่าแต่ก่อนมาก หลูซื่อ หลูเอ้อร์เหนียงเป็นหญิงม่ายสามีตายเป็นคนมีฝีมือ จึงขอเรียนปักผ้าซื่อชวนจากท่านแม่ และเรียนเขียนอ่านอักษร

พี่ใหญ่หลูจื้อชอบอ่านหนังสือ แต่เมื่อพูดว่าคนสามรถทำเอากระอักเลือดได้ที่เดียว ที่เรียกว่าร้ายลึก พี่รองหลูจวิ้นชอบเรียนวรยุทธ์ มากกว่าอ่านตำรา ออกจะเป็นคนซื่อ เมื่อทำความเข้าใจครอบครัวสี่ชีวิตได้แล้ว สิ่งที่ขาดในชาติก่อนก็ได้รับการเติมเต็มนั้นคือท่านแม่และพี่ชายที่รักใคร่

ตอนนี้อี๋อวี้รู้ว่าที่บ้านทำนาโดยจ้างชาวนามาทำงาน หลูซื่อและลูกย้ายมาจากที่อื่น มาปักหลักที่หมู่บ้านเค่าซาน ทั้งหมู่บ้านมีอยู่คนหนึ่งที่อิจฉาครอบครัวหลูมากนั่นคืออาสะใภ้หลี่ หวังซื่อ ที่ชอบมาหาเรื่องแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ตั้งแต่ตอนที่อี๋อวี้ยังไม่สบาย จนหายดีแล้วก็ยังเรียกนางว่าเด็กปัญญาอ่อน

อี๋อวี้คิดหาวิธีเพิ่มรายได้ให้ครอบครัว หลังจากที่ไปเล่นกับพี่รองก็พบว่าป่าหลังเขามีต้นซานจาอยู่ จึงคิดทำปิงถังหูลู่ที่ยังไม่มีใครเคยทำ ส่วนชื่อก็กลายเป็นหลูจื้อตั้งออกมาได้เหมือนเดิม สามารถขายได้เงิน ทำให้มีเงินเก็บมากขึ้น

หลังจากเก็บผลซานจาจนหมดต้นแล้ว หลูจวิ้นยังจะเก็บลูกนกเหยี่ยวที่บาดเจ็บได้อีก หลูจื้อตั้งชื่อให้ว่า ฉินคง อี๋อวี้เป็นคนหาอาหารเลี้ยงดูจนมันสามารถดูแลตัวเองบินจากไปได้ และเป็นวันที่อี๋อวี้รู้ว่าเลือดตัวเองมีสรรพคุณเป็นปุ๋ยเร่งการโตของพืชให้เจริญงอกงามได้อย่างดี

ช่วงนี้ทางที่นามีปัญหาว่าปีหน้าอาจเก็บเกี่ยวได้น้อย พวกผู้ใหญ่ไปขุดลอก คูนา อี๋อวี้ก็ขอร้องให้หลูจื้อพาไปและแอบใช้ปุ๋ยวิเศษ ดีที่ใช้ไม่มาก

อี๋อวี้ยังได้เพื่อนเล่นคนใหม่คือเสี่ยวชุนเถา ไปๆมาๆกลายเป็นอี๋อวี้ต้องสอนทั้งชุนเถาและหลี่เสี่ยวเหมยปักผ้า

ยังมีเหตุการณ์ที่หลิวเซียงเซียงถูกพี่ชายขายให้เป็นสาวใช้ของเจิ้งลี่ น้องเขยของนายตำบลจางที่เป็นอันธพาลอีกด้วย หลูซื่อช่วยรวบรวมเงินเพื่อไถตัวแต่ในที่สุดก็เป็นไปไม่ได้เพราะจำนวนเงินมากเกินไป

อี๋อวี้ยังทำแปลงปลูก ปั้วเหอ ว่านหรูฮุ่ย และผูกงอิงที่นางพบในป่าหลังเขาอีกย้ายมาปลูกอีกด้วย ทำให้ได้ประโยชน์มากมายเพราะในยุคนี้ยังไม่เป็นที่รู้จัก

ตอนนี้ก็มีเรื่องนายตำบลจางอยากให้แม่สื่อตามหาหญิงหม้ายที่มีธาตุไฟ แม่สื่อหวังที่เป็นอาหญิงของหวังซื่อมาหาหวังซื่อที่หมู่บ้าน และได้รู้เรื่องหลูซื่อ สืบดูก็รู้ว่าหลูซื่อธาตุไฟเหมาะสม ไปเคาะประตูทำตัวเป็นแม่สื่อแต่หลูซื่อไหนเลยจะสนใจ ใช้ไม้กวาดไล่ตีทำให้ทั้งสองเจ็บแค้น วางแผนเล่นงาน

ใกล้การสอบของหลูจื้อสองแม่ลูกจึงไม่บอกเรื่องนี้และก็ลืมเลือนไป จนการสอบระดับมณฑลของหลูจื้อสิ้นสุดลง ประกาศผลว่าสอบติด หลูจื้อ หลูจวิ้นต้องออกเดินทางไปฉางอัน ทั้งครอบครัวต้องแยกจากกัน วันที่หลูจื่อกับหลูจวิ้นเดินทาง สองแม่ลูกออกไปส่งนอกหมู่บ้าน พอกลับมากลับได้รับสายตาแปลกๆ และพบว่าตัวเองถูกลือว่าจะแต่งงานกับนายตำบลจาง

หลังจากปฏิเสธไม่ยอมรัก หวังซื่อและแม่สื่อหวังก็มีทั้งพยานหลักฐานที่ทำให้หลูซื่อตกลงไปในกับดัก เมื่อเป็นเช่นนี้อี๋อวี้เสนอให้ไปจากที่นี่แต่แผนการถูกคนล่วงรู้ทำให้ถูกจับได้ก่อน หลูซื่อและอี๋อวี้จึงได้เห็นความเห็นแก่ตัว ไร้น้ำใจของคนในหมู่บ้านเค่าซาน

ดีที่หลิวเซียงเซียงมาช่วยก่อนวันแต่งงาน ทั้งหมดจึงหนีไปด้วยกัน ตอนที่หนีเกือบไม่รอดก็ได้พบกับผู้มีพระคุณคือคุณชายฉาง ที่ยอมยืนมือช่วยเหลือ หลังจากอี๋อวี้สลบไปเพราะความเหนื่อยอ่อนก็พบว่าตัวเองกลับมาที่โลกปัจจุบันตอนขึ้นปีสองหลังเลือกหัวหน้าห้องแล้ว และรู้ความจริงว่าที่แท้เพื่อนๆเลือกตัวเอง เป็นตัวเองที่แยกตัวออกมา เพราะดูถูกตัวเอง และก็ได้ยินเสียวเฮยกับเหล่าไป๋อีกแล้ว เรื่องตรวจร่างกาย อี๋อวี้ให้ส่งนางกลับไป และก็ได้มาอยู่ในรถม้า และขอบคุณ คุณชายผู้มีพระคุณ

ผู้มีพระคุณพากลับหมู่บ้านเค่าซานให้เก็บของและไปด้วยกัน ทั้งหมดวางแผนจะหาที่พักใกล้เมืองฉางอัน มุ่งสู่ด่านใน ระหว่างทางอี๋อวี้นำเอาถุงหมอใส่ใบปั้วเหอออกมา เป็นสิ่งที่คุณชายฉางยึดไป ความหมายคือต้องการสิ่งนี้ อี๋อวี้ก็เต็มใจให้ทั้งบอกวิธีเพาะปลูก สุดท้ายบอกว่าปลูกแล้วจะเอาต้นอ่อนมาให้ ใบปั้วเหอทำให้คุณฉางบรรเทาอาการบาดเจ็บ สามารถนอนหลับสนิท อี๋อวี้ไม่รู้เลย แต่สังเกตว่าลักษณะไม่ธรรมดา เหมือนผู้สูงศักดิ์มากกว่า รัศมีเจิดจ้า ทำเอาคนไม่กล้าเข้าใกล้ พูดน้อย ไม่นอน ไม่กิน เป็นคุณชายที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาซะเลย

หลูจื้อกับหลูจวิ้นเดินทางถึงฉางอันพร้อมจี้เต๋อ ข้อเขียนของหลูจื้อได้รับการแนะนำจากใต้เท้าตู้หรูฮุ่ยให้เข้ารับการศึกษาที่สำนักศึกษาซิ่เหมินเสวีย

อาเซิงคนขับรถม้าของคุณชายฉางถามถึงที่มาของปั้วเหอและเสนอให้พวกหลูซื่อพำนักที่ตำบลหลงเฉวียน จะหาที่พักและเช่าที่นา ทำใบเขียนมือทะเบียนราษฎร์ให้อย่างไม่ลำบาก

คุณชายพามาที่คฤหาสน์เสียนหรง พวกหลูซื่อจะปฏิเสธ คำเดียวคือไม่อยู่ก็ไปซะ อี๋อวี้ปลูกและดูแลปั้วเหออย่างดี ที่น่าแปลกคือเมื่อแยกออกไปปลูกแล้วกลับไม่มีสรรพคุณอย่างที่อี๋อวี้เป็นคนดูแล

ในที่สุดครอบครัวหลูก็ได้มาพบกันและรู้เรื่องราวหลังที่แยกจากกันไป หลูจื้อ หลูจวิ้นยังอยู่ในสำนักศึกษา อี๋อวี้ให้หลูซื่อปลูกต้นซานจาอีกครั้ง และซื้อที่ดินเอาไว้ทำสวนผลไม้ เมื่อเก็บเกี่ยวได้ก็ทำปิงถังหูลู่ไปขาย การเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น วันหนึ่งเมื่อหลูซื่อบอกว่าจะย้าย พ่อบ้านหลี่ก็เป็นคนจัดการดูแลให้ เพราะคุณชายคงไม่ต้องใช้ปั้วเหออีกต่อไป เมื่อย้ายออกไปครอบครัวหลูยังคงส่งงานปักมาที่คฤหาสน์เสียนหรงเป็นประจำ

และแล้วก็มีพ่อค้าคนกลางขอซื้อซานจาทั้งหมด ในที่สุดก็ลืมตาอ้าปากได้เพราะเหมาสวนครั้งหนึ่งในราคาห้าพันตำลึง แต่พวกชาวนาที่เคยได้ประโยชน์กลับเห็นแก่ตัว เพราะผลตอบแทนที่ได้ไม่มีแล้ว

หลังจากหลูจื้อเข้าสำนักศึกษาซื่อเหมินเสวียก็ทำข้อสอบ ทำคะแนนได้ดีจนได้ย้ายไปสำนักศึกษาไท่เสวีย ทำให้รู้จักองค์หญิงเกาหยาง หลูจวิ้นชอบบอกว่าเสี่ยวอวี้ดีกว่า ทำให้องค์หญิงเกาหยางไม่พอใจ พอถึงงานวันเกิดจึงส่งเทียบเชิญสามพี่น้องไปร่วมงานด้วย

หลูซื่อเริ่มหาซื้อสินเจ้าสาวเก็บไว้ให้อี๋อวี้และทำให้เจอกับอนุลี่ ความทรงจำที่เก็บซ้อนไว้กลับคืนมา เริ่มคิดมาก จนในที่สุดอี๋อวี้ก็บอกว่าก่อนวันที่พี่ใหญ่เดินทางได้ฟังท่านแม่คุยกับพี่ใหญ่เรื่องท่านพ่อ มีอะไรอย่าเก็บไว้ในใจ หลูซื่อจึงเล่าเรื่องราวในอดีตในอี๋อวี้ฟัง และอี๋อวี้ก็รบเร้าอยากรู้ว่าท่านพ่อคือใคร

หลังอ่านเล่ม 1 :

เป็นเล่มที่เนื้อหามากเพราะเป็นจุดเริ่มต้น ต้องทำความเข้าใจครอบครัวหลู ลักษณะนิสัยตัวละครหลัก แต่แค่อ่านเล่มหนึ่งก็ชวนให้ติดตามต่อแล้วค่ะ เพราะมีปมปริศนาที่รอเฉลยอยู่มากมายทีเดียว ทั้งท่านพ่อของอี๋อวี้ ทั้งคุณชายฉางผู้มีพระคุณ นี่แค่เริ่มต้นเอง ก็น่าติดตามขนาดนี้แล้วค่ะ 


เล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤศจิกายน 2562

โปรยปกหลังเล่ม 2 :

อี๋อวี้ทบทวนคำบอกเล่าของหลูซื่อไปมาทั้งคืนก็ล้วนไม่พบเงื่อนงำอื่นใด

เว้นแต่เรื่องที่หลูจื้อถูกตัดสินความผิดว่า ‘ผลัก’ อวิ๋นเหนียงตกน้ำเพียงประการเดียว

ทว่าเช่นนั้นนางก็ได้คิดว่าจะมิยอมให้ตนเองมีชีวิตเป็นเช่นมารดาอย่างแน่นอน

ในวันที่นางได้รับโอกาสจากสำนักศึกษาหลวง

อี๋อวี้จึงไม่ลังเลที่จะไขว่คว้าไว้

แต่เภทภัยที่เข้ามาพร้อมกับชื่อเสียงและโอกาสก็เกินที่นางจะรับไหว

โชคดีที่ได้เขา ‘ผู้มีพระคุณ’ ของนางผู้นั้นมาช่วยนางไว้ได้ทันท่วงทีหลายครั้งหลายครา

ทว่าฐานะที่แท้จริงของเขาที่นางไม่เคยรู้มาก่อนก็ปรากฏต่อหน้านางในหนนี้

ยิ่งได้รู้นางก็ยิ่งแปลกใจ เขาที่สูงส่งเช่นนั้นจะเข้ามาใกล้นางเพื่ออะไรกันนะ

หรือว่าเขาคาดหวังสิ่งใดจากครอบครัวของนางกันแน่!

คำนำสำนักพิมพ์เล่ม 2 :

อี๋อวี้ที่รู้เรื่องราวของครอบครัวเดิมของหลูซื่อ และผู้เป็นบิดาของนางแล้วว่าหากนางต้องเจอกับพวกเขาเหล่านั้นนางจะทำอย่างไร มิหนำซ้ำก็มีเหตุให้นางได้รับโอกาสเข้าไปศึกษาในสำนักศึกษาหลวง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการเปลี่ยนโอกาสหลายๆ อย่างในชีวิตนาง และนางไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน โดยเฉพาะโอกาสที่จะได้เลือกคู่ครองเอง ทว่าเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอให้นางเป็นหยกงามที่สมบูรณ์พร้อม

 

สำนักพิมพ์แจ่มใส

 

เล่ม 2 :

องค์หญิงเกาหยางเตรียมตัวหาทางกลั่นแกล้งอี๋อวี้อยู่ วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันประสูติขององค์หญิงเกาหยางทั้งสามพี่น้องเดินทางมาถึง ก็เจอองค์หญิงเกาหยางกลั่นแกล้งดีที่ได้ตู้รั่วจิ่นช่วยเหลือไว้ งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ระหว่างงานหลูจื้อถูกเรียกตัวออกจากงานเป็นช่วงที่องค์หญิงเกาหยางจับได้ไม้ติ้วเลขของหลูจื้อ องค์หญิงเกาหยางไม่สนใจสั่งให้อี๋อวี้ออกมาแทน อี๋อวี้แต่งกลอนประกอบภาพ ทั้งกลอนและลายมือได้รับคำชมจากอาจารย์ที่มาในงาน องค์หญิงเกาหยางไม่พอใจอีก คราวนี้เลือกคำสั่งเองให้ปิดตาทายของ และของสิ่งนั้นเป็นนกอินทรีย์ขนขาวที่ตัวใหญ่มาก ความจริงแล้วเป็นนกของหลี่ไท่ องค์ชายสี่ เว่ยอ๋อง ที่องค์หญิงเกาหยางแอบนำออกมา แต่สิ่งแปลกประหลาดกลับเกิดขึ้น เพราะว่าเมื่อมือของอี๋อวี้เข้าไปจับแทนที่จะถูกจะงอยปากใหญ่โตจิก มันกลับเอาหัวซุกไซ้อี๋อวี้ องค์หญิงเกาหยางไม่พอใจอีก ยังไงคนมันจะหาเรื่อง ตอนที่หลูจื้อกลับมาก็เห็นดาบพาดคออี๋อวี้อยู่แล้ว ดีที่หลี่ไท่ตามมาด้วยเพราะรู้เรื่องอิ๋นเซียว องค์หญิงเกาหยางที่กลัวและเกรงใจคนสองคนคือตู้รั่วจิ่น และหลี่ไท่ตอนนี้หลี่ไท่ปรากฏตัวองค์หญิงเกาหยางก็หมดฤทธิ์

อี๋อวี้ที่ถูกจับปิดตาคุกเข่าได้รับการช่วยเหลือจากหลูจื้อ แต่เพราะเพิ่งเห็นแสงสว่างทำให้ตาพร่า นึกว่าหลี่ไท่คือพี่ใหญ่ของตัวเองกำลังจะเจออันตรายเลยเอาตัวบัง ทำให้รับกริชแทนหลี่ไท่ หลี่ไท่พาไปรักษาตัว และก็รู้ว่านี่คือผู้มีพระคุณ คุณชายฉางนั่นเอง

หลี่ไท่ถามอี๋อวี้เรื่องรับกริชแทน อี๋อวี้ไม่อยากโกหก หลี่ไท่เลยรู้ว่าเพราะอี๋อวี้นึกว่าเป็นพี่ชายเลยเอาตัวบัง ตอนนี้หลี่ไท่บอกว่าหายกันที่เคยช่วยไว้ตอนนั้นไม่ถือเป็นหนี้บุญคุณอีก

และเพราะการสลบไปของอี๋อวี้ทำให้ได้พบกับเหล่าไป๋เสี่ยวเฮยอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายมาบอกเรื่องเกี่ยวกับไข่มุกสะกดวิญญาณที่เส้นชีพจรหัวใจ ทำให้เลือดของตัวเองมีความพิเศษเพราะสวรรค์เห็นว่านางเป็นคนดีจึงอนุญาตให้ใช้ได้ แต่ห้ามใช้มากเกินไปจะอันตรายถึงชีวิต

อี๋อวี้พักรักษาตัวอยู่ในอุทยานซิ่งหยวนของหลี่ไท่ อิ๋นเซียวก็ยังแอบมาหา อี๋อวี้นึกถึงฉินคงที่ตัวเองเคยช่วยไว้ก็เลยพูดชื่อออกมาทำเอาอิ๋นเซียวร้องดีใจใหญ่ หลี่ไท่มีตามกลับไป คืนนั้นอี๋อวี้ฝันว่าอิ๋นเซียวคือฉินคง

ยังได้เจอกับองค์หญิงเกาหยางที่มาหาเรื่องอีก ดีที่ได้หลี่ไท่ช่วยเอาไว้ ทั้งยังถามถึงชื่อคำกลอน คืนจันทราบุปผาธาราวสันต์ ยังชมตัวอักษรของอี๋อวี้อีกด้วย

ตอนที่เดินทางกลับหลูจื้อยังเอาของขวัญจากหลี่ไท่มาให้เป็นแท่นฝนหมึกริ้วแดง ที่ทำเฉพาะให้อี๋อวี้เท่านั้น

หลูซื่อซื้อโรงนาสองโรงให้กับหลูจื้อและหลูจวิ้น ตอนนี้ก็เท่ากับเป็นเจ้าของที่นาแล้ว ระหว่างที่อี๋อวี้พักรักษาตัวก็มีข่าวองค์หญิงเกาหยางถูกส่งตัวเข้าเจดีย์หนีหมัว เพราะตบหน้าฟางเตี่ยนเสวียอาจารย์สอนศิลปะพู่กันต่อหน้าลูกศิษย์

หลิวเซียงเซียงมาหาหลูซื่อบอกว่าเห็นหวังซื่อกับหลี่เสี่ยวเหมยกลายเป็นขอทานมาขอทานถึงที่นี่ แล้วทั้งหมดก็ได้เจอแต่หวังซื่อที่เป็นของทานจำไม่ได้ อี๋อวี้จำได้แต่ไล่ไป ยังโดนถุยน้ำลายใส่ ต่อมาหวังซื่อไปได้ยินจากบ้านอื่นถึงรู้ว่าเป็นครอบครัวสกุลหลูคิดจะมาหาเรื่อง แต่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ทำให้ตัวเองถูกจับตัวไปโทษฐานสติไม่ดี

จิ้นป๋อซื่อถูกใจคำกลอนและลายมือของอี๋อวี้มากจึงรับนางเข้าสำนักศึกษาหลวงซูเสวียเป็นกรณีพิเศษ พอกลับถึงบ้านพ่อบ้านหลี่ก็มาเพื่อเชิญไปที่คฤหาสน์ อี๋อวี้ที่รู้ความจริงคิดในใจเป็นพ่อบ้านหลี่ หรือท่านอ๋องกันแน่

และก็ได้เจอกับหลี่ไท่จริงๆ ยังถามถึงเรื่องสำนักศึกษาหลวงอีกทั้งบอกว่ามีปัญหาอะไรให้ไปหาอาจารย์ฉาจี้เหวินที่สอนศาสตร์ทั้งหก ที่สำนักไท่เสวีย เป็นคำพูดที่ยาวที่สุดนับตั้งแต่อี๋อวี้รู้จักหลี่ไท่มาเลยทีเดียว

คิดถึงเวลาเจอหลี่ไท่ก็ไม่เคยเจอในสภาพดี ครั้งแรกหนีการตามล่าที่ตำบลจาง ครั้งที่สองตอนที่ต้นปั้วเหอแตกใบอ่อน ตัวเองตกใจที่ผู้มีพระคุณปรากฏกายกะทันหันทำเอาสะดุดล้มจนกระชากชายเสื้ออีกฝ่ายขาด ครั้งที่สามคืองานเลี้ยงของเกาหยางที่มีกระบี่จ่อพาดคออยู่

ก่อนถึงวันไปสำนักศึกษาหลูซื่อหาสาวใช้ติดตามให้อี๋อวี้ได้ เป็นบุตรสาวของผู้ดูแลโรงนาชื่อเฉินชวี

มาถึงสำนักศึกษาอี๋อวี้ถึงรู้ว่าที่นี่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันภายใน สำนักซูเสวียมีอยู่สองฝ่ายคือองค์หญิงเฉิงหยางกับจ่างซุนเสียน ทุกสิบวันจะมีการสอบหนึ่งครั้ง สอบครั้งแรกอี๋อวี้ก็ติดอันดับดี ระหว่างนั้นก็ไม่ถูกกับจ่างซุนเสียน พอสอบเสร็จยังทำให้องค์หญิงเฉิงหยางไม่พอใจ อี๋อวี้โดนเล่นงานอีกแล้ว คราวนี้โดนหลอกจากนั้นใช้ควันยาสลบและขังไว้ในห้องเก็บของ จากการกลั่นแกล้งธรรมดาอย่างเบาะรองนั่ง กระดาษ พู่กันหายยกระดับเป็นควันยาสลบและถูกขังทีเดียว เนื่องเพราะควันยาสลบทำให้อี๋อวี้เป็นไข้ หลูจื้อตามหายังไงก็ไม่พบ ดีที่สายสืบของหลี่ไท่ไปรายงาน หลี่ไท่เลยพาอิ๋นเซียวและคนมาช่วยอี๋อวี้ได้ ครั้งนี้ทำให้หลูจื้อรู้ความประสงค์ของหลี่ไท่ซะแล้ว

การที่จ่างซุนเสียนถูกเอาชื่อไปใช้ตอนขังอี๋อวี้ทำให้ตู้รั่วจิ่นมาต่อว่า จ่างซุนเสียนจึงเอาบัตรเชิญงานกวีเอ่อร์หรงมาให้ อี๋อวี้ไปก็ได้เจอบุตรสาวของอนุภรรยาลี่ที่มารดาเคยเล่าทำให้รู้ว่าที่แท้บิดาผู้ชั่วร้ายคือ ฝางเสวียนหลิง ราชมนตรีฝ่ายอักษรสาร ที่ตลกคือในประวัติศาสตร์คำว่ากินน้ำส้มก็มาจากหลูซื่อ ภรรยาฝางเสวียนหลิงที่ได้ชื่อว่าซื่อสัตย์นี่เอง อี๋อวี้อึ้งไปเลย

ยังมีเหตุการณ์ที่ท่านตา หลูจงจื๋อ ตมหาหลูซื่อและหลานๆเจอ แต่เพราะหลูจิ้นยังไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องราวจึงยังไม่ยอมกลับเข้าสกุล แต่ตอนนี้ก็มีท่านตาคอยช่วยอยู่ลับๆ ถึงจะพบหน้ากันไม่ได้ก็ตาม

จากนั้นอี๋อวี้ก็เป็นที่จับตามองเพราะหลี่ไท่มาช่วยด้วยตัวเอง คราวนี้ใกล้ถึงเทศกาลจงชิว ซึ่งเว่ยอ๋องหลี่ไท่จะจัดงานขึ้นทุกปี ปีนี้พิเศษที่มีข่าวว่าฮ่องเต้จะเสด็จด้วยทำเอาแต่ละคนอยากไป หลูจื้อได้บัตรเชิญที่สามารถพาคนไปร่วมงานได้ อี๋อวี้ไม่ได้คิดอะไร แต่ก่อนวันงานหนึ่งวันอี๋อวี้ก็ได้รับบัตรจากวังเว่ยอ๋องเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับเฉิงเสี่ยวหู่ เจ้าอ้วนน้อย และเฉิงเสี่ยวเฟิ่งที่นิสัยเปิดเผย ในงานเลี้ยงของเว่ยอ๋อง

อี๋อวี้ยังได้แสดงความสามารถต่อหน้าพระพักตร์เพราะเหตุการณ์บังคับ แต่สุดท้ายหลูจื้อก็สามารถทำได้สำเร็จ และแล้วอี๋อวี้ก็ได้อยู่ตามลำพังกับหลี่ไท่อีกแล้ว

หลังจากงานนี้ชื่อเสียงยิ่งมายิ่งมาก และก็มีคนอยากสั่งสอนหลูจื้อโดยใช้อี๋อวี้ อี๋อวี้จึงต้องเคราะห์ร้ายอีกครั้งคราวนี้เป็นการตกม้า ตั้งแต่เข้าเรียนอี๋อวี้โดนตลอด ตอนนี้จะไม่ยอมแล้วนะ รอเวลาอี๋อวี้จัดการแก้แค้นคืนได้เลย แต่ตอนนี้ต้องหยุดพักยาวล่ะ ดีที่มีขี้ผึ้งหิมะหลอมที่ได้มาอย่างประหลาด และยังได้หนังสืออ่านเล่นชุดใหญ่แต่พี่ใหญ่ไม่ยอมเอากลับบ้านมาให้ด้วยนี่สิ

หลังอ่านเล่ม 2 :

เล่มนี้อี๋อวี้ได้เข้าสำนักศึกษาเพราะแสดงความสามารถออกมาแล้ว และก็ต้องเข้าไปพัวพันกับกลุ่มอิทธิพลต่างๆที่มารวมตัวกันในสำนักศึกษา เพื่อปูทางในราชสำนัก นางแค่อยากเล่าเรียนไปธรรมดาเพื่อจะได้สิทธิพิเศษในการสามีไม่อาจมีอนุได้ แต่ทำไมเรื่องราวมันทั้งวุ่นขนาดนี้แล้วอี๋อวี้ก็สะบักสะบอมซะขนาดนี้ ใครจะยอมให้ถูกแกล้งอยู่ฝ่ายเดียว รออี๋อวี้กลับไปเถอะต้องใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน ซะแล้วรอก่อนนะจ่างซุนเสียน


เล่ม 3 พิมพ์ครั้งที่ 1 : ธันวาคม 2562

โปรยปกเล่ม 3 :

หลังจากเจ็บตัวเจ็บใจซ้ำไปมาหลายครั้งหลายครา

อี๋อวี้ก็ตัดสินใจว่าจะมอบบทเรียนที่ยากจะลืมเลือนให้แก่คุณหนูผู้สูงศักดิ์เหล่านั้น!

ทว่ายังมิได้ทำการใดก็ได้พบกับ ‘หมอเทวดา’ ที่ ‘บังเอิญ’ ผ่านมาถ่ายทอดวิชาให้แก่นาง

จนนางได้ใช้ ‘วิชา’ นี้สร้างบุญคุณครั้งใหญ่ต่อเว่ยอ๋อง

เมื่อเขาถูกพิษ และมีเพียงนางเท่านั้นที่ถอนพิษชนิดนี้ได้!

ด้วยเหตุนี้อี๋อวี้จึงต้องไปพำนักอยู่ในคฤหาสน์ลับร่วมกับเว่ยอ๋องตามลำพัง

ได้ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน จนเกิด...ความรู้สึกประหลาดบางอย่างขึ้นในจิตใจ

มิหนำซ้ำโชคชะตายังพัดพาคนสองคนที่ห่างหายไปแล้ว

ให้กลับมาข้องเกี่ยวกับครอบครัวของนางอีกครา

นอกจาก ‘ท่านตา’ อีกคนหนึ่งคือ ‘ผู้เป็นบิดา’

ทว่าหากฐานะเดิมของพวกนางแพร่งพรายออกไป

จะมิใช่เป็นการรื้อฟื้นความผิดฐานฆ่าคนของหลูจื้อหรือ

เพราะฉะนั้นอย่ามาเกี่ยวข้องกันเลยจะดีกว่า เป็นตายอย่างไรก็อย่ามานับญาติกับพวกนางอีกเลย!

คำนำสำนักพิมพ์เล่ม 3 :

เมื่ออี๋อวี้ได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการใช้สมุนไพรและใช้พิษถอนพิษจากคนผู้หนึ่ง ซึ่งมีกิตติศัพท์ฉาวโฉ่ตามคำเล่าขานในยุทธภพ ก่อนที่นางจะใช้วิชาเหล่านี้รักษาเว่ยอ๋องจนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงแม้หลูจื้อจะไม่ค่อยถูกใจที่น้องสาวไปอยู่ใกล้บุคคลเช่นนี้ ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งวันที่เว่ยอ๋องปกป้องนางจากความตายจนได้รับบาดเจ็บ เขาก็ยิ่งรู้สึกอย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้ปฏิบัติต่อน้องสาวเขาต่างไปจากผู้อื่น

 

แต่เรื่องนั้นยังมินับว่าตื่นตาตื่นใจเท่าการที่อี๋อวี้ได้พบกับ "ผู้เป็นบิดา" ที่ออกมาปกป้องบุตรสาวตัวร้ายที่เกิดจาก "ภรรยารอง" ผู้นั้น จนต้องปะทะอารมณ์กันถึงขั้นที่อีกฝ่ายแทบทรุดลงหมอบกราบนางเสียด้วย! อีกทั้งเรื่องราวของเจ้า "อิ๋นเซียว" ที่หลายๆ ท่านสงสัยก็ยังมีคำตอบในเล่มนี้อีกด้วย หากตอนนี้นักอ่านอยากรู้แล้วว่าเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้จะเป็นเช่นไร และจบลงอย่างไรนั้น ขอเชิญเปิดประตูเข้าสู่เรือนสกุลหลู ตำบลหลงเฉวียนได้ ณ บัดนี้

 

สำนักพิมพ์แจ่มใส

เล่ม 3 :

อี๋อวี้พักอยู่ที่เรือน ที่ดินที่ซื้อเพิ่มยังเจอตาน้ำพุร้อน ครอบครัวสกุลหลูสามพี่น้องตัดสินใจทำบ้านพักกันที่นั้นให้หลูจวิ้นคุมงานก่อสร้าง ระหว่างนั้นยังได้เจอ เหยาปู้จื้อหมอเทวดาที่นิสัยประหลาดที่บอกว่าตัวเองชื่อเหยาฮ่วงกับบุตรสาว เหยาจื่อชีที่อี๋อวี้กับหลูจื้อเคยช่วยเอาหยกพกคืนมาจากพวกต้มตุ่น เหยาฮ่วงสอนอี๋อวี้มากมาย จนหลูจื้อกลับมาถึงพบว่าเหยาฮ่วงน่าจะเป็นเหยาปู้จื้อที่คนทั่วยุทธภพตามหา

เรื่องตาน้ำพุร้อนยังมีเรื่องเกิดขึ้นเพราะ สกุลสวีจะมาแย่งที่ดินที่มีตาน้ำพุเพราะมีคนรู้จักในฉางอันที่ทำงานรับใช้องค์รัชทายาทแค่นี้ก็รู้แล้วว่าจะเอาไปประจบใคร

อี๋อวี้ยังได้พบกับจ่างซุนซีและหลี่เค่อที่สนามขี่ม้านอกเมืองที่ไปกับสองพี่น้องเฉิงเสี่ยวเฟิงและเฉิงเสี่ยวหู่

เรื่องราวระหว่างนี้หลูจื้อยังไปสืบได้ความมาว่าเว่ยอ๋องอาจบาดเจ็บและกำลังตามหาเหยาปู้จื้อ เพราะก่อนเหยาปู้จื้อจากไปได้วางยานอนหลับคนทั้งบ้านสกุลหลูแต่อธิบายความจำเป็นกับอี๋อวี้ และขอผ่านทาง ทั้งยังทิ้งกล่องผ้าไหมปักลายและเมล็ดพันธุ์ให้อี๋อวี้อีกด้วย พอคนชุดดำจับเหยาปู้จื้อไม่ได้ก็ได้แต่พาอี๋อวี้ไป อี๋อวี้ไปบอกความกับเจ้านายแต่ก็ไม่บอกความจริงทั้งหมด ซึ่งหลังจากหลูจื้อบอกว่าน่าจะเป็นเว่ยอ๋องอี๋อวี้ก็ว่าน่าจะใช่

เมื่ออี๋อวี้คิดดูและถามหลูจื้อว่าถ้าช่วยหลี่ไท่จะมีประโยชน์กับหลูจื้อหรือไม่ หลูจื้อบอกว่าย่อมมีแน่นอน อี๋อวี้คิดดูแล้ว และคิดว่าสามารถช่วยได้แต่ต้องไปดูอาการด้วยตนเอง สรุปว่าอี๋อวี้เป็นคนรักษาโรคฝันร้ายให้หลี่ไท่ อี๋อวี้กับหลี่ไท่ย้ายไปอยู่คฤหาสน์ลับ มองดูแล้วองครักษ์น้อยมาก

อาเซิงพาอิ๋นเซียวมาด้วยเพราะองครักษ์ส่วนใช่อยู่ที่วังเว่ยอ๋อง และเพราะอิ๋นเซียวชอบอยู่กับอี๋อวี้ จนทำให้อี๋อวี้พูดถึงฉิงคงและสังหรณ์ใจว่าใช่หรือไม่ จึงไปถามหลี่ไท่และได้รับคำตอบว่าเมื่อก่อนอิ๋นเซียวมีลักษณะเช่นนั้นจริง

ระหว่ารอตัวยาสมุนไพร อาเซิงพาอี๋อวี้ออกไปเที่ยวเล่นพักผ่อนก่อนต้องเก็บตัวในคฤหาสน์ลับ ทำให้อี๋อวี้เจอกับฝางจืออู่ และสามารถทำให้ลี่เหนียงถูกเฆี่ยน ฝางเสวียนหลิงอับอายขายหน้าได้ เพราะในร้านขายผ้ายังมีองค์หญิงสาม องค์หญิงผิงหยางอยู่ด้วย และสุดท้ายองค์หญิงผิงหยางยังถูกชะตากับอี๋อวี้ มอบต่างหูให้บอกว่าถ้ามีเรื่องใดให้ไปหาได้ที่วังเจาหวา

ออกมาทีหนึ่งก็สร้างความปั่นป่วนให้คนภายนอกได้แล้ว กลับมาพวกสมุนไพรที่เตรียมก็เกือบพร้อม เหลือส่วนพิเศษที่อี๋อวี้ต้องจัดเตรียมเอง คราวนี้ก็เริ่มต้นสระผม นวดกดจุดให้หลี่ไท่ได้แล้ว ทำเอาทั้งสองยิ่งใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น หลี่ไท่ก็เป็นกันเองกับอี๋อวี้มากขึ้น ปฏิบัติกับอี๋อวี้ไม่เหมือนใคร

หลูจื้อรู้เรื่องที่จะเกิดในวันที่สามสิบเดือนเก้าส่งสารมาเตือนอี๋อวี้ว่าหลี่เค่อ หลี่ไท่ก็รู้ว่าเป็นฝีมือหลูจื้อ

หลี่ไท่สอนอี๋อวี้เดินหมาก ทำให้อี๋อวี้ที่ไม่ชอบเดินหมากสามารถเข้าใจกลวิธีเดินหมากได้ หลี่ไท่เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว แต่แผนกลับมีอี๋อวี้เพิ่มเข้ามา ทำให้ผิดแผนไป และอี๋อวี้ก็ไม่ยอมหนีเอาตัวรอด อยู่เคียงข้างหลี่ไท่ที่นอนหลับอยู่ อิ๋นเซียวก็ต่อสู้ได้ไม่เต็มที่ อี๋อวี้เป็นห่วงทั้งหลี่ไท่ทั้งอิ๋นเซียว สุดท้ายก็เป็นหลี่ไท่ที่ปกป้องอี๋อวี้ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บ

หลี่ไท่เรียกหลูจื้อมาและบอกว่ารู้เมื่อไหร่ แล้วรู้หรือไม่ว่าหลี่เค่อยืมมือหลี่เฉิงเฉียนเพื่อใส่ร้ายด้วย

หลี่ไท่คลายปมในใจอี๋อวี้เรื่องที่สังหารคนไป และหลังจากนั้นหลูจือ้ก็พักอยู่กับอี๋อวี้รอเวลาสำนักศึกษาเปิดเรียน

การเปิดเรียนครั้งนี้จ่างซุนซีมาเรียนที่สำนักศึกษาไท่เสวียด้วย และฉาป๋อซื่อก็เอ่ยชมอี๋อวี้ต่อหน้าเพราะคำกลอนและตัวอักษรของอี๋อวี้

ตู้เหอส่งสารมาให้อี๋อวี้ถามเรื่องตกม้า และอยากสอนขี่ม้าอี๋อวี้ไม่สนใจแต่ไม่อยากทิ้งตอนนั้นเลยเสียบไว้ในหนังสือทำให้หลูจื้อเห็นและหลี่ไท่ก็เห็นอีกด้วย อี๋อวี้ไม่กล้าบอกว่าใครเป็นคนเขียน ทำเอาหลี่ไท่อารมณ์เสียทีเดียว ฮ่าๆๆๆ

หลังอ่านเล่ม 3 :

เล่มนี้หลี่ไท่กับอี๋อวี้ใกล้ชิดกันมากขึ้น คนใกล้ชิดเริ่มมองเห็นแล้วว่าหลี่ไท่ปฏิบัติตัวกับอี๋อวี้แตกต่างกับคนอื่นๆ ยังไงกันนี่ อี๋อวี้ยังอายุสิบสองอยู่เลยนะ น่ารัก อ่านแล้วติดมาก อ่านต่อเล่มสี่เลยค่ะ เรื่องราวกำลังสนุกทีเดียว




เล่ม 4 พิมพ์ครั้งที่ 1 : ธันวาคม 2562

โปรยปกหลังเล่ม 4 :

การประชันศาสตร์ห้าสำนักเวียนมาถึง ลูกศิษย์ล้วนแย่งชิงความเป็นหนึ่ง!

คงมีก็แต่อี๋อวี้และหลูจื้อที่ต้องการให้ตนเองไม่เป็นที่สุดท้ายก็เพียงพอ

เพราะการโดดเด่นเกินไปสำหรับทั้งสองนั้น อาจนำภัยมาสู่ตนเองได้

ทว่าภัยร้ายก็ยังมาเยี่ยมเยียน... ซึ่ง ‘ฝางเฉียว’ ก็คือภัยร้ายที่ว่า

ทั้งเขายังได้นำพาครอบครัวของอี๋อวี้ออกมายืนกลางที่แจ้งมากขึ้น

แทบจะยืนเป็นเป้านิ่งให้คนที่มุ่งร้ายอยู่รอมร่อ

กระนั้นหลูจื้อที่เพียรพยายามทำทุกอย่างมามากมายมีหรือจะยินยอมให้ทุกอย่างต้องพังลง

อี๋อวี้ก็ยังคงยืนอยู่เคียงข้างพี่ชายเฉกเดิม แม้ยามนี้จิตใจจะไม่มั่นคงนัก

เพราะหลังจากที่นางได้รับสารและของขวัญจาก ‘คุณชายของสำนักไท่เสวีย’

นางก็ได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา และได้รู้หัวใจของตนเอง

แต่ความรักของนางจะมาก่อนครอบครัวมิได้ แม้จะต้องตัดใจจากความรัก นางก็ต้องทำ!

คำนำสำนักพิมพ์เล่ม 4 :

หลังจากอี๋อวี้ถูกหลูจื้ออบรมเรื่องสารจากบุรุษนั่นเป็นการใหญ่แล้ว นางก็ทำหน้าที่ "ถอนพิษ" ให้กับเว่ยอ๋องต่อไป แต่ชีวิตมิเคยมีวันใดผ่านไปอย่างเรียบง่ายเลยจริงๆ เพราะเรื่องที่อาจารย์ฉาจี้เหวินของสำนักไท่เสวียพูดชมนางยกใหญ่หลังจ่างซุนซีร่ายกลอนบทหนึ่งนั้น ทำให้นางกลายเป็นเป้าสายตาจากทุกคน มิหนำซ้ำยังถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ประชันศาสตร์ของสำนักซูเสวียอีกด้วย เช่นนี้แล้วนางที่เพิ่งได้เยื้องย่างเท้าเข้ามาในสำนักศึกษาไม่กี่เดือนจะเอาตัวรอดในการประชันครานี้อย่างไร คนที่ได้ที่สุดท้ายของแต่ละศาสตร์นั้นแทบจะถูกคนในสำนักหยามเหยียดและรังเกียจเลยนะ ลำพังแต่เดิมแค่อยู่ในสำนักศึกษาอย่างสงบยังยากยิ่ง แล้วแบบนี้อี๋อวี้จะก้าวผ่านเรื่องราวเบื้อหน้าไปอย่างไรได้เนี่ย อีกทั้งยังมีเรื่องภูมิหลังของชาวสกุลหลูเช่นนั้นขอเชิญนักอ่านพลิกหน้าต่อไป ก้าวเท้าเข้าไปยังคฤหาสน์ลับและสำนักศึกษาหลวงได้ ณ บัดนี้ค่ะ

 

สำนักพิมพ์แจ่มใส

เล่ม 4 :

อี๋อวี้ถูกหลูจื้ออบรมเรื่องสารที่รับในห้องเรียนมากไม่น้อย ตอนนี้ต้องมานวดกดจุดให้หลี่ไท่อีก หลี่ไท่มีวิธีแยบยลกว่าหลูจื้อเยอะ บอกว่าวิชาขี่ม้าอาจารย์สำนักศึกษาสอนไม่ดีไม่ต้องเรียน ตรงใจอี๋อวี้พอดี หลี่ไท่บรรลุจุดประสงค์ แต่กลับไม่รู้ว่าอี๋อวี้คิดว่ายังไงก็ต้องสอบถ้าอย่างนั้นเอาไว้ให้เสี่ยวหู่สอนก็ได้ ท่านอ๋องพลาดไปแล้วสินะ ฮ่าๆๆๆ

เพราะเรื่องฉาป๋อซื่อทำให้มีคนอยากมาดูว่าอี๋อวี้เก่งแค่ไหน แล้วอี๋อวี้ก็ได้รู้จากเฉิงเสี่ยวเฟิ่งว่าจะมีการประชันศาสตร์ห้าสำนัก ยังไงอี๋อวี้ก็ต้องถูกอาจารย์เลือกเข้าร่วมแข่งแน่นอน แต่นอกจากเรื่องอักษรภาพแล้วอย่างอื่นนางคงได้อันดับท้ายสุด

ยังมีเหตุการณ์เสิ่นเจี้ยนถังที่เป็นทั้งสหาย ทั้งรู้จักหลี่ไท่ที่มาเจอกับหลูอี๋อวี้ หลูจื้อสองพี่น้อง พร้อมกับที่มีเรื่องของโจวหรุ่ย สายสืบขั้นต่ำที่ขายซาลาเปาที่อี๋อวี้เคยได้กิน แต่ไม่อยากไปกับเสิ่นเจี้ยนถังมาร้องโวยวาย ทำเอาท่านอ๋องโกรธเกือบหาชีวิตไม่ แต่อี๋อวี้กลับเข้าไปขัดขวางเพราะมีช่วงหนึ่งที่คิดถึงตัวเองขึ้นมาที่เห็นว่าต้องคอยคุกเข่ารอการตัดสิน ไม่สามารถตัดสินชะตาชีวิตตัวเองได้ ด้านหลี่ไท่ที่น้อยครั้งจะโกรธ แต่ถ้าโกรธขึ้นมาใครก็ไม่กล้าขัด อี๋อวี้กล้ามากที่ขัดขวางแล้วยังรอดมาได้ หลี่ไท่ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย

หลูจื้อวานให้อาเซิงสอนอี๋อวี้ยิงธนู แต่หลี่ไท่มาเห็นเพราะฉะนั้นผู้ที่สอนก็คือหลี่ไท่ที่ใช้วิธีให้มองลูกธนูไม่มองเป้า แล้วอี๋อวี้ก็ยิงได้จริงๆ

หลูจื้อไปหาหลูจงจื๋อบอกเล่าเรื่องราวตอนที่หนีออกจากเมืองฉางอันว่ามีคนสองกลุ่มขัดขวาง และสุดท้ายได้คนแซ่หยางช่วยเอาไว้ทำให้ปกปิดร่องรอยและสามารถไปตั้งถิ่นฐานที่สู่จงได้

วันต่อมาหลูจื้อได้รับสารจากหลิวเซียงเซียงว่าหลูซื่อป่วย ไม่ได้สติสองพี่น้องจึงไปหา ซึ่งหลูซื่อไม่ได้เป็นอะไร แต่ว่าพอดีได้พบกับฝางเฉียวที่ตามมาหาถึงบ้านได้ สองพี่น้องกีดกัน ปฏิเสธไม่ยอมรับ ฝางเฉียวก็ดึงดันจะพบหลูซื่อ พอดีกับที่หลูซื่อออกมา ฝางเฉียวรีบบอกว่าเป็นเพราะหานลี่ หลูซื่อโกรธจัดจนสลบไป ฝางเฉียวอธิบายเรื่องราวตอนนั้นให้สองพี่น้องฟัง ทุกอย่างเป็นเพราะหานลี่ ที่อยู่เบื้องหลัง เพราะต้องการหลูซื่อ ในที่สุดสองพี่น้องก็รู้ความจริงเรื่องในตอนนั้นแต่ก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมด

หลูจื้อตัดสินใจให้หลูซื่อย้ายไปอยู่ในฉางอันชั่วคราวจนกว่าคฤหาสน์จะสร้างเสร็จเพราะกลัวว่าอยู่คนเดียวจะโดนรังควาญอีก

อี๋อวี้บอกกับหลูจื้อว่าอย่าปิดบังอะไรนางอีกเพราะบางทีไม่รู้ทำให้ช่วยไม่ได้ ส่วนหลูจื้อเห็นว่าอี๋อวี้ทำไม่สนใจก็ไม่อยากให้คิดมาก สรุปคือสองพี่น้องใส่ใจกันและกันจนเกิดเรื่องขึ้นถึงคิดได้ว่ามีอะไรควรบอกเพื่อจะได้รู้ล่วงหน้า ช่วยกันตัดสินใจได้

อี๋อวี้กับคฤหาสน์ลับ หลี่ไท่สอบถามเรื่องที่จะเข้าแข่งประชันศาสตร์ห้าสำนัก ถามว่าอี๋อวี้ไม่ถนัดด้านไหน พอนับไปมา มีถึงห้าอย่างที่ตัวเองไม่ถนัด หลี่ไท่บอกอี๋อวี้ว่าให้ถอนตัวจากขี่ม้าและดีดพิณ ส่วนยิงธนูและกลหมากจะไม่ได้ที่สุดท้ายแน่นอน เพราะมีข้าสอนอยู่ มั่นใจมาก

หลูจงจื๋อตามหลูจื้อและอี๋อวี้มาพบเพื่อบอกว่าฝางเฉียวมาหาและยื่นจดหมายให้บอกว่าถ้าจะตามหาหานลี่ต้องตามหาคนชื่อมู่ฉางเฟิง อี๋อวี้เป็นห่วงท่านตามากมาย ทำเอาท่านตาปลาบปลื้มที่มีหลานรักใส่ใจสุดๆ

อี๋อวี้ได้รับเลือกเป็นตัวแทนลงแข่งจริง หลูจื้อพาอี๋อวี้ไปซื้อปลอกนิ้วสำหรับใส่ยิงธนูทำให้เห็นว่า เว่ยอ๋องก็มาสั่งทำด้วยซึ่งเป็นที่ถูกใจของจ่างซุนซี ตอนนี้จ่างซุนซีก็แสดงท่าทางชอบของที่อยู่ตรงหน้าแต่พอรู้ว่าเป็นเว่ยอ๋องก็ยอมคืน เพราะคิดว่าซื้อให้ตัวเอง อี๋อวี้ก็คิดเช่นนั้นทำเอาอารมณ์ไม่ดีไปเหมือนกัน

วันแข่งขันมาถึง วันแรกประชันศาสตร์ดีดพิณ อี๋อวี้ได้รับของจากคุณชายสำนักไท่เสวียอีกแล้ว คราวนี้เลยทำให้รู้ว่าบุคคลลึกลับที่มอบของให้บ่อยๆคือหลี่ไท่ ความรู้สึกของอี๋อวี้ในตอนนี้เมื่อคิดดูคือในที่สุดก็รู้ว่าตัวเองชอบหลี่ไท่เข้าให้แล้ว จะทำยังไงต่อดี อี๋อวี้และเฉิงเสี่ยวเฟิงถอนตัว หลูจื้อเล่นได้ตรงหัวข้อแต่ยังขาดทักษะ ในการประชันแรกทุกคนคิดว่าจ่างซุนเสียนจะได้อันดับหนึ่งกลับเป็นหลูซูฉิง บุตรสาวของท่านลุงใหญ่แต่ตัวเองไม่รู้ว่าถูกขอมาเลี้ยงตั้งแต่ตอนที่ท่านตายังไม่ออกจากฉางอัน กับรู้เรื่องพวกนางสี่คนชาวสกุลหลู

วันที่สองแข่งวาดภาพ หลูจื้อได้อันดับหนึ่ง อี๋อวี้ก็มีฝีมือไม่ธรรมดา และเป็นครั้งแรกที่อี๋อวี้เห็นการถูกเหยีดหยามของคนที่ได้อันดับสุดท้ายก็รู้สึกไม่ดี

กลับไปถึงจึงใช้การฝึกยิงธนูระบายอารมณ์ทำเอาแขนได้รับบาดเจ็บก็เป็นหลี่ไท่ที่ใช้กำลังภายในรักษาให้

วันที่สามแข่งเขียนอักษร อี๋อวี้สามารถเขียนได้เป็นอันดับหนึ่งแต่กลับถูกกลั่นแกล้ง สุดท้ายก็ยังสามารถได้อันดับหนึ่ง เป็นเหตุให้เกิดข้อกังขากัน อี๋อวี้สามารถอธิบายความสามารถของตัวเองได้ คิดไม่ถึง ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ และคำที่ว่า แม้น้ำหมึกเป็นสีดำ ทว่ามันสกปรกจริงหรือ น้ำใสแลดูสะอาด แต่มันบริสุทธิ์แน่หรือ ของอี๋อวี้ทำเอาผู้คนเก็บไปคิดกันอีกนาน หลี่ไท่ได้เห็นความสามารถของอี๋อวี้ที่น่าสนใจอีกแล้ว

ทั้งยังพาตัวไปจากสถานทีฉลองกันด้วย แต่เพราะอารมณ์ขึ้นลงตลอดวัน ทำเอาอี๋อวี้น้อยใจ ร้องไห้ออกมา ก็เป็นหลี่ไท่ที่ปลอบอี๋อวี้อีกนั่นเอง

หลังอ่านเล่ม 4 :

เรื่องราวในเล่มนี้ ใครต่อใครที่คิดว่าอี๋อวี้ที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนประชันศาสตร์ห้าสำนัก เพราะฉาป๋อซื่อชื่นชมก็ได้เห็นความสามารถของอี๋อวี้ซะที ทั้งอี๋อวี้ยังรู้ใจตัวเองแล้วด้วยว่าชอบหลี่ไท่ ทั้งการประชันศาสตร์ ทั้งเรื่องในใจ ทั้งเรื่องในอดีตที่ต้องสะสางเรื่องราวมากัน ค่อยๆแก้กันไป สนุกมากเลยค่ะ มาลุ้นว่าศาตร์ที่เหลือใครจะเป็นอันดับหนึ่ง อี๋อวี้จะเป็นยังไงกันต่อค่ะ



เล่ม 5 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มกราคม 2563

โปรยปกหลังเล่ม 5 :

การประชันศาสตร์ที่สำนักศึกษาหลวงยังดำเนินไปอย่างดุเดือด

เรื่องราวไม่คาดฝันมากมายเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

คู่แข่งของอี๋อวี้ดันเป็นคนงามที่นางอยากหลีกเลี่ยง

ทั้งนางยังต้องเผชิญหน้ากับแผนร้ายขององค์หญิงเกาหยางไม่จบสิ้น

ด้านมู่ฉางเฟิงที่พวกหลูจื้อยังหาตัวไม่พบก็กลับเป็นผู้มีความเกี่ยวข้องกับหานลี่อย่างใกล้ชิด

เส้นทางชีวิตพวกนางแม่ลูกอยู่ในอันตรายมากขึ้นทุกที

ในเวลาเช่นนี้ความรักของนางนับเป็นอะไรเล่า

นางจะมีแรงใจอะไรไปวาดหวังกับความรักที่อยู่ในขั้นแตกหน่ออ่อนเหล่านั้นอีกหรือ

มองไปเบื้องหน้าเห็นแผ่นหลังของพี่ชายที่ยืนขวางภยันตรายปกป้องนางเสมอนั่น

ไม่ว่าเงามืดนั้นในใจเขาจะเป็นอะไร เขาจะอยากแก้แค้นหรือไม่

นางก็ยินดีจะอยู่เคียงข้างเขา ‘ปกป้อง’ เขาอย่างสุดกำลังที่ทำได้เช่นกัน!

เล่ม 5 :

หลี่ไท่ให้อี๋อวี้พัก ไม่ต้องไปดูการแข่งขี่ม้า ด้านมู่ฉางเฟิงได้รับข่าวเรื่องหลูซื่อจากสายในสกุลฝาง เดาว่าน่าจะเป็นลี่เหนียงนี่เองที่เป็นสาย เพราะไม่อยากให้หลูซื่อกลับมาสกุลฝาง อยากครองตำแหน่งซะเอง

ส่วนอี๋อวี้จากที่ได้รู้ว่าศาสตร์ดนตรีจะออกหัวข้ออะไร ก็ช่างใจอยู่นานสุดท้ายก็ไม่ท่องจำ จะใช้ความสามารถของตัวเอง พอสอบเสร็จนางก็รู้ว่าถ้าอ่านตามหัวข้อนางจะได้อันดับหนึ่งแต่นางก็ไม่เสียใจ วันนั้นกลับไปยังบอกกับหลี่ไท่ว่ารู้หัวข้อล่วงหน้า ถ้าคนที่บอกหัวข้อรู้ว่านางไม่ทำจะโกรธหรือไม่ พอหลี่ไท่บอกว่าไม่ นางก็สบายใจ

การทดสอบศาสตร์หมากล้อม สองครั้งแรกอี๋อวี้สามารถผ่านได้อย่างสบาย แต่พอถึงรอบที่สามคู่แข่งคือจ่างซุนซี นางทำเหมือนร่าเริงสดใส แต่แท้จริงแล้วจะใช่จริงหรือ สุดท้ายผู้ที่ประชันหมากล้อมเพื่ออันดับหนึ่งคือหลูจื้อกับจ่างซุนซี ความจริงหลูจื้อสมควรชนะ แต่เพราะปัดหมากหล่นไปสองเม็ด หลูจื้อถามอี๋อวี้ว่าถ้าเป็นเจ้าจะบอกหรือไม่ อี๋อวี้ว่าบอกโดยไม่ต้องคิด แต่จ่างซุนซีกลับนิ่งเฉย หลูจื้อทำแบบนี้เพื่อให้คนพูดถึงอี๋อวี้น้อยลง และเพื่อให้ตัวเองไม่เด่นเกินไป

วันต่อไปเป็นศาสตร์ยิงธนู อี๋อวี้ก็สามารถทำได้โดยการไม่เป็นที่สุดท้าย ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งคือหลูซูฉิง เพราะเฉิงเสี่ยวเฟิงถอนตัวในตอนเช้าก่อนแข่งเพราะอุบัติเหตุอะไร เฉิงเสี่ยวหู่ก็ไม่ยอมเล่า

การประชันศาสตร์คำนวณเมื่อเสร็จสิ้น หลูจื้อก็มาบอกข่าวว่าเรื่องข่าวลือในฉางอันยิ่งมายิ่งมาก ต้องตามหามู่ฉางเฟิงจะเข้าพบหลี่ไท่เพื่อขอความช่วยเหลือ

อี๋อวี้มาบอกหลี่ไท่เรื่องที่รักษาแล้วจะทำตามสัญญาหนึ่งข้อ ตอนนี้ขอให้ตามหามู่ฉางเฟิงตามคำขอของพี่ชาย หลี่ไท่โกรธมาก อี๋อวี้ที่อยู่กับหลี่ไท่มานานสังเกตได้ ตัวเองก็เสียดายคำสัญญานี้เหมือนกัน สุดท้ายบอกหลี่ไท่ว่าช่วยทำความดีสักครั้งได้หรือไม่ หลี่ไท่กลับตอนรับทันที ก่อนหน้านี้อาเซิงมารายงานเรื่องข่าวลือต่างๆในฉางอัน เรื่องสกุลฝางและสกุลหลูพอดี หลี่ไท่ก็ให้ตามหามู่ฉางเฟิงอยู่แล้ว

อี๋อวี้คิดได้แล้วว่าที่หลูจื้อทำทั้งหมดไม่ใช่แค่การล้างมลทิน แต่จะทำเพื่อแก้แค้น ตอนแรกนางก็ตกใจ แต่เมื่อคิดได้เมื่อพี่ใหญ่ทำอะไรนางก็พร้อมสนับสนุน

หลี่ไท่และอาเซิงพอคิดก็รู้ว่าอี๋อวี้และหลูจื้ออาจเกี่ยวข้องกับเรื่องข่าวลือครั้งนี้ หลี่ไท่ให้ไปสืบมา

การประชันศาสตร์จารีต ซึ่งเป็นศาสตร์สุดท้ายจ่างซุนเสียนยังไม่ได้ป้ายซักป้ายกำลังร้อนใจ แต่ครั้งนี้พวกอี๋อวี้ หลูจื้อที่ไม่คิดจะชิงป้ายกลับสามารถไขปริศนาได้ก่อน ไปถึงที่หมายก่อน รับฟังข้อขอร้อง หลูจื้อแยกไปเพราะได้ข่าวมู่ฉางเฟิง สุดท้ายเป็นไปตามที่หลี่ไท่คาดการณ์ ทำให้หลูจื้อไปตกลงกับหลี่ไท่

ส่วนพวกอี๋อวี้ไปแข่งขันต่อ อี๋อวี้ยังประสบกับการวางยาแก้แค้นของเกาหยาง ถูกคนจับไปขัง แต่สุดท้ายก็เป็นอี๋อวี้ที่สามารถใช้ไหวพริบสามารถเอาตัวรอด และไปถึงทันเวลาหมดการทดสอบและเมื่อหลูจื้อบอกว่าเปลี่ยนแผน ครั้งนี้อี๋อวี้จึงจัดการจ่างซุนเสียนทำให้เสียท่า จนตกเป็นอันดับสุดท้าย และตัวเองก็ได้ป้ายศาสตร์จารีตไปครอง

ฮูหยินผู้เฒ่าฝาง เห็นพวกอี๋อวี้และหลูจื้อ และเห็นหลูซื่อในที่สุดก็รู้ว่าฝางเฉียวตามคนพบแล้ว อี๋อวี้กับหลูจื้อติดตามไปพบคน เมื่อไปถึงสุดท้ายหลูจื้อก็แสดงด้านมืดออกมา สิ่งที่เก็บอยู่ในใจหลายปี ดีที่มีอี๋อวี้อยู่ด้วย

หลูจื้อตกลงหับท่านตาหลูจงจื๋อเรื่องกลับเข้าสกุลหลู โดยไม่ใช้สถานะเดิมแต่จะเป็นญาติสายรองแต่รับเป็นทายาทสายหลัก

ในวันทำพิธีกลับเข้าสกุล ที่ศาลบรรพชนฮูหยินผู้เฒ่าฝางยังมาก่อกวน แต่หลูจื้อก็แสดงหลักฐานว่าตนไม่ใช่ลูกหลานสกุลฝางคนนั้น

คราวนี้สถานะของสองพี่น้องเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม ผู้คนก็มองแตกต่างจากเดิม อี๋อวี้กลับคฤหาสน์ลับเพื่อเก็บของและบอกหลี่ไท่เรื่องที่รู้ว่าหลี่ไท่เป็นคนส่งของต่างๆให้ อี๋อวี้ไม่ได้จึงไม่เห็นว่าหลี่ไท่เขินหน้าแดงเป็นยังไง ทั้งยังบอกว่าไม่ติดค้างกัน ทำเอาหลี่ไท่โกรธอีกแล้ว สองคนนี้ชอบเข้าใจคนละอย่างอยู่เรื่อย อี๋อวี้ขอยาหิมะหลอมจากหลี่ไท่เพื่อเอาไปให้หลูจื้อ หลังจากนั้นผิงถงผิงฮุ่ยก็ได้ติดตามอี๋อวี้มาสกุลหลูด้วย

เพราะเป็นผู้ชนะได้ป้ายไม้ หลี่ไท่จะจัดทำบันทึกคุนยวน เรื่องบันทึกคุนยวนคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าอี๋อวี้แล้ว

อี๋อวี้รับปากตู้รั่วจิ่นว่าจะเขียนกลอนให้ภาพวาดของตู้รั่วจิ่น เป็นภาพที่งามมากซึ่งถ่ายทอดบรรยากาศในงานเลี้ยงของเกาหยางวันนั้น

หลังอ่านเล่ม 5 :

เล่มนี้เข้มข้นมาก เพราะการประชันศาสตร์ดุเดือดถึงที่สุด อี๋อวี้เปล่งประกายโดดเด่น ส่วนหลี่ไท่ที่ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่กลับอี๋อวี้นั้นไม่เหมือนกับคนอื่นจริงๆ เรื่องราวน่าติดตาม ลุ้นตลอดเล่ม ต้องรีบอ่านเล่มต่อไปเลยค่ะ



 เนื้อหาโดยสังเขปนวลหยกงามเล่ม 1-5

เล่ม 1 : อี๋อวี้ย้อนเวลามายุคถังที่ไม่ใช่ราชวงศ์ถังแบบที่รู้มาในประวัติศาสตร์ แต่เป็นมิติคู่ขนาน เรื่องราวต่างๆไม่เหมือนในประวัติศาสตร์ ย้อนมาตอนอายุสี่ขวบก่อนหน้านั้นยังเป็นเด็กปัญญาอ่อนแต่พอนางมาเข้าร่างก็เป็นเด็กฉลาดรู้ความยิ่งกว่าในชาติเดิมที่เป็นเด็กกำพร้า

ชีวิตช่วงแรกคือบรรยายถึงวิถีชีวิตที่ยากลำบากที่เริ่มต้น แต่ทุกคนในครอบครัวก็มีความสุขดี ในความรู้สึกของอี๋อวี้ที่ไม่เคยมีครอบครัว

พี่ใหญ่ หลูจื้อ เป็นคนเจ้าความคิด ชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก

พี่รอง หลูจวิ้น นิสัยซื่อ ชอบฝึกยุทธ์ กำลังมาก พลังงานล้นเหลือ

อี๋อวี้ ฉลาด ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก เรียนรู้ไว เป็นที่รักของครอบครัว

หลูซื่อ มาอยู่หมู่บ้านเค่าซานในฐานะแม่ม่าย สามีเสียชีวิต

ในเล่มแรกเน้นที่ชีวิตของชาวสกุลหลู จนอี๋อวี้อายุเก้าขวบการเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นเมื่อหลูจื้อสอบได้ ต้องเดินทางเข้าเมืองหลวง เหลืออี๋อวี้และหลูซื่อที่อยู่สู่จง เพราะเหลือสองแม่ลูกกลับถูกคนให้ร้าย ทำให้ต้องหนีและได้เจอคุณชายฉางผู้มีพระคุณเป็นครั้งแรก จนจบเล่มแรกคืออี๋อวี้อายุสิบสองผ่านช่วงเวลาลำบากจากครอบครัวชาวนา จนขายสิทธิ์ถังหูลู่ที่คิดขึ้นให้ร้านในเมืองฉางอันความเป็นอยู่ดีขึ้น

เล่ม 2 : เพราะหลูจื้อเข้าสำนักศึกษาหลวงทำให้รู้จักกับองค์หญิงเกาหยาง หลูจวิ้นที่ติดตามมาด้วยรู้จักไปด้วย และพูดถึงแต่เสี่ยวอวี้ ทำเอาเกาหยางไม่พอใจ จึงส่งเทียบเชิญมางานเลี้ยงความจริงเพื่อกลั่งแกล้งครอบครัวสามัญชน แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น อี๋อวี้แสดงความสามารถออกมา เกาหยางโกรธจนกลั่นแกล้ง ด้วยการเอาอิ๋นเซียวนกตัวโปรดของเว่ยอ๋อง หลี่ไท่ องค์ชายสี่มาจัดการแต่อี๋อวี้กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังช่วยชีวิตหลี่ไท่เอาไว้ด้วย นั่นทำให้ผู้คนในงานลืมสิ่งที่อี๋อวี้ทำ แต่หลี่ไท่ไม่ลืม และหลี่ไท่คือผู้มีพระคุณคุณชายฉางนั่นเอง

อี๋อวี้ได้เข้าสำนักศึกษาเพราะบทกลอน และตัวอักษรที่คิดขึ้นเอง แต่กลับโดนกลั่นแกล้งจากผู้สูงศักดิ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดีที่ได้หลี่ไท่ช่วยเอาไว้

เล่ม 3 : อี๋อวี้ได้รับการสอนและได้รับมอบผ้าไหมปักลายจากเหยาปู้จื้อทำให้สามารถรักษาพิษฝันร้ายของหลี่ไท่ได้ ทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ทั้งยังมีเรื่องของท่านตา กับบิดาที่ชั่วร้ายคนนั้น เรื่องราวเข้มข้นขึ้นปมเยอะขึ้น และสนุกขึ้นทั้งยังเจอกลุ่มคนลอบสังหารในคฤหาสน์ลับ หลังผ่านเหตุการณ์นี้ไปทั้งสองก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น

เล่ม 4 : อี๋อวี้ได้รับเลือกให้ร่วมแข่งประชันศาสตร์ห้าสำนัก สิ่งที่อี๋อวี้ไม่ถนัดมีถึงห้าศาสตร์ แต่หลี่ไท่จะช่วยสอนหมากล้อมกับยิงธนูยังไงอี๋อวี้ก็ไม่เป็นอันดับสุดท้ายแน่นอน ครั้งนี้อี๋อวี้ได้รับป้ายไม้สลักของศาสตร์การเขียนอักษร ที่ได้มาไม่ง่ายเพราะโดนกลั่นแกล้งระหว่างการแข่งขันแต่ก็สามารถชนะกลับมาได้อีกครั้ง

เล่ม 5 : จบการแข่งประชันศาสตร์ห้าสำนักอี๋อวี้ที่ไม่คิดสร้างความเด่น แต่หลูจื้อเปลี่ยนแผนศาสตร์สุดท้ายคือศาสตร์จารีตอี๋อวี้จึงได้ป้ายไม้สลักอีกหนึ่งชิ้น และเล่มนี้อี๋อวี้ก็บอกหลี่ไท่ว่ารู้แล้วว่าหลี่ไท่เป็นคุณชายปริศนาที่ชอบส่งของมาให้ตัวเอง กับเรื่องที่หลูจื้อต้องการล้างแค้นไม่ใช่เพียงล้างมลทินอย่างเดียว และการกลับเข้าตระกูลหลู


เล่ม 6 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2563

โปรยปกหลังเล่ม 6 :

เพราะไม่อยากพัวพันกับ ‘เขา’ ไม่เลิกรา...

อี๋อวี้จึงพยายามตีตัวออกหากหลี่ไท่อย่างมากที่สุด

ทว่ายิ่งนางพยายามห่างก็กลับกลายเป็นมีเรื่องให้พัวพันมากขึ้น

ส่วนการแย่งชิงหลูซื่อระหว่างท่านตาและ ‘ผู้เป็นบิดา’ของนางนั้นรู้ถึงพระกรรณของฮ่องเต้แล้ว

เรื่องราวจึงยิ่งบานปลายจนความมั่นใจว่าจะได้อยู่ในสกุลหลูของนางเริ่มสั่นคลอน

มิหนำซ้ำนางและมารดายังถูกคนกลุ่มหนึ่งจับตัวไปจนวุ่นวายไปทั่ว

ในช่วงเวลาเป็นตายเท่ากันเหล่านี้อี๋อวี้กลับสูญเสียคนผู้หนึ่งที่นางรักยิ่งไป

ราวกับมีฟ้าผ่าลงกลางใจนางซ้ำๆ หลายคราก็ไม่ปาน

แต่ภาพรอยแผลกลางหลังของหลูจื้อ... ภาพการได้เชิดหน้าชูตาเหนือใครในการประชันศาสตร์...

ความขวัญหนีดีฝ่อในราตรีนองเลือดที่คฤหาสน์ลับ... น้ำตาของคนในครอบครัวตอนแรกพบฝางเฉียว...

เหตุการณ์เหล่านั้นทำให้นางหวนคิดถึงว่าตนเองมาสู่ภพนี้มิใช่เพื่อทำให้ครอบครัวพวกนางสี่คนมีความสุขยิ่งขึ้นหรือ

ต่อให้คนที่นางรักเหลือหนึ่งนางก็จะทำให้คนคนนั้นมีความสุข

หากเหลือสองนางก็จะทำให้สองคนนั้นมีความสุข

ไม่ว่าตัวนางจะเป็นเช่นไร นางก็จะทำให้ครอบครัวที่เหลืออยู่ของนางยิ้มได้เช่นที่เคยเป็น!

คำนำสำนักพิมพ์เล่ม 6 :

เมื่อหลี่ไท่มาที่สำนักศึกษาหลวงเพื่อคัดเลือกผู้ที่จะเข้าร่วมการแต่งตำราต้องมาเห็นอี๋อวี้อยู่กับตู้รั่วจิ่นตามลำพังจนเกิดความขุ่นเคือง ทำให้เริ่มประกาศสงครามกับอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครเกรงใคร ด้านฝางเฉียวกับหลูจงจื๋อยังคงแย่งชิงหลูซื่อกันอย่างดุเดือด แม้ยามนี้เรื่องถึงศาลยุติธรรมแล้วก็ยังต่างหาหลักฐานตั้งรับกันไม่จบสิ้น

 

สำนักพิมพ์แจ่มใส

เล่ม 6 :

หลี่ไท่เห็นอี๋อวี้อยู่กับตู้รั่วจิ่น ตัวเองหึงแต่ยังไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเองว่ามันคืออะไร บุคคลที่ไม่เคยมีเจ็ดอารมณ์งงหลายรอบแล้วนะ ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร ท่านอ๋องผู้เฉยชา

เรื่องราวของสองสกุลทำเอาฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินเรียกมาสะสางเรื่องราว แต่หลูจงจื๋อกับฝางเฉียวก็ตกลงกันไม่ได้ สรุปฮ่องเต้ให้ศาลยุติธรรมเป็นผู้ไต่สวน

เรื่องนี้หลูจื้อกลับบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในวันนั้นกลับโดนพาไปกรมอาญาเพราะป้ายสำนักศึกษาตกในที่เกิดเหตุทำให้หลูจื้อกับหลูจงจื๋อไปศาลในวันรุ่งขึ้นไม่ได้

ที่ศาลทั้งสองตระกูลตกลงกันไม่ได้ ฝางเฉียวนำหลักฐานเป็นภาพเขียนในอดีตกับจดหมาย เทียบกับลายมือที่ทำการซื้อขายของร้านต้าซิง แต่รูปภาพกลับกลายเป็นภาพจงขุย จดหมายกลับกลายเป็นจดหมายให้สินบนหลิวเต๋อเว่ย เรื่องนี้ทำให้หลิวเต๋อเว่ยพักการพิจารณาทันทีเอาความไปฟ้องฮ่องเต้ ส่วนแผนการภาพวาดและจดหมายย่อมต้องเป็นของหลูจื้อแน่นอนอี๋อวี้ก็คิดได้ แต่คนที่ได้จัดการคือเสิ่นเจี้ยนถัง เท่ากับหลี่ไท่ก็รู้เรื่องด้วย

ด้านนอกฝนตกหนัก รถม้าเกิดเหตุ และอี๋อวี้กับหลูซื่อโดนลักพาตัวไปโดยหานลี่ หลี่ไท่รู้เรื่องในเวลาต่อมาพาคนไปดักจับ หลูจื้อก็ส่งคนออกตามหา หลูจงจื๋อเข้าวังไปฟ้องฮ่องเต้ว่าฝางเฉียวเป็นคนทำ และเกี่ยวกับพวกกบฏที่หลงเหลืออยู่

หานลี่เล่าความจริงในตอนนั้นให้หลูซื่อฟัง สรุปว่าผู้ที่ช่วยเหลือแม่ลูกหนีไปได้คือหานลี่ ที่ขอร้องเหยาปู้จื้อก่อนที่จะโดนป้อมปราสาทแดงจับตัวกลับไป เรื่องราวต่างๆเปิดเผยออกมา อี๋อวี้เชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยกัน ตอนนี้ก็ทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ว่าจะไปที่ไหนให้หลูจื้อติดตามได้ถูกต้อง

หลี่ไท่มาดักรออยู่ที่ประตูเมืองและได้พบกับหานลี่ หานลี่ต่อรองกับหลี่ไท่เป็นข้อแลกเปลี่ยนเรื่องที่ป้อมปราสาทแดงรู้แล้วว่าคัมภีร์ยาพิษผ้าไหมปักตอนนี้เปลี่ยนมือแล้ว และตอนนี้หงกูรู้ว่าหลี่ไท่หายจากพิษฝันร้ายที่อยู่ในผ้าไหมปักแล้วด้วย ข่าวสารนี้ทำให้หลี่ไท่ยอมปล่อยหานลี่ไป เพราะจะตามหาอี๋อวี้ที่ประตูอีกจินกวง

มู่ฉางเฟิงพาอี๋อวี้มา และสละรถม้าล่อพวกหลูจื้อ แต่ก็ถูกสกัดจากด้านหลังและมีคนสวมหน้ากากลายขาวดำมาช่วย อี๋อวี้ถามว่าเป็นพี่ใหญ่ใช่หรือไม่ ซึ่งก็บอกว่าเป็นหลูจื้อ แต่คนที่สกัดมู่ฉางเฟิงจึงๆแล้วคือหลี่ไท่จนข้อมือได้รับบาดเจ็บ

อี๋อวี้ขอบคุณคนสวมหน้ากากและถามชื่อได้รู้ว่าชื่อสุยเปี้ยน ท่านแม่ถูกหานลี่พาตัวหายไป อี๋อวี้กังวลใจ

หลี่ไท่ที่กลับมาพบเสิ่นเจี้ยนถัง เสิ่นเจี้ยนถังพูดมาก ตอนแรกนึกแค่ว่าอารมณ์ไม่ดี พูดไปมาทำให้หลี่ไท่รู้ว่าอารมณ์ของตัวเองเรียกว่าความรักฉันชายหญิง เมื่อรู้แล้วต้องถามให้กระจ่าง และก็ได้คำตอบที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อน

อี๋อวี้เป็นไข้ลมเย็นยังต้องไปให้การที่ศาล แต่เพราะหลี่ไท่รู้ใจตัวเองแล้วทีนี้ก็เลยไม่สนใจสิ่งใด บอกให้อี๋อวี้ไปพักในรถม้า ข้ออ้างคือโรคนี้ติดต่อกันได้ แล้วตัวเองก็ตามออกไป อี๋อวี้คิดว่าหลี่ไท่มาก่อกวนแต่จริงๆอยากมาอยู่ใกล้ๆ ทั้งที่ไม่ชอบกินของหวานพอรู้ว่าอี๋อวี้เพิ่งกัดไป ตัวเองก็กินทันที แล้วก็ถือโอกาสบอกเรื่องสำคัญคือคัมภีร์ผ้าไหมปักให้เก็บรักษาไว้ให้ดี ห้ามบอกใครทั้งนั้นแม้จะเป็นหลูจื้อ

เรื่องราวที่ฮ่องเต้ให้สองสกุลขึ้นศาลตัดสินเป็นความคิดของหลี่ไท่ และตอนนี้ฮ่องเต้ก็บอกว่าให้หลี่ไท่รับชายารองไปก่อนตอนวันเกิดอายุยี่สิบปี ส่วนชายาเอกถ้าชอบจ่างซุนซีก็ให้รอไปก่อน เรื่องที่หลี่ไท่ใช้แผนปล่อยข่าวเพื่อดูปฏิกิริยาของฮ่องเต้ต่อเรื่องรัชทายาท ตอนนี้รู้แล้วว่าควรทำยังไงต่อไป

หานลี่ส่งหลักฐานต่างๆมาให้ ถือเป็นสินสอดสู่ขอหลูซื่อ หลูจื้อใช้สารลับและเรื่องราวทั้งหมดมาเพื่อจัดการกับฝางเฉียว โดยนัดไปเจอ และในที่สุดก็ได้พูดกัน ฝางเฉียวยังโยนความผิดให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง และลี่เหนียงก็ไม่ยอมรับผิด หลูจื้อจึงบอกทุกอย่าง หลูจื้อบอกว่าชิงชังสิ่งใดบ้างตั้งแต่อายุห้าขวบ อี๋อวี้ยังบอกว่าสายเลือดนั้นฝางเฉียวสละทิ้งเองตั้งแต่ต้น ในที่สุดก็ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด ว่าเป็นลี่เหนียงที่ทำ และยังคลอดบุตรชายฝาแฝด ตอนนี้หลูจื้อให้ฝางเฉียวเลือกว่าจะให้เด็กคนนี้คือบุตรชายคนที่สามที่ตามกลับมาได้ชื่ออี๋อ้ายหรือไม่ ในที่สุดฝางเฉียวก็รับปากเพราะรู้ว่าไม่มีหวังกับสองพี่น้องนี้อีกต่อไป

ฝางเฉียวเข้าวังไปบอกฮ่องเต้เรื่องทายาท ฉะนั้นคดีนี้ก็ปิด โดยที่ฝางเฉียวถูกกักตัวทำโทษในจวนถึงสิ้นปี

สรุปว่าหลี่ไท่เปลี่ยนให้อี๋อวี้และหลูจื้อผ่านเข้าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมแต่งตำราบันทึกคุนยวน สาเหตุเพราะหลี่ไท่ต้องเอาตัวอี๋อวี้มาไว้ใกล้ตัว

จ่างซุนซีชวนอี๋อวี้ไปงานชุมนุมกวีเอ่อร์หรงที่หอซูอวิ๋น หลูซูฉิงไม่รออี๋อวี้ รัชทายาทส่งเทียบเชิญให้หลี่ไท่มีพบที่หอซูอวิ๋นเช่นเดียวกัน เมื่อหลี่ไท่มาถึงได้รู้ว่าด้านล่างมีกาจัดงานชุมนุมกวีเอ่อร์หรง และได้เห็นอี๋อวี้ ที่ถูกจ่างซุนเสียนกลั่นแกล้ง หลี่เฉิงเฉียนพนันกับหลี่ไท่ว่าอี๋อวี้จะขอโทษหรือไม่หลี่ไท่พนันว่าไม่ ซึ่งอี๋อวี้ก็ไม่ขอโทษจริงๆ เป็นเหตุให้หลี่เฉิงเฉียนแพ้พนันจะหาเรื่องลงโทษอี๋อวี้ให้ดื่มเหล้า อี๋อวี้ไม่อยากมีเรื่องก็เลยทำตาม ซึ่งเรียกความสนใจของหลี่เฉิงเฉียนอีกแล้ว

อี๋อวี้เมาเหล้าแล้ว ออกจากหอซูอวิ๋น หลี่ไท่ก็ตามไป จ่างซุนซียังตามหลี่ไท่ไปอีก เห็นหลี่ไท่กอดอี๋อวี้ไม่ให้ล้มและพากลับด้วยตัวเอง ในรถม้า อี๋อวี้เมามากไม่รู้เรื่อง หลี่ไท่ถือโอกาสจูบอี๋อวี้เป็นครั้งแรก อี๋อวี้ก็ยังจำไม่ได้ หลี่ไท่รู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร ส่วนอี๋อวี้ก็พยายามจะออกห่างเพราะคำเตือนของหลูจื้อและท่านปู่

วันที่สองเดือนสิบเอ็ด อี๋อวี้นั่งรถม้าไปที่สำนักอักษร ที่เหยียนคังฟาง ซูซวี่มอบรายชื่อให้ไปหาหนังสือในหอตำราใหญ่ อี๋อวี้ไปถึงก็ขึ้นชั้นบนทำให้ได้พบกับหลี่ไท่ เพราะอี๋อวี้ตัวเล็กทำให้หยิบหนังสือบนชั้นสูงไม่ได้ หลี่ไท่ก็แสดงความสนิทสนม ช่วยหา และเรียกมานี่ ให้ตามไปมา เพราะรายชื่อพวกนี้เป็นตนเคยอ่านและซูซวี่ไต่ถาม สุดท้ายก็คัดลอกมาให้ลูกศิษย์อ่าน จนกระทั่งจ่างซุนซีมา อี๋อวี้ถึงได้จากไป

ตู้รั่วจิ่นได้แสดงภาพในหอเทียนอ่ายในงานเลี้ยงมหาบัณฑิต และภาพก็ชนะ ผู้จัดงานครั้งนี้กลับเป็นหลี่เค่อ หลี่ไท่ที่อยู่ที่หอก่อนแล้วเห็นตู้รั่วจิ่นสนิทกับอี๋อวี้ก็เรียกตู้รั่วจิ่นไปหา และประกาศห้ามยุ่งกับของๆตน ทางจุ้ยเจียงหนานส่งข่าวมาว่าโจวหรุ่ยถูกคนของป้อมปราสาทแดงจับไป ทำเอาหลี่ไท่เตรียมการป้องกันอี๋ออวี้อย่างเข้มงวด อี๋อวี้ได้พบอวี๋ซื่อหนาน ฉายาห้าด้านเป็นเลิศ ทั้งยังถูกชักชวนว่าจะรับเป็นศิษย์แต่อี๋อวี้กลับลังเลใจ เพราะยังไม่เข้าใจกลุ่มอำนาจในเมืองหลวงดี

มีข่าวว่าอนุของท่านลุงรองหลูหรงเหอตั้งครรภ์ ในจวนกั๋วกงเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นคลื่นใต้น้ำ แล้วก็มีข่าวมาถึงวังหลวงอย่างรวดเร็วว่าไหวกั๋วกง หลูจงจื๋อป่วยหนักใกล้สิ้นใจแล้ว

ฮ่องเต้ให้หลี่เค่อเป็นตัวแทนไปเยี่ยม

วันที่เก้าเดือนเก้า นายท่านผู้เฒ่าหลูสลบมานานห้าวัน คืนนี้มีงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของเว่ยอ๋อง หลูซูฉิงและอี๋อวี้ต้องไปร่วมงาน

พอถึงงาน อี๋อวี้ก็ยังถูกคนกลั่นแกล้งให้ดื่มเหล้า พอเมาก็ถูกตัวออกไป เป็นนางกำนัลจะใส่ยาถ่ายให้กิน แต่หลูเย่ามาช่วยไว้และพาไปอีกห้องซึ่งเป็นห้องของหลี่ไท่ หลี่ไท่ที่เห็นตั้งแต่อี๋อวี้ฟุบไปก็ตามออกมาและรู้ว่าคนของป้อมปราสาทแดงลงมือแล้ว พอไปหาอี๋อวี้ อี๋อวี้ก็เมาร้องไห้บอกว่าไม่อยากให้หลี่ไท่รับชายา หลี่ไท่ก็จูบอีกแล้ว ครั้งนี้อี๋อวี้กินยาจึงจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แกล้งเมาเพื่อบอกหลี่ไท่ หลี่ไท่นึกว่าอี๋อวี้เป็นพวกเมาแล้วจำไม่ได้ ซึ่งจริงๆก็เป็นเช่นนั้นจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะกลัวนางจะตกใจหนีไป คนหนึ่งรู้ความรู้สึกของทั้งสองคน คนหนึ่งรู้ใจตัวเองแล้ว

อี๋อวี้กลับมาพบท่านย่าได้ฟังท่านย่าพูด เล่า อธิยาบทำให้คิดได้ในที่สุด เมื่ออี๋อวี้ออกไปยังพูดว่าคนทึ่มท่านคงจากไปอย่างวางใจได้สักทีกระมัง ตัวข้าไม่มีเรื่องใดให้เสียใจแล้ว ท่านยังจะห่วงหาอาวรณ์อะไรอยู่อีก

ยามนั้นน้ำตาหยดหนึ่งค่อยๆไหลลงมาทางหางตาที่มีรอยย่นของชายชราที่นอนสงบอยู่บนเตียง

หลังอ่านเล่ม 6 :

คดีชิงทายาทสกุลหลู และสกุลฝางบทจะจบก็จบ เพราะมีหานลี่เป็นตัวแปรสำคัญ คราวนี้หลี่ไท่รู้แล้วว่าที่ตัวเองรู้สึกเรียกว่าความรักฉันชายหญิง เมื่อรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ใครก็อย่ามาแย่งเด็ดขาด แต่แผนการต่างๆที่ต้องดำเนินก็ยังดำเนินไป เนื้อเรื่องเข้มข้น สนุกขึ้นทุกทีแล้วค่ะ 



 
เล่ม 7 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2563

โปรยปกหลังเล่ม 7 :

ไม่นึกไม่ฝันว่าการเมาสุราครานั้นจะเป็นเหตุให้ต้องพัวพันกับหลี่ไท่อีกครั้ง

ซ้ำอี๋อวี้ยังถูกเขา... จุมพิต!

คนผู้นี้เพิ่งตัดสินเลือกผู้อื่นเป็นชายา คล้อยหลังไม่ทันไรก็มาตอแยนาง

ไม่แยแสว่านางสมัครใจหรือไม่ พูดจาวางอำนาจจะให้นางแต่งให้เขาเท่านั้น!

เรื่องที่ควรยินดีและเต็มใจกลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่ถูกใจยิ่ง

ทว่าสิ่งที่แย่ที่สุดคือ ‘ท่านปู่’ ของนางใกล้จะจากไปเต็มที

ยังจดจำเมื่อแรกพบกัน ความเมตตา ความรักใคร่ และการปกป้องดูแลที่เขามีให้พวกนางยังแจ่มชัด

ชาติที่แล้วนางไร้วาสนา ชาตินี้กลับได้สัมผัสความรักใคร่เอ็นดูจากผู้อาวุโสคนหนึ่งเช่นนี้

จะให้นางหักห้ามใจ ไม่เสียใจโดยง่ายได้หรือไร

มิหนำซ้ำยังเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับพี่ใหญ่ของนางอีก

ชะตาชีวิตนี้ของอี๋อวี้ยากไร้เพียงใดไม่เคยหวาดหวั่น

แต่สวรรค์อย่าพรากคนที่นางรักไปอีกได้หรือไม่ นางแทบจะหยัดยืนต่อไปมิได้แล้วจริงๆ!

เล่ม 7 :

วันที่สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ด อี๋อวี้ไปตามนัดหมายของหลี่ไท่โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าหลี่ไท่ได้นัดคนอื่นเอาไว้ด้วย เมื่อมาถึงอุทยานเป่ยยวน หลี่ไท่ไม่ถามอะไร มาถึงก็บอกว่าจะทูลขอเสด็จพ่อพระราชทานสมรส เป็นการหมั้นหมายเอาไว้ก่อน ยังไม่สารภาพความรู้สึก ยังไม่รู้ใจกัน ข้ามไปสองขั้นก็ขอแต่งงานทันที แต่เรื่องนี้ต้องโทษเสิ่นเจี้ยนถังแล้ว เพราะหลี่ไท่ฟังคำกำชับมาจนจำขึ้นใจ

ตอนนั้นเองเกาหยางก็ออกมายิ่งทำให้เสียเรื่องเพราะบอกว่า ได้ยินว่าจะรับตงฟางหมิงจูเป็นชายารอง ทีนี้อี๋อวี้เลยรู้ว่าหลี่ไท่เตรียมการไว้แล้ว ยังจะมาพูดเรื่องแต่งงานกับนาง อี๋อวี้เลยบอกว่าไม่เต็มใจ หลี่ไท่ก็บอกว่ายินยอมหรือไม่ ไม่สนใจ อี๋อวี้โกรธจนเอาน้ำชาสาดใส่หน้าหลี่ไท่ไปเลยทีเดียว แล้วคนที่ถูกระบายโทสะก็คือเกาหยาง หลี่ไท่รู้เรื่องภิกษุที่วัดสือจี้ บอกว่าวันหลังอย่ามาเพ่นพ่านตรงหน้าข้าอีก ฮ่าๆๆๆ

ระหว่างทางออกจากอุทยานเป่ยยวนได้เจอกับตงฟางหมิงจู ตอนอยู่บนรถม้าระหว่างกลับจวนยังเกิดเหตุการณ์ตาแก่ขวางทางรถม้าอีก ซึ่งอี๋อวี้ก็รู้ตัวแก้ไขสถานการณ์จนสามารถรอดพ้นจากคนของป้อมปราสาทแดงไปได้

กลับถึงจวนสกุลหลูถึงรู้ว่าท่านปู่ได้จากไปแล้ว อี๋อวี้ที่ได้รับความรักจากท่านปู่เสียใจมาก และก็ได้รู้ว่าหลูซูฉิงนั้นเกลียดตนมาตลอดเพราะมาแย่งความรักของท่านปู่ไป และวางแผนการต่างๆมากมาย

หลูจื้อบอกอี๋อวี้ว่าจะออกจากจวนสกุลหลู ยังบอกให้อี๋อวี้ออกห่างจากหลี่ไท่ ช่วงนี้มีแต่ข่าวว่าหลูจื้อไปติดหญิงที่หอขุยซิง อี๋อวี้ก็ยังตามเฉิงเสี่ยวเฟิงเข้าไปดู เกือบโดนจับได้แต่ได้รับการช่วยเหลือจากหลี่ไท่ ทั้งๆที่ตอนนี้อี๋อวี้หลบหน้าหลี่ไท่อยู่ แต่หลี่ไท่ก็ยังออกหน้าช่วยเหลือ อี๋อวี้อธิบายให้ฟังว่าอยากรักเดียวใจเดียวพูดหลายรอบ จนหลี่ไท่บอกว่าเข้าใจแล้ว

เมื่อการแบ่งสมบัติเสร็จสิ้น สองพี่น้องก็เอาไปเก็บที่คฤหาสน์ตำบลหลงเฉวียน วันรุ่งขึ้นมาสำนักศึกษาพอถึงเวลาเลิก หลูจื้อกลับโดนกรมอาญาจับตัวไปแล้ว

เหตุเพราะจ่างซุนฮ่วน บุตรชายคนที่สองของจ่างซุนอู๋จี้ทายาทสกุลจ่างซุนถูกพบเป็นศพที่หอขุยซิง ผู้ต้องสงสัยมีสองคนคือตงฟางหมิงจูกับหลูจื้อ จ่างซุนอู๋จี้จะต้องเอาความให้ถึงที่สุด

ตอนแรกฮ่องเต้ยังสั่งปิดข่าว อี๋อวี้หาข่าวไม่ได้จนไปหาเฉิงเหย่าจินที่จวนสกุลเฉิง ท่านลุงเฉิงพาคนบุกคุกกรอาญาทำให้อี๋อวี้เห็นพี่ใหญ่ถูกทรมาน ทั้งๆนางเป็นคนใจอ่อนกลับเป็นคนใช้เครื่องลงทัณฑ์ให้ผู้คุมสารภาพว่าใครให้ท้ายและรู้เรื่องว่าผู้ตายเป็นใคร

ส่วนหลูจื้อเป็นคนมีแผนการ วางแผนให้ฉู่ปู้หลิวเถ้าแก่หอขุยซิงเห็น เพราะหอขุยซิงเป็นแห่งข่าวของฮ่องเต้ ตอนนั้นเมื่อสามปีก่อนฉู่ปู้หลิวช่วยหลูจื้อเอาไว้จากพวกจ่างซุนฮ่วนหลังจากที่เข้าสำนักศึกษาหลวง ทำให้รู้ว่าที่แห่งนี้แบ่งชนชั้น รังเกียจสามัญชนยิ่ง

กรมอาญาไต่สวน มีพยานหลักฐานว่าหลูจื้อเป็นฆาตกรเพราะความแค้นส่วนตัวเมื่อสามปีก่อน ลงโทษประหารชีวิต อี๋อวี้ขอร้องให้บุรุษหน้ากากพาไปที่คุกหลวง ความจริงคือต้องการชิงตัวนักโทษ แต่บุรุษหน้ากากคิดว่าอี๋อวี้ต้องการพบหน้าหลูจื้อครั้งสุดท้าย

ระหว่างนี้หลี่ไท่ไปลั่วหยางพร้องเสิ่นเจี้ยนถังกลับมาวันนี้พอดี ตอนแรกอาเซิงยังปิดบังเอาไว้พอดีกับที่จื่อหร่านคนที่หลี่ไท่สั่งให้คุ้มครองอี๋อวี้ส่งข่าวมาทำให้รู้ว่าอี๋อวี้จะบุกคุกหลวง และหลี่ไท่ก็รู้ว่าอี๋อวี้จะไปชิงคน เพราะความรักครอบครัว ปกป้องครอบครัวของนาง

ในคุกหลวงหลูจื้อรออย่างสงบแต่ฉู่ปู้หลิวกลับบุกมาเพราะอยากพาหลูจื้อออกไปพร้อมตน บอกว่าที่ใส่ร้ายทุกอย่างเพื่อให้หนีไปด้วยกัน หลูจื้อไปยอมไป บอกว่าหลังจากวันนี้คนที่จะเป็นเถ้าแก่หอขุยซิงแทนก็คือตน ฉู่ปู้หลิวคลุ้มคลั่งมีคนของฮ่องเต้มาจับตัวคนทรยศฉู่ปู้หลิว ฉู่ปู้หลิวเอาตัวหลูจื้อเป็นตัวประกัน และพากระโดดเข้ากองไฟไปด้วยกัน อี๋อวี้เห็นเหตุการณ์ บุรุษหน้ากากพาอี๋อวี้หนีออกมา และล่อผู้คุมไปอีกทางเพื่อให้อี๋อวี้หนี อี๋อวี้หนีไปแล้วก็ย้อนกลับไปหมายช่วยทั้งทีช่วยไม่ได้ ดีที่หลี่ไท่มาพอดี เลยช่วยเหลือเอาไว้

หลี่ไท่ให้อี๋อวี้อยู่เคียงข้างตนแล้วจะปกป้องไม่ทิ้งไปไหน อี๋อวี้ให้สัญญา หลี่ไท่ช่วยอี๋อวี้จัดการทุกอย่าง ทั้งรับศพหลูจื้อ ทั้งช่วยสืบหาร่องรอย

อี๋อวี้ไปที่หอขุยซิงอีกครั้ง เจอฉู่ปู้หลิว เมื่อได้พูดคุยกันกลับมาอี๋อวี้บอกว่าทั้งใช่และไม่ใช่ ใช่หน้าตาแบบนี้ แต่ไม่ใช่คนนี้ ที่หอตอนนี้น่าจะเปลี่ยนเถ้าแก่ไปแล้วตอนนี้ยังเป็นปริศนา ฉู่ปู้หลิวก็เป็นคนละคนกัน

อี๋อวี้กับหลี่ไท่สนิทกันมากขึ้น อี๋อวี้บอกทุกอย่างกับหลี่ไท่ทั้งเรื่องที่มีป้องปราสาทแดงมาลักพาตัว ทั้งคัมภีร์ยาพิษผ้าไหมปัก แล้วก็มีคนจากป้อมปราสาทแดงมาอีก คราวนี้ใช้อิ๋วเซียวล่อ โดยให้ข้อแลกเปลี่ยนเป็นตำรับอาหารสำหรับอิ๋นเซียวและต้นไม้สองต้นที่เป็นกระสายยาพิษฝันร้ายที่ไม่รู้ว่าอี๋อวี้ปลูกได้ยังไง

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่อี๋อวี้หวาดระแวง หลังจบเรื่อง อี๋อวี้เลยขอโทษและถามว่าทำไมถึงดีต่อนางขนาดนี้ หลี่ไท่เลยบอกแบบหน้าเรียบเฉยว่าเพราะความรักฉันชายหญิง

ที่สำนักศึกษาหลวงพวกจ่างซุนเสียนร่วมมือกันกลั่นแกล้งอี๋อวี้ และหยุดเรียนประท้วงจนอาจารย์บอกให้อี๋อวี้หยุดพักรักษาตัว ช่วงเวลานี้อี๋อวี้เลยอยู่วังอ๋องปรุงยาต่างๆอย่างสบายใจ

วันสิ้นปีหลี่ไท่ต้องเข้าวัง และได้พาอี๋อวี้ไปด้วย จนเทศกาลซั่งหยวนจะออกไปเที่ยวนอกวัง รัชทายาท อู๋อ๋อง จ่างซุนซี ตงฟางหมิงจูก็จะไปทำให้ อี๋อวี้ต้องไปในรูปลักษณ์คนรับใช้ ระหว่างนั้นผู้คนเบียดเสียดทำให้พลัดหลงกัน อี๋อวี้ได้เจอตู้รั่วจิ่น ตอนแรกอี๋อวี้ไม่ยอมรับ แต่เพราะบอกว่ามีสารของหลูจื้ออี๋อวี้จึงตามไป หลี่ไท่ที่มองหาก็เห็นและบอกว่าเป็นเขาอีกแล้ว น้ำส้มมาอีกแล้วสินะ

ตู้รั่วจิ่นส่งสารให้อี๋อวี้ ทำให้อี๋อวี้รู้เรื่องราวว่าหลูจื้อทำงานให้ฮ่องเต้ ให้สัญญาว่าห้ามสืบ สืบไม่ได้ และบอกเรื่องลับต่างๆหลายเรื่อง

หลี่ไท่มาตามอี๋อวี้ ทำให้ตู้รั่วจิ่นรู้ว่าอี๋อวี้อยู่ที่วังเว่ยอ๋องตลอด หลี่ไท่บอกว่านางอยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

ทั้งสองเที่ยวงานโคมไฟด้วยกัน เล่าเรื่องวัยเด็ก และไปปล่อยโคมกัน ตอนจะกลับหลี่ไท่ก็ได้ยินข่าวเรื่องรัชทายาท อี๋อวี้จึงแยกกลับวังอ๋องก่อน

ที่แท้เพราะความเจ้าชู้ของหลี่เฉิงเฉียนทำให้ประสบเหตุตกลงไปในแม่น้ำ รักษาชีวิตได้ แต่มีโรคเรื้อรัง ทั้งยังขาพิการอีก เรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้สามารถตัดหลี่เฉิงเฉียนออกไปได้พอดี

อี๋อวี้ทำยาต่างๆเอาไว้สำหรับการเดินทาง ตู้ฉู่เค่อคัดค้านการที่หลี่ไท่จะถวายฎีกาขอราชโองการหมั้นหมายอี๋อวี้เป็นชายารอง อี๋อวี้รับรู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์เป็นแค่ชายารอง หลี่ไท่มองออกว่าอี๋อวี้เสียใจแต่ยังไม่อธิบายอะไร บอกว่าให้ทำยาชนิดไหนมากแค่ไหน

หลี่ไท่รู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร อี๋อวี้สำคัญกับตัวเองขนาดไหน และเมื่อทดแทนบุญคุณที่เลี้ยงดูจนหมด ก็ถึงเวลาที่จะแย่งชิงสิ่งที่ปรารถนาแล้ว

หลังอ่านเล่ม 7 :

เล่มนี้ช่วงแรกอี๋อวี้ออกจะหนักหน่วงเอาการ เพราะสูญเสียคนใกล้ชิดไป จนไม่มีใครให้พึ่งพิงได้ ยังดีที่มีหลี่ไท่ เมื่อหลี่ไท่บอกให้อี๋อวี้อยู่เคียงข้าง อี๋อวี้ก็ตัดสินใจได้ทันที หลังจากนั้นช่วงเวลาทุกข์ก็ไม่ทุกข์ขนาดนั้น มีหลี่ไท่ร่วมแบ่งปัน

ทั้งบอกเรื่องราวทุกอย่างที่เก็บซ่อนไว้ อี๋อวี้ตัดสินใจว่าจะไม่มีความลับกับหลี่ไท่อีก ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่เปิดเผยความในใจ หลี่ไท่ก็บอกว่าทำไมถึงได้ทำดีต่ออี๋อวี้อย่างนี้และจะบอกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งสองเริ่มรู้ใจกันเรื่อยๆ เรียนรู้กันเรื่อยๆ หลี่ไท่ก็ปกป้องอี๋อวี้เป็นอย่างดี อี๋อวี้ก็คิดว่าตัวเองยังไม่มีคุณสมบัติพอ ตอนนี้คิดได้แล้วว่าอยากเป็นหมอยาทั้งพิษและสมุนไพรสามารถช่วยให้พ้นจากอันตรายได้




 เล่ม 8 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มีนาคม 2563


โปรยปกหลังเล่ม 8 :

สำหรับบุรุษแข็งแกร่งพร้อมด้วยอำนาจยศศักดิ์เช่นเขา

หากอี๋อวี้หมายจะเป็นสตรีที่อยู่เคียงข้างเขา

หมายเข้าไปให้ถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขานั้น

‘ความรัก’ เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอจะเป็นเครื่องผูกมัดได้

การจะกุมมือเขาไว้แน่นๆ นางยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จำเป็นต้องกระทำ

เมื่อมีพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ แม้การที่นางจะได้เป็นชายาของเขาถือเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว

แต่สิ่งที่นางต้องการกลับคือการเป็นสตรีหนึ่งเดียวของเขา

นางจึงยังต้องพบเจอกับบทพิสูจน์อีกมากมาย

ยอมเป็นหยกงามชิ้นหนึ่งที่โดนกรีดเป็นรอยอย่างไม่ปรานีปราศรัย

อาจถูกลดทอนราคา แต่ไม่อาจทำลายคุณค่าของหยกงามได้

ทว่าเรื่องราวที่พบเจอ ภูมิหลังของเขาที่รับรู้กลับค่อยๆ ทำลายความเชื่อมันของนางลงทีละน้อย

นี่นางเลือกคนผิดไปใช่หรือไม่ คำของหลูจื้อที่เคยเตือนนางไว้คงเป็นจริงแล้วกระมัง


เล่ม 8 :

วันที่สิบเอ็ดเดือนสองไม่มีอะไรนอกจากถ่ายทอดราชโองการฮ่องเต้พระราชทานสมรส หลานสาวไหวกั๋วกงหลูจงจื๋อ หลูอี๋อวี้เป็นชายารองของหลี่ไท่

วันที่สิบสองเดือนสองเป็นวันคล้ายวันเกิดของอี๋อวี้ หลี่ไท่ให้ของขวัญอี๋อวี้โดยการบอกว่า จะรออีกสองปีให้ครบอายุสิบห้า จัดพิธีปักปิ่นแล้ว จะกราบทูลเสด็จพ่ออีกครั้ง เจ้าแต่งงานกับข้าหลี่ไท่ในฐานะชายาเว่ยอ๋อง อี๋อวี้ ข้าจะแต่งเจ้าเป็นชายาเอก

หลี่ไท่บอกกับอี๋อวี้ว่าถ้าสามารถต้านทานแรงบีบคั้นจากมรสุมได้ และสามารถยืนเคียงข้างข้าได้ ข้าให้สัญญาว่าจะมีเจ้าเพียงผู้เดียว  คำสัญญาแบบนี้ ของขวัญแบบนี้อี๋อวี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีก แต่หลี่ไท่ยังบอกว่าอยากได้ของขวัญอะไร อี๋อวี้อยากเรียนขี่ม้า

ก่อนออกเดินทางหลี่ไท่พาอี๋อวี้ไปหัดขี่ม้าจริงๆ ทั้งสองมาเจอกลุ่มของสู่อ๋องหลี่อัน น้องชายของหลี่เค่อที่กำลังทะเลาะกับเฉิงเสี่ยวเฟิงเรื่องหลูจื้อ และยังเจออู๋อ๋องกับจ่างซุนซี อู๋อ๋องคิดแผนการแข่งขันเอาชนะหลี่ไท่ เพราะตอนนี้ม้าฝีเท้าดีของหลี่ไท่ฟานอวี่บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ลั่วหยาง อี๋อวี้เลยคิดการแข่งขันที่หลี่ไท่สามารถเอาชนะได้คนเดียวเท่านั้นออกมา และทั้งคู่ก็เป็นคู่ที่ชนะจริงๆ

จ่างซุนซียังไม่ยอมรับ หลี่ไท่ก็บอกตามตรงว่าไม่มีทางชนะ

อี๋อวี้นัดเฉิงเสี่ยวเฟิงออกมาก่อนออกเดินทาง เฉิงเสี่ยวเฟิงนัดที่หอขุยซิง ทำให้อี๋อวี้ได้ของก่อนออกเดินทางด้วย เมื่อหลี่ไท่เห็นมีดที่อี๋อวี้ได้รับ และพวกยาสมานแผล เมื่อถามอาเซิงถึงการแฝงตัวเข้าหอขุยซิงที่ยังไม่สำเร็จก็เลยบอกให้ถอนตัวออกมา

ถึงเวลาเดินทางหลี่ไท่กับอี๋อวี้จะแยกไปอีกทางเพื่อเสาะหาสมุนไพร อีกด้านหนึ่งจ่างซุนซีก็อยากจะแอบติดตามไปด้วย แต่จ่างซุนเสียนรู้และบอกว่าให้ตาสว่างได้แล้ว หลี่เค่อใช้เพื่อเสริมอำนาจบารมี หลี่ไท่ต้องการหลบเลี่ยงการแต่งงานเลยเอามาบังหน้า

ทิศประจิมของแดนเจี้ยนหนาน มีตำบลหนึ่งนามเค่อมัว เป็นที่นัดเจอกันของคนแปดคน หลี่ไท่อี๋อวี้ ที่ใช้ชื่อว่า คุณชายสี่สกุลฉาง กับสาวใช้ถังเสี่ยวอวี้ เพราะหลี่ไท่ให้เลือกว่าจะเป็นสาวใช้หรือญาติผู้น้อง สิบสามกระบี่แห่งอวิ๋วโจว เสิ่นเจี้ยนถัง ประมุขสกุลเหอ เหอเซ่าจือ พ่อค้าใบชาบนหลังม้า นักปรุงพิษของป้อมปราสาทแดง เหยาอีเซิง กับนักฝึกสัตว์ เหยาอีตี๋ เซียวถิง ชำนาญตรวจอาการรักษาโรคประหลาด และหลิ่วกวน

เซียวถิงช่วยตรวจอาการให้อี๋อวี้ที่ตอนระดูมาครั้งแรกจัดการได้ไม่ดี ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เพราะเป็นช่วงที่หลูจื้อเกิดเรื่องขึ้นนั่นเอง

เมื่อออกเดินทาง ไปเขาต้าหมั่ง ระหว่างทางอี๋อวี้เกิดพลัดหลงไปในป่าหมอกพร้อมเหยาอีตี๋ เสิ่นเจี้ยนถัง กับหลี่ไท่เข้าไปตามหาหลายครั้งจนสุดท้ายต้องออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ

ด้านอี๋อวี้ก็ได้รู้เรื่องราวจากเหยาอีตี๋เกี่ยวกับป้อมปราสาทแดงในเขาปี้ฝู เหยาอีเซิงก็เป็นเลือดผสมไม่มีสิทธิ์เข้ามาเป็นสกุลเหยา และบอกว่าหลี่ไท่เป็นพวกเลือดผสมเหมือนกับเสิ่นเจี้ยนถัง ทว่าเกิดจากธิดาเผ่าสายเลือดบริสุทธิ์ ทำให้ได้อยู่ในเขาปี้ฝูสามปีตามกฎ บอกเรื่องดวงตาและเหยาปู้จื้อ กับอี๋อวี้ด้วย

อีกด้านพวกหลี่ไท่เดินทางมาถึงหมู่บ้านชนเผ่าผู่ซัง หัวหน้าหมู่บ้านชี้ทางบอกว่ามีงูยักษ์ ทั้งหกเตรียมตัวออกเดินทาง พอตอนเช้าเหอเซ่าจือก็หายตัวไป เมื่อไปถึงสถานที่บอกไว้ในนนั้นมีพืชสมุนไพรมากมาย และก็ได้เจองูยักษ์ หลังจากจัดการงูยักษ์ได้แล้วก็เกิดการใส่ร้ายป้ายสีกัน สุดท้ายคือเหยาอีเซิงและหลิ่วกวนทรยศ คิดจะฆ่าคนชิงทรัพย์ดีที่อี๋อวี้ตามมาทัน ตอนที่เหยาอีเซิง กำลังจะปลดหน้ากากของหลี่ไท่ก็ร้องห้ามและปรากฏตัว ทั้งยังปกป้องหลี่ไท่ไม่ยอมให้หลิ่วกวนทำร้ายจนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อหลี่ไท่ถามก็บอกว่าจะไม่ยอมให้คนสำคัญเป็นอะไร ทั้งหมดเป็นแผนการที่อยู่ในความคาดเดาของหลี่ไท่ เพื่อฝึกฝนอี๋อวี้ แต่พอผลสุดท้ายปรากฏตัวเองกลับเสียใจทีหลัง หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับอี๋อวี้หลี่ไท่จะไม่ยอมเสี่ยงอีกเด็ดขาด

อี๋อวี้ต้องพักอยู่ในหมู่บ้านผู่ซังครึ่งปี วันแรกๆหลี่ไท่หลบหน้าอี๋อวี้เพราะไม่รู้จะพูดกับอี๋อวี้ยังไง อี๋อวี้โกรธแต่ก็เข้าใจ แต่ไม่หายโกรธง่ายๆ บอกว่าต้องบอกความลับก่อน

ความลับที่อี๋อวี้ถามหลี่ไท่คือหลี่ไท่อยากเป็นฮ่องเต้ใช่หรือไม่ ซึ่งหลี่ไท่ก็ตอบในความหมายว่าใช่ อี๋อวี้จะบอกความลับเรื่องเลือดของตัวเอง แต่เมื่อจะพิสูจน์ให้เห็นความพิเศษนี้กลับหายไปแล้ว

เซียวถิงสอนวิชาแพทย์ให้อี๋อวี้มากมาย ทั้งสองสนิทกันมาก จนถึงวันที่ต้องจากกัน

หลี่ไท่บอกว่าต้องตามหาคนผู้หนึ่งเพื่อทำตามสัญญาของเสด็จแม่ที่ทะเลสาบเอ่อร์ไห่ และได้ข่าวของหานลี่แล้วที่ชนเผ่าเหมิงเส้อจ้าวทางทิศใต้ของทะเลสาบเอ่อร์ไห่

เมืองผู่ซาหลัว เมื่อมาถึงโจวฮูหยินปฏิเสธทั้งที่รู้ฐานะของหลี่ไท่ เมื่อหลี่ไท่พาอี๋อวี้ไปหาท่านแม่ก็ได้รับความผิดหวังเพราะว่าไม่ใช่

สิ้นปีในงานปีใหม่ทั้งสองออกมาด้วยกัน และพาเสี่ยวหลี่ตัวชะมดที่เหยาอีตี๋จับได้จากหมู่บ้านผู่ซังมาด้วย แต่เพราะเจ้าเสี่ยวหลี่ถูกเสียงขลุ่ยบังคับทำให้วุ่นวาย จนในที่สุดก็ได้เจอกับท่านแม่ที่จากกันไปนาน ตอนแรกอี๋อวี้คิดว่าจะไม่เอ่ยปากแต่ก็ทนไม่ไหว

หานลี่โกหกเรื่องราวต่างๆในเมืองฉางอันกับหลูซื่อ อี๋อวี้ก็ไปพูดคุยและบอกว่าจะค่อยๆบอกความจริง แต่สุดท้ายเมื่อโจวฮูหยินให้หลี่ไท่ไปทำงานชิ้นหนึ่ง อี๋อวี้กำลังตัดสินใจว่าจะบอกท่านแม่ยังไง หลูซื่อก็รู้ความจริง รวมทั้งหลี่ไท่แอบจากไปโดยไปลา เพราะก่อนหน้านี้เคยถามอี๋อวี้ว่าถ้าไม่เกิดเรื่องกับครอบครัวยังจะอยู่กับตัวเองหรือไม่ อี๋อวี้ตอบว่าไม่รู้ หลี่ไท่เลยให้เวลาอี๋อวี้ตัดสินใจเลือก

เมื่อหลี่ไท่จากไป โจวฮูหยินเป็นคนอบรมดูแลสั่งสอนอี๋อวี้ ในที่สุดก็ถึงเวลากลับฉางอัน อี๋อวี้ใช้แผนการ พาทั้งหานลี่และหานสืออวี้ไปด้วย เพื่อลดความยุ่งยากระหว่างทาง

ผ่านไปสองปีเรื่องราวในเมืองหลวงเกิดอะไรขึ้นมากมาย อี๋อวี้ต้องมาหาข่าว หลี่ไท่ตามตัวอี๋อวี้ไม่ได้แต่รู้ว่ากลับมาแล้ว

วันที่แปดฮ่องเต้พระราชทานงานเลี้ยงให้หลี่ไท่ที่อุทยานฝูหรง หลี่ไท่รอคอยเพียงคนเดียวคืออี๋อวี้ที่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นหน้า เปิดงานแล้วองค์หญิงผิงหยางที่ได้รับพระทานยศองค์หญิงใหญ่ติ้งกั๋วถึงเสด็จมาพร้อมอี๋อวี้ หลี่ไท่ถึงได้ยิ้มออก เพราะอี่อวี้แสดงความสามารถและยังสามารถเรียกหลี่ไท่ออกไปวาดภาพได้

แต่ในงานยังมีคนของรัชทายาทมาป่วนงานเลี้ยงโดยการพูดเรื่องเงินเกือบสิบหมื่นตำลึงในท้องพระคลัง  อี๋อวี้ก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อีกครั้ง

หลังอ่านเล่ม 8 :

เล่มนี้เรื่องราวคือการเดินทางออกไปนอกเมืองหลวง เวลาสองปีปีแรกคือการตามหาสมุนไพรหายากที่อี๋อวี้ต้องเผชิญความเป็นตาย แต่เป็นการฝึกให้นางเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ปีที่สองครึ่งแรกตามหาหลูซื่อเมื่อพบกันแล้ว หลี่ไท่ก็ตัดสินใจไปทำงานเพียงลำพังเพื่อให้อี๋อวี้มีเวลาคิดใคร่ครวญอีกที จนเมื่อพบกันอีกครั้งรู้ถึงคำประกาศของอีกฝ่ายหลี่ไท่จะไม่ดีใจขนาดนั้นได้ยังไง นานทีปีหนคนหน้าตายจะยิ้มให้เห็นเชียวนะ  




เล่ม 9 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มีนาคม 2563

โปรยปกหลังเล่ม 9 :

ยิ่งใกล้พิธีปักปิ่น สิ่งที่หลี่ไท่ปฏิบัติต่อนางยิ่ง ‘มากเกินไป’

เป็นต้นว่า...อยากครอบครองนาง ปรารถนาในตัวนางมากขึ้น!

หากย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน อี๋อวี้คงไม่กล้าคิดว่านางกับเขาจะมีวันเวลาดีๆ ร่วมกันเช่นนี้ได้

และคงไม่กล้าคิดด้วยว่าเขาจะทำให้ความต้องการ ‘เป็นสตรีหนึ่งเดียวของเขา’ เป็นจริง

ทว่าถึงเขากับนางมีภาพฝันที่งดงามรออยู่เบื้องหน้า

แต่อุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันก็ยังคงมีเพิ่มพูนเช่นเดิม

แม้เรื่องความเฉลียวฉลาดในงานเลี้ยงต้อนรับจะสร้างชื่อเสียงให้อี๋อวี้

แต่จ่างซุนเสียนก็ยังจ้องทำลายชื่อเสียงนางอยู่ร่ำไป

จนถึงกับเข้ามาทำลายพิธีปักปิ่นของนางจนพังทลาย

มิหนำซ้ำจ่างซุนซีก็ยังไม่ยอมหยุดมือ

ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนไม่มีสิทธิ์ได้เป็นสตรีของหลี่ไท่ ยังจะพยายามสร้างความร้าวฉานให้อี๋อวี้อีก

หากอยากยื่นมือขัดขวางมากนักก็ทำไปเถิด

เพราะอย่างไรก็ทำลายความรักของนางกับหลี่ไท่ไม่ได้ ไม่มีวัน!

เล่ม 9 :

อี๋อวี้พึ่งบารมีขององค์หญิงผิงหยางเพื่อพิธีปักปิ่นของนาง อี๋อวี้รู้ว่าหลี่ไท่บาดเจ็บระหว่างทางกลับเมืองหลวงแต่รักษาไม่หาย ตัวเองจึงเป็นคนปรุงยาแก้พิษที่บรรดาหมอหลวงก็ไม่สามารถรักษาได้ ทางวังหลวงก็มีคนถวายฎีกาฟ้องร้องเว่ยอ๋องเรื่องเงินคลังหลวงที่หายไป ฮ่องเต้รู้อยู่แต่ต้องการให้หลี่ไท่เป็นแพะในเรื่องนี้ ส่วนพิธีปักปิ่นของอี๋อวี้ก็เกิดปัญหาเพราะพวกของจ่างซุนเสียน จนงานเกือบล่มกลางทาง แต่เพราะองค์หญิงผิงหยางเปลี่ยนใจ ทำให้โจวกั๋วฟูเหริน ข่งฟูเหรินและโม่ฟูเหรินเดินทางมากลางงานทำให้เห็นความร้ายกาจ ของจ่างซุนเสียน อี๋อวี้ที่รู้ว่าโจวกั๋วฟูเหรินเป็นใคร ก็ยั่วยุให้จ่างซุนเสียนทำผิดซ้ำซากจนถูกตำหนิไม่ไว้หน้า

หลี่ไท่ที่ยอมเป็นแพะให้ฮ่องเต้ต่อรองได้ตำแหน่งชายาเอกให้อี๋อวี้ตามที่สัญญา ตอนนี้อี๋อวี้เป็นชายาเอก ทุกคนดีใจ แต่เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือหาสินเจ้าสาว อย่างน้อยต้องมีสี่หมื่นตำลึง พอดีกับที่หลูซื่อถูกจ้าวซื่อและพี่รองเอ่ยปากขอยืมเงินที่ได้ส่วนแบ่งไป อี๋อวี้กับหลูซื่อก็คิดว่าจะคืนให้พอดี ทำให้ตอนนี้ต้องหาเงินเพื่อเป็นสินเจ้าสาว

อี๋อวี้ไปที่หอขุยซิงเพื่อตอบแทนน้ำใจของที่มอบให้ก่อนเดินทางแต่จริงๆเป็นการวางแผนเพื่อการค้าขายในภายหน้า มอบยาสร่างเมาและยาโฉมน้ำค้างให้ฉู่ปู้หลิว

อี๋อวี้รู้ว่าช่วงนี้หลี่ไท่ไม่ค่อยอยากอาหารเลยนำอาหารไปให้ ที่สำนักอักษรทั้งยังได้พบเหตุการณ์ที่จ่างซุนซีโต้แย้งกับหลี่ไท่เรื่องให้เอาลำนำพื้นบ้านมาใส่ในบันทึกคุนยวน หลี่ไท่บอกว่านี่เป็นบันทึกคุนยวนไม่ใช่คัมภีร์กวี เมื่อได้ข้อสรุปแยกย้ายกันไป กลับเป็นอี๋อวี้ที่สามารถแจกแจงเรื่องต่างๆให้หลี่ไท่เห็นได้ ทำให้หลี่ไท่เปลี่ยนใจ ในตอนนั้นผู้ที่ได้ฟังยังมีฉีเจิ้งกับตู้รั่วจิ่นที่จะมาเขียนภาพประกอบให้บันทึกคุนยวนด้วย

ส่วนด้านจ่างซุนซีและคนอื่นก็นึกว่าเป็นเพราะตัวเอง เป็นคนที่หลงตัวเองโดยแท้ จ่างซุนอู๋จี้ให้ตัดใจแล้วก็ยังไม่ยอมอีกนะนี่

กลับถึงสวนผูเจิน อี๋อวี้ถึงรู้ว่ากรมพิธีการขนเอาสินสอดทองหมั้นหนังสือหมั้นหมายมาแล้ว กำหนดการคือวันที่ หนึ่งเดือนสี่ เวลาหนึ่งเดือนจะไปเตรียมอะไรได้ทัน เพื่อกันความผิดพลาดหลูซื่อต้องไปมัดจำเครื่องเรือนที่ร้านในตงตูฮุ่ยเพราะกลัวว่าทางหยางโจวจะส่งของมาไม่ทัน

แต่เรื่องที่คาใจอี๋อวี้คือเรื่องของตงฟางหมิงจู ที่ตอนนี้อี๋อวี้ไม่รู้ว่าป่วยอยู่ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง

ข่าวลือจากเพลงเด็กที่อี๋อวี้ให้คนปล่อยทำลายชื่อเสียงจ่างซุนเสียนถึงหูหลี่ไท่ หลี่ไท่บอกว่าไม่ให้เงียบหายไป ในที่สุดก็รู้ถึงสกุลจ่างซุนและสกุลเกาจนได้

อี๋อวี้ไม่ไปหาหลี่ไท่ หลายวัน หลี่ไท่บอกให้เชิญนางมาวันที่สามเดือนสามเป็นการแข่งตีคลีตามประเพณีทางวังหลวง

หลี่ไท่ไม่รู้เรื่อง เป็นตู่ฉู่เค่อที่ตัดสินใจแทนให้ ชีซั่งเหรินเดินทางไปสวนผูเจินบอกว่ามาฝึกมารยาทให้อี๋อวี้

หลิวเซียงเซียงถูกแม่สามี น้องสาวแม่สามีใช้ให้มาหาอี๋อวี้ เหตุผลคืออยากใช้เส้นสายเพื่อฝากหวงเฮ่อเข้าสำนักอักษรของเว่ยอ๋อง อี๋อวี้รับปาก แต่บอกว่ายังไงก็ต้องทดสอบก่อนจึงจะได้

แล้วหอขุยซิงก็ส่งเทียบมาจริงๆ อี๋อวี้ทำสัญญายาโฉมน้ำค้างได้เงินมัดจำมาหนึ่งหมื่นตำลึง ระหว่างทางกลับ อวี๋ทงคนบังคับรถม้าเห็นอาเซิงไปที่ย่านผิงคังฟาง อี๋อวี้ตามไปทันที หอผิ่นหงหลี่เค่อวางแผนใช้เสิ่นม่านอวิ๋นล่อหลี่ไท่ แต่อี๋อวี้ที่ตามมาไม่ล่วงรู้ เพราะความหึงทำให้บุกเข้าไปในห้อง หลี่ไท่จับได้ พอหนีไปในรถม้าก็ขับไล่หลี่ไท่และบอกว่าเพราะท่านเป็นคนที่ข้ารัก อี๋อวี้ที่เมาเหล้าไม่รู้ว่าหลี่ไท่ก็บอกว่าเจ้าก็เป็นคนที่ข้ารักเช่นกัน

วันสามเดือนสาม เทศกาลท่องวสันตฤดู อี๋อวี้ได้เผชิญกับการใช้คำพูด เล่ห์เหลี่ยมของพวกเชื้อพระวงศ์เป็นครั้งแรก ก็คิดถึงคำสัญญาที่หลี่ไท่เคยบอกไว้ได้ พวกองค์ชายลงแข่งตีคลี ครั้งนี้หลี่ไท่ร่วมแข่งด้วย พวกองค์หญิงลงเดิมพันกัน อี๋อวี้ก็ไม่ได้ทำให้หลี่ไท่เสียหน้า

การแข่งขันดำเนินไป คนที่พูดมากคือหลี่อัน ที่เหนือความคาดหมายคือตู้รั่วจิ่นที่ทำคะแนนสามแต้มติดต่อกัน จากนั้นก็ไม่สบายต้องออกจากการแข่งขัน จากนั้นฝ่ายหลี่เค่อก็ไล่ตามมาทันจนเสมอกันสี่ต่อสี่ ใครได้แต้มสุดท้ายชนะ ระหว่างแข่งเป็นหลี่ไท่แย่งลูกได้ ข้างฝ่ายหลี่เค่อไม่ยอมบังคับม้ามาชนกัน หลี่เค่อตกม้าหลี่ไท่ทรงตัวได้และทำคะแนนสุดท้ายได้ แต่ทุกคนเป็นห่วงแต่หลี่เค่อ มีแต่อี๋อวี้ที่เป็นห่วงหลี่ไท่วิ่งไปตรวจดูสภาพร่างกายอย่างใกล้ชิด แผนเจ็บตัวของหลี่เค่อไม่สำเร็จ ทั้งหลี่อันยังโวยวายไม่รู้กาลเทศะทำให้หลี่ซื่อหมินปลดจากตำแหน่งผู้บัญชาการมณฑลทหารอี้โจวให้ไปอยู่กั๋วโจว เมืองชายแดน หลี่ไท่โดนลงโทษให้คัดลอกคัมภีร์คุณธรรมสิบจบ อี๋อวี้เสนอจะคัดลอกแทนหลี่ไท่เอง เพราะหลี่ไท่ไม่มีเวลาแน่นอน

หลี่ไท่บอกให้อี๋อวี้อยู่อีกสองสามวัน อี๋อวี้ก็บอกว่าต้องกลับตำบลหลงเฉวียนจนต้องบอกเรื่องชีซั่งเหริน หลี่ไท่ก็บอกว่าเดี๋ยวให้คนไปรับกลับมา แล้วอี๋อวี้ก็บอกเรื่องหวงเฮ่อที่จะฝากเข้าสำนักอักษร ดูเหมือนหลี่ไท่ก็มีแผนในใจจะทำบางอย่าง

หลี่ไท่พาอี๋อวี้มาวัดเทียนเฮ่อ นักพรตเซียนรอคอยคนอยู่เช่นกันคนผู้นั้นคืออี๋อวี้ตอนแรกบอกให้อี๋อวี้ยกเลิกงานแต่งงานเพราะเป็นผลดีต่อส่วนตน เป็นผลร้ายต่อส่วนรวม ตัดทอนอายุขัย เป็นภัยต่อราษฎร แต่พอเห็นอี๋อวี้ซัดหินขับไล่อีกาที่จะมาจิกไข่นกก็เปลี่ยนใจบอกว่า มีใจเมตตาปราณี เรื่องไหนๆจึงมีหนทางถอยได้ แต่ความจริงอี๋อวี้จะซัดอีกาแต่ดันไม่แม่นซะอย่างนั้น

การกินมังสวิรัติต้องยกเลิกเพราะหลี่ไท่มีเรื่องด่วน คือเรื่องตงฟางหมิงจูอาเซิงมาส่งข่าวว่าเกิดเรื่องเมื่อคืน ส่งอี๋อวี้ไปที่หอเทียนอ่ายก็เจอกับเกาหยาง ช่วยนางไว้ไม่ให้กระโดดลงไป ทำเอาหลี่ไท่โกรธเพราะบอกว่าอี๋อวี้ใจอ่อนเกินไป จนบีบถ้วยชาแตกคามือ อี๋อวี้จะดูก็บอกว่าอย่าแตะต้องข้า อี๋อวี้เสียใจกับคำนี้ ตามคนมาใส่ยาแล้วหนีกลับเลย

หลี่ไท่ง้ออี๋อวี้โดยการให้มาชมดอกไม้ หลังจากอี๋อวี้กลับมาก็ได้หลูซื่อพูดเตือนสติแล้วจึงคิดได้ บุรุษสวมหน้ากากมาหาอี๋อวี้ ถามนางเรื่องตัดสินใจแน่นอนแล้วหรือเรื่องแต่งงาน ดูจากตอนนี้เดาได้แล้วว่าคนใต้หน้ากากต้องเป็นตู้รั่วจิ่นแน่เลยทีเดียว

หลี่ไท่ได้รับเชิญให้เป็นผู้ตัดสินในการประชันศาสตร์ห้าสำนัก ส่วนอี๋อวี้ก็ได้รับเชิญจากจิ้นป๋อซื่อให้เข้าร่วมการประชันศาสตร์ อี๋อวี้ปิดปังไม่ให้หลี่ไท่รู้  กลับพบกับในงานประชันศาสตร์ และจ่างซุนซีก็ชอบใช้วาจาเป็นกับดักให้คนตกหลุมพลางแต่ไม่ใช่อี๋อวี้

วันแรกการประชันศาสตร์ดีดพิณอี๋อวี้ถอนตัว และคืนดีกับหลี่ไท่ได้แล้ว วันที่สองศาสตร์วาดภาพจ่างซุนซีกับฉู่เสี่ยวซือที่เคยเป็นบริวารของจ่างซุนเสียนตอนนี้ก็มาอยู่กับจ่างซุนซี พากันใช้คำพูดเป็นกับดักให้อี๋อวี้ตกลงไป แต่อี๋อวี้ไม่สนใจ ทั้งยังมีจิ้นลู่อันที่ชอบอี๋อวี้มากคอยช่วยพูดแต่เพราะอายุน้อยไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม อี๋อวี้กลับจำเด็กสาวคนนี้ได้แล้ว แต่ตอนนี้ต้องหนีก่อนเพราะว่าถ้าโดนหลี่ไม่จับได้ตัวเองเสียเปรียบทุกที

หลังอ่านเล่ม 9 :

เรื่องราวยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ งานพิธีปักปิ่นเกือบถูกทำลาย ในที่สุดหลี่ไท่ก็ทำตามสัญญาได้เรื่องที่จะให้อี๋อวี้เป็นชายาเอก ตอนนี้ก็รอพิธีแต่งงานที่อะไรจะเร็วขนาดนั้นแค่หนึ่งเดือนเอง คนที่น่ากลัวยิ่งกว่าจ่างซุนเสียนคือจ่างซุนซีที่ทำเหมือนเป็นคนดี แต่พยายามแย่งหลี่ไท่ตลอดเวลานี่แหละ อ่านแล้วลุ้นมากๆค่ะ 


เล่ม 10 พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤษภาคม 2563

โปรยปกหลังเล่ม 10 :

เขา คือคนที่นางต้องการครอบครองเพียงคนเดียวในใต้หล้า ไม่ใช่เคียงคู่กันเท่านั้น แต่เป็น ‘ครอบครอง’

ส่วนนาง คือสิ่งเดียวที่เขาหมายมาดปรารถนา รอวันที่จะได้เป็นเจ้าของนางโดยสิทธิ์ขาด

คราใดที่คิดถึงจุดนี้ การควบคุมตัวเองและความเยือกเย็นก็เหมือนจะถูกไฟเผาผลาญ

เมื่อวันมงคลของทั้งคู่มาถึง การรอคอยสิ้นสุดลง ความหวานล้ำแผ่ซ่านทั่วสรรพางค์กาย...

ทว่าความกังวลและความขวากหนามของเขาและนางกลับยังไม่หมดไป!

ภายในคืนเดียวเกิดคดีใหญ่ที่พัวพันกับหลี่ไท่สองคดี

ดวงวิญญาณยี่สิบแปดศพต้องเซ่นสังเวยแด่ความอยุติธรรมนี้

อี๋อวี้ไม่อาจนิ่งนอนใจ ลงมือใช้วิชาความรู้ที่มีเข้าช่วยเหลือ

ด้านจ่างซุนซีทั้งที่รู้ว่ามิมีประโยชน์ใดก็ยังเอาตนเองมาแทรกกลางไม่จบสิ้น

แม้อี๋อวี้คร้านจะสนใจ แต่ก็ตั้งใจให้บทเรียนกับนางสักครา

ไม่ว่าจ่างซุนซีหรือผู้ใด หากหมายมายุ่งกับนางและหลี่ไท่

มันผู้นั้นจะได้เห็นดีกันสักครา!


คำนำสำนักพิมพ์เล่ม 10 :

เมื่อความจริงเรื่องตงฟางหมิงจูถูกเปิดเผย และอี๋อวี้ต้องมาเห็นหลี่ไท่อยู่กับสตรีที่เป็นหนามยอกอกอย่างจ่างซุนซีซ้ำไปมาหลายคราเช่นนี้ นางทั้งทุกข์ตรมและเจ็บช้ำทั้งกายใจจนป่วยไข้รุนแรง ไม่รู้ว่าอี๋อวี้จะต้องแต่งออกไปทั้งๆ ที่ในใจมีทุกข์หรือได้สุขใจจนล้นกันนะคะ มิหนำซ้ำยังเกิดคดีใหญ่ขึ้นสองคดีพร้อมกัน ซึ่งทั้งสองคดีนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับเว่ยอ๋อง แล้วนางจะนิ่งนอนใจอยู่เฉยๆ รอดูเขาจัดการทุกอย่างได้อย่างไร ทว่าจะออกตัวน้อยไปก็ไม่ได้ จะวางตัวนิ่งเฉยเหินห่างไปก็ไม่ดี การเป็นอี๋อวี้นี่ช่างไม่ง่ายดายจริงๆ ค่ะ

สำนักพิมพ์แจ่มใส

เล่ม 10 :

เมื่อประชันศาสตร์เสร็จอี๋อวี้รีบหนีกลับไปก่อน ส่วนหลี่ไท่ที่รู้ว่าบางเวลาน้ำหนักพี่ชายในใจนางยังมากกว่ามารดาก็รับไม่ค่อยได้ แต่ตัวเองก็รีบกลับวังเพราะข่าวที่มีโจรบุกวังอ๋อง สรุปคือในคลังของไม่หายที่หาไปคือของในห้องลับที่อยู่ในห้องโอสถที่อี๋อวี้อยู่เป็นประจำ และคนที่ขโมยก็คือเสิ่นเจี้ยนถัง

วันที่สิบสามเดือนสามเป็นการประชันศาสตร์การเขียนอักษร ตอนเช้าฝนตกอี๋อวี้มาถามให้แน่ใจว่าจะมีการแข่งหรือไม่ก็เจอกับหลี่ไท่และจ่างซุนซี ที่ทำชอบแสดงความใกล้ชิดต่อต่อให้อี๋อวี้เห็นระหว่างทางยังเจอเหยาอีตี๋ที่บอกอี๋อวี้เรื่องตงฟางหมิงจู ตอนแรกอี๋อวี้ยังไม่เชื่อเมื่อฟังจากเฉิงเสี่ยวเฟิงทำให้รู้ว่าเป็นเรื่องจริงก็ไปตามหาหลี่ไท่ ที่สำนักอักษรไม่อยู่ ที่วังก็ไม่อยู่ มาพบที่หอเทียนอ่าย หลี่ไท่อยู่ในชุดเสื้อตัวใน ยังมีจ่างซุนซีที่แสดงอาการไม่เหมาะสม อี๋อวี้มีเรื่องจะพูดด้วยจ่างซุนซีก็ใช้วิธีเสแสร้งจนอี๋อวี้บาดเจ็บ พอหลี่ไท่หันมาอีกทีอี๋อวี้ก็หนีกลับไปแล้ว

ช่วงบ่ายอี๋อวี้ยังคงไปเข้าแข่งขัน ส่วนจ่างซุนซีนั้นหลี่ไท่บอกถอนชื่อออกจากการแข่ง อี๋อวี้ได้รับป้ายตามคาดและก็ยังโดนฉู่เสี่ยวซือพูดจาทำนองว่าเพราะจ่างซุนซีไม่มาอี๋อวี้ถึงชนะ แต่อี๋อวี้ไม่สนใจ คนที่เดือดร้อนแทนคือจิ้นลู่อัน เมื่อได้รับชัยชนะแล้วอี๋อวี้ขอให้หลี่ไท่ถอนชื่อจากการแข่งที่เหลือทั้งหมดและกลับไปโดยไม่พบหน้า ส่วนหลี่ไท่ผู้ไม่เคยเก็บอะไรมาใส่ใจก็คิดว่าอี๋อวี้อยากถามเรื่องตงฟางหมิงจู ไม่คิดว่าเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ

อี๋อวี้กลับไป คืนนั้นฝันร้ายในฝันมีแต่คนถามว่าแน่ใจแล้วหรือที่จะแต่งงาน และต่อมาก็เป็นไข้ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย หลูซื่อตามหมอมาก็รักษาแล้วไม่ฟื้น พอให้คนไปตามหมอหลวงที่วังเว่ยอ๋องก็ไม่ได้เจอ และยังโดนกักตัวเพราะก่อนหน้านี้มีโจร ทำให้หลี่ไท่ยังไม่รู้เรื่องราว กว่าจะรู้ก็อีกสามวันให้หลัง หลังจากนี้เมื่ออี๋อวี้ไข้สูงไม่ลดหลูซื่อร้องไห้เสียใจ ในที่สุดหานลี่ก็ตัดสินใจพาอี๋อวี้ออกไปรักษากลางดึกคืนวันที่สอง ซึ่งคนที่รักษาอี๋อวี้ก็คือเหยาฮ่วง เหยาปู้จื้อนั้นเอง

ระหว่างนั้นหลี่ไท่ก็ส่งคนมาตามที่สวนผูเจิน ถึงรู้ว่าอี๋อวี้เป็นไข้และหายตัวไป ก็ส่งคนออกตามหาแต่ยังไงก็หาไม่พบ เฉิงเสี่ยวเฟิงมาโวยวายใส่หลี่ไท่ เพราะเป็นคนตรงหลังจากพูดไปเรื่อยๆก็รู้ว่ายังไงเรื่องนี้หลี่ไท่ก็ต้องมีส่วนเพราะอี๋อวี้ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ไท่กับสองพี่น้องจ่างซุน ในที่สุดหลี่ไท่ก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

อี๋อวี้ฟื้นขึ้นมาก็กลัวว่าหลี่ไท่เป็นห่วงหลังจากห้าวันที่ไม่ได้เจอก็ขอให้เหยาจื่อชีส่งข่าวให้ หลี่ไท่ก็ตามมาอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนจะได้พบอี๋อวี้หลูซื่อบอกกับหลี่ไท่เรื่องราววัยเด็กของอี๋อวี้และนิสัยของนางที่ชอบเก็บเรื่องต่างๆไว้ในใจ ส่วนหลี่ไท่ไม่ช่างพูดนานไปจากคู่รักก็จะกลายเป็นคู่ชัง ขอให้ตัดใจจากอี๋อวี้ตั้งแต่ตอนนี้ แต่หลี่ไท่บอกว่าในนางเลือกแล้ว และนางเลือกไปแล้ว

เมื่อเจอกันหลี่ไท่ก็ใช้วิธีพูดให้เสียใจให้อี๋อวี้พูดออกมาว่าอะไร เพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าอี๋อวี้คิดอะไร อี๋อวี้ถึงบอกว่าไม่เชื่อใจเพราะหลี่ไท่เคยทิ้งนางมาสองครั้งแล้วที่เขาต้าหมั่ง และที่หลัวผูซา หลี่ไท่เลยบอกว่าทีหลังมีอะไรให้พูดออกมา

เมื่อคืนดีกันอี๋อวี้กลับไปพักฟื้นที่วังอ๋อง รอเวลาแต่งงาน พอหายดีอี๋อวี้ก็กลับไปอยู่ที่สวนผูเจินรอเวลาออกเรือน สินสอดจากหยางโจวเดินทางมาถึงมีมากกว่าที่คิด เพราะท่านย่าบอกให้ท่านป้าหลูจิ่งซานมาอยู่เป็นเพื่อนหลูซื่อ

วันแต่งงานโจวฮูหยินแต่งหน้าอี๋อวี้จนคนออกปากว่าเหมือนภาพวาด อี๋อวี้ก็คิดถึงเรื่องที่บอกว่าตัวเองหน้าเหมือนภาพวาดท่านย่า และภาพวาดที่เหยาอีตี๋พูดถึง ขบวนรับเจ้าสาวไม่เหมือนใคร สินเจ้าสาวยิ่งกว่าองค์หญิงคนที่รอชมเรื่องสนุกถึงกับพูดไม่ออก ในที่สุดทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน

หลังวันแต่งงานเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ตอนกลับได้พบหลูซูฉิง ทำให้หลี่ไท่เล่าเรื่องต่างๆของสกุลหลูให้อี๋อวี้ฟัง และไม่ให้อี๋อวี้โทษตัวเอง อี๋อวี้ที่ชอบคิดมากก็ยังเห็นความดีของท่านปู่

วันถัดมาเดินเล่นทำให้อี๋อวี้เห็นหญ้างูแดง ทำให้หลี่ไท่สนใจในสรรพคุณของยา และเล่าเรื่องราวให้อี๋อวี้ฟัง อี๋อวี้ดีใจที่ได้แบ่งเบางานให้หลี่ไท่ได้

อู๋อ๋องเชิญร่วมงาน ทั้งยังวางแผนเล่นงานหลี่ไท่ ในงานอี๋อวี้พบหานอ๋อง เสด็จอาสิบเอ็ด หลี่หยวนจยาที่ให้ความรู้สึกคล้ายพี่ใหญ่ก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป และหลี่ไท่ก็จับสังเกตได้

เพราะในเหล้ามียาปลุกกำหนัดหลี่ไท่ที่โดนวางยา และเพราะมีอี๋อวี้เลยไม่ระวังตัวทำให้ถูกเล่นงาน วันรุ่งขึ้นเกิดเรื่องกับฉีอ๋อง หลี่โย่ว ที่มีเรื่องกับหลี่ไท่ หลี่ไท่ถูกฮ่องเต้เรียกเข้าวัง และถามว่าเป็นคนวางแผนทำร้ายหลี่โย่วใช่หรือไม่ซึ่งหลี่ไท่ไม่ได้ทำ แต่เพราะตอนที่ช่วยขึ้นจากแม่น้ำ ก่อนที่หลี่โย่วจะหมดสติกลับพูดว่าหลี่ไท่ทำร้ายข้า ทำให้หลี่ไท่เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง จึงถูกฮ่องเต้ให้อยู่ที่ตำหนักฉยงหลินห้ามออกไปไหน

อีกด้านก็เกิดเรื่องที่สำนักอักษร บัณฑิตที่ร่วมเขียนบันทึกคุนยวนถูกพบเป็นศพยี่สิบแปดศพ ไม่พบยาพิษ ศาลอาญาจะสรุปว่าเป็นการเร่งเขียนตำราจนเหนื่อยตาย แต่อี๋อวี้ไม่ยอมรับและไปตรวจศพด้วยตัวเอง จากนั้นก็ไปพบหลี่ไท่และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนแรกหลี่ไท่จะให้ปล่อยเรื่องนี้ไปแต่อี๋อวี้ไม่ยอม และบอกว่าพบจ่างซุนซีและบอกว่าตัวเองนำความโชคร้ายมาให้หลี่ไท่ตั้งแต่ท่านปู่ตาย มารดาหาย พี่ชายตาย ตระกูลตกต่ำ จนหลี่ไท่ยอมรับให้อี๋อวี้จัดการ

อี๋อวี้ไปตรวจที่สำนักศึกษาอีกครั้งและพบเบาะแสกลับไม่รู้ว่ากำลังมีมือมืดคนรอเล่นงานอยู่ลับหลัง

หลังอ่านเล่ม 10 :

ในที่สุดทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน และจ่างซุนซีก็เผยด้านร้ายออกมาให้เห็นกันแบบจะจะ ไม่ต้องเสแสร้งกันอีกต่อไปสำหรับอี๋อวี้ ตอนนี้อี๋อวี้ยังต้องคอยช่วยเหลือให้หลี่ไท่รอดตัวจากชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ ใครก็ไม่เห็นว่าหลี่ไท่ทำงานหนักแค่ไหนเท่าอี๋อวี้อีกแล้วนะ ยังไงก็ไม่ยอม โกรธมากจริงๆ ต้องจัดการเองซะแล้ว สนุกมากค่ะ อ่านต่อเล่มต่อไปเพื่อคลี่คลายคดีโดยเร็วเลย 


สรุปเล่ม 6- เล่ม 10

จากเล่มหกถึงเล่มสิบ อี๋อวี้และหลี่ไท่มีพัฒนาการมากขึ้นจากที่ต้องการฝึกให้อี๋อวี้เคียงบ่าเคียงไหล่หลังเกิดเหตุการณ์ที่เขาต้าหมั่งหลี่ไท่ก็เปลี่ยนใจ และความยับยั้งช่างใจที่มีต่ออี๋อวี้ก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือสองคนนี้รักกันมาก อี๋อวี้ชอบกลิ่นของหลี่ไท่ ส่วนหลี่ไท่ก็ชอบอยู่ใกล้อี๋อวี้และชอบกลิ่นสมุนไพรบนตัวอี๋อวี้ แต่เพราะคนหนึ่งช่างคิดมาก อีกคนไม่ชอบพูดจา ทำให้มีมือที่สามสร้างปัญหาได้ง่ายแต่สุดท้ายก็ยังสามารถพูดคุยแก้ไขกันได้เพราะความดื้นรั้นและความรักของทั้งคู่

และเมื่อแต่งงานกัน เรื่องราวต่างๆที่หลี่ไท่ปิดบังอาไว้ก็เริ่มเล่าให้อี๋อวี้ฟังอย่างไม่คิดปิดบังอีก ตอนนี้ต้องร่วมเผชิญเรื่องราวที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น แผนร้ายของคนมากมายก็มีมากขั้น อี๋อวี้ต้องร่วมเผชิญไปพร้อมกับหลี่ไท่ในทุกเรื่องราว 



เล่ม 11 พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤษภาคม 2563

โปรยปกหลังเล่ม 11 :

คดีหอตำราใหญ่ถูกคนเล่นลูกไม้ทำให้เวลาในการพิจารณาคดีสั้นลง

อี๋อวี้ใช้ทุกวิถีทางเพื่อคืนความยุติธรรมให้หลี่ไท่

ความรัก ความผูกพันและความเหมาะสมคู่ควรของทั้งคู่ยิ่งเป็นที่ประจักษ์ชัด!

ทว่าจ่างซุนซีผู้เห็นใครดีกว่าตนไม่ได้ก็ยังมิยอมหยุดมือ

วางอุบายหลอกลวงผู้อื่นว่าตนดีอี๋อวี้ร้ายอีกหลายครั้งหลายครา

จนสุดท้ายอี๋อวี้ถึงกับต้องทำร้ายตนเองเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกรากันไป

แต่มีหรือที่คนอย่างนางจะยอมพ่ายใครจริงๆ

นี่เป็นเพียงการใช้กลยุทธ์ถอยเพื่อรุก ก่อนจะเอาคืนอย่างสาสมต่างหาก

แม้เรื่องนอกเรือนว่าวุ่นวายแล้ว เรื่องในเรือนกลับวุ่นวายกว่า

ความปรารถนาในรสเสน่หาของหลี่ไท่ช่างชัดเจนมิหลบเลี่ยง

แล้วอี๋อวี้จะมีเวลาที่ได้พักใจพัก ‘กาย’ บ้างหรือไม่เล่า

เล่ม 11 :

อี๋อวี้ค้นพบวิธีที่ใช้พิษ และสามารถไขคดีหอตำราใหญ่ได้แต่จากที่ฮ่องเต้ให้เวลาห้าวันเปลี่ยนเป็นสามวัน อี๋อวี้ก็รู้ได้ว่านี่เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้จะใช้กำราบหลี่ไท่อย่างแท้จริง ยังไงก็ไม่อาจให้ตัดสินคดีว่าเป็นการทำงนจนเหนื่อยตายได้เด็ดขาด เกาจื้อเสียนอยากรีบปิดคดี อี๋อวี้ถ่วงเวลาจนหลี่ไท่ที่ต่อรองกับฮ๋องเต้มาถึงและได้แสดงความสามารถในการแก้ไขคดี สามารถพลิกคดีเป็นตายเพราะยาพิษได้สำเร็จ ชื่อเสียงโด่งดัง แต่ทำให้คนที่มีดูเรื่องสนุกทั้งหลายได้เปิดหูเปิดตาถึงความสามารถของอี๋อวี้

เฉิงเสี่ยวเฟิ่งชวนอี๋อวี้ไปขี่ม้า ซึ่งอี๋อวี้ก็ตอบตกลงแต่ก็เป็นเหตุให้พลาดท่าเสียทีจ่างซุนซีที่สร้างเรื่องเดือดร้อนโดยมีจ่างซุนอู๋จี้ที่คิดจะใช้อี๋อวี้กำราบวังเว่ยอ๋อง อี๋อวี้มีหรือจะยอมหนึ่งขาแลกกับหนึ่งขา ทำให้สุดท้ายวังเว่ยอ๋องไม่เสียเปรียบ จ่างซุนอู๋จี้ที่คิดจะหากำไรจากเรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้

อี๋อวี้บาดเจ็บที่ขาตอนแรกหมอหลวงหลี่ตรวจแล้วอาจจะขาเป๋ แต่ความจริงอี๋อวี้รู้ว่าตัวเองน่าจะรักษาขาข้างนี้เอาไว้ได้ ทั้งยังแก้ลำคืนด้วยการทำให้พิธีปักปิ่นของจ่างซุนซีล่มไม่เป็นท่า

เกาหยางที่ถูกจ่างซุนซีใช้ให้มาดูก็ถูกอี๋อวี้พูดจนรู้ว่าตัวเองเป็นแค่คนเดินสารเพราะกลัวว่าอีกหน่อยจะถึงคราวตัวเอง เมื่ออี๋อวี้พูดบอกถึงเรื่องราวต่างๆ และเรื่องที่ช่วยเกาหยางเอาไว้ทำให้เกาหยางเริ่มคิดได้

หลี่ไท่ต้องเดินทางออกนอกเมืองไปเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อทำงานให้ฮ่องเต้ อี๋อวี้ใช้เวลานี้แก้แค้นจ่างซุนซี และจ่างซุนอู๋จี้ในแบบของตน พอหลี่ไท่ถึงรู้ว่าที่ไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกคือเรื่องของป้อมปราสาทแดง ฮ่องเต้เห็นหลี่ไท่เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง ยังดีที่หลี่ไท่มีอี๋อวี้อยู่ด้วย

หลังจากหลี่ไท่กลับมาก็พาอี๋อวี้ลงใต้ไปหยางโจว เพราะได้ข่าวเรื่องของหลูจวิ้น ส่วนอี๋อวี้อยากถามท่านย่าเรื่องรูปภาพ และโจวฮูหยิน ระหว่างทางได้พบซ่งซินฉือที่มีเบาะแสของพี่รองหลูจวิ้น สุดท้ายก็รู้ว่าเพราะอะไรหลูจวิ้นถึงไม่กลับมาหาตัวเอง เป็นเพราะหลูจื้อสั่งเอาไว้นี่เอง และอี๋อวี้ก็คิดว่าซ่งซินฉือต้องเป็นตัวปัญหาในอนาคตของหลูจวิ้นอย่างแน่นอน เพราะเป็นหญิงมากเล่ห์

หลังอ่านเล่ม 11 :

อี๋อวี้แสดงความสามารถอีกครั้ง และเพราะเหตุการณ์ที่ลานขี่ม้านอกเมืองคราวนี้อาเซิงก็ยอมรับนับถืออี๋อวี้อย่างจริงใจเพราะไม่ใช่นกน้อยคอยพักพิง บางครั้งก็กางปีกบินเป็นที่พึ่งได้เหมือนกัน สองสามีภรรยาร่วมมือกันจ่างซุนอู๋จี้ต้องปวดหัวอีกนาน อีกทั้งในที่สุดก็ได้ตัวหลูจวิ้นกลับมาซักทีหลังจากหายไปเกือบสามปี ในที่สุดก็ได้พบกันอีกครั้ง 


เล่ม 12 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มิถุนายน 2563


โปรยปกเล่ม 12 :

 ฮ่องเต้โดนลอบปลงพระชนม์ ชุมนุมโม่อิ๋งต้องโทษ หลูจวิ้นถูกส่งไปรบ!

เรื่องร้ายหลายหลากล้วนดาหน้าเข้ามาไม่จบสิ้น

เดิมทีไม่ว่าปัญหาใด อี๋อวี้มีหลี่ไท่อยู่เคียงข้างมิเคยหวาดหวั่น

ทว่าในช่วงเวลาที่อี๋อวี้ได้รู้จักนามของสตรีนางหนึ่งจากปากของจ่างซุนซี

ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาและนางมีท่าทีห่างเหินกัน

เรื่องที่หลี่ไท่ชุบเลี้ยงนางบำเรอกลุ่มหนึ่งที่คฤหาสน์พักผ่อนนั้น

นางเคยได้ยินมาอยู่บ้าง ทว่ามิเคยเก็บเอามาใส่ใจ

แต่ใครจะคาดคิดว่า ‘ซูหลัน’ สตรีที่จ่างซุนซีเอ่ยถึงผู้นั้นถึงกับกล้าบอกว่าหลี่ไท่พาตนมาเป็นอนุ!

นี่หรือคนที่เคยให้สัญญากับนางในวันก่อน

วันนี้ถึงกับกล้าพา ‘ว่าที่อนุ’ เข้ามาเหยียบย่างในพื้นที่ของนางแล้วรึ!


คำนำสำนักพิมพ์เล่ม 12 :

เรื่องราวที่เข้มข้นน่าติดตามแบบจัดหนักจัดเต็มกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลูจวิ้นเองที่ต้องไปเสี่ยงชีวิตบนสนามรบ ทั้งที่เพิ่งได้เจอกับมารดาและน้องสาวก็มีอันให้ต้องพลัดพรากไปทำศึกเสียแล้ว ยังมีเรื่องของเฉิงเสี่ยวเฟิ่งและฉีเจิ้งที่พูดได้ว่าเป็นคู่ครองที่น่ารักน่าหยิกคู่หนึ่ง ทว่าคนดื้อดึงอย่างเฉิงเสี่ยวเฟิ่งนั้นก็มิแน่ว่าจะยอมแต่งให้ฉีเจิ้งง่ายๆ แล้วบทสรุปของทั้งคู่จะเป็นเช่นไรล่ะนี่ รวมไปถึงตัวละครตัวหนึ่งที่เชื่อว่าต้องมีนักอ่านหลายท่านอยากติดตามชีวิตของนางไม่แพ้อี๋อวี้เลยนั่นก็คือจ่างซุนซี ที่ในเล่มนี้แน่นอนว่านางก็สร้าง "ผลงาน" ชิ้นใหญ่ขึ้นอีกแล้ว เพราะนางล่อหลอกให้อี๋อวี้พนันกับตนเพื่อความลับบางอย่างของหลี่ไท่ การพนันครั้งนี้จะมีทั้งผู้ที่สูญเสียและผู้ที่ได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน แต่จะเป็นใครนั้นขอให้ทุกท่านติดตามในเล่มได้เลยค่ะ

 

สำนักพิมพ์แจ่มใส

 

เล่ม 12 :

อี๋อวี้กับหลี่ไท่อยู่เที่ยวเทศกาลชีซีวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดที่หยางโจวด้วยกัน หลี่ไท่ให้หวีที่ทำเองกับอี๋อวี้เป็นของขวัญด้วย ก่อนหน้านี้ทั้งสองทะเลาะกันด้วยเรื่องการแต่งงานของหลูจวิ้นแต่ก็คืนดีกันแล้ว ในที่สุดก็เดินทางกลับฉางอันโดยมีหลูจวิ้นตามกลับมาด้วย ส่วนหลูซื่อกับหานลี่ที่ยังไม่หายดีพักรักษาตัวต่อไป

กลับมาเมืองหลวงทันจัดงานเทศกาลจงชิวที่ตำหนักเว่ยอ๋องไม่ได้จัดไปสองปีพอดี ครั้งนี้เป็นครั้งที่อี๋อวี้ต้องเป็นคนดูแลการจัดงาน เว้นแต่เรื่องเทียบเชิญที่เป็นหน้าที่ของหลี่ไท่ และยังได้ข่าวว่าเฉิงเสี่ยวเฟิ่งมีคนมีสู่ขอแล้วคือฉีเจิ้น อี๋อวี้ต้องการพูดให้เฉิงเสี่ยวเฟิ่งตัดใจจากหลูจื้อจึงใช้คำพูดรุนแรงกับนางไป

ในงานเลี้ยงเทศกาลจงชิว ฉู่เสี่ยวซืออาศัยชุมนุมอู๋ซวงขององค์หญิงฉางเล่อเข้ามาและกลั่นแกล้งจิ้นลู่อันที่อยู่ชุมนุมโม่อิ๋งที่อี๋อวี้ให้การสนับสนุนอยู่ ในเหตุการณ์นี้หลูจวิ้นได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจึงเรียกอี๋อวี้มาจัดการ หลังผ่านไปทำให้อี๋อวี้รู้สถานการณ์ของชุมนุมทั้งสอง และพูดกับหลี่ไท่ถึงความร้ายกาจของการตั้งกลุ่มของสตรี ทั้งยังบอกเป็นนัยถึงความเก่งกาจของสตรีในยุคราชวงศ์ถัง เพราะมีอู่เจ่อเทียนที่อี๋อวี้ยังไม่เห็นว่าอยู่มุมใดของวังหลวง

หลูจวิ้นกลับเมืองหลวงได้รับการสนับสนุนจากฮ่องเต้และหลี่ไท่ โดยที่ตัวเองก็ตั้งใจที่จะไปทำศึกกับถู่ปัวพอดี อี๋อวี้ไม่อยากให้ไปรบ แต่ในที่สุดก็คิดได้เพราะหลี่ไท่บอก หลูจวิ้นจึงได้จากไปอย่างวางใจในเดือนเก้า

วันที่สิบแปดเดือนสิบเป็นงานวันคล้ายวันประสูติขององค์หญิงผิงหยาง ในงานเกิดเหตุการณ์ที่จ่างซุนซีใช้แผนให้อี๋อวี้ออกจากงานเพื่อพนันกัน เรื่องที่ใช้พนันคือความลับของหลี่ไท่ที่อี๋อวี้ยอมไม่ได้ อี๋อวี้ดื่มเหล้าพิษแล้วไปด้านหน้าตำหนัก จ่างซุนซีเลือกหลังตำหนัก ทั้งสองต้องเจอเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน หน้าตำหนักอี๋อวี้เจอการลอบสังหารของพวกป้องปราสาทแดง หลังตำหนักจ่างซุนซีใช้ตัวเองเดิมพันกับความสุขชั่วชีวิต ที่ตอนหลังอี๋อวี้ก็มองออกว่าความจริงแล้วคนที่จ่างซุนซีหมายตาคือหานอ๋อง หลี่หยวนจยา ส่วนฮุ่ยอ๋อง หลี่หยวนชังเป็นตัวสำรองเพื่อให้ได้อยู่เหนือกว่าอี๋อวี้ถึงกับใช้ตัวเองเพื่อเรื่องแบบนี้

ส่วนองค์หญิงผิงหยางใช้ตัวเองปกป้องฮ่องเต้จนได้รับบาดเจ็บ แต่ความจริงอี๋อวี้พบว่าองค์หญิงผิงหยางถูกพิษ แสดงว่ามีหนอนบ่อนไส้ในตำหนัก หลี่ไท่บอกให้อี๋อวี้ไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้

เรื่องลอบสังหาร มีชุมนุมโม่อิ๋งที่หาพลุไฟแสดงในงานเป็นแพะ แต่เพราะเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ถึงไม่มีคนมีเยี่ยมก็ไม่สร้างความลำบาก แต่องค์หญิงฉางเล่อกลับไม่ยอม จะสร้างความอัปยศให้พวกนางโดยการเฆี่ยนกลางถนน อี๋อวี้ออกหน้าช่วยคนสร้างความแค้นให้ฉางเล่อแต่กลับทำให้หลายตระกูลติดค้างน้ำใจครั้งใหญ่

คนในชุมนุมโม่อิ๋งยกให้อี๋อวี้เป็นผู้ดูแล หลังวันเกิดองค์หญิงผิงหยางจ่างซุนซีมาหาอี๋อวี้เพื่อมาบอกเรื่องที่ติดค้างเอาไว้ว่าหลี่ไท่มีคนที่ชื่อซูหลันอยู่ทำให้ทะเลาะกับรัชทายาท คิดจะทำให้อี๋อวี้หึงหวง วันที่เก้าเป็นวันเกิดของหลี่ไท่ แต่ก่อนหน้านั้นหลี่ไท่ไม่กลับมานอนหลายคืน จนถึงวันงาน เหยาอีเซิงที่ช่วยเหลือหลี่เค่อถูกหลี่ไท่จับได้ หลี่ไท่ที่ทำตัวแปลกไปจริงๆก็ไม่แปลกแต่สำหรับอี๋อวี้ที่ชอบคิดมากคือแปลก นึกว่าไม่ให้เกียรติตัวเอง ทำเอาทะเลาะกันอีกแล้ว ก็เจอกับซูหลัน แล้วซูหลันก็คือเหยาอีตี๋ แต่ก่อนหน้านี้อี๋อวี้รู้สึกไม่ชอบมาพากล และก็รู้ว่าถ้าหลี่ไท่ต้องการกักบริเวณซูหลันจริงการควบคุมต้องไม่หละหลวมแบบนี้จึงยอมตามไป กลับเป็นเหยาอีตี๋บอกว่าคิดแผนการมากมาย ทั้งกุมความลับเรื่องอี๋อวี้เป็นธิดาเบญจธาตุทำให้หลี่ไท่ยอมอ่อนข้อ อี๋อวี้ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นจุดอ่อนของหลี่ไท่ ยังน้อยใจอยู่ว่าไหนสัญญาว่าจะไม่แยกจากกันแล้ว ทำไมยังไม่มารับ ในที่สุดก็ได้รู้ความลับของป้อมปราสาทแดงที่เกี่ยวข้องกับตัวเองอีกเรื่อง และยังได้รู้ว่าพี่ใหญ่ หลูจื้อยังไม่ตาย

อี๋อวี้ดีใจ แต่หลี่ไท่กลับเสียใจเพราะคิดว่าอี๋อวี้ไม่ให้ความสำคัญกับตัวเองพอ จนทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน และได้ฟังคำสารภาพรักจากปากของกันและกัน อี๋อวี้ให้ปิ่นไม้ที่นำมาปลูกจากเขาต้าหมั่งที่มีคุณสมบัติช่วยรวบรวมพลังปราณให้คนฝึกวรยุทธ์เป็นของล้ำค่ามา หลี่ไท่ก็ชอบมากด้วย อี๋อวี้นำเอาวิธีรักษาที่ได้จากเหยาฮ่วงไปมอบให้องค์หญิงผิงหยาง เท่ากับว่าองค์หญิงผิงหยางติดหนี้น้ำใจนางครั้งหนึ่ง

วันปีใหม่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้หลี่หยวนชังกับจ่างซุนซี และองค์หญิงองค์อื่นๆ เทศกาลเหรินซิ่ง อี๋อวี้ตั้งใจไปหอขุยซิงเพื่อพบพี่ใหญ่แต่ยังไม่มีโอกาส กลับเป็นวันที่มีการประมูล และอี๋อวี้ก็ขอให้หลี่ไท่ช่วยประมูลฏีกาจี้จื๋อของจงเหยาให้นาง และก็ได้ในที่สุด

จ่างซุนซีแค้นที่ไม่สมหวัง ฉางเล่อที่ได้ฟังจ่างซุนซีเล่าเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงก็คิดจะจัดการอี๋อวี้ในวันเทศกาลซั่งหยวน

ในที่สุดหลูจวิ้นก็กลับมาทั้งยังสร้างความดีความชอบโดยการจับเป็นจั้นผู่พร้อมกับสาบานเป็นพี่น้องร่วมสาบานต่างแซ่กับอวี้ฉือเป่าชิ่งกับ หลิวเซ่าก้ง และนัดแนะกันไปที่ดื่มสุราที่ไคผิงฟาง พอดีกับที่อี๋อวี้ได้เทียบเชิญจากองค์หญิงฉางเล่อทั้งสองจึงไปด้วยกัน

เมื่อถึงเทศกาลซั่งหยวน อี๋อวี้พาหลูจวิ้นไปส่ง จากนั้นเดินเที่ยวงานจนได้เวลาถึงเข้าไปแล้วพบว่านี่คืองานเลี้ยงหงเหมินแน่แล้ว จากนั้นฉางเล่อและจ่างซุนซีก็ช่วยกันพูดเพราะอยากได้ของรักของหวงของอี๋อวี้ ฏีกาจี้จื๋อที่เพิ่งประมูลได้มา อี๋อวี้ไม่ยินยอม โดนด่าว่าถึงทั้งสามี ท่านแม่และตัวเองมีหรือจะยอม จ่างซุนซีที่นึกว่าจะร่วมใส่ไฟไม่คิดว่าอี๋อวี้จะกล้าขนาดนี้ สุดท้ายเรื่องราวบานปลาย ฉางเล่อ จ่างซุนซีเรียกจ่างซุนชงมา ส่วนอี๋อวี้ฉางเล่อก็ต้องตามหลี่ไท่มา เมื่อตามมาก็จะใช้ฮ่องเต้เข้าข่ม ซึ่งอี๋อวี้ก็บอกว่าไปพบฮ่องเต้ หลี่ไท่ก็บอกว่าเข้าวังให้ฮ่องเต้ตัดสินความ

หลังอ่านเล่ม 12 :

เรื่องราวยังดำเนินไปอย่างสนุก ทั้งอี๋อวี้รู้เรื่องของป้อมปราสาทแดงมากขึ้น ทั้งหลี่ไท่และอี๋อวี้ได้รับฟังความในใจที่อี๋อวี้ไม่เคยได้ยินได้ฟัง ตอนจบยังค้างคามากเพราะว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปต้องมาลุ้นกันต่อในเล่มต่อไป ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และจ่างซุนซีก็กัดไม่ปล่อยจริงๆ ถนัดแต่การใช้คำพูดบิดเบือน อี๋อวี้จะจัดการกับจ่างซุนซีต่อไปยังไงต่อไปกันนะ

 

เล่ม 13 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มิถุนายน 2563

โปรยปกหลังเล่ม 13 :

สิ่งที่บุตรของหลูซื่อทั้งสามทนไม่ได้มากที่สุดคือมีคนว่าร้ายมารดา

ทว่าครานี้ฉางเล่อถึงกับว่าร้ายหลูซื่อ หลูจื้อ หลี่ไท่ในคราวเดียวกัน

แล้วมีหรือที่อี๋อวี้จะกล้ำกลืนฝืนความโกรธเกรี้ยวลงท้องไป!

นางยอมทำให้เรื่องนี้ดูร้ายแรงจนถึงกับต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้

ยอมเสี่ยงที่อาจต้องเสียทีฉางเล่อ แต่ไม่ยอมพลาดโอกาสล้างแค้นพวกนาง

อีกเรื่องชวนปวดหัวไม่แพ้กันคือการเข้ามาพัวพันธ์กับนางขององค์รัชทายาท

คนผู้นี้นอกจากไม่มีความเหมาะสมกับตำหนักบูรพาแล้วยังน่ารังเกียจสิ้นดี

ทว่าแม้นหลี่ไท่จะคู่ควรกับตำแหน่งนั้นมากกว่าแล้วอย่างไร

สิ่งหนึ่งในชีวิตคนเราที่โชคชะตาที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ก็คือชาติกำเนิด

ถึงองค์รัชทายาทจะมีความผิดเป็นพันเป็นหมื่นประการ เขาก็เป็นสายเลือดภรรยาเอก

ส่วนหลี่ไท่จะมีความดีเป็นพันเป็นหมื่นประการ เขาก็เป็นสายเลือดอนุ

ทว่าหากยังบีบครั้นกันมากเช่นนี้ หลี่ไท่และอี๋อวี้อาจจะไม่อยู่เฉยแล้วก็ได้

คงจะต้องยอมยกชาติกำเนิดทิ้งไป แล้วใช้ความสามารถพลิกโชคชะตาดูสักครา

คำนำสำนักพิมพ์เล่ม 13 :

เล่มนี้เริ่มต้นเรื่องด้วยการสะสางเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของเหล่าฮูหยิน คุณหนู และองค์หญิงไปด้วยกันค่ะ ทว่างานนี้หลี่ซื่อหมินจะหาทางลงให้ฉางเล่ออย่างไรทุกท่านต้องไปติดตามอ่านในเรื่องเอาเอง รวมทั้งในเล่มนี้ยังมีเรื่องขององค์รัชทายาทที่มายุ่งย่ามกับอี๋อวี้ เรื่องราวของสตรีที่มีสารรักจากหลี่ไท่ เรื่องการที่หลี่ไท่จำต้องรับชายารอง เรื่องของหลูจวิ้นที่จะสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ และเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือเส้นทางแห่งอำนาจของหลี่ไท่ ขอบอกเลยว่าทั้งหมดนี้อัดเต็มอยู่ในเล่มอย่างเหมาะสมและอ่านสนุกแน่นอน

 

สำนักพิมพ์แจ่มใส

เล่ม 13 :

ทั้งหมดเข้าวังหลวงไปหาฮ่องเต้ให้ตัดสินความ ฉางเล่อชิงฟ้องก่อน แต่อี๋อวี้ก็ไม่กลัวเพราะมีหลี่ไท่ที่ส่งลูกต่อให้อย่างรู้ใจว่าฟังความข้างเดียวไม่ได้ อี๋อวี้ก็ทั้งพูดคำที่ฉางเล่อและจ่างซุนซีพูดสิ่งสำคัญคือความกตัญญูซึ่งเป็นเรื่องที่ฮ่องเต้กลัวที่สุด สุดท้ายฉางเล่อก็รับผิดซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าจ่างซุนซีหลายเท่า ฮ่องเต้ตัดสินเพราะรู้ความเป็นมาของอี๋อวี้ว่าเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับสกุลใด ใครบ้าง อี๋อวี้ถึงกับกล้าสาบานซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่ไท่ไม่ชอบใจแม้แต่น้อย ในที่สุดอี๋อวี้ก็รู้ว่าเรื่องนี้หลี่ไท่ไม่ยอมให้ล้อเล่น

เกาหยางมาหาซึ่งอี๋อวี้ไม่อยากคบด้วย แต่คราวนี้เกาหยางเอาบันทึกลายมือจงเหยามา อี๋อวี้เสียดายขอซื้อต่อเกาหยางไม่ขายแต่ขอเข้าชุมนุมโม่อิ๋งด้วย อี๋อวี้ไม่รับปากแต่เกาหยางบอกว่าเพราะอะไรตัวเองถึงเป็นคนแบบนี้ในที่สุดอี๋อวี้ก็ยอมรับเกาหยาง และพามาพบพวกคนชุมนุมโม่อิ๋งทั้งยังบอกถึงเรื่องที่หลี่ไท่จะจัดห้องอักษรในหออักษร และวางแผนให้ชุมนุมโม่อิ๋งตั้งหออักษรภาพด้วยเช่นกัน

งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของอี๋อวี้จัดอย่างใหญ่โต อี๋อวี้ของของขวัญเป็นอยากมีลูก พูดแล้วก็ต้องลงมือทำ พอตื่นขึ้นมาคนก็อยู่บนรถม้าเดินทางไปลั่วหยางเพื่อร่วมงานบวงสรวงวสันตฤดูแล้ว

ที่ลั่วหยางอี๋อวี้เที่ยวเล่นกับเกาหยาง เป็นเหตุให้รู้ความลับของเหยียนหว่านที่มีใจให้สามีตนเอง แต่หลี่ไท่ไม่เคยรู้อะไรด้วยเลย ทั้งยังได้ช่วยเหลือจากการลวนลามขององค์รัชทายาทอีกด้วย

เมื่อกลับถึงฉางอันเรื่องที่ต้องทำต่อคือหาพี่สะใภ้ให้หลูจวิ้น อี๋อวี้คัดเลือกคนมากมายสุดท้ายก็เพราะคำบอกของเฉิงเสี่ยวเฟิ่งที่แต่งงานไปกับฉีเจิ้งแล้วถึงรู้ว่าหลูจวิ้นกับจิ้นลู่อันถูกตาต้องใจกัน

กลับถึงเมืองหลวงอี๋อวี้ก็โดนเหวยกุ้ยเฟยหาทางเกลี้ยกล่อมหลายรอบเรื่องรับชายารองที่หลี่ไท่ปฏิเสธไปตอนอยู่ที่ลั่วหยาง หลี่ไท่ที่งานยุ่งมากไม่มีความคิดที่จะบอกอี๋อวี้ถึงเรื่องที่โดนฮ่องเต้ต่อว่าในที่ประชุมขุนนาง อี๋อวี้ก็คิดเอาเองว่าตัวเองสร้างความดือดร้อนให้หลี่ไท่ตลอดเวลา ไม่เคยช่วยเหลือ จึงหาทางแก้ปัญหาโดยการกินยาฤทธิ์แรงเพราะนึกว่าถ้าตัวเองตั้งครรภ์ได้ก็จะอุดปากคนทั้งหมด โดยที่ไม่เชื่อฟังคำเตือนของหลี่ไท่เรื่องห้ามกินยาส่งเดช

จ่างซุนซีในที่สุดก็เข้าพิธีแต่งงานหลังโดนกักบริเวณจบ หลังจากนั้นไปวังหลวงถึงรู้เรื่องอี๋อวี้ที่โดนกดดันเรื่องชายารองและการไม่มีทายาทจากหยางเฟยทำให้นึกแผนการออก

จ่างซุนซีวางแผนเล่นงานอี๋อวี้และหลี่ไท่โดยใช้เหยียนหว่านเป็นเครื่องมือ ซึ่งเหยียนหว่านรับเคราะห์ในเรื่องนี้แต่เพราะโดนหลี่ไท่เห็นเหตุการณ์ตัวเองไม่ยอมถอดใจ ขอร้องให้หลี่ไท่รับตนไว้ให้อยู่ในวังอ๋องเฉยๆ เป็นสามีในนาม หลี่ไท่ที่รู้เรื่องราว และสืบพบเบาะแสทั้งหมดแล้ว เพราะคิดถึงอี๋อวี้ที่ช่างคิดมากเลยวางแผนใช้ยาแรงกับอี๋อวี้ โดยการบอกว่าจะรับชายารอง อี๋อวี้ที่กินยาทำให้ไม่อยากอาหาร ถึงกับอ้วกใส่หลี่ไท่จนสลบไป พอตรวจพบถึงรู้ว่าแอบกินยา

อี๋อวี้บอกว่าตัวเองรู้สึกยังไง หลี่ไท่ถึงรู้ว่าอี๋อวี้โดนกดดันแค่ไหน ก็ดูแลรักษาตัว มีหลูซื่อที่ไม่ยอมให้บุตรสาวเสียใจเหมือนตัวเองบังคับจนรู้ใจตัวเองอีกครั้ง ในที่สุดอี๋อวี้ก็ตัดสินใจได้ว่าตัวเองขอเห็นแก่ตัวครั้งนี้ เวลาเดียวกันพวกทูตแคว้นเล็กก็ก่อกบฏบุกวังหลวงฮ่องเต้กริ้วมากเพราะมาถึงตัว ดีที่ได้หลูจวิ้นตามไปจัดการคนร้ายถึงที่ ฮ่องเต้ต้องการส่งเสริมหลูจวิ้นเลื่อนขั้นทีเดียวสิบเอ็ดขั้น เป็นที่เนื้อหอมของคนเมืองหลวง

เหยียนหว่านยังไม่ยอมตัดใจมาพบอี๋อวี้และบอกเรื่องที่ตัวเองโชคร้ายแต่อี๋อวี้หาได้สนใจ ถ้าไม่เพราะเหยียนหว่านไปหาหลี่ไท่ก่อน อาจได้ตามที่ตัวเองต้องการ ดีที่หลี่ไท่รู้ใจอี๋อวี้ถึงใช้ยาแรงกับอี๋อวี้ไว้ล่วงหน้า

เรื่องชายารองจบไป ตอนนี้ก็มาถึงเรื่องการแต่งงานของหลูจวิ้นที่มีเรื่องแทรกเข้ามา แต่สุดท้ายหลูจวิ้นก็ได้แต่งงานกับจิ้นลู่อัน และจะเดินทางไปรับตำแหน่งที่หวาอิน

หลี่ไท่บอกกับอี๋อวี้เรื่องที่จะไปรบที่เกาชาง ตอนแรกทำใจไม่ได้ แต่หลี่ไท่เตรียมพร้อมทุกอย่าง และวางแผนให้อี๋อวี้ไปที่เหอเป่ยเพราะกลัวว่าอยู่เมืองหลวงจะไม่ปลอดภัย

วันออกเดินทางของหลี่ไท่ อี๋อวี้ร้องไห้ไปยกหนึ่ง สุดท้ายแสดงอาการเหมือนตอนกินยา แต่หลี่ไท่เอะใจเลยเลือกหมอหลวงหลี่ กับฉินกูกู สุดท้ายในที่สุดอี๋อวี้ก็ตั้งครรภ์

หลังอ่านเล่ม 13 :

เรื่องรับชายารองทำเอาอี๋อวี้ผ่ายผอมกินไม่ได้นอนไม่หลับ กว่าสองสามีภรรยาจะรู้ใจกันอีกครั้งต้องผ่านเหตุการณ์ที่ต้องเปิดใจกันแบบนี้ แล้วเล่มนี้อี๋อวี้ต้องตรวจการตั้งครรภ์ให้ทั้งเฉิงเสี่ยวเฟิ่งและจ่างซุนซี ทำไม่ไม่มีข่าวดีของตัวเองบ้าง จนตอนจบของเล่มทั้งสองคนต้องแยกจากกันอีกแล้วท่ามกลางทั้งความดีใจและเสียใจ ดูสิว่าหลังจากนี้อี๋อวี้ที่ต้องอยู่ห่างจากหลี่ไท่ยังต้องพบเจอเรื่องอะไรอีกบ้าง สนุก เข้มข้นมากเลยค่ะ 


เล่ม 14 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กรกฎาคม 2563

โปรยปกหลังเล่ม 14 :

ผู้ใดเล่าจะเข้าใจพระประสงค์ของฮ่องเต้ได้อย่างกระจ่างแจ้ง

ต่อให้มีท่าทีว่าโปรดปรานรักใคร่ ยังอาจแฝงความหมายอย่างอื่นไว้ก็เป็นได้

เช่นเดียวกับที่ทรงมีท่าทีโปรดปรานหลี่ไท่ตลอดมา

แต่ถึงเวลาก็ยินยอมให้เขาไปรบทั้งๆ ที่ยังไม่เคยผ่านศึกสงครามมาสักครั้ง

อีกทั้งยังแต่งตั้งเขาเป็นแม่ทัพตรวจการเป็นกรณีพิเศษให้รับผิดชอบผลการรบนี้

หลี่ไท่ต้องออกรบทันทีทั้งๆ ที่เพิ่งรู้ว่าภรรยารักตั้งครรภ์

เบื้องหน้าคือข้าศึกศัตรู เบื้องหลังคือคนรักและบุตรที่ยังไม่ทันได้เห็นหน้า

ส่วนอี๋อวี้ต้องรู้ข่าวว่าเขาหายตัวไป และต้องประคองท้องนี้เอาไว้ด้วยความรัก

มิหนำซ้ำในเวลาเช่นนี้ฮ่องเต้ยังส่งหญิงชราไม่น่าไว้วางใจมาอยู่ข้างกายนาง

ไม่ว่าจะทำเพื่อจุดประสงค์ใด ถ้าหากคิดไม่ซื่อแม้เพียงนิด นางจะไม่ยั้งมือไว้ไมตรีแน่นอน

อุ้มท้องลูกคนนี้มาแปดเก้าเดือน ความรักใคร่หวงแหนในจิตใจนับวันยิ่งมากขึ้นทุกที

ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าได้หมายทำร้ายเด็กคนนี้แม้สักกระผีก

ต่อให้เป็นฮ่องเต้นางก็ไม่หวั่นเกรง จะขอสู้ตายสักครา!

คำนำสำนักพิมพ์เล่ม 14 :

ในนวลหยกงามเล่มก่อนจบด้วยฉากที่หลี่ไทไปออกรบทั้งๆ ที่เพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นว่าอื๋อวี้ท้อง...ตอนที่อ่านจบความรู้สึกสงสารตัวละครทั้งสองก็ยิ่งท่วมทันในใจอย่างมาก สงครามไม่ใช่สิ่งที่คาดดาดีร้ายได้เลย หลี่ไทไปครานี้ไม่รู้จะได้กลับมาหรือไม่ แม้แต่ตัวอื๋อวี้และลูกในท้องเองที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนมุ่งร้ายก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่รอดปลอดภัย รอเจอสามีรอเจอบิดาได้หรือไม่

 

คนหนึ่งภารกิจยิ่งใหญ่เบื้องหน้าคือให้กำเนิดบุตร คนหนึ่งภารกิจยิ่งใหญ่เบื้องหน้าคือแผ่นดิน แม้ต่างก็มีจิตใจพันผูกกัน คะนึงหากันจนยากจะสงบนิ่ง แต่ก็ต่างต้องปล่อยวางเรื่องของคนที่รักยิ่งเพื่อทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของตนเองต่อไป ช่างเป็นอะไรที่ยากมากจริงๆ นะคะ

 

ยิ่งพอได้มาอ่านเล่มนี้ยิ่งรู้สึกว่าอื๋อวี้และหลี่ไท่คือตัวละครอีกคู่หนึ่งของ มากกว่ารัก ที่มีความรักที่ยิ่งใหญ่มอบให้กันอย่างแท้จริง เพราะสิ่งที่ทั้งสองต้องฟันฝ่าไป ในแต่ละเล่มนั้นมีไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างเช่นเล่มนี้นอกเหนือจากศึกสงครามและการคลอดบุตรที่กล่าวถึงไปก่อนหน้า ยังมีจิตใจของฮ่องเต้ที่ยากแท้หยั่งถึง มีองค์รัชทายาทที่มุ่งหวังทั้งราชบัลลังก์และตัวของอื๋อวี้ มิหนำซ้ำยังมีจ่างซุนซีผู้ครองตำแหน่งนางร้ายแห่งปีผู้นี้ที่ยังไม่หยุดแผนการทำร้ายทำลายอื๋อวี้ของเรา เช่นนั้น เราอย่าเสียเวลากันอีกเลยค่ะ พลิกหน้าหนังสือเปิดประตูเข้าสู่เมืองฉางอัน เดินทางร่วมกับหลี่ไห่และอื๋อวี้ไปด้วยกันอีกครา

 

ด้วยไมตรีจิต

สำนักพิมพ์แจ่มใส

เล่ม 14 :

คนในฉางอันต่างพูดกันว่าอี๋อวี้ออกนอกเมืองไปแล้ว ในลักษณะต่างกันของทั้งมิตรและศัตรู

อี๋อวี้ที่มาพำนักอยู่ที่อันหยาง เหอเป่ยหลังจากการเดินทางผ่านไปสองเดือนตอนนี้มีอายุครรภ์ห้าเดือนก็ได้นายกอง ซุนเหลยเป็นผู้คอยบอกว่าแดนซีอวี้ และรอบข้างมีลักษณะและก่อนหน้านี้การรบ ความสัมพันธ์เป็นอย่างไรกันบ้าง อี๋อวี้เก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์พักผ่อนอย่างสงบจนอายุครรภ์ได้เจ็ดเดือนถึงมีเรื่องที่ทำให้ต้องยุ่งอีกแล้ว นั้นคือภัยแล้งจากทางเหนือส่งผลให้มีผู้พลัดถิ่นมากมาย ทั้งคนมีอำนาจกลุ่มต่างๆในเมืองอันหยางยังจับคนเหล่านี้ไปขายเป็นทาส ส่วนสตรีก็ขายเข้าหอนางโลมทำเอาอี๋อวี้คิดมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ต่อสู้กับมโนธรรมในใจ จนหลูซื่อต้องขอร้องให้หานลี่พูดบอกกับนาง ทำให้อี๋อวี้รู้จักการใช้อำนาจที่อยู่ในมือ ทำเอาช่วยผู้อพยพมากมายเอาไว้ได้ และเรื่องก็รู้ไปถึงฮ่องเต้ที่เมืองหลวง

ทางด้านหลี่ไท่ที่ได้ร่วมทัพ แต่โจวเหวินจี๋ในฐานะจอมทัพกลับดูถูกความสามารถ เพราะเป็นคนของรัชทายาท ให้หลี่ไท่เดินทัพกับกองเสบียง หลี่ไท่ตอบตกลงเพราะมีแผนการอยู่แล้ว

ทั้งหลี่ไท่ยังติดต่อกับอี๋อวี้โดยใช้อิ๋นเซียวในการส่งสาร เรื่องที่อี๋อวี้ช่วยชาวบ้านประสบภัยหลี่ไท่ก็รับรู้ และข่าวก็เงียบหายไป จนวังเว่ยอ๋องทางเมืองหลวงส่งสารมาว่าหลี่ไท่หายตัวไปในทะเลทรายทำเอาอี๋อวี้ตกใจจนคลอดก่อนกำหนดหลายวัน ดีที่ได้ฉินหลินและหลูซื่ออยู่ด้วยทำให้อี๋อวี้ผ่านมาได้ อี๋อวี้ตั้งชื่อบุตรสาวว่าเสี่ยวอวี่เตี่ยน เสี่ยวอวี่เตี่ยนไม่ยอมกินนมแม่นมทำให้อี๋อวี้ต้องเป็นคนให้นมเอง

ฮ่องเต้พระราชทานชื่อให้เสี่ยวอวี่เตี่ยนว่าหลี่ลิ่งอวี่และเรียกตัวอี๋อวี้กับลูกกลับเมืองหลวงในเดือนแปด แต่เพราะอิ๋นเซียวบินกลับมาพร้อมสารของหลี่ไท่ทำให้รู้ว่าปลอดภัยทั้งยังบอกว่าห้ามฟังข่าวจากเมืองหลวง ห้างกลับฉางอันรอตนกลับมารับ ทำให้อี๋อวี้สบายใจ และให้หานลี่ออกความเห็นว่าจะทำอย่างไร หานลี่ก็บอกให้ออกเดินทางตามกำหนด แต่จะถึงเมื่อไหร่ก็อีกเรื่องหนึ่ง

ระหว่างทางกลับได้ข่าวว่าหลี่ไท่ก่อกบฏโดยร่วมมือกับชาวทูเจวี๋ย อี๋อวี้คิดได้ว่าหลี่ไท่ต้องรู้เรื่องล่วงหน้า และกันตัวเองออก แต่นางไม่ต้องการอยากช่วยเหลืออยู่เคียงข้าง ทุกคนไม่กลับได้มีแต่นางที่ต้องกลับฉางอัน จึงเดินทางไปหาองค์หญิงผิงหยาง ให้องค์หญิงคุ้มครองกลับเมืองหลวง

ถึงเมืองหลวงได้องค์หญิงช่วยทำให้ใบประกาศถูกปลดออก แต่ยังต้องอยู่ในวังองค์หญิง เพราะตอนนี้รัชทายาทสำเร็จราชการแทนใช้ข้อกล่าวหาว่าร้ายหลี่ไท่ ยึดวัง อุทยาทฝูหรง และสำนักอักษร อี๋อวี้ต้องช่วยคนของสำนักอักษรก่อน และยังให้เฉิงเสี่ยวเฟิ่งช่วยส่งข้อความให้ด้วย

หลี่เฉิงเฉียน รัชทายาทถือโอกาสที่ฮ่องเต้ประชวน องค์หญิงผิงหยางไปเฝ้าที่วังต้าหมิงดักจับอี๋อวี้เข้าวัง เพราะตัวเองบ้าตัณหา ถูกตาต้องใจอี๋อวี้ตั้งแต่งานวสันตฤดู และยังรู้ชาติกำเนิดความเป็นมาที่แท้จริงของอี๋อวี้อีกด้วย อี๋อวี้ถูกกักอยู่ที่ตำหนักบูรพาสี่วันจนรัชทายาททนไม่ไหว ขณะที่กำลังจะล่วงเกินอี๋อวี้ อี๋อวี้พูดชื่อซูหลันทำให้รัชทายาทขาดสติบีบคอนางจนสลบไป เป็นเวลาเดียวกับที่หลี่ไท่กลับถึงเมืองหลวงพร้อมความสำเร็จในการทำศึก

รัชทายาทหนีหน้า หลี่ไท่นำทหารปิดห้าวังหลวงทวงคนคืน องค์หญิงผิงหยางออกหน้า รัชทายาทโกหกว่าฆ่าอี๋อวี้ทิ้งแล้ว ความจริงเก็บซ้อนไว้

ด้านอี๋อวี้พอฟื้นขึ้น เป็นเหยียนหว่านที่มีความแค้นกับอี๋อวี้ส่งอี๋อวี้ออกนอกวัง โดยโกหกว่าจะช่วยเหลือที่จริงคือส่งให้จ่างซุนซี จ่างซุนซีอยากใช้อี๋อวี้กับหลี่ไท่เพื่อจุดประสงค์ของตนเอง

หลี่ไท่ให้สัญญาว่าจะรอสามวัน รัชทายาทกลับเข้าวังถึงรู้ว่าอี๋อวี้หนีไปได้แล้ว จึงคิดแผน ส่งนักฆ่าลอกเข้าวังเว่ยอ๋อง แต่หลี่ไท่รู้ตัวจัดการนักฆ่าได้ทั้งหมด หลักฐานแน่นหนา

อี๋อวี้ที่อยู่กับจ่างซุนซี จ่างซุนซีรู้ว่าแผนล้มเหลวคิดหนีออกนอกเมืองแต่คนสนิทกลับเป็นคนที่ช่วยอี๋อวี้ เพราะว่าความจริงแล้วเป็นคนของหลูจื้อนั้นเอง อี๋อวี้กลับถึงวังอ๋อง สวนกับหลี่ไท่ แต่โดนตู้รั่วจิ่นหลอกพาออกมาอีก เพราะคิดจะใช้เป็นตัวประกันถ้าหลี่ไท่ก่อกบฏ คนที่พูดกับอี๋อวี้คือหานอ๋อง หลี่หยวนจยา ที่ถามเรื่องเดียวคืออี๋อวี้โดนรัชทายาทล่วงเกินหรือไม่แล้วปล่อยอี๋อวี้ไป ในที่สุดสองสามีภรรยาก็ได้อยู่ด้วยกัน เป็นอี๋อวี้ที่มอบโอกาสให้หลี่ไท่ในการจัดการกับรัชทายาทอย่างเด็ดขาด

ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องในวังเว่ยอ๋อง และที่อื่นๆให้เรียบร้อย วันคล้ายวันเกิดหลี่ไท่วันที่เก้าเดือนสิบเอ็ดจัดเลี้ยงแค่คนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่คอยอยู่ฝ่ายเดียวกัน โดยไม่มีดนตรีการแสดง มีเพียงเฝ้าดูเหล่าบุรุษแสดงฝีปากและแสดงกุศโลบายที่ไม่ให้คนนอกล่วงรู้เท่านั้น และรับของขวัญที่คนไม่ได้รับเทียบเชิญต่างส่งมา ปรากฏว่าของขวัญส่วนใหญ่มีค่าเป็นเงินจำนวนมาก สุดท้ายเมื่อขายและเก็บที่สำคัญแล้วยังเป็นเงินหลายหมื่นก้วนแต่หลี่ไท่ยกให้อี๋อวี้บอกว่าเป็นของขวัญที่อันหยาง และต่อจากนี้จะให้ซองแดงนางทุกปี

ฮ่องเต้ฟื้นจากการสลบเรียกทั้งหลี่ไท่และอี๋อวี้เข้าวัง ผู้คนมากมายที่มาเข้าเฝ้าดูแล้วเหมือนมาดูใจตามความเห็นของอี๋อวี้ หลังฮ่องเต้เรียก หลี่เซี่ยวกง ฝางเสวียนหลิง จ่างซุนอู๋จี้เข้าเฝ้าแล้วกลับเรียกอี๋อวี้เข้าเฝ้าคนเดียว

ฮ่องเต้เรียกอี๋อวี้เข้าเฝ้าเพราะอยากเห็นว่าเบี้ยเม็ดไหนที่ทำให้หมากที่วางไว้ยุ่งเหยิง และบอกเรื่องราวที่รู้ซึ่งทั้งหมดก็อยู่ในสายตาของฮ่องเต้ทุกอย่าง ทั้งยังบอกว่าใช้งานหลูจื้อก็ไม่ควรเก็บอี๋อวี้ไว้ บ่นถึงบุตรชายแต่ละคน แต่พอเป็นหลี่ไท่กลับมีแต่เฝ้าระวังไม่เคยมองว่าเป็นบุตรชาย เรื่องนี้สร้างความคับแค้นใจให้อี๋อวี้จนพูดกับฮ่องเต้ว่า

“ฝ่าบาทมีพระทัยของผู้เป็นบิดา แล้วเหตุอันใดต้องบกพร่องในหน้าที่ต่อคนเพียงผู้เดียวด้วยเพคะ”

คำพูดนี้ทำเอาฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินได้คิด อี๋อวี้เห็นว่า ฮ่องเต้มอบความรักของบิดาส่วนหนึ่งให้โอรสองค์อื่นๆ ไฉนพอเป็นหลี่ไท่ถึงเหลือแต่ความเป็นกษัตริย์ ไม่มีความเป็นบิดาแล้วเล่า

จากนั้นเรียกตัวหลี่ไท่ ซึ่งเข้าไปเฝ้านานกว่าอี๋อวี้ พอออกมาก็มีขันทีตามออกมาถ่ายทอดพระราชกระแสรับสั่ง เรื่องปลดรัชทายาท เรื่องที่สองเลื่อนตำแหน่งจ่างซุนอู๋จี้เป็นอัครมหาเสนาบดี และเรื่องที่สามแต่งตั้งหลี่ไท่เป็นรัชทายาท

เรื่องนี้อี๋อวี้ยังกังวลใจแต่หลี่ไท่เพียงบอกว่าไม่ต้องวิตก มีข้าอยู่ทั้งคน เท่านี้อี๋อวี้ก็สบายใจได้แล้ว ว่าไม่ว่าฟ้าถล่มยังไงก็ยังมีคนร่างสูงใหญ่ค้ำยันไว้

หลังจากนี้ถึงมีประชุมขุนนางและป่าวประกาศอย่างเป็นทางการ หลี่ไท่บอกกับอี๋อวี้ก่อนว่าหลังปีใหม่ฮ่องเต้จะพระราชทานสมรส แต่จะจัดการเองเพราะกลัวว่าอี๋อวี้จะแอบกินยาลับหลังตัวเองอีก

หลังปีใหม่ เทศกาลซั่งหยวนวังหลวงมีการคัดเลือกสาวงามให้องค์ชายและทายาทท่านอ๋อง เหวยกุ้ยเฟยชวนอี๋อวี้ไปด้วย อี๋อวี้ก็ตอบตกลง ซึ่งอี๋อวี้ยังได้พบ ซ่งฉิงหยวน หรือก็คือซ่งซินฉือที่ไม่น่าจะเข้าร่วมในครั้งนี้ พอออกมาพบหลี่ไท่พูดเรื่องนี้ และพูดถึงหลูจวิ้นหลี่ไท่ที่รู้เรื่องนิสัยส่วนตัวของหลูจวิ้นที่อี๋อวี้ไม่รู้ก็บอกว่าอย่าตั้งความหวัง เขาไม่ใช่ข้า อี๋อวี้ยอมเรื่องอนุแต่บอกว่ายังไงก็ต้องไม่ใช่ซ่งซินฉือ

ผ่านเทศกาลซั่งหยวนก็จะถึงวันคล้ายวันเกิดของอี๋อวี้ วันที่สิบสองเดือนสอง วังเว่ยอ๋องจัดงานฉลองยิ่งใหญ่ สองสามีภรรยาสัญญากันแต่เช้าว่าวันนี้ไม่พูดเรื่องงานใครผิดสัญญาต้องเป็นอีกฝ่ายลงโทษ

ในงานเลี้ยง หลังอี๋อวี้ขอตัวออกมายังเจอจิ้นลู่อันที่ดูมีปากเสียงกับหลูจวิ้น สร้างความกังวลใจให้อี๋อวี้มาก อี๋อวี้ให้หลูจวิ้นตามไปงอนง้อ แต่เพราะหลงทางในวังทำให้ออกนอกวังได้ช้ากว่า เห็นแค่หลังรถม้าแล่นไป ตอนกำลังรีบกลับได้ยินเสียงเรียก ซึ่งก็คือเสียงของซ่งซินฉือยังตามมาหาถึงหน้าวัง เมื่อมองดูก็รู้ว่านี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรก และจากคำพูดจิ้นลู่อันก็เคยไปหานางเพื่อบอกกล่าวว่านางผิดก่อนแล้ว และบอกว่าจะแต่งเป็นอนุของคุณชายสามสกุลจ่างซุน จ่างซุนจื่อ เมื่อมาหาหลูจวิ้นแล้ววิ่งหนีไป ระหว่างทางหลงทางได้รับการช่วยเหลือจากบางคนที่จะทำให้เส้นทางชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาล

ด้านอี๋อวี้หลังออกจากงานเลี้ยง หลูอีฉิงบุตรสาวที่รับมาเลี้ยงของโต้วซื่อและหลูหรงเหอมอบของขวัญให้อี๋อวี้ ทำให้อี๋อวี้รู้ว่านางอยากเข้าสำนักศึกษาก็บอกว่าให้นางเขียนความเรียงมาให้ทุกวัน

หลี่ไท่ที่ออกจากงานก่อนเห็นแผนที่ที่สำนักศึกษานำมาหารือ ก็ถามอี๋อวี้ว่าทำตั้งแต่เมื่อไหร่ อี๋อวี้บอกว่ามีความคิดตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะทำแผนที่ทั้งหมด ทั้งไม้วัดไม้ฉากว่าใช้วัดอย่างไร และมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดหลี่ไท่ย้อนหลังปีที่แล้ว หลี่ไท่รู้ว่าตัวเองผิดสัญญาก็ถามว่าอยากได้อะไร อี๋อวี้บอกว่าอยากให้เล่นกับเสี่ยวอวี่เตี่ยน หลี่ไท่บอกผลัดเป็นวันถัดไปทั้งรอยยิ้ม อี๋อวี้ได้เห็นคนเดียว สุข ทุกข์ เสียใจ ดีใจ ใครว่าเขาไม่มี แค่ว่ามีคนให้โอกาสเขาสัมผัสอารมณ์เหล่านี้น้อยนัก นางรู้สึกโชคดี ยังมีเวลาอีกนานที่จะสอนให้เขารู้จักพวกมัน

หลังอ่านเล่ม 14 :

เป็นเล่มที่เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก จากตอนแรกสบายๆเพราะอี๋อวี้อยู่บำรุงครรภ์รอคลอด พอมีเสี่ยวอวี่เตี่ยน และต้องกลับเมืองฉางอันความยุ่งยากวุ่นวายที่หลบไปพักก็กลับมา อี๋อวี้เป็นเบี้ยที่ทำให้หมากของฮ่องเต้ยุ่งเยิง เป็นคนที่มอบโอกาสดีให้หลี่ไท่ เป็นคนที่พุ่งชนเข้าเสี่ยงไม่ยอมอยู่อย่างปลอดภัยให้หลี่ไท่ไร้กังวล และจะไม่ให้หลี่ไท่รักขนาดนั้นได้ยังไง มาอ่านบทสรุปในเล่มจบกันเลยค่ะ


เล่ม 15 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กรกฎาคม 2563

โปรยปกหลังเล่ม 15 :

‘เมื่อเป็นของของข้า ข้าย่อมต้องเป็นผู้ปกปักรักษา’

จริงอยู่ว่าหลี่ไท่ยังไม่ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น แต่เขามีหัวใจของผู้เป็นกษัตริย์

เขามองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งและรู้เป้าหมายของตนเอง

ในเมื่ออี๋อวี้ต้องการเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา นางสมควรมีสายตาที่มองการณ์ไกลดุจเดียวกับเขาด้วย!

อี๋อวี้ต้องกัดฟันทนให้เขาไปอยู่ในสนามรบที่เนืองนองด้วยเลือดอีกครา

ทว่าหลี่ไท่ไม่ยอมให้นางกับเขาต้องห่างกันเนิ่นนานเช่นคราก่อนอีกแล้ว

สุดท้ายแม้นในสมรภูมิยังได้มีนางอยู่ร่วมฝ่าฟัน

เบื้องหน้าคือศัตรูที่ห้าวหาญ เบื้องหลังมีบุตรสาวและปวงประชา

ด้านข้างมีบุรุษที่รักยิ่งอยู่เคียงใกล้ เป็นตายร่วมกัน!

ชาติภพนี้ของนางสูงค่ายิ่งนัก

ไม่เสียทีที่ได้กลับมามีชีวิตอีกคราจริงๆ

เล่ม 15 :

ปีรัชศกเจินกวนที่สิบห้า วันที่สี่เดือนเจ็ด ฮ่องเต้ไท่จงยืนกรานแต่งตั้ง เว่ยอ๋อง หลี่ไท่เป็นรัชทายาท

ปีรัชศกเจินกวนที่สิบหก เดือนเก้า อดีตองค์รัชทายาทหลี่เฉิงเฉียนล้มป่วยสิ้นชีพที่เมืองเฉียนโจว ฮ่องเต้ไท่จงโศกเศร้าเสียใจ ให้จัดพิธีศพตามบรรดาศักดิ์กั๋วกง

ปีเดียวกัน เดือนสิบสอง อดีตฮั่นอ๋องหลี่หยวนชัง ซึ่งถูกเนรเทศไปที่ห่างไกล จบชีวิตจากการขี่ม้าล่าสัตว์จัดพิธีศพอย่างเรียบง่าย

ปีรัชศกเจินกวนที่สิบเจ็ด เดือนหนึ่งเว่ยเจิงสิ้นอายุขัย

ปีเดียวกัน เดือนเก้า ซินหลัวกับเกาโกวหลีผนึกกำลังทหารกันโจมตีไป่จี้

ปีถัดมา ฮ่องเต้ไท่จงมีพระบัญชาให้ต่อเรือไปโจมตีเหลียวตง ถึงเดือนเก้าผู้สำเร็จราชการเกาโกวหลีส่งเครื่องราชบรรณาการมาต้าถัง แต่ฮ่องเต้ไม่รับและจับทูตกักขังไว้

ปีรัชศกเจินกวนที่สิบแปด เดือนเก้า

ตำหนักบูรพา อี๋อวี้ได้ยินข่าวเรื่องที่คุณชายสามสกุลจ่างซุนบาดเจ็บ และราชบุตรเขย จ่างซุนชงไปพังประตูจวนแม่ทัพ เพราะพี่รองหลูจวิ้นเป็นต้นเหตุ จากซ่งซื่อแล้วก็ออกจากวังไปที่จวนแม่ทัพ กลับเห็นว่าพี่รองช่างซื่อ ไม่รู้เรื่องว่าใครดี ใครเสแสร้ง ตอนแรกว่าจะไปขอโทษที่สกุลจ่างซุนกลับพบเห็นเหตุการณ์จ่างซุนจื่อถือดาบไล่ฟันอนุที่ตั้งครรภ์แล้วบอกว่าเป็นลูกชู้ ซึ่งอนุคนนั้นก็คือซ่งซินฉือนั้นเอง ทำให้อี๋อวี้ล้มเลิกความตั้งใจกลับวังไปก่อน และเล่าเรื่องราวให้หลี่ไท่ฟังทั้งบอกว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง เพราะเรื่องผ่านมาตั้งหลายปีทำไมไม่เปิดเผยก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ ทำไมต้องเป็นตอนนี้ หลี่ไท่ก็โยงไปถึงในที่ประชุมที่ฮ่องเต้ต้องการจะไปทำศึกที่เกาโกวหลีเอง และมีขุนนางยื่นเรื่องให้องค์รัชทายาทไปทำศึกแทน อี๋อวี้รู้ทันทีว่าตอนนี้มีคนเล่นงานอยู่เบื้องหลัง จะระบายโทสะใส่หลี่ไท่ก็ไม่ได้ จึงสืบไปถึงต้นตอว่าใครอยู่เบื้องหลัง

ซ่งซินฉือใช้ความอ่อนแอ และแต่งตัวมอซอหลอกลวงหลูจวิ้นที่ซื่อจนไม่คิดอะไร นึกว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามจนทำให้จิ้นลู่อันหน้าชื่นอกตรม อี๋อวี้ที่เป็นชายารัชทายาทจัดการเปิดเผยความจริง จนคนโง่ ซื่ออย่างพี่รองยังรู้ว่าถูกหลอก ตอนนี้จิ้นลู่อันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป กลับบ้านเดิมรอหนังสือหย่า ส่วนอี๋อวี้ถามถึงคนบงการเบื้องหลังว่าเป็นใครระหว่าง จ่างซุนซีหรือองค์หญิงฉางเล่อ

อี๋อวี้ที่โกรธมาหาที่ระบายไม่ได้ ต้องจัดการตัวการทำให้สามีต้องไปทำศึก ครอบครัวพี่รองแตกแยก เลยจัดการสั่งสอนสำนักบัณฑิตหญิงขององค์หญิงฉางเล่อจนเป็นที่อับอายขายหน้า

ทั้งยังต้องคิดหาวิธีคืนดีให้พี่ชายพี่สะใภ้อีกด้วย พอทั้งสองคืนดีกัน อี๋อวี้ก็ยอมกลับมาพูดกับหลี่ไท่ ที่เป็นที่แน่นอนแล้วว่าต้องไปทำศึกเป็นแม่ทัพในครั้งนี้ที่เกาโกวหลี ปลายปีในวังมีงานเลี้ยงก็ต้องรวมตัวกัน

หลี่เค่อกับจ่างซุนซีเป็นคนที่ร่วมมือกันทำให้หลี่ไท่ต้องเข้าสู่สนามรบด้วยอีกส่วนหนึ่งนอกจาก องค์หญิงฉางเล่อที่บงการซ่งซินฉือก่อนหน้านี้

เดือนหนึ่งผ่านไปหลูจวิ้นออกเดินทางไปติ้งโจวก่อนแล้ว หลี่ไท่ให้อี๋อวี้เลือกว่าครั้งนี้จะไปเหอเป่ยหรือหยางโจว อี๋อวี้เลือกหยางโจว หลังส่งหลี่ไท่ออกเดินทางอี๋อวี้ก็ออกเดินทาง แต่ระหว่างทางกลับถูกหลี่ไท่พามาอยู่ในกองทัพบอกว่าคราวนี้มีลางสังหรณ์ว่าถ้าแยกจากกันแล้ว จะมีคนหนึ่งตกอยู่ในอันตราย เลยพามาอยู่ข้างกาย

ทัพใหญ่มุ่งหน้าไปถึงติ้งโจว หลี่ไท่ที่รอฟังข่าวมาหนึ่งเดือนก็เคลื่อนทัพไปเหลียวตงด้วยตนเอง ที่ค่ายทหารนี้อี๋อวี้เห็นทหารบาดเจ็บล้มตายมาก เพราะโดนยาพิษเป็นหญ้าม่ายที่ขึ้นทั่วไปแต่หายาแก้ไม่ได้ อี๋อวี้เลยขอเวลาสามวันในการหายาถอนพิษ และอี๋อวี้ก็เป็นคนที่สามารถหาทางแก้พิษได้ทำให้หลี่ไท่สามารถพาทหารบุกยึดเมืองเหลียวหยางได้ ที่ค่ายทหารนี้อี่อวี้ได้รู้จักกับหมอทหารเซียวฮั่นที่คุยกันถูกอีกด้วย อี๋อวี้มีความนับถือพวกหมอทหารเป็นอย่างมากทีเดียว

หลี่ไท่เดินทัพไปถึงเมืองอันซื่อที่มีชัยภูมิในการป้องกันเมืองดี ไม่สามารถบุกตีเข้าไปได้ หลี่ไท่คิดแผนไปตัดกำลังข้าศึกที่ส่งทัพหนุนมาช่วยสองแสนนาย โดยนำทัพไปเอง และวางแผนกับอี๋อวี้ที่จะใช้น้ำผสมหญ้าม่ายเพื่อให้ทหารเกรงกลัว

ส่วนอี๋อวี้อยู่รอที่ค่ายทหาร ฮ่องเต้ก็ส่งจ่างซุนอู๋จี้มาเป็นทัพหนุน มาถึงตอนที่หลี่ไท่ไปตัดกำลังสองแสนนาย และยังให้ตีเมืองทันทีเพราะระหว่างทางไม่สามารถรวบรวมเสบียงอาหารมาได้ และยังสงสัยว่าหมอถังที่อยู่ข้างกายรัชทายาทคืออี๋อวี้ชายารัชทายาท ให้สืบเรื่องให้ละเอียด

อี๋อวี้ถูกกล่าวหาว่าใช้น้ำผสมหญ้าม่าย โดยจริงๆแล้วไม่ใช่หญ้าม่าย แค่สีคล้ายคลึงกัน และยังเจอเซียวฮั่น พอดีมีเหตุการณ์ทหารบุก ทำให้หลบหนีได้ ที่ไหนได้ เซียวฮั่นคือไส้ศึกที่แฝงตัวอยู่ในค่ายทหาร ตอนแรกไม่ได้คิดจะพาอี๋อวี้ไปด้วย แต่ก็พาไป และยังสนิทกับอี๋อวี้ อยากเป็นเพื่อน ต้องการให้อี๋อวี้อยู่ที่อันซื่อ

อี๋อวี้มาอยู่ภายในเมืองอันซื่อ ดีที่ได้หลูเย่าตามมาทัน แต่ทั้งสองก็หนีออกไปไม่ได้ อี๋ฮวี้จึงให้หลูเย่าคอยส่งสารให้ และหยิบยาสำคัญมา ประสานในนอก

ในที่สุดก็ได้ข่าวจากหลี่ไท่ หลี่ไท่ที่เอาหญ้าม่ายของปลอมไปเหมือนกันชนะศึกกลับมา ส่งหลูเย่าและเสิ่นเจี้ยนถังมารับ แต่อี๋อวี้ไม่ยอมไป เพราะรู้ว่าในเมืองมีไส้ศึกที่บงการให้เจ้าเมืองต้องกำจัดหลี่ไท่ให้ได้

ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นแผนการแต่หลี่ไท่ก็ยังคงไป อี๋อวี้ก็คอยช่วยอยู่ในเมือรวมกับหลูเย่าและเสิ่นเจี้ยนถัง เพื่อเปิดประตูเมือง ระหว่างนั้นอี๋อวี้จับเสิ่นม่านอวิ๋นที่ถูกส่งมาได้ และเกือบโดนธนูดีที่ได้เซียวถิงช่วยเอาไว้

ในที่สุดก็ยึดเมืองอันซื่อได้ปราการสุดท้าย คราวนี้ก็แค่ส่งทัพหน้าไปก็ตีเกาโกวหลีได้แล้ว เซียวถิงมาถึงตรวจดูแล้วรู้ว่าอี๋อวี้ตั้งครรภ์ระหว่างอยู่ในกองทัพ หลี่ไท่จัดการในเมืองเรียบร้อยก็ไปรอข่าวที่เมืองติ้งโจว และสัญญาว่านี่จะเป็นศึกสุดท้ายที่จะมาทำศึกด้วยตนเอง

ปีรัชศกเจินกวนที่สิบเก้า เดือนเก้า กองทัพต้าถังตีเมืองหลวงของเกาโกวหลีได้ จ่างซุนอู๋จี้โดนกล่าวหาว่าสมคบข้าศึกเป็นคนบงการให้สังหารองค์รัชทายาท อู๋อ๋องร้อนตัวเร่งแผนการให้เร็วขึ้น

ฮ่องเต้รับสั่งให้จัดงานฉลองวันคล้ายวันเกิดหลี่ไท่ในวังหลวงโดยเลี้ยงฉลองชัยด้วย วันนั้นทั้งหลี่ไท่และฮ่องเต้ต่างมีแผนการของตัวเอง

ฮ่องเต้อยากรู้ว่าใครที่กล้าคิดการใหญ่ ส่วนหลี่ไท่ก็จะกำจัดเบี้ยตัวสุดท้ายทิ้งไป ระหว่างนั้นมีเหตุการณ์ที่จ่างซุนซีแอบมาขอพบหลี่ไท่เพื่อบอกว่าคนบงการเบื้องหลังทั้งหมดคืออู๋อ๋อง หลี่เค่อ ทั้งมีหลักฐาน ขอเพียงไม่ทำร้ายสกุลจ่างซุน หลี่ไท่ไม่ได้รับปาก จ่างซุนซียังไม่ยอมรับว่าเพราะอะไรตัวเองถึงแพ้อี๋อวี้ ในที่สุดก็รู้จนได้

วันเกิดหลี่ไท่อี๋อวี้ทำเส้นหมี่อายุยืนให้หลี่ไท่ และตอนเย็นก็ไปงานเลี้ยงในวัง อี๋อวี้ถูกกันตัวออกไประหว่างงานเลี้ยง หลี่เค่อเผยโฉมทั้งไม่รู้เรื่องเลยว่าคนที่ฮ่องเต้ไม่รักมากที่สุดคือหลี่ไท่ สุดท้ายก็พ่ายแพ้ไปเพราะผู้ที่รู้เรื่องอยู่แล้วคือหลี่ไท่และฮ่องเต้เตรียมการดีกว่าตัวเองมาก

หลี่ไท่หาอี๋อวี้ไม่เจอ มาพบฮ่องเต้ ให้คืนคนให้ ฮ่องเต้ เล่าความในใจทั้งหมดให้ฟัง สุดท้ายขอสัญญาสามข้อ ข้อสุดท้ายคือไม่ให้แต่งตั้งอี๋อวี้เพราะฮ่องเต้รู้ว่าอี๋อวี้มีเชื้อสายป้อมปราสาทแดง แต่หลี่ไท่ก็ยังยืนกรานคำเดิม ฮ่องเต้จึงเปลี่ยนข้อแม้ข้อสุดท้ายก่อนที่จะสละบัลลังก์ให้หลี่ไท่

ด้านอี๋อวี้ ถูกพามาที่หอขุยซิง ด้วยการจัดการของหลี่ไท่ที่รู้ล่วงหน้าว่าฮ่องเต้ต้องใช้เรื่องนี้มาต่อรองกับตัวเอง แต่หลี่ไท่ที่มั่นใจทุกเรื่องกลับมีเรื่องหนึ่งที่ทนไม่ได้คือกลัวว่าอี๋อวี้ยังไม่เชื่อใจตัวเองทั้งหมด เรื่องนี้ต้องให้ออกจากปากหลูจื้อจึงจะพิสูจน์ได้

อี๋อวี้ที่ในชีวิตนี้ยามเดินผ่านเส้นทางการช่วงชิงอำนาจอันขรุขระสายนี้ไม่ได้มีเพียงความรักต่อบุรุษผู้หนึ่ง ยังมีความฝังใจต่อบุรุษอีกผู้หนึ่ง

สิบปีที่ถูกจองจำในห้องใต้ดิน ในที่สุดอี๋อวี้ก็ได้พบพี่ใหญ่อีกครา หลูจื้อบอกว่าหอขุยซิงเอาไว้เพื่อการกำจัดป้อมปราสาทแดงโดยเฉพาะ ฮ่องเต้มีความฝังใจเรื่องนี้อย่างมาก ที่เลือกหลูจื้อเพราะรู้ความเป็นมาของหลูจื้อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับป้อมปราสาทแดง แต่ไม่ละเอียดถึงขั้นรู้ว่าอี๋อวี้ก็คือธิดาเผ่าเบญจธาตุ หลูจื้อขอให้อี๋อวี้ไปป้อมปราสาทแดงกับตัวเองเพราะความเป็นธิดาเผ่าเบญจธาตุที่เมื่ออายุสิบสามก็จะกลายเป็นผู้มีกายห้าธาตุ แต่ทุกสิบปีต้องแช่ตัวในบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ไม่งั้นจะต้องตาย อี๋อวี้จะมีอายุครบยี่สิบสามจึงต้องไปที่เขาปี้ฝู หลูจื้อให้อี๋อวี้ไปตัดสินใจ

อี๋อวี้กลับมาพร้อมหลี่ไท่ และตัดสินใจ ในวันนัดหมายอี๋อวี้ไปส่งหลูจื้อ พอหลี่ไท่รู้ว่าอี๋อวี้ไปคนเดียวพร้อมทั้งห่อของมีค่าก็คิดว่าอี๋อวี้จะติดตามหลูจื้อไป ที่จริงคืออี๋อวี้ไปส่งเท่านั้น บอกว่าไม่ว่ายังไงก็จะอยู่กับหลี่ไท่ตลอดไป ยังไงหลูจื้อก็ต้องไปเพราะยังมีเสี่ยวอวี่เตี่ยนอีกคนที่จะอายุสิบสามในไม่ช้า

ปลายเดือนสิบเอ็ด กรมโยธาลงมือซ่อมแซมพระราชวังต้าหมิง

ปีรัชศกเจินกวนที่ยี่สิบ อู๋อ๋องหลี่เค่อถูกปลดเป็นสามัญชน เนรเทศไปซูโจว จ่างซุนอู๋จี้ถูกพักงานครึ่งปีเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ราชการทางทหาร

หลังเทศกาลซั่งหยวน แคว้นไป่จี้ แคว้นซินหลัว และแคว้นทูเจวี๋ยตะวันตกส่งทูตมาเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน ฮ่องเต้ไท่จงปฏิเสธแคว้นไป่จี้และซินหลัว

เดือนสอง วันที่สาม ฮ่องเต้ไท่จงสละราชบัลลังก์ ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรมเป็นเวลายี่สิบปี

วันที่สี่องค์รัชทายาทรับมอบพระราชลัญจกรเพื่อสืบทอดราชบัลลังก์ ผลัดใส่เสื้อคลุมมังกร แปรพระราชฐานเข้าสู่วังต้าหมิง จัดพระราชพิธีราชาภิเษกไปเป็นเดือนหก

เดือนสองห้าวันต่อมาอี๋อวี้ให้กำเนิดพระโอรสแฝด ช่วงเวลาคลอดเหมือนก้าวผ่านความเป็นตาย ทั้งยังได้ยินบทสวดมนต์ แต่ก็ผ่านมาได้

เดือนหกหลี่ไท่และอี๋อวี้ที่สวมชุดฮุยก้าวไปด้วยกันในพระราชพิธีราชาภิเษก

ตอนพิเศษ

เป็นตอนของหลูจื้อ สามารถรู้ได้ว่าสุดท้ายแล้วทุกสิ่งที่ทำมาหลูจื้อทำเพื่ออะไร และใคร หลูจื้อรักใครที่สุดก็รู้ในตอนนี้นี่เอง

เมื่อหลี่ไท่ครองราชย์มาเก้าปีแล้ว ได้เกิดเหตุการณ์ตัวเองแอบปรุงยาอายุวัฒนะ และเป็นผลให้อี๋อวี้เมื่อรู้ก็ไม่ยอมให้กิน และได้รับพิษเองจนตาบอด ตอนนี้จึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาเหยาฮ่วงให้มารักษา การเดินทางครั้งนี้เป็นความลับ หลี่ไท่แอบพาอี๋อวี้ออกมา และรู้ว่าอี๋อวี้รักเสี่ยวอวี่เตี่ยวมากจนยอมพามาด้วย โดยทิ้งพระโอรสสี่คนไว้ในวัง

เหยาฮ่วงตอนนี้รับศิษย์แล้วก็คือเสิ่นฮวน บุตรชายของเสิ่นเจี้ยนถังกับเซียวถิง เพราะอาเซิงเอาจดหมายของเหยาฮ่วงไปส่งแต่เสิ่นฮวนไม่แน่ใจ คิดว่าอาจารย์นิสัยประหลาดน่าจะถูกคนจับไปแน่นอน เป็นเหตุให้ใช้วิชาตัวเบาตามไป และได้เจอเหตุการณ์คนลักพาตัวเสี่ยวอวี่เตี่ยน ในฐานะวีรบุรุษต้องผดุงคุณธรรมตามที่ท่านแม่สอน จริงโดนจับไปด้วย การเดินทางขององค์หญิงและจอมยุทธ์เริ่มขึ้น เสี่ยวอวี่เตี่ยนยังอยากตามหาท่านลุงอยู่นะ

หลังอ่านเล่ม 15 :

เป็นเล่มจบที่คลี่คลายปมที่นักเขียนเปิดเอาไว้ทั้งหมด ตอนพิเศษยังทำให้รู้เรื่องของหลูจื้อว่าเพราะอะไร ทำไม ส่วนตอนที่สองนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ทำเอาคนอ่านจินตนาการตามแทบไม่ทัน สรุปคืออยากอ่านเรื่องของจอมยุทธ์กับเสี่ยวอวี่เตี่ยนเลยค่ะ มีภาคต่อไหม อยากรู้มากๆๆๆๆ สิบห้าเล่ม เป็นอะไรที่อิ่มเอมใจมากค่ะ ความรักระหว่างหลี่ไท่และอี๋อวี้ ความรักครอบครัวของอี๋อวี้ และการที่อี๋อวี้ร่วมฟันฝ่ามากับหลี่ไท่ได้เห็นบทสรุปหลี่ไท่ตั้งเป้าหมายไว้ และได้มาคุ้มค่ากับการอ่านมากจริงๆค่ะ


 เล่ม 10-15 :

เมื่อแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ ก็ต้องเริ่มเข้าสู่การชิงอำนาจ หลี่ไท่ที่วางตัวอี๋อวี้เอาไว้ เพราะกลัวอี๋อวี้บาดเจ็บเหมือนตอนเขาต้าหมั่งแต่อี๋อวี้ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะความช่างคิด ฉลาดและดื้อ ดันทุรัง ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านแต่กลับเป็นการสร้างฐานอำนาจและบุญคุณเอาไว้ชั้นหนึ่ง ทุกเรื่องต้องใช้ทางเสี่ยงแต่เพื่อหลี่ไท่นางล้วนยอมทำ ทำให้หลี่ไท่ได้ในสิ่งที่วางเป้าหมายเอาไว้เร็วขึ้นกว่าที่คิดในทุกๆเรื่อง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันโดยแท้



สรุปทั้ง 15 เล่ม :

เล่ม 1-5 :

อี๋อวี้ย้อนเวลามายุคถังที่ไม่ใช่ราชวงศ์ถังแบบที่รู้มาในประวัติศาสตร์ แต่เป็นมิติคู่ขนาน เรื่องราวต่างๆไม่เหมือนในประวัติศาสตร์ ย้อนมาตอนอายุสี่ขวบก่อนหน้านั้นยังเป็นเด็กปัญญาอ่อนแต่พอนางมาเข้าร่างก็เป็นเด็กฉลาดรู้ความยิ่งกว่าในชาติเดิมที่เป็นเด็กกำพร้า

ชีวิตช่วงแรกคือบรรยายถึงวิถีชีวิตที่ยากลำบากที่เริ่มต้น แต่ทุกคนในครอบครัวก็มีความสุขดี ในความรู้สึกของอี๋อวี้ที่ไม่เคยมีครอบครัว

พี่ใหญ่ หลูจื้อ เป็นคนเจ้าความคิด ชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก

พี่รอง หลูจวิ้น นิสัยซื่อ ชอบฝึกยุทธ์ กำลังมาก พลังงานล้นเหลือ

อี๋อวี้ ฉลาด ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก เรียนรู้ไว เป็นที่รักของครอบครัว

หลูซื่อ มาอยู่หมู่บ้านเค่าซานในฐานะแม่ม่าย สามีเสียชีวิต

จากชีวิตชนบท เพราะหลูจื้อที่ฉลาดเข้ามาสอบในฉางอัน เรื่องราวจากชนบทจึงเปลี่ยนไปเพราะการเข้ามาในเมืองหลวงของหลูจื้อ หลูจวิ้น ทำให้หลูซื่อโดนนายอำเภอเล็กหมายตา โดนเพื่อนบ้านให้ร้าย ดีที่ได้คุณชายฉางช่วยเอาไว้ เรื่องราวเดินทางมาเมืองหลวง อี๋อวี้ หลูซื่อยังต้องทำงานหาเงิน จนอี๋อวี้ได้เข้าสำนักศึกษาหลวง ต้องช่วงชิงในสำนักศึกษาที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ต้องใช้ความสามารถของตัวเอง แต่เพราะในที่สุดก็ได้รู้ว่าคุณชายฉางคือองค์ชายสี่หลี่ไท่ เว่ยอ๋อง เรื่องราวต่างๆยังต้องพาให้ทั้งสองมาพบกันเจอกัน เล่มห้าจะจบตอนที่ประชันศาสตร์ห้าสำนักได้รับชัยชนะ และมีคดีแย่งชิงทายาทตระกูลหลูและตระกูลฝาง

เล่ม 6-10 :

เกิดเรื่องราวมากมายหลังจากคดีชิงทายาทที่ตอนหลังถึงรู้ว่าฮ่องเต้รู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่หนีรอดพ้นพระเนตรพระกรรณได้ เมื่อหลูจื้อแก้แค้นเสร็จ ค่าตอบแทนคือคดีฆ่าคนตาย จองจำในคุก และความตาย อี๋อวี้หาทางล้างแค้น เมื่อไม่เหลือใครที่พึ่งสุดท้ายก็คือหลี่ไท่ เป็นช่วงที่หลี่ไท่รู้ตัวแล้วว่าอะไรคือความรัก จากท่านอ๋องที่ไม่รู้สึก ไม่มีอารมณ์กับอะไร เมื่อเป็นเรื่องของอี๋อวี้ตัวเองก็จะวางแผนเป็นขั้นเพื่อฝึกให้นางแข็งแกร่งขึ้น เป็นการเดินทางไปหาสมุนไพร เรื่องราวของหลี่ไท่เปิดเผย และในเล่มสิบคือพิธีแต่งงานที่หลี่ไท่รอคอย

เล่ม 11-15 :

เมื่อแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ ก็ต้องเริ่มเข้าสู่การชิงอำนาจ หลี่ไท่ที่วางตัวอี๋อวี้เอาไว้ เพราะกลัวอี๋อวี้บาดเจ็บเหมือนตอนเขาต้าหมั่งแต่อี๋อวี้ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะความช่างคิด ฉลาดและดื้อ ดันทุรัง ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านแต่กลับเป็นการสร้างฐานอำนาจและบุญคุณเอาไว้ชั้นหนึ่ง ทุกเรื่องต้องใช้ทางเสี่ยงแต่เพื่อหลี่ไท่นางล้วนยอมทำ ทำให้หลี่ไท่ได้ในสิ่งที่วางเป้าหมายเอาไว้เร็วขึ้นกว่าที่คิดในทุกๆเรื่อง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันโดยแท้ และหลี่ไท่ทุกสิ่งที่อยากได้ ต้องหาทางเอามาด้วยตัวเองเท่านั้น ทั้งสองคนเข้าใจนิสัยของกันและกันอย่างแท้จริง

หลังอ่าน :

เรื่องราวการเจริญเติบโตของตัวละคร ความรัก ความลับต่างๆ ความเข้าอกเข้าใจ มีในเรื่องนี้ เป็นนิยายรักที่ตัวละครรักกันมากเรื่องหนึ่ง ที่ความรักชนะอุปสรรคได้ในที่สุด ทุกตัวละครมีเหตุผลในตัวของมันเอง สามารถอธิบายได้ในท้ายที่สุด ทุกเล่มมีปมในตอนและสนุกชวนติดตามแบบอ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆค่ะ สิบห้าเล่มไม่คิดว่าสั้นแต่อ่านจบได้อย่างแน่นอน เพราะลุ้นไปกับทุกตอนจริงๆค่ะ

-22/9/63-