Tuesday, December 29, 2020

ตำนานรักอสูรร้าย (2 เล่มจบแพ็คคู่) #แปลจีนโบราณ #สัตว์อสูร #แดนอสูร #อสูรบรรพกาล #เทาเที่ย #เถาอู้ #ฮุ่นตุ้น #ฉยงฉี

 Review 42/2563

เรื่อง : ตำนานรักอสูรร้าย (2 เล่มจบแพ็คคู่) #แปลจีนโบราณ #สัตว์อสูร #แดนอสูร #อสูรบรรพกาล #เทาเที่ย #เถาอู้ #ฮุ่นตุ้น #ฉยงฉี

ผู้แต่ง : เอ๋อเหมย

ผู้แปล : ถิงถิง

ภาพประกอบปก : Yi Chui Wu Yue

สำนักพิมพ์ : มากกว่ารัก (แจ่มใส)

พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2562




โปรยปกหลัง :

เมื่อเหล่าอสูรร้ายแห่งบรรพกาลผู้ถนัดแต่การใช้กำลัง ถึงคราวถูกกำราบให้หมอบราบอยู่แทบเท้าเหล่าปีศาจสาว

 

บุปผาพิษโฉมสะคราญ

"ซิน ซิน" ปีศาจบุปผาแห้งเหี่ยวจอมเจื้อยแจ้ว

กลายเป็นดอกไม้โปรดที่ "เจี๋ยผาน" ราชาอสูรเถาอู้คอยเลี้ยงดู

แต่ไม่รู้ว่าต้อง "ขุน" นางอีกนานเท่าไร

กว่าที่นางจะบานสะพรั่งพอให้เขาแตะต้องได้สมใจ!

 

ปีศาจสาวยอดดวงใจ

"ตี้เจียง" ราชาอสูรอุ่นตุ้นจอมเกียจคร้าน

ผู้ที่รับดูแล "เป้ยเชี่ยนเชี่ยน" ปีศาจหอยมุกม่วงอย่างไม่เต็มใจ

พอนางฟื้นขึ้นมาก็หาว่าเขาซกมก! เห็นแก่ที่นางทำอาหารอร่อย

นางจะ "ทำความสะอาดร่างกาย" เขาอย่างไรก็เชิญ!

 

กิ่งหลิวสยบมาร

เมื่อ "ซื่อเอ้อ" อสูรบรรพกาลยงฉีได้รับบาดเจ็บ

จนต้องหนีมารักษาอาการยังแดนมนุษย์

ที่นั่นเขาพบ "หลิ่วซั่นซั่น" กิ่งหลิวในแดนพุทธ

ขอเพียงเขาได้กินนาง ร่างกายก็จะฟื้นฟูพลังคืนมาได้รวดเร็ว

ทว่าจากที่อยากกินนางลงท้องจนน้ำลายสอ

ไม่รู้เหตุใดจึงกลายเป็นอยาก "กิน" อย่างอื่นแทนเสียได้เล่า!



เล่ม 1 :

1 บุปผาพิษโฉมสะคราญ:

ซินซินฟื้นจากนิทราอันยาวนาน ไม่ค่อยรู้เรื่องในแดนอสูรมากนัก เห็นเพียงเบื้องหน้ามีหินผลึกสีเขียวใส ที่คนผู้หนึ่งบีบไว้ในมือแน่น คนผู้นั้นความจริงเป็นปีศาจทั้งยังร้ายกาจมากๆ แต่ตอนนี้ซินซินขอดูดพลังจากหินก้อนนี้ก่อนเถอะ

สามวันให้หลังเจี๋ยผานฟื้นขึ้นมาหินมู่หยวนที่กำไว้ในมือหายไป ที่ใกล้ๆเห็นเพียงดอกไม้ผอมแห้ง แต่กลับไม่กลัวตัวเองสักนิด แม้จะบอกว่าตัวเองคือ เถาอู้ สี่อสูรร้ายเทพบรรพกาล ซินซินก็บอกว่าตัวเองคือดอกมั่นถัวหลัวฝันร้าย เทพบุปผาแดนยมโลกแต่ละคนไม่เคยได้ยินชื่อของอีกฝ่ายมากก่อน ไม่มีใครกลัวใคร ซินซินใช้กลิ่นของตัวเองล่อลวงให้เจี๋ยผานพาไปยังที่พักเพื่อจะได้อาศัยหินเขียวใส โดยที่เจี๋ยผานไม่รู้ตัวเลยสักนิด เจี๋ยผานที่เป็นคนใจร้อนก็ยอมและไม่คิดอะไรมาก

เวลาผ่านไปร้อยปี ซินซินอยู่กับเจี๋ยผานมาตลอด จนมีครั้งหนึ่งที่เจี๋ยผานพาซินซินไปเที่ยวตลาด และได้ชิมเหล้า ซินซินที่ชอบฟังนิทานเรื่องเล่า อ่านนิทานของโลกมนุษย์ชอบทำตามอย่างไปหมด อยากลองเหล้า พอลองก็เมาแล้วก็เอาร่างมนุษย์ออกมา เจี๋ยผานเห็นเข้าถึงรู้ว่าซินซินงดงามมากจนอยากจับกิน แต่คิดว่ายังเป็นแค่สาวน้อยสิบห้าสิบหก ต้องเลี้ยงให้โตกว่านี้เลยคิดว่าจะพาไปกินมื้อใหญ่ที่ถ้ำของเยี่ยนเสวียนเทาเที่ยที่ถ้ำฟ้าดินโกลาหล เยี่ยนเสวียนไม่อยู่อยู่ก็แต่อวี้โหรวโหรวกระต่ายหลงทางที่ชอบปลูกต้นไม้ สมุนไพร และไม่กลัวเจี๋ยผานและมองซินซินออกเพียงผู้เดียวในแดนอสูร อวี้โหรวโหรวเป็นเพื่อนกับซินซินทันที เยี่ยนเสวียนรีบกลับมาจากโลกมนุษย์ที่ไปทำธุระเรื่องของเสี่ยวฮุยเพื่อมาพบเจี๋ยผาน เจี๋ยผานถึงขั้นขุดหินแร่ผลึกหมดถ้ำฟ้าดินโกลาหล เรียกว่าปล้นบ้านกันเลยทีเดียว

ซินซินออกจากดอกไม้มากขึ้น เรื่อยๆ จนเจี๋ยผานคิดว่าถึงเวลาจับกินได้แล้ว แต่เพราะได้เห็นดอกโบตั๋นและคิดถึงเรื่องในอดีตทำให้เจี๋ยผานหึงทั้งสองทะเลาะกัน ซินซินหนีเข้าไปในดอกไม้และไม่พูดจา สุดท้ายเจี๋ยผานต้องได้รับการช่วยเหลือจากอวี้โหรวโหรว และคำแนะนำ หลังพูดคุยกัน ซินซินก็ยอมตกลงแต่งงานกับเจี๋ยผานเป็นเรื่องที่ดีใจมาก

ดอกไม้พิษน้อยกลายเป็นภรรยาไปแล้ว แต่เรื่องราวไม่จบแค่นี้เพราะเถาอู้มีศัตรูอยู่มากมาย มีคนจ้องเล่นงานตลอดตอนนี้เป้าหมายอยู่ที่ซินซิน พอเจี๋ยผานไม่อยู่ต้องไปปลดปล่อยพลังให้ซินซินอยู่ในถ้ำคนเดียว ก็โดนหลอกเอาตัวไปให้ฉยงฉีเพื่อจะได้ให้สู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ซื่อเอ้อฉยงฉีรู้แผนการ แต่เพราะเป็นคนเจ้าเล่ห์ก็ยอมเล่นตามน้ำเพื่อจะได้รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลง

เจี๋ยผานมาตามซินซินจนได้รับบาดเจ็บ กว่าซินซินจะตื่นเพราะหยดเลือดของเจี๋ยผานก็โดนเหล่าอสูรล้อมเอาไว้เป็นล้านตัว เมื่อไม่มีทางเลือกซินซินตัดสินใจเบ่งบานเพื่อช่วยเจี๋ยผานก่อนที่จะหลับไปยาวนานนับพันปี เมื่อพญาบุปผามารเบ่งบานก็ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้ ฉยงฉีซื่อเอ้อหนีไปได้ทัน เทพอสูรทั้งสี่และกิเลนเทพบาดเจ็บแต่หนีไปได้ ส่วนอสูรอื่นๆตายอนาถในทุ่งสังหาร หนึ่งพันปีผ่านไป ซินซินตื่นขึ้นอีกครั้ง มีเจี๋ยผานเฝ้าอยู่แต่คราวนี้ร่างมนุษย์กลับยิ่งเป็นเด็กกว่าเดิม ราวเจ็ดแปดปี ต้องเลี้ยงดูอีกหลายร้อยปีที่เดียวกว่าจะโต

 

2 ปีศาจสาวยอดดวงใจ :

เยี่ยนเสวียนเทาเที่ยเอาของขวัญมามอบให้อสูรร้ายบรรพกาลฮุ่นตุ้น ตี้เจียง เพราะตอนสู้กันระหว่างเถาอู้ ฉยงฉีและฮุ่นตุ้นก่อนหน้านี้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ และได้รู้แจ้งระหว่างบำเพ็ญทำให้เก็บตัวบำเพ็ญหลายร้อยปี ออกจากการบำเพ็ญจะไปหาศัตรูจัดการ ก็ผ่านเหตุการณ์นองเลือดไปแล้ว เถาอู้เก็บตัว ฉยงฉีได้รับบาดเจ็บหายไปจากแดนอสูร ตอนนี้เป็นช่วงไม่มีคู่ต่อสู้อย่างแท้จริง เยี่ยนเสวียนรู้ว่าตี้เจียงไม่มีคู่ต่อสู้เลยนำคู่ต่อสู้มาให้คือราชาปีศาจมารม่วง ร่างจริงคือหอยมุกยักษ์แต่ตี้เจียงไม่มีความเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย แถมไล่ให้เยี่ยนเสวียนรีบกลับไป

ตี้เจียงหลับยาวไปสามปีตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นอายสดชื่น จากหอยทะเลที่ทิ้งเอาไว้ ปีศาจสาวน้อยตื่นขึ้นมาอย่างแรกที่บอกคือเหม็นจัง เพราะปราณฮุ่นตุ้นรอบกายฮุ่นตุ้นนั้นเอง นางคือเป้ยเชี่ยนเชี่ยนผู้รักระเบียบวินัย มาเจอเข้ากับตี้เจียงที่แสนจะขี้เกียจและสกปรก

สุดท้ายทั้งสองตกลงกันได้ เป้ยเชี่ยนเชี่ยนดูแลในบ้าน ทำอาหารให้กิน และใช้ให้ตี้เจียงออกไปหาอะไรข้างนอก ตัวเองคอยจัดการทุกอย่างในบ้าน เก็บปราณฮุ่นตุ้นไปรักษาอาการบาดเจ็บของลูกน้อง

จนเป้ยเชี่ยนเชี่ยนหายดีก็จะไปจัดการกับมังกรบูรพา ตี้เจียงจะตามไปด้วย สุดท้ายต้องขอร้องให้เยี่ยนเสวียนกับอวี้โหรวโหรวมาที่ถ้ำเพื่อคอยดูแลแทนถึงจะวางใจไปได้

หลังอ่านเล่ม 1 :

อสูรบรรพกาลมีแต่เยี่ยนเสวียนที่มีคู่ ตอนที่หนึ่งเป็นตอนของเถาอู้ ตอนที่สองเป็นตอนของฮุ่นตุ้น แต่ละตอนมีความฮาแตกต่างกัน มาดูกันต่อไปว่า ตี้เจียงจะมีคู่หรือไม่

ตลก และฮามาก สมกับเป็นเอ๋อเหมยเลยค่ะ 


เล่ม 2 :

2 ปีศาจสาวยอดดวงใจ (ต่อ) :

ทั้งสองออกเดินทางจากเขาทังกู่ ยังแวะที่เมืองชิงซวง เขตปกครองของกิเลนเทพและได้พบกับฉิวหนิว เป้ยเชี่ยนเชี่ยนได้รับคำเตือนเรื่องหยาจื้อตามหานาง ตี้เจียงถามว่าหยาจื้อเป็นอะไรกับเจ้า เป้ยเชี่ยนเชี่ยนตอบว่าเป็นศัตรู ฉิวหนิวได้ฟังก็ได้แต่เสียดายแทนหยาจื้อ และรู้สึกว่าตี้เจียงโชคดีที่เป้ยเชี่ยนเชี่ยนสนิทสนม สนใจตัวเองขนาดนี้

ตี้เจียงหงุดหงิดที่เป้ยเชี่ยนเชี่ยนเอาแต่ชื่นขมเสียงพิณของฉิวหนิว เลยร้องเพลงให้ฟังซะเลย แล้วตี้เจียงก็เพิ่งจะรู้สึกว่าปีศาจสาวน้อยน่ากินเหมือนกัน เลยเริ่มวางแผนเข้าใกล้ลวนลามจากจูบ กอด ซึ่งเป้ยเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่รังเกียจกลิ่นของตี้เจียงเหมือนตอนแรก ทั้งยังสบายใจอีกต่างหาก

พอถึงทะเลบูรพา เป้ยเชี่ยนเชี่ยนก็ยอมให้ตี้เจียงเข้ามาในหอยมุกร่างจริงของตัวเอง สร้างความดีใจให้ตี้เจียงที่สุด ทั้งยังเตรียมที่นอนที่เหมือนเขาทังกู่อีกด้วย

เป้ยเชี่ยนเชี่ยนถูกหยวนหลัน ซึ่งที่จริงคือหยวนชิงกับเอ๋าลี่ร่วมมือกันหลอกดีที่ได้เสี่ยวซือเตือนจึงไม่ไปติดกับแผนที่ทั้งสองวางเอาไว้ ที่จะให้หยาจื้อกับปี้อั้นบุตรของบรรพบุรุษมังกรโบราณเหมือนฉิวหนิวและเทาเที่ย แต่ทั้งสองคนนี้ชอบเป้ยเชี่ยนเชี่ยนมาเป็นหมื่นปีก็ยังตามตื้ออยู่ตลอด เป้ยเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่เคยสนใจ แถมเห็นเป็นศัตรูอีกด้วย คราวนี้เป้ยเชี่ยนเชี่ยนวางแผนเหมือนเดิมแต่ตี้เจียงทนไม่ไหว ทำให้ผิดแผนและออกมาสู้กับหยาจื้อ และไม่ยอมเลิกรา จนต้องให้เป้ยเชี่ยนเชี่ยนพาหนีออกมาตั้งหลักก่อน ทั้งยังอ้อนว่าเจ็บแผลอีกนะ เป้ยเชี่ยนเชี่ยนก็เชื่อด้วย แถมยังเรียกเป้ยเชี่ยนเชี่ยนต่อหน้าหยาจื้อว่าปีศาจสาวน้อย ทั้งยังจูบโชว์แสดงความเป็นเจ้าของอีกด้วย เป้ยเชี่ยนเชี่ยนดันยอมอีก ฮ่าๆๆๆ

ตี้เจียงใช้การออดอ้อนทำเป็นอ่อนแอ ให้เป้ยเชี่ยนเชี่ยนดูแล เพราะนางก็ติดนิสัยดูแลอสูรขี้เกียจมาหลายปีจนเคยชิน ทั้งยังบอกว่าจะร้องเพลงให้ฟังคนเดียว และก็ขอแต่งงาน ในที่สุดเป้ยเชี่ยนเชี่ยนก็ยอม ตี้เจียงถึงขนาดคายไข่มุกฮุ่นตุ้นออกมาให้เป้ยเชี่ยนเชี่ยนเก็บรักษา เมื่อมีไข่มุกเป้ยเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่เป็นอะไร จะทำอะไรตี้เจียงจะทำแทน แค่รออยู่อย่างปลอดภัยก็พอแล้วความคิดของตี้เจียง

เป้ยเชี่ยนเชี่ยนวางแผนจะเอามุกอสูรของหยวนหลันคืนมา เพื่อนางจะได้มาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง หยาจื้อก็รู้ดี วางแผนล่อให้เป้นเชี่ยนเชี่ยนมาติดกับ โดยร่วมมือกับปี้อั้นแล้วค่อยไปแข่งกันต่อในแดนสวรรค์

เป้ยเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้บุกมาอย่างที่คิดแต่แฝงตัวเข้ามา และก็โดนทรายปีศาจสมุทรจนบาดเจ็บ ตี้เจียงเลยไม่ทำตามแผนจะระเบิดตัวกำจัดทั้งหยาจื้อและปี้อั้นไปซะเลย เป้ยเชี่ยนเชี่ยนขอร้อง ฉิวหนิวและเยี่ยนเสวียนที่คาดไว้แล้วถึงความดื้อของตี้เจียงก็มาทันเวลาพอดี เป้ยเชี่ยนเชี่ยนบอกให้ตี้เจียงมีชีวิตอยู่เรื่องถึงจบลงได้

ทะเลบูรพากลับมาสงบอีกครั้ง ตี้เจียงก็อยู่กับเป้ยเชี่ยนเชี่ยนอย่างมีความสุข

3. กิ่งหลิวสยบมาร

หลิ่วซั่นซั่นและคนในครอบครัวท่านลุง ถูกจับมาอยู่ในคุกโทษฐานเข้าร่วมองค์ชายรองก่อกบฏ แต่เรื่องนี้หลิ่วซั่นซั่นที่ชาติก่อนนางเคยเป็นต้นหลิวนอกตำหนักพระโพธิสัตว์ในแดนพุทธเกษตร แล้วถูกพระโพธิสัตว์เด็ดกิ่งมาเสียบแจกันหยก ได้รับน้ำอมฤตในแจกัน จนมีพลังพิเศษ ท้ายสุดมีอาคมกลายร่างเป็นมนุษย์และบรรลุเป็นเซียน แต่หลังบำเพ็ญตนมาหมื่นปีก็ไม่สามารถก้าวหน้าไปกว่านี้ได้ พระโพธิสัตว์บอกว่าต้องลงมาฝึกตนที่แดนมนุษย์ เป็นหนทางของการก้าวสู่การหลุดพ้น ของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ตอนนี้นางก็มาเกิดได้เก้าชาติแล้ว ความสามารถเดียวที่ยังอยู่คือการดูปราณ หลิ่วซั่นซั่นเห็นชะตาของท่านลุงอยู่ได้อีกสองปี ทำไมถึงเป็นตอนนี้

และไม่นานก็มีผู้คุมคุกเรียกตัวหลิ่วซั่นซั่นออกไป หาสือเอ้อ หรือชื่อจริงก็คือซื่อเอ้อ อสูรร้ายบรรพกาลฉยงฉี ที่หนีซินซินมาจากแดนอสูรในตอนนั้นแล้วได้รับการช่วยเหลือจากหลิวซั่นซั่นนี่เอง ตอนนี้ซื่อเอ้อที่ตามหาหลิวซั่นซั่นมาสามปี มีความอยากกินหลิวซั่นซั่นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง และเพื่อเป็นของบำรุงชั้นยอดเพิ่มตบะได้รวดเร็วจนรุดหน้าเถาอู้ ฮุ่นตุ้น เทาเที่ย ตอนนี้ซื่อเอ้ออยู่ในร่างมนุษย์ของสืออวิ้น อันกั๋วโหวคนปัจจุบัน ที่มีอิทธิพลในเมืองหลวงที่สุด ต่างกับสามปีก่อนนอกจากปราณแล้วไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เพราะเมื่อแรกมาถึงซื่อเอ้อบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้าร่างขอทานขาเป๋ที่ตายไปแล้วพอดี ดีที่ได้หลิ่วซั่นซั่นกับอาจารย์ช่วยเอาไว้ ตัวเองนึกว่าจะอยู่กับซั่นซั่นไปตลอด แต่ซั่นซั่นกับหายตัวไป

ตอนนี้ตามหาตัวพบแล้วในแดนมนุษย์ ที่มีมนุษย์มากมาย หลิ่วซั่นซั่นที่เป็นของศักดิ์สิทธิ์แดนพุทธมาบำเพ็ญเพื่อบรรลุ และสะสมความดีเพื่อดวงวิญญาณหนึ่ง ที่เคยสละชีพเพื่อช่วยเหลือตัวเอง หลิ่วซั่นซั่นถูกซื่อเอ้อดูออกว่าไร้หัวใจ ไม่มีเจ็ดอารมณ์ ไร้รัก ไร้โกรธ เลยทำให้ไม่อาจบรรลุได้ อาจารย์ของซั่นซั่นดูออกว่าซื่อเอ้ออาจทำให้ซั่นซั่นมีความรู้สึก แต่เพราะผ่านโลกและเห็นมามากทำให้รู้ว่าระแวงซื่อเอ้อ

ซื่อเอ้อขอสัญญากับหลิ่วซั่นซั่นว่าให้อยู่ด้วยกันสิบปีแล้วตัวเองจะไม่ฆ่าคนเลย ซั่นซั่นเลยรับปาก และตัวเองก็พูดอยู่ตลอดว่าจะกินซั่นซั่น แต่ความรู้สึกก็ไม่เหมือนทั่วไป พอซื่อเอ้อได้แต่งงานกับซั่นซั่นหลังจากอยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีตัวเองก็คิดได้ว่าอยากให้ซั่นซั่นอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่คิดกินอีก และร่วมหอกับซั่นซั่น แต่ซั่นซั่นยังคงคิดอยู่ตลอดเวลาว่าผ่านไปสิบปีก็ยังคิดจะกินตัวเองในท้ายที่สุด

สิบปีผ่านไป ซื่อเอ้อต้องไปเอาร่างแบ่งของตัวเองที่แยกเอาไว้ ให้ซั่นซั่นสัญญาว่าจะอยู่รอ พอซื่อเอ้อไป ซั่นซั่นได้พบกับเจี๋ยผานที่พาซินซินมาเที่ยวแดนมนุษย์ ซินซินจำซั่นซั่นได้ว่าคืออวี้เอ่อร์ของหมิ่นเยวี่ยสหายที่ส่งซินซินจากยมโลกไปยังแดนอสูร พอซินซินพูด ซั่นซั่นก็พอจำเรื่องราวได้ ในที่สุดก็ตามซินซินและเจี๋ยผานไปยมโลกเพื่อรวบรวมวิญญาณของหมิ่นเยวี่ยอีกครั้งเพื่อให้ได้ไปเกิดใหม่

ซื่อเอ้อกลับมาเห็นแต่ร่างที่ไร้วิญญาณ ดีที่ตามมายมโลกได้ และทั้งสองก็ปรับความเข้าใจกัน และรวบรวมวิญญาณของหมิ่นเยวี่ย ตอนส่งวิญญาณครั้งสุดท้ายทั้งซั่นซั่นและซินซินก็มาส่งด้วย ทั้งสองก็เป็นสหายสนิทกันไป และกลับแดนอสูรกันได้แล้ว เพราะภาระสุดท้ายได้ปลดลง

หลังอ่านเล่ม 2  :

เรื่องสั้นความรักทั้งสามเรื่องของอสูรบรรพกาลที่ผูกโยงเข้าด้วยกัน เมื่ออ่านจบจะได้เป็นเรื่องหลักเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวพัน ต่อเนื่องกันไป เพราะทั้งหมดคือสี่อสูรร้ายบรรพกาลแดนอสูร เรื่องราวชวนขัน ฮา ซาบซึ้ง ถึงเป็นแนวเรื่องสั้นแต่ก็สนุกไม่แพ้กันค่ะ

ส่วนตัวอ่านเรื่อง ราชันใต้อาณัติไปแล้วทำให้ได้รู้ว่า เยี่ยนเสวียนเทาเที่ย ที่มีบทบาทในเรื่อง จักรวาลเดียวกัน เชื่อมโยงกับในเรื่องราชันใต้อาณัติ ทำให้อ่านสนุกยิ่งขึ้น เพราะคือจักรวาลเดียวกัน ตัวละครเกี่ยวเนื่องกันเลยค่ะ  

 

29/12/63


Monday, December 21, 2020

ลิ่วเหยา (3 เล่มจบ) #นิยายวายแปลจีนแนวโบราณ #BL #แนวเทพเซียน #บำเพ็ญเพียร #สำนักเต๋า #นักพรต #ผู้บรรลุ #ท่านเซียน

Review 41/2563

เรื่อง : ลิ่วเหยา (3 เล่มจบ) #นิยายวายแปลจีนแนวโบราณ #BL #แนวเทพเซียน #บำเพ็ญเพียร #สำนักเต๋า #นักพรต #ผู้บรรลุ #ท่านเซียน

ผู้แต่ง : Priest (พีต้า)

ผู้แปล : Bou Ptrn

ภาพปก : Hua Diao Lao Wu

สำนักพิมพ์ : Rose

เล่ม 1พิมพ์ครั้งที่ 1 : มกราคม 2563

โปรยปกเล่ม 1 :

เหยียนเจิงหมิง ศิษย์พี่ใหญ่ผู้มีชาติกำเนิดร่ำรวยสูงส่ง

เมื่อตอนอายุเจ็ดขวบหนีออกจากบ้านแล้วถูกอาจารย์ที่เจ้าเล่ห์เพทุบายเก็บได้ ต่อมาก็กลายเป็น "ที่พึ่งของสำนัก" "ผู้สนับสนุนของเจ้าสำนัก"

และ "ศิษย์เอกเปิดขุนเขาแห่งสำนักฝูเหยา" เขาเป็นบุรุษรูปงามที่มีผมสีดำยาวสยาย

เป็นคุณชายเหยียนผู้ไม่เอาไหน เจ้าสำอาง หลงตัวเอง ปากร้าย

จนบรรดาศิษย์น้องแอบเรียกว่า "เจ้าแม่" แต่ในยามคับขันเขาคือศิษย์พี่ใหญ่ที่พึ่งพาได้

 

เฉิงเฉียน ศิษย์คนที่สามของสำนักฝูเหยา เป็นเด็กฉลาด ความจำดี

มีใบหน้าน่ารักแต่เย็นชา รูปร่างเจริญเติบโตเชื่องช้าตามอายุไม่ทัน

เขาสุขุมรอบคอบ ขยันหมั่นเพียร เห็นตนเองเป็นคนงานน้อย ข้ารับใช้น้อย...

เพียงแต่คนในครอบครัวไม่เคยเห็นเขาเป็นบุตรชาย

ดังนั้นเมื่อถูกขายเขาจึงตามชายแปลกหน้าท่าทางเหมือนนักต้มตุ๋นไปจนถึงเขาฝูเหยา

และได้พบกับศิษย์พี่ศิษย์น้อง "ผู้ร่วมลิขิตฟ้า ร่วมชะตากรรม"

 

“ท่านกลับไปที่ของท่านไม่ได้หรือ”

“ไม่ได้ เจ้าลองดูว่าตอนนี้เจ้ามีสภาพทุเรศอย่างไร หลายวันนี้ข้าต้องดูแลเจ้า...

เจ้าฝึกกระบี่ถึงดึกเช่นนี้ทุกวันหรือ”

บนหน้าผากเฉิงเฉียนมีเส้นเลือดเขียวเส้นหนึ่งกระตุก ละเลยคำถามของเขา

“ข้าไม่นอนกับท่าน!

“เจ้าคิดว่าข้าอยากนอนกับเจ้าหรือ” เหยียนเจิงหมิงกล่าวด้วยโทสะ

“เขียงหั่นผักยังนุ่มกว่าเตียงของเจ้าเลย!

 

คำนำนักแปล :

สำนักฝูเหยาอันเป็นสำนักเต๋าที่เคยรุ่งเรือง แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปจากเดิม "เฉิงเฉียน" เด็กที่ถูกหานมู่ชุนซื้อมาจากมารดาที่ยากจนต้องกลายมาเป็นหนึ่งในศิษย์สำนักฝูเหยาอย่างไม่มีทางเลือก เป็นเหตุให้เขาได้พบเจอผู้คนและเรื่องราวมากมายบนเส้นทางการฝึกบำเพ็ญอันยากลำบาก เรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางไหนและสิ้นสุดลงอย่างไร ทุกท่านสามารถค้นหาคำตอบได้ในเล่ม

 

Bou Ptrn


เล่ม 1 :

เฉิงเฉียน อายุเทียมสิบขวบถูกขายให้ ผู้บรรลุมูชุน เฉิงเฉียนเป็นคนใฝ่รู้แอบไปฟังการสอนของถงเซิงชราในหมู่บ้าน เฉิงเฉียนเป็นทุกอย่างทั้งบริกรน้อย คนงานน้อย ข้ารับใช้น้อย แต่ไม่เคยเป็นบุตรชาย ไม่มีความผูกพันกับครอบครัว

ออกเดินทางไปกับมู่ชุน พบเจอขอทานน้อยที่กำลังย่างไก่ มู่ชุนถึงขนาดรับเป็นศิษย์อีกคน จากศิษย์คนสุดท้ายเพียงไม่นานก็มีศิษย์น้อง ที่ได้ชื่อใหม่ว่าหานยวน หานยวนเจ้าเล่ห์ สอพลอ  ชอบเรียกร้องความสนใจ ต่างกับเฉิงเฉียนที่ทำตัวมีสมบัติผู้ดีทั้งห้าตลอดเวลา

เมื่อไปถึงสำนักฝูเหยา อาจารย์ให้ไปพบศิษย์พี่ใหญ่ เหยียนเจิงหมิง ที่เฉิงเฉียนรู้ว่าเป็นศิษย์เอกเปิดขุนเขาแห่งสำนักฝูเหยา เป็นคุณชายรูปงาม หลงตัวเอง ไม่ชอบหน้าตาของหานยวน แต่หน้าตาของเฉิงเฉียนกลับพอดูได้ คุณชายเรื่องเยอะ รักสะอาด สารพัดเจ้าปัญหา

ผู้บรรลุมู่ชุนตั้งภาษาศีลให้หานยวนคือ หินผา ส่วนของเฉิงเฉียนคืออิสระ เฉิงเฉียนเสพติดการคักอักษร อาศัยการผ่านตาไม่ลืม เป็นศิษย์คนเดียวที่เคร่งครัดฝึกอ่านเขียน ท่องจำอย่างจริงจัง

ศิษย์ที่สอง หลี่อวิ๋นเป็นคนเจ้าเล่ห์ ชอบยุ่งเกี่ยวกับวิชานอกรีต สัตว์ประหลาด ตอนนี้ชอบทดลองศึกษาเรื่องคางคกจนเป็นที่รังเกียจของศิษย์พี่ใหญ่ ที่เป็นคุณชายรักสะอาด

หลี่อวิ๋นหลอกให้หานยวนไปที่ถ้ำหลังเขา เรื่องนี้เฉิงเฉียนฟังแล้วเข้าใจแต่หานยวนกลับเอาแต่อยากเที่ยวเล่น นึกว่าไปแล้วจะได้ปราณสัมผัสมา

การเรียนกระบี่เหยียนเจิงหมิงไม่มีความคืบหน้าเพราะติดอยู่ที่คอขวด ส่วนอาจารย์ก็ให้สอนศิษย์น้องสาม เฉิงเฉียนเห็นแล้วว่าพึ่งไม่ได้งัดวิชาผ่านตาไม่ลืมออกมาฝึกเอง ทำให้เหยียนเจิงหมิงมองบางอย่างออก และรู้ว่าตัวเองถึงเวลาต้องออกไปหาประสบการณ์ แต่พอคิดถึงความยากลำบากระหว่างทางก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไปทันที

ตอนเรียนยันต์คาถาเฉิงเฉียนต้องอยู่กับเหยียนเจิงหมิงอีก อาจารย์คิดว่าให้ศิษย์ทั้งสองอยู่ด้วยกันจะเป็นการช่วยเสริมสิ่งที่ขาดของกันและกัน เพราะเหยียนเจิงหมิงอุปนิสัยฉุนเฉียว เฉิงเฉียนสงบจิตใจได้ แต่ชอบทำเรื่องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรง แต่ทั้งคู่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด พอเฉิงเฉียนเข้าสู่โลกของตัวเองก็ลืมทุกอย่างมีสมาธิอย่างมาก ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง จน เหยียนเจิงหมิงก็นิ่งได้จนเข้าสมาธิได้เหมือนกัน เฉิงเฉียนจะเห็นสิ่งที่บรรพชนเหลือไว้ และอยากรู้อีก ดีที่อาจารย์ดึงตัวออกมาเมื่อยังไม่พร้อมก็ไม่ความฟังมากเกินไป

หานยวนหายตัวไป อาจารย์ต้องให้ศิษย์ทั้งหลายไปตามกลับมาในหุบมาร เพราะผู้บรรลุจื่อเผิงร่างจริงคือแม่ไก่ อาจารย์เป็นเพียงพอนไม่ควรไปหาเอง และทำให้เกิดการผจญภัยกันระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องเพื่อช่วยเหลือศิษย์น้องสี่กลับมาโดยได้ประมุขบาดาลเหนือคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆลับๆ และก็ได้พามารฟ้ากลับมาด้วย ไข่มารฟ้าฟักเป็นตัวเป็นเด็กทารกทั้งสี่คนช่วยกันตั้งชื่อให้ว่าหานถาน เรียกเล่นๆว่าสุ่ยเคิง เป็นศิษย์น้องหญิงเล็ก

ศิษย์ทั้งสี่ความจริงไม่สนิทกัน เข้าหุบมารไปหนึ่งรอบก็เข้ากันได้ดีขึ้น มีคนที่เรื่องมากเป็นพิเศษ คนที่ความคิดชั่วร้ายเป็นพิเศษ คนที่ไม่อินังขังขอบเป็นพิเศษ คนที่แต่งตัวมอซอเป็นพิเศษ

เหยียนเจิงหมิงที่ไม่ชอบทำการบ้าน เอาหอคัมภีร์ที่ผู้ดูดปราณได้ถึงเปิดประตูได้ถึงเข้าไปได้มาล่อ เฉิงเฉียนติดกับ ทั้งวันไม่เหลือเวลาทำอะไรเอาแต่อ่านคัมภีร์ต่างๆนานาในนั้น จนกระทั่งไปเจอมรรคาปีศาจก็อดใจไม่ไหวต้องอ่านไปด้วย และก็เอามาถามอาจารย์จนในที่สุดอาจารย์ก็รู้ว่าเฉิงเฉียนแอบอ่านตำราในหอคัมภีร์ อาจารย์บอกว่าจะพาพวกศิษย์ออกไปข้างนอกสักรอบ ตลาดเซียนที่สิบปีจะมีหนึ่งครั้งใกล้จะเปิดแล้ว ในจำนวนนี้มีทั้งที่ตกใจและดีใจ

อาจารย์หายหน้าไป สุ่ยเคิงมีปีกไม่มีใครก็มาหาเฉิงเฉียนและพาเฉิงเฉียนบิน ทำให้เฉิงเฉียนสัมผัสสิ่งต่างๆ กำแพงทลาย มีปราณสัมผัสในที่สุด และก็ได้เรียนยันต์คาถา พอเฉิงเฉียนได้เรียนยันต์คาถา หลี่อวิ๋นที่เอาแต่เล่นก็เปลี่ยนเป็นตั้งใจเรียนขึ้นมาบ้างแล้ว

วันที่หกเดือนหกเหล่าศิษย์อาจารย์ลงเขาออกเดินทาง ศิษย์พี่ใหญ่เหยียนเจิงหมิงไม่อยากไป ยังไงครั้งนี้อาจารย์ก็ไม่ใจอ่อน เฉิงเฉียนจำได้ว่าอาจารย์บอกว่าศิษย์พี่ใหญ่เข้าสู่มรรคาด้วยกระบี่ ส่วนตัวเองเข้าสู่มรรคาด้วยใจ ไม่เข้าใจก็ใช้วิธีบำเพ็ญทุกรกิริยาไปแล้วกัน ริมทะเลตะวันออกมีตำบลฝูหลง อาจารย์ไม่เข้าโรงเตี๊ยมใหญ่ พาไปยังกระท่อมแถบหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่เจ้าปัญหา หาว่าเป็นห้องน้ำ เจ้าของโรงเตี๊ยมผุพังคือเวินหย่า ศิษย์พี่ของอาจารย์  เหยียนเจิงหมิงแอบได้ยินอาจารย์คุยกับเวินหย่าเรื่องมารฟ้า และถามว่าปีศาจใหญ่ที่มีพลังบาดาลเหนือที่ยอมเป็นยันต์คาถาสกัดภัยแทนสำนักคือใคร ศิษย์พี่บอกว่าเขาเรียกขานตนเองว่าศิษย์ทรยศแห่งสำนักฝูเหยา เวินหย่าให้ระวังสหายเก่า อาจารย์ฝากศิษย์ของตัวเองถ้าเป็นอะไรไป

เหยียนเจิงหมิงรีบมาเรียก เฉิงเฉียนและหลี่อวิ๋น แล้วก็หาหานยวนไม่เจอเล่าเรื่องที่ได้ฟังมา และเรื่องสหายเก่า ที่ตัวเองรู้จักคือคนที่จับตัวเองไปในตอนเด็กให้ฟัง เป็นศิษย์พี่ของอาจารย์ ทั้งหมดวางแผนใช้ยันต์สะกดรอยตามติดตัวสุ่ยเคิงเอาไว้ เฉิงเฉียนรู้แค่งูๆปลาๆ เหยียนเจิงหมิงก็สลักยันต์ได้ไม่ดี ยันต์ที่ทำออกมาจึงไม่ใช่ยันต์สะกดรอยอย่างที่คิด

หานยวนมาพาเฉิงเฉียนไปดูผี เฉิงเฉียนคิดว่าเป็นปีศาจบำเพ็ญแต่เจ้าตัวบอกว่าไม่ใช่ เป็นเงาพรายน คือจิตปฐมของผู้บำเพ็ญที่โดนตะเกียงกัดกร่อนวิญญาณสกัด คือถังเจิ่นแห่งเขามู่หลัน และขอยันต์ใบไม้ที่เฉิงเฉียนสลัก มันเป็นยันต์ชำระใจ และได้บอกเฉิงเฉียนว่าให้อาจารย์ตัวเองระวังเจี่ยงเผิงเอาไว้

ในที่สุดสำนักฝูเหยานั่งเรือไปเกาะมังกรเขียว อาจารย์จะใช้เรือธรรมดาเหยียนเจิงหมิงก็รีบไปเช่าเรือใหญ่ ทำให้ผู้คนมองมากมาย อาจารย์พูดว่าไม่ควรโอ้อวด ศิษย์พี่ใหญ่ไม่รู้เลย ระหว่างทาง เจี่ยงเผิงก็มาปรากฏตัวอาละวาดกลางทะเล ผู้ที่ออกหน้าจัดการคือถังหว่านชิว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เฉิงเฉียนมองหาอาจารย์พบอยู่กลางทะเล อาจารย์ที่เอวยาวขาสั้นสลักยันต์ที่หนึ่งก็เหมือนสูบแรงไปทั้งหมดคลี่คลายสถานการณ์ให้ถังหว่านชิว เฉิงเฉียนที่เป็นห่วงอาจารย์รีบไปกับศิษย์น้องเล็กหญิงสุ่ยเคิงไปหาอาจารย์ ด้วยความเป็นห่วง ระหว่างนั้นในเหรียญทองแดงก็มีวิญญาณของประมุขบาดาลเหนือออกหน้าจัดการเจี่ยงเผิงแทน เฉิงเฉียนที่เห็นการต่อสู้ของปีศาจใหญ่และประมุขบาดาลเหนือเกิดการตื่นรู้เข้าสมาธิตอนนั้น กลางทะเลที่รายรอบด้วยเกาะเซียน

เจี่ยงเผิงกลายเป็นตะเกียงกัดกร่อนวิญญาณขนาดใหญ่ ประมุขบาดาลเหนือพุ่งไปหาตะเกียงดวงใหญ่ ขณะนั้นสุ่ยเคิงก็ลอยขึ้นไปเพราะยันต์ที่เอว เมื่อเฉิงเฉียนลืมตาก็เห็นอาจารย์ในรูปแท้จริง ไม่ใช่ลักษณะเอวเอวขาสั้น และถามว่าที่ผูกติดที่เอวสุ่ยเคิงคืออะไร พวกเจ้าสลักอะไร พอเฉิงเฉียนบอกว่ายันต์ติดตาม อาจารย์บอกว่าผิดมากกว่าหนึ่งขีดกลายเป็นยันต์ตามวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้จำได้ว่าประมุขบาดาลก็คืออาจารย์ หรือก็คือปรมาจารย์ของเฉิงเฉียน ตอนนี้เหลือเพียงกระดูก สามวิญญาณหนึ่งไปผนึกที่หุบมาร หนึ่งผนึกตะเกียงกัดกร่อนวิญญาณเจี่ยงเผิง และประมุขบาดาลเหนือก็บอกว่าได้เชื่อมต่อสายเลือดที่ขาดสะบั้นของสำนักฝูเหยาแล้ว เฉิงเฉียนมีไหวพริบรวมคำพูดและเหตุการณ์ทำให้เดาได้ว่าอาจารย์ของตัวเองก็เป็นจิตปฐมเช่นกัน อาจารย์เล่าว่าในตอนนั้นตัวเองตามศิษย์พี่ที่ธาตุไฟเข้าแทรกไปทำให้เป็นดวงจิตอาฆาตดวงแรกที่ตายในตะเกียงกัดกร่อนวิญญาณ ต่อมาจึงเข้าร่างมารน้อยที่ถูกฟ้าผ่าใกล้ตาย ตอนนั้นเป็นเพียงเพียงพอนคิดจะไปหาอาจารย์ก็เห็นสี่ล้อมโจมตีเขาฝูเหยา คือสี่เมธีผู้มีความสามารถยิ่งใหญ่แห่งยุค อาจารย์คือปีศาจที่พบได้ยาก สี่เมธีตายหนึ่งบาดเจ็บสาม

ผู้บรรลุมู่ชุนเล่าเรื่องทั้งหมดแต่ไม่บอกต้นสายปลายเหตุ และจะสอนสามท่าหลังของกระบี่ไม้ฝูเหยาให้ดูอย่างละเอียด เฉิงเฉียงก็รู้ทันทีว่าอาจารย์จะจากไปแล้ว ไม่ยอมก็ไม่ได้ ท่าที่หนึ่งเผิงท่องหมื่นหลี่ ท่าที่สองเสาะหาทั่วแดน ท่าที่สามไม่เป็นดังหวัง ท่าที่สี่รุ่งเรืองเสื่อมถอย รุ่งเรื่องตกต่ำ ท่าที่ห้าคืนสู่สัตย์จริง

สุดท้ายใช้ยันต์ลับผนึกเพื่อผนึกประมุขบาดาลเหนือ ใช้วิญญาณผนึกวิญาณ คำสั่งสุดท้ายให้มอบตราเจ้าสำนักแห่งสำนักฝูเหยาให้ศิษย์พี่ใหญ่ และตัวเองควรฝึกฝนท่าที่สองให้ดีได้แล้ว จึงสลายไปกับตาเฉิงเฉียน เฉิงเฉียนเสียใจร้องไห้อยู่นานจนกระทั่งรู้ว่าตอนนี้เหลือศิษย์น้องหญิงเล็กสุ่ยเคิงต้องดูแล ต้องหาอาหารและต้องหนีสัตว์ร้าย เฉิงเฉียนตัวคนเดียวสู้กับหมาป่าจนทำให้หมาป่ามองเห็นแววตาใคร่สังหารแล้วกลัวจนหนีไป ทั้งคู่อยู่ในป่าสามวันสามคืนจึงพากันออกมาภายนอกได้ด้วยตัวเอง

อีกด้านศิษย์พี่ใหญ่หาเฉิงเฉียนและศิษย์น้องหญิงเล็กไม่เจอ ถังหว่านชิวมาพาศิษย์สำนักฝูเหยาไปหาเจ้าเกาะมังกรเขียว เจ้าเกาะมังกรเขียวคือหนึ่งในสี่เมธีคล้ายมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาฝูเหยา คิดไว้แล้วว่าผู้บรรลุมู่ชุนอาจปรากฏตัวบริเวณหุบลืมทุกข์ ด้วยเหตุบางอย่างผู้ฝึกบำเพ็ญไม่กล้าเขาหุบเป็นเฉิงเฉียนพาสุ่ยเคิงออกมาเอง และกำชับสุ่ยเคิงว่าห้ามเปิดเผยปีกต่อหน้าคนนอกเด็ดขาดไม่งั้นไม่ให้กินข้าว

เหยียนเจิงหมิงรู้เรื่องอาจารย์ความคิดแรกคือแยกย้ายกลับบ้าน แต่เฉิงเฉียนไม่ยอมเพราะการโอ้อวดของเหยียนเจิงหมิงตอนมาทำให้ตอนนี้ได้รับการถูกเหยียดหยามจากผู้คุมกฎซ้ายโถงบรรยาย โจวหานเจิ้ง ผู้คุมกฎขวาคือถังหว่านชิว

ที่โถงบรรยายโจวหานเจิ้งทำให้เหยียนเจิงหมิงขายหน้า แต่คนที่เก็บความแค้นไว้จริงๆคือเฉิงเฉียน ในที่สุดศิษย์พี่ที่ตอนนี้เป็นเจ้าสำนักก็คิดได้ และเริ่มปรับตัว

ห้าปีผ่านไปที่เกาะมังกรเขียวเฉิงเฉียนคอยเป็นกันชนของทุกคนในศิษย์พี่ศิษย์น้อง กระบี่คมเกล็ดน้ำค้าง ทั้งมีข้อความเลือดสิ่งของคืนสู่เจ้าของ ห้ามใช้พลการมาอยู่ในห้องของเฉิงเฉียนอย่างไม่รู้เรื่องราว การท่องคัมภีร์และการสลักยันต์คาถาฝึกฝนปราณของสำนักฝูเหยา และตอนนี้ยังมีเรื่องที่คนวังประจิมมาตามหาคนที่เกาะมังกรเขียว ไป๋จีบอกว่าหลานที่หายตัวไปนามว่าไป๋เหยียนหลี่ ในสมุดรายชื่อไม่มีคนผู้นี้

หลังอ่านเล่ม 1 :

ปูพื้นเรื่องได้ดี ตัวละครลักษณะชัดเจน สนุกและมีอารมณ์ขัน มุกมากช่วงศิษย์พี่ใหญ่ ที่เหล่าศิษย์น้องเรียกว่าเจ้าแม่ ทั้งยังมีตอนซาบซึ้งที่อ่านไปแล้วเศร้าจนน้ำตาไหลที่เดียวค่ะ แค่เล่มหนึ่งมีทั้งปริศนาต่างๆที่ทิ้งปมเอาไว้ ความเป็นมา ความแค้นต่างๆที่อาจารย์ไม่ได้อธิบาย ที่ให้เฉิงเฉียนตามหาคำตอบต่อไปในเล่มสอง สนุก และน่าติดตามมากๆค่ะ


เล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2563

โปรยปกหลังเล่ม 2 :

เหยียนเจิงหมิง ศิษย์พี่ใหญ่ผู้มีชาติกำเนิดร่ำรวยสูงส่ง

เมื่อตอนอายุเจ็ดขวบหนีออกจากบ้านแล้วถูกอาจารย์ที่เจ้าเล่ห์เพทุบายเก็บได้

ต่อมาก็กลายเป็น "ที่พึ่งของสำนัก" "ผู้สนับสนุนของเจ้าสำนัก"

และ "ศิษย์เอกเปิดขุนเขาแห่งสำนักฝูเหยา" เขาเป็นบุรุษรูปงามที่มีผมดำยาวสยาย

เป็นคุณชายเหยียนผู้ไม่เอาไหน เจ้าสำอาง หลงตัวเอง ปากร้าย

จนบรรดาศิษย์น้องแอบเรียกว่า "เจ้าแม่" แต่ในยามคับขันเขาคือศิษย์พี่ใหญ่ที่พึ่งพาได้

 

เฉิงเฉียน ศิษย์คนที่สามของสำนักฝูเหยา เป็นเด็กฉลาด ความจำดี

มีใบหน้าน่ารักแต่เย็นชา รูปร่างเจริญเติบโตเชื่องช้าตามอายุไม่ทัน

เขาสุขุมรอบคอบ ขยันหมั่นเพียร เห็นตนเองเป็นคนงานน้อย ข้ารับใช้น้อย...

เพียงแต่ครอบครัวไม่เคยเห็นเขาเป็นบุตรชาย

ดังนั้นเมื่อถูกขายเขาจึงตามชายแปลกหน้าท่าทางเหมือนนักต้มตุ๋นไปจนถึงเขาฝูเหยา

และได้พบกับศิษย์พี่น้อง "ผู้ร่วมลิขิตฟ้า ร่วมชะตากรรม

 

สมเป็นเสี่ยวเฉียนของข้า..."

เฉิงเฉียนยังไม่ทันได้ส่งเสียง เหยียนเจิงหมิงก็ทำหน้าทำตากล่าวก่อนแล้ว "ใครเป็นของเจ้า"

พอคำพูดออกจากปาก หลี่อวิ๋น สุ่ยเคิง และเฉิงเฉียนเงยหน้าขึ้นมองไปยังเขาพร้อมกัน

หลี่อวิ๋นยังหยอกเย้า "ศิษย์พี่ใหญ่ นี่ท่านกำลังแย่งชิงความรักหรือ

"เหยียนเจิงหมิง "..."

เล่ม 2 :

ถังหว่านชิวได้รับคำสั่งจากเจ้าเกาะมังกรเขียวพาคนในสำนักฝูเหยาออกจากเกาะมังกรเขียวทั้งต่อไปอย่าพูดถึงสำนักฝูเหยาอีก แต่ยังไม่ทันออกจากเกาะกลุ่มคนปิดหน้าที่ความจริงคือโจวหานเจิ้งก็สกัดขัดขวาง ตอนนี้พวกเฉิงเฉียนยังเด็ก ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีไป๋จีกับถังเหยาบีบกู้เหยียนเสวี่ย เจ้าเกาะกู้ อาจารย์แห่งใต้หล้า หัวหน้าของสี่เมธีจนสุดท้ายหลังจากกู้เหยียนเสวี่ยปลดกลอนดินในตราเจ้าสำนักและส่งศิษย์สำนักฝูเหยาออกจากเกาะได้แล้วก็ไม่อาจรอดเช่นกัน แต่ได้ทำตามสัญญากับสหายเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดเป็นแผนการของโจวหานเจิ้งที่แฝงตัวมานาน ความจริงคือคนของสำนักโหราศาสตร์ ทั้งยังใช้วิชาวาดวิญญาณในปีศาจบำเพ็ญทำร้ายผู้คน

ถังหว่านชิวส่งทั้งหมดออกไป เฉิงเฉียนกลับพลัดหลงกับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง ได้พบกับอาวุโสเวินหย่า เฉิงเฉียนที่เพิ่งขี่กระบี่ได้ต้องการกลับไปรวมตัวกับศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่เวินหย่าบอกว่าโจวหานเจิ้งก็อยู่ด้วย ถ้าเอาชนะได้ถึงจะให้ไป ไม่งั้นคือไปตาย เฉิงเฉียนทุ่มสุดตัว เวินหย่าสอนเฉิงเฉียนจนเกิดการตื่นรู้ หลังจากนั้นยังเอาหยกรวมวิญญาณออกมาจากร่างตัวเองมามอบให้เฉิงเฉียนคิดว่ามีประโยชน์กว่า

ทางด้านเหยียนเจิงหมิงเป็นห่วงเฉิงเฉียน อยากออกไปหา แต่ก็เพราะมีโจวหานเจิ้งมายังเกาะร้างเช่นกัน ทุกคนจึงต้องร่วมมือกัน หลี่อวิ๋นสร้างค่ายกล เหยียนเจิงหมิงต้องคอยช่วย หานยวนสลักยันต์เป็นนกสอดแนมอย่างง่าย จนตอนเช้าโจวหานเจิ้งคิดจากไปแต่กลับเห็นว่านกสอดแนมฝีมืออ่อนหัดทำให้ไม่ห่วงอีกต่อไป ตอบโต้อย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นเป็นเฉิงเฉียนตามมาใช้หยกรวมวิญญาณสะกดพลังโจวหานเจิ้ง จนสามารถเอาชนะได้กำลังจะฆ่าทิ้งกลับถูกหานยวนที่ถูกโจวหานเจิ้งวาดวิญญาณแทงทะลุอกจากด้านหลังจนตายทั้งอย่างนั้น แต่ก็ยังกำจัดโจวหานเจิ้งได้อย่างที่ตั้งใจ ส่วนหานยวนหนีลงทะเลหายไปไม่เหลือร่องรอย เหยียนเจิงหมิงเสียใจจนมีจิตมาร ดีที่หลี่อวิ๋นระงับได้ทัน เมื่อทุกอย่างผ่านไปก็สัญญาว่าจะนำร่างเฉิงเฉียนกลับไปฝังที่เขาฝูเหยา

หนึ่งร้อยปีผ่านไป หุบหมิงหมิง เฉิงเฉียนเผชิญเคราะห์สวรรค์ เพราะตัวเองอยู่ในหยกรวมวิญญาณนานสี่สิบเก้าปีผ่านเคราะห์มนุษย์ เคราะห์พิภพแล้ว จากนั้นเวินหย่าได้นำมาให้ถังเจิ่นช่วยเหลือหาสถานที่บำเพ็ญตนที่บึงน้ำแข็งอีกห้าสิบปีจนได้กายหยาบ เผชิญเคราะห์สวรรค์เป็นจิตปฐม ถังเจิ่นที่เอาความทรงจำของเฉิงเฉียนมานำมาคืนให้เฉิงเฉียน

ส่วนทางด้านเหยียนเจิงหมิงออกจากเกาะร้าง เขาฝูเหยาก็กลับไม่ได้ ทางบ้านตระกูลเหยียนก็ตายกันหมดแล้ว ตอนนี้เป็นคุณชายโกยเงินอีกครั้งเพิ่งรุ่งเรืองขึ้นมาไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากการเปลี่ยนที่อยู่ไปทั่วเช่นกัน

เมื่อเฉิงเฉียนได้ความทรงจำคืนมาก็คิดจะไปตามหาศิษย์พี่ศิษย์น้องที่เขาฝูเหยา ระหว่างนั้นจะจัดการปีศาจที่มาทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านเดือดร้อน เมื่อเฉิงเฉียนไปดูก็รู้สึกว่าเป็นตะเกียงกัดก่อนวิญญาณ จึงตามไปและเริ่มคิดว่าในปีนั้นเจี่ยงเผิงถูกชักนำเข้ามรรคาปีศาจได้อย่างไร

พวกสุ่ยเคิงตามหาหานยวนมาตลอด สุ่ยเคิงมากับหลี่อวิ๋นก่อน และเห็นเฉิงเฉียนก็คิดว่าเหมือนศิษย์พี่เล็กแต่ยังไม่ปักใจ แต่ตัวเองก็ตามไปหลังจัดการตะเกียงกัดกร่อนวิญญาณเฉิงเฉียนก็ไปที่เขาฝูเหยาทันที แต่หาทางเข้าไม่ได้ เพราะเขาปิดตามคำสั่งตราเจ้าสำนัก จนตอนนี้เหยียนเจิงหมิงก็ยังหาทางคลายผนึกไม่ได้

เฉิงเฉียนมาพบกับค่ายกลด้านล่างเขาฝูเหยาและคนผู้หนึ่งที่เหมือนเป็นหนึ่งร่างสองวิญญาณ นั้นคือหานยวน และในที่สุดศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหมดก็มาพบกันเพราะสุ่ยเคิง ทำให้เหยียนเจองหมิงและหลี่อวิ๋นตามมา

หานยวนหนีไปอีกครั้ง ทั้งหมดกลับหมู่บ้านเขา ที่เรียกหมู่บ้านเขาเพราะมีลักษณะคล้ายเขาฝูเหยาแต่มันไม่ใช่ แล้วเหยียนเจิงหมิงก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะประกาศแก่ภายนอกจึงเรียกเป็นหมู่บ้านเขาฝูเหยา

หลังจากพบเฉิงเฉียน เหยียนเจองหมิงเข้าไปในตราเจ้าสำนักอีกครั้ง เห็นกลอนคน กลอนดิน กลอนฟ้า ครั้งนี้พบปรมาจารย์กับสวีอิงจือ และคาดเดาได้ว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ปรมาจารย์ไม่อยากให้สำนักขาดเลยหาหนทางที่เป็นไปไม่ได้ และหินสมใจนึก หินก้อนนั้นที่ทุกคนตามหาคือก้อนหินที่อยู่ในเรือนชิงอันของเฉิงเฉียนนั้นเอง

หลี่อวิ๋นมาบอกเรื่องค่ายกลของหานยวนบอกว่าเป็นวิชานอกรีตของนักเดินทางฝันร้าย ปีศาจบำเพ็ญที่อาศัยอยู่แดนใต้ ทั้งหมดตกลงใจเดินทางไปดูกัน

เมื่อมาถึงยังได้ยินเรื่องของเจดีย์หงส์ชาด สวีอิงจือหนึ่งในสี่เมธี ยังไงก็ต้องไปดู ระหว่างทางยังเกิดเหตุกับลูกผู้ดีมีเงินที่มาหาเรื่องเพราะอยากได้นกสุ่ยเคิง แต่เพราะเฉิงเฉียนจัดการ เกิดไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ หยิบธงมังกรจริงออกมา เฉิงเฉียนชิงธงมังกรจริงมาได้ ลูกผู้ดีมีเงินผูกแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งยังโดนมารในใจเข้าสิง

พวกเฉิงเฉียนเดินทางไปเจดีย์หงส์ชาด ยังไม่ถึงขึ้นสิบห้าค่ำแต่ก็มีคนออกมาเรียกเข้าในเจดีย์เป็นที่อิจฉา ชายชราเอาเหรียญทองแดงสามเหรียญที่เจ้านายฝากเอาไว้มาให้ ก่อนที่เจดีย์จะต้านทานไม่อยู่ และตอนนั้นมารในใจที่สิงอยู่ในลูกผู้ดีมีเงินก็แอบตามเข้ามา และกระตุ้นมารในใจของเหยียนเจิงหมิง เฉิงเฉียนต้องใช้แท่งน้ำแข็งสะกดเอาไว้คิดว่าผ่านไปหลายปีก็จะสลายไปเอง ไม่คิดว่าไม่นานเจดีย์หงส์ชาดจะถล่ม มังกรน้ำจะกลายเป็นมังกร ส่วนทางด้านเฉิงเฉียนคิดจะฉลองวันไหว้พระจันทร์เหมือนวัยเด็ก กินเหล้าแค่จิบเดียวก็เมาแล้ว สุ่ยเคิงกำลังเปลี่ยนร่างเป็นกระเรียนแดง ถังเจิ่นเดินทางมาและบอกเรื่องราว ส่วนปีศาจในใจเข้าสู่มรรคา ใช้ร่างเป็นพาชนะ รวมเป็นมังกรปีศาจ ตอนนี้จะใช้กระดูกกระเรียนแดงเป็นสันหลัง

เฉิงเฉียนสู้กับมังกรปีศาจ ตอนแรกคิดว่าสร้างภาพลวงตาหานยวนแต่คือร่างจริง เฉิงเฉียงจึงรู้ว่าหานยวนเข้าสู่มรรคาปีศาจไปแล้ว และคิดได้ว่าในแต่ละรุ่นของสำนักจะต้องมีคนเข้าสู้มรรคาปีศาจ

ระหว่างนั้นสุ่ยเคิงเรียกเคราะห์สวรรค์มา เหล่าศิษย์พี่ช่วยสุ่ยเคิงป้องกันเคราะห์สวรรค์รวมทั้งหานยวนที่ตอนแรกจะเอากระดูกสุ่ยเคิงด้วย เมื่อเคราะห์สวรรค์ผ่านไป หานยวนก็จากไป

ถังเจิ่นอยากได้เพลิงหัวใจน้ำแข็งเฉิงเฉียนเลยไปช่วยเอามา เฉิงเฉียนแยกจากเหยียนเจิงหมิงครั้งแรกหลังกลับมาพบกัน ทั้งคู่รู้สึกว่าควรอยู่ห่างกันสักพัก เพราะมารในใจของเหยีนเจิงหมิงเกี่ยวข้องกับเฉิงเฉียน

เฉิงเฉียนได้เพลิงหัวใจน้ำแข็งมาและยังช่วยศิษย์ของหมู่บ้านเขาพยัคฆ์ขาวเอาไว้ ระหว่างทางพบอาวุโสใหญ่โถงเต่าทมิฬ คนที่หนีไปได้ตอนมังกรปีศาจปรากฏตัวใส่ร้ายว่าเฉิงเฉียนสังหารคุณชายน้อย ของโถงเต่าทมิฬ อาสุโวใหญ่อยากใช้กำลังกดดันเฉิงเฉียน เฉิงเฉียนไม่ยอมก้มหัว ทั้งยังมียันต์หุ่นเชิดของศิษย์พี่ใหญ่ป้องกันอยู่ทำให้รับพลังแทน เป็นอาวุโสใหญ่แต่แพ้แล้วยังเจ้าเล่ห์ล้อมจับเฉิงเฉียนและใช้กลโกง จับไปแท่นจับเซียน ส่วนเหยียนเจิงหมิงก็รู้ทันทีว่าเฉิงเฉียนเกิดเรื่อง

เขาสิบมณฑล แท่นจับเซียน เฉิงเฉียนถูกขังอยู่ในกลอนขังมังกลอน ได้พบกับจี่เชียนหลี่ที่ดูเหมือนรู้เรื่องราวมากมาย ทำให้เฉิงเฉียนคิดบางอย่างได้ ก่อนที่ทุกคนจะมา เฉิงเฉียนไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนของสำนักฝูเหยา แต่โดนอาวุโสใหญ่หยางเต๋อเฉิงบีบอยูตลอด จนเหยียนเจิงหมิงที่เร่งรุดมาตามการแจ้งข่าวของถังเจิ่นได้ยิน ประกาศตัวว่าเป็นสำนักฝูเหยา เหยียนเจิงหมิงเป็นผู้ฝึกกระบี่ ถึงสภาวะออกกระบี่แล้ว ตอนนี้ยังใช้วิชาเร่งสภาวะ ทำให้เรือนจิตตนแว้งกัด หลังช่วยเฉิงเฉียนก็สลบไป

เฉิงเฉียนหาวิธีช่วยเหยียนเจิงหมิง ไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงโลกภายนอก เดินทางไปหุบลืมทุกข์ตามหาอาจารย์และปรมาจารย์ถงหรู ตอนแรกหาทางเข้าไม่ได้ ในที่สุดก็เข้าไปได้ เพราะหุบลืมทุกข์คือสถานที่ความตายของโลกมนุษย์ ได้รู้เรื่องราวของปรมาจารย์ และได้รับการชี้แนะจนคิดได้ว่าจะช่วยศิษย์พี่ใหญ่อย่างไร อาจารย์และปรมาจารย์ก็บอกว่ามาคราวหน้าก็ไม่เจอแล้ว

เมื่อกลับไป เฉิงเฉียนสามารถทำให้เหยียนเจิงหมิงฟื้นได้เพราะเข้าถึงสภาวะคืนฝัก ทั้งสามโลกคงมีเพียงเจ้าสำนักเหยียนที่เห็นความใสซื่อบนใบหน้าของเฉิงเฉียนได้

หลังอ่านเล่ม 2 :

เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นกว่าเล่มหนึ่ง ที่ปูพื้นเรื่องมาตลอด มีซาบซึ้ง เศร้าจนร้องไห้น้ำตาไหลบ้าง ขำ ฮา  และในที่สุดก็ได้รู้เบื้องหลังของอาจารย์ และปรมาจารย์ที่ไม่ยอมบอกเล่า มีโมเมนต์ที่น่ารักๆ และรู้ว่าอีกคนเป็นห่วงแค่ไหน จริงๆทั้งสองรู้แล้วว่าอีกฝ่ายห่วงตนขนาดไหน และกลัวว่าอีกฝ่ายจะห่วงยังไง คือดีมากๆๆๆค่ะ สนุก แนะนำเลย ไม่ผิดหวังแน่นอน ชอบเรื่องนี้เลยทีเดียวค่ะ ไม่ออกแนวเทพเซียนแบบโลกเซียน แต่คือโลกการบำเพ็ญเพียร สำนักเต๋าเป็นอีกขั้นของมนุษย์สามัญชน มีเรื่องราว โลกมนุษย์ โลกปีศาจ มาดูบทสรุปกันค่ะว่าอะไรยัง ตอนนี้ยังเดาโพพระเอก นายเอกไม่ออกเลย มาลองเดากันค่ะ มันดูแล้วน่าจะๆทั้งคู่เลยทีเดียว


เล่ม 3 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มีนาคม 2563

โปรยปกหลังเล่ม 3 :

เหยียนเจิงหมิง ศิษย์พี่ใหญ่ผู้มีชาติกำเนิดร่ำรวยสูงส่ง

เมื่อตอนอายุเจ็ดขวบหนีออกจากบ้านแล้วถูกอาจารย์ที่เจ้าเล่ห์เพทุบายเก็บได้

ต่อมาก็กลายเป็น "ที่พึ่งของสำนัก" "ผู้สนับสนุนของเจ้าสำนัก"

และ "ศิษย์เอกเปิดขุนเขาแห่งสำนักฝูเหยา" เขาเป็นบุรุษรูปงามที่มีผมสีดำยาวสยาย

เป็นคุณชายเหยียนผู้ไม่เอาไหน เจ้าสำอาง หลงตัวเอง ปากร้าย

จนบรรดาศิษย์น้องแอบเรียกว่า "เจ้าแม่" แต่ในยามคับขันเขาคือศิษย์พี่ใหญ่ที่พึ่งพาได้

 

เฉิงเฉียน ศิษย์คนที่สามของสำนักฝูเหยา เป็นเด็กฉลาด ความจำดี

มีใบหน้าน่ารักแต่เย็นชา รูปร่างเจริญเติบโตเชื่องช้าตามอายุไม่ทัน

เขาสุขุมรอบคอบ ขยันหมั่นเพียร เห็นตนเองเป็นคนงานน้อย ข้ารับใช้น้อย...

เพียงแต่คนในครอบครัวไม่เคยเห็นเขาเป็นบุตรชาย

ดังนั้นเมื่อถูกขายเขาจึงตามชายแปลกหน้าท่าทางเหมือนนักต้มตุ๋นไปจนถึงเขาฝูเหยา

และได้พบกับศิษย์พี่ศิษย์น้อง "ผู้ร่วมลิขิตฟ้า ร่วมชะตากรรม"

 

“ที่นี่ของเจ้าไม่เลว ไม่มาอาบด้วยกันหรือ”

“... ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านบ่นอะไร” เฉิงเฉียนคิดหนักพักหนึ่ง

ถามเสียงแผ่วเบาด้วยความฝืนใจอยู่บ้าง “ศิษย์พี่ ท่าน... คิดทำเรื่องการฝึกคู่กับข้าหรือ”

“เจ้ามีความเข้าใจมากนัก ยังรู้จักว่าอะไรเรียกว่าการฝึกคู่” เขาตะโกนอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“ฝึกคู่ก้นเจ้าสิ! ข้าชอบเจ้า อยากใกล้ชิดกับเจ้า ไม่ได้หรือ”

เฉิงเฉียน “...”

เล่ม 3 :

เฉิงเฉียนเฉือนจิตปฐมตัวเองเพื่อช่วยเหยียนเจิงหมิง เรื่องนี้จะบอกให้เหยียนเจิงหมิงรู้ไม่ได้ แต่ก็เกือบไป

อู๋ฉางเทียน คนของสำนักโหราศาสตร์มาอีกแล้ว ครั้งนี้นำตราประทับของเจ้าหมู่บ้านแห่งเขาพยัคฆ์ขาวและโถงเต่าทมิฬแห่งทุ่งน้ำแข็งสุดอุดรมาให้ และเล่าเรื่องให้ฟังถึงก่อนหน้านี้ถงหรูก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโถงก้าวย่างที่ต่อมากู้เหยียนเสวี่ยเปลี่ยนชื่อเป็นโถงบรรยาย และนำตรากำจัดปีศาจมาแสดง และมอบเทียบเชิญออกมา ชุมนุมไท่หาง

เฉิงเฉียนรู้สึกว่ามีเรื่องไม่ถูกต้อง อยากลองไปค้นตำราตอนนั้นดู และก็ได้บังเอิญเห็นเคล็ดเริงรักที่ศิษย์พี่ใหญ่แอบซ่อนเอาไว้ในคัมภีร์สงบนิ่ง เฉิงเฉียนที่ใสซื่อเหมือนได้เปิดโลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วโดนศิษย์พี่ใหญ่จับได้เข้าไปอีก ทั้งที่เป็นของศิษย์พี่ใหญ่ในปีนั้น ฮ่าๆๆๆ

จากนั้นเจ่อสือที่เข้าสำนักโหราศาสตร์ได้ก็ส่งจดหมายมาบอกว่ามีความเคลื่อนไหวที่เขาไท่อิน ศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักฝูเหยาเลยไปสังเกตการณ์ และได้พบการวางค่ายกลสะบั้นปีศาจดับจับหานยวนที่เขาไท่อิน ที่อยู่ใกล้กับเขาฝูเหยา เมื่อมาถึงแถวเชิงเขาฝูเหยายังพบปีศาจบำเพ็ญที่หวังจับปลาตอนน้ำขุ่น เหยียนเจิงหมิง เฉิงเฉียนไม่ยอมให้ทำการสำเร็จ จัดการสังหารทำให้ค่ายกลสดับภูผาที่หานยวนเคยใช้ และค่ายกลสะบั้นปีศาจถูกคนปรับแก้ ทำให้ใช้ก่อนกำหนด กลายเป็นค่ายกลที่ซับซ้อนขึ้นไปอีกเพราะมีพิษดอกท้อไล่ตามหลัง

ไม่มีใครสามารถหาเนตรค่ายได้ โหยวเหลียงเสนอพาเฉิงเฉียนไปที่เนตรค่าย เฉิงเฉียนใช้ธงมังกรจริงและตัวเองเป็นร่างของหยกรวมวิญญาณจึงสามารถเข้าไปในเนตรค่าย และตอนนั้นเองที่รู้สึกที่มือมีมีของวิเศษที่เป็นเนตรค่ายเข้ามาในตัว ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไรแต่มีรูปใบหู ต่อมาถึงรู้ว่าคือสดับจักรวาล หลังการทำลายค่ายกล ที่ได้อัญเชิญมังกรฟ้า หานยาวนใช้พลังปีศาจพิภพ เผากิเลสมนุษย์ทำให้เปิดผนึกแท่นไม่เสียใจ ตอนนี้ทั้งสองเหยียนเจิงหมิงและเฉิงเฉียนอยู่หุบปีศาจในใจ ตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่กำลังต่อสู้กับปีศาจในใจ ที่เฉิงเฉียนเห็นว่าคือตัวเอง เฉิงเฉียนเลยสารภาพกับศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนเริ่มก่อน ว่าชอบศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่ในที่สุดก็ฝันเป็นจริง รู้ความในใจของคนในดวงใจ แบบนี้เลย

เมื่อสารภาพกันแล้วก็ต้องออกจากหุบปีศาจในใจ ทั้งสองคาดเดากันไปถึงเบื้องหลังของสำนักโหราศาสตร์ จนมาถึงแท่นไม่เสียใจ และเห็นว่าบันไดสิบหมื่นแปดพันขั้นที่ต้องขึ้นไปไม่มีพลังบำเพ็ญคอยช่วยเหลือ เหมือนเป็นสามัญชนทั้งยังเจอกับวายุพลังหอบหนึ่งพัดใส่ ปรมาจารย์ถงหรูขึ้นไปได้อย่างไร

เมื่อเดินออกมาเขาฝูเหยาเชื่อต่อกับหุบปีศาจในใจ ทั้งสองเลือกป้ายอักษรคนหลังจากได้ฟังเสียงของเขาฝูเหยาในปีนั้นที่หานยวนวางค่ายกลเอาไว้ ก็รู้ว่าหานยวนคิดถึงเขาฝูเหยามากแค่ไหน

และก็มีอาวุโส ซึ่งคือผู้สืบทอดจุดหนึ่งในสำนักที่ทั้งสองต้องรับต่อมา มาสอนวิชาดาบไม้ฝูเหยาให้เฉิงเฉียนและแยกเหยียนเจิงหมิงกับเฉิงเฉียนออกจากกันเพื่อต่างเรียนรู้สิ่งที่ควรต้องเรียน เจอเจอศิษย์พี่ใหญ่ เฉิงเฉียนก็รู้แล้วว่ากระบี่ไม้นี้ปิดศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้อีกแล้ว

หลังออกมาจากหุบปีศาจในใจ ภายนอกสองฝ่ายคุมเชิงกับ สำนักโหราศาสตร์เรียกร้องสองฝ่ายส่งคนสิบคนเข้าค่ายกลตัดสินแพ้ชนะ เป็นค่ายกลทศทิศ เมื่อถึงเวลาสองฝ่ายเข้าในค่ายกล แต่ภายนอกกลับมีค่ายกลซ้อนค่ายกล คิดจับผู้บำเพ็ญทั้งหมด

จนทั้งสองฝ่ายจับคู่กันจนเฉิงเฉียนพบหานยวนได้พูดคุยกันจนรู้ว่าในใจหานยวนตอนนั้นเป็นอย่างไร ทำไมถึงเข้ากับปีศาจ และต้องการแก้แค้นสำนักโหราศาสตร์มันมีความเกี่ยวข้องต่อเนื่องกันมา และเฉิงเฉียนบอกหานยวนเรื่องมีค่ายกลภายนอกและไส้ศึกอีกฝั่ง ต้องร่วมมือกัน หลอกด้านนอก

จนภายนอกมีคนของสำนักโหราศาสตร์และอ๋องสาม ที่เฉิงเฉียนพอรู้ประวัติทำให้รู้ว่าคือจักรพรรดิอู่มาถึง กลับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอยากกลืนกินผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดเพื่อตัวเองจะได้ความสามารถของคนผู้นั้น สุดท้ายเหยียนเจิงหมิง เฉิงเฉียน หานยวน และอู๋ฉางเทียนฝ่าออกมาจากค่ายกล ท่านอ๋องสามที่เป็นค่ายกลหลอมกระดูกเองก็เรียกว่ากินจนท้องแตกเพราะรับพลังมากเกินไป และอู๋ฉางเทียนยอมสละตนเองแยกร่างอ๋องสามออกจากฟ้าดินเพราะจะกลืนกินฟ้าดิน ทำให้ทำลายค่ายกลได้สำเร็จ

ครั้งนี้ถังเจิ่นอยากจะให้หานยวนถูกกักอยู่ที่เขาฝูเหยาแต่ความจริงกับมีความคิดลึกล้ำกว่านั้น คำสาบานโลหิตยังคงอยู่หานยวนนั่งอยู่บนซากปรักของค่ายกลทศทิศ ส่วนเฉิงเฉียนก็บอกกับเหยียนเจิงหมิงว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเท่านี้ก็ทำเอาศิษย์พี่ใหญ่ที่ไม่ยอมเชื่ออะไร ยอมเชื่อคำพูดจนได้

เขาฝูเหยาเปิดอีกครั้งเพราะครั้งนี้รวมตัวกันของศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งห้าของสำนักฝูเหยา ผ่านไปร้อยปีในเขายังคงเดิมเหมือนเพิ่งจากไปเมื่อวันวาน

ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเฉิงเฉียนช่างใสซื่อไม่ทันคนอะไรขนาดนี้ ในที่สุดก็ถูกเจ้าแม่เหยียน ท่านป้าเหยียนที่จู้จี้ขี้บ่นจับกินไปซะแล้ว

วันที่สิบห้าสำนักฝูเหยามาที่เขาไท่อินอีกครั้ง เปี้ยนซวี่อยากเอาชีวิตหานยวนแต่เพราะมีจี่เชี่ยนหลี่เจ้าหมู่บ้านเขาพยัคฆ์ขาวปรากฏตัว เปลี่ยนจากการเอาชีวิตหานยวนเป็นให้เฝ้าชายแดนใต้เอาไว้ตลอดไป เป็นสาบานโลหิตเช่นกันกับสำนักฝูเหยา หานยวนจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่เคยถูกขับออกจากสำนักมาตลอด จี่เชี่ยนหลี่บอกเฉิงเฉียนว่าตัวเองไม่ได้ชื่อนี้ ตอนนั้นหลอกเฉิงเฉียนความจริงแล้วชื่อซั่งว่านเหนียน และบอกกับเฉิงเฉียนว่าห้ามบอกเรื่องสดับจักรวาลกับผู้ใดเด็ดขาด วันต่อมาซั่งว่านเหนียนก็ตายแล้วและจิตของซั่งว่านเหนียนก็มาหาเฉิงเฉียนเพื่อบอกว่าจิตปฐมของเฉิงเฉียนได้รับความเสียนหายตอนนี้ปิดผนึกเอาไว้ก่อน รอเมื่อจิตหายดีก็รับการถ่ายทอดสดับจักรวาลและรู้เรื่องราวทุกอย่างได้เอง

มีเรื่องที่ถังเจิ่นหนีไป เพราะพบกับมารนกที่เคยอยู่กับราชินีมารในตอนนั้น ทำให้ทั้งหมดรู้เรื่องว่าถังเจิ่นคือผู้สวมหมวกเขียวให้ราชามารนั้นเอง เรื่องราวซับซ้อนเฉิงเฉียนต้องการตามรอยไปที่ทะเลบาดาลตามหาภูเขาหิมะน้ำแข็งที่อยู่ของบัวทองสักครั้ง เหยียนเจิงหมิงต้องไปด้วย ทั้งหมดปิดเขาฝูเหยาแยกเดินทางลงใต้กับขึ้นเหนืออีกครั้ง

ครั้งนี้เฉิงเฉียนกับพบความจริงว่าแท้จริงแล้วถังเจิ่นคือเจ้าของตะเกียงกัดกร่อนที่แท้จริง และหลอกล่อเจี่ยงเผิง จนเข้าใจผิด คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต เพราะเฉิงเฉียนมีสดับจักรวาลทำให้วิชาวาดวิญญาณที่ถังเจิ่นฝังเอาไว้ไม่เป็นผล การหลอกล้มเหลว คิดว่าจะฝังทั้งเหยียนเจิงหมิงและเฉิงเฉียนไว้ที่ทะเลบาดาล แต่ทั้งสองก็กลับมาได้ และยังพบลิ่วหลางทำให้รู้ว่าร่างแท้จริงของถังเจิ่นอยู่ที่ไหน ก็คือเขาฝูเหยานี่เองที่เป็นอีกครึ่งหนึ่ง

ทางด้านหานยวน หลี่อวิ๋นก็โดนเปี้ยนซวี่ที่แค้นไม่เลิกทำพิธีเซ่นสรวงสำเร็จ ในสี่เมธีเป็นคนที่อยู่อย่างสงบที่สุดแต่ตายดังที่สุด และในที่สุดก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดล้วนถูกถังเจิ่นคิดคำนวณมานาน เดินมาในมรรคาภูตผีได้ขนาดนี้ นึกว่าจะอยู่เป็นอมตะ สุดท้ายคนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิตตายยังไงก็ไม่เข้าใจว่าตายได้ยังไง เพราะเฉิงเฉียนกับเหยียนเจิงหมิงเปิดประตูจากหุบปีศาจในใจที่มีอยู่ทุกที่เชื่อมต่อเขาฝูเหยา และสุดท้ายช่วยกัยขึ้นแท่นไม่เสียใจนำหินสารพัดนึกกลับคืน

โลกสงบสุขอีกครั้ง ตอนนี้เป็นยุคของฝูเหยาแล้ว สุ่ยเคิงอยากชิงราชามารยังไงก็ยังมีศิษย์พี่ที่คอยห่วงใย ต้องกลับบ้านมาทุกปีนะ

หลังอ่านเล่ม 3 :

หลังจากปมเรื่องต่างๆเฉลย ทำให้รู้ว่าสุดท้ายแล้ว เบื้องหลังของทุกอย่างคือใครบงการ ทุกอย่างมีที่มีที่ไป ผูกเรื่องได้ดีมาก จากเล่มหนึ่งที่ปูพื้นตัวละครจนจบ ไม่มีหลุดกรอบออกทะเลเลยทีเดียวค่ะ เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้อ่านกัน มีครบรส ฮา เศร้า ซึ้ง ทั้งได้แง่คิดในการบำเพ็ญเต๋าจากบางแง่มุมแฝงมาอีกด้วย สนุกมากเลยค่ะ แนะนำเลยทีเดียว 


เนื้อเรื่อง :

เล่าเรื่องในมุมของเฉิงเฉียนเป็นหลักตั้งแต่เด็กอายุสิบขวบที่ถูกทางบ้านขายให้ผู้บรรลุมู่ชุน ที่ตัวเองยังมองว่าเป็นแค่สำนักเต๋าที่หลอกลวง ระหว่างเดินทางกลับสำนัก อาจารย์ยังรับศิษย์คนที่สี่ที่อายุมากกว่าเฉิงเฉียนเป็นขอทานน้อยกำลังย่างไก่อยู่ในวัดร้าง และตั้งชื่อให้ว่าหานยวน

เมื่อถึงเขาฝูเหยา สำนักฝูเหยาเฉิงเฉียนจึงเริ่มเห็นว่าสำนักแห่งนี้ไม่ธรรมดา เฉิงเฉียนสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว ทำตัวเคร่งขรึมเกินวัย อาจารย์สอนอะไรก็เคร่งครัด จริงจัง ส่วนศิษย์พี่ใหญ่เหยียนเจิงหมิง ที่เป็นศิษย์เบิกขุนเขากลับต่างกัน เป็นคุณชายในบ้าน ใช้กระบี่ในการเริ่มต้น แตกต่างจากลักษณะภายนอกอย่างมาก ศิษย์พี่ใหญ่ชอบคนหน้าตาดี รักสะอาด อะไรก็ไม่ทำ เหล่าศิษย์น้องต่างเรียกว่าเจ้าแม่

และเพราะคำสั่งห้ามไปหลังเขาวันที่หนึ่งและสิบห้า แต่หลี่อวิ๋นศิษย์พี่รองกลับหลอกให้หานยวนเข้าไป ทำให้หายตัวไป อาจารย์จึงให้เหล่าศิษย์ไปตามกลับมา จนเก็บไข่มารฟ้ามาได้ และเป็นศิษย์น้องเล็กหญิงหานถาน สุ่ยเคิง

ในที่สุดก็ต้องออกจากสำนักไปสักครั้ง ไปครั้งนี้ถึงขนาดไปเป็นร้อยปีกลับมาเขาฝูเหยายังคงเดิมแต่คนกลับเปลี่ยนแปลงไป มาดูการเดินทางของเหล่าศิษย์ฝูเหยาที่ออกไปไม่เคยมีชื่อเสียง โดนกลั่นแกล้งรังแก จะพบเจอเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆที่ร้อยเรียงต่อกัน จนสุดท้าย ที่มาทั้งหมดล้วนเกิดจากการกระทำของใครที่คอยยุยง บงการเบื้องหลัง

เล่มหนึ่งจะเป็นการปูพื้นตัวละครที่บรรยายตั้งแต่เด็ก โดยอิงจากเฉิงเฉียนเป็นตัวตั้งเล่าเรื่องราว การมองในมุมของสามัญชน มองผู้ฝึกบำเพ็ญต่างๆ การเดินทางของเฉิงเฉียนและเหล่าศิษย์พี่ ศิษย์น้องของสำนักฝูเหยาจะเป็นยังไง ติดตามได้ในเนื้อเรื่องในเล่มได้เลยค่ะ

หลังอ่าน :

หลายๆคนอ่านไปเล่มหนึ่งจนจบคงสงสัยว่าใครคือพระเอก ใครคือนายเอก ความจริงจากบุคลิกก็พอจะคาดเดาได้

พระเอกของเรื่องคือศิษย์พี่ใหญ่ ที่เป็นเมะ แต่มีฉายาว่าเจ้าแม่ จู้จี้จุกจิก รักสะอาด แต่งตัวมาดคุณชาย เอาใจยาก ตามความคิดของศิษย์น้องทั้งหลาย

นายเอกคือศิษย์น้องสาม ศิษย์พี่เล็ก เสี่ยวเฉียน เป็นเคะที่ใสซื่อไม่รู้เรื่องทางโลก ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท มิตรสหาย พอมีก็ทุ่มเทให้ความช่วยเหลือ ยอมรับเต็มตัว นิสัยเงียบขรึม เก็บตัว ดื้อรั้น พูดคำไหนคำนั้น

ลักษณะนิสัยตัวละครในเรื่องนี้ชัดเจนมากๆ ปมเรื่องชัดเจน เฉลยปมชัดเจน มีเหตุมีผลของการกระทำ อ่านๆไปจะรู้ว่าใครคือลาสบอส เพราะวนเวียนตั้งแต่ต้นจริงๆ แล้วที่มาที่ไปก็ชัดเจนมากๆค่ะ

เป็นอีกเรื่องที่แนะนำให้อ่าน เล่มแรกจะปูพื้นมากหน่อย จากนั้นก็จะอ่านง่ายขึ้นค่ะ มีปมให้ติดตาม และลุ้นตลอด กับมีซีนอารมณ์อ่อนไหว โศก เศร้า ซึ้ง ฮา มีครบรสทีเดียวค่ะ   

-21/12/63-