Review 11/2562
เรื่อง : มธุรสหวานล้ำสลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง (2 เล่มจบ)
ผู้แต่ง : เตี้ยนเสี้ยน
ผู้แปล : ทีมงานห้องสมุด
พิมพ์ครั้งที่1 : กันยายน 2557
สนพ. ห้องสมุดดอตคอม
โปรยปก:
นางคือองุ่นน้อยลูกหนึ่ง
ถูกปกป้องไว้ในที่ที่ ปลอดภัยที่สุด มีความสุขที่สุด สงบและร่มเย็นที่สุด
นางไม่รู้จักความงาม ไม่รู้จักความหลงใหล ไม่เคยร้องไห้... และไม่รู้จักรัก
เพราะเจอเขาโลกของนางถึง เปลี่ยนไป... เพราะเจอเขา
นางจึงรู้ว่าความรักนั้นมีรูปร่างเป็นสิ่งใดก็ได้
เป็นผีเสื้อที่ขยับปีกโบย บิน เป็นหมึกที่ซึมลงไปในกระดาษฟาง เป็นเม็ดทรายที่ปลิวไปตามสายลม
เป็นสิ่งใดก็ได้ที่เล็ก กระจ้อยร่อยพอจะแทรกเข้าไปอยู่ในสายตาและอกอุ่นของเขา
คนนั้น
เล่ม1 :
จิ่นมี่ถือกำเนิดจากเทพธิดาบุปผาช่วงวันปักษ์น้ำค้างแข็ง
เมื่อถือกำเนิดก็ถูกป้อนยาเม็ดดาวตก ทำให้ไม่มีความรู้สึกรัก
ทั้งห้ามแต่งตั้งนางเป็นเทพธิดาบุปผา ให้เป็นเทพพเนจร
อาศัยอยู่ในปราการแก้วเป็นเวลาหมื่นปี เพื่อช่วยหลบเลี่ยงด่านทดสอบรัก
สี่พันปีผ่านไปภูตองุ่นน้อยจิ่นมี่อาศัยอยู่แต่ในปราการแก้ว
คิดแต่จะหาทางออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก และการเพิ่มพลังเซียนของตนเท่านั้น เหลียนเฉียวเพื่อนภูตบุปผาที่ชอบเก็บของมาให้จิ่นมี่เก็บของจากสวนหลังบ้านจิ่นมี่ได้
จิ่นมี่บอกว่าคืออีกาที่ใกล้ตาย เอาไปฝังทำปุ๋ยให้ดอกไม้เถอะ จิ่มมี่เอาไปฝัง
แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าอีกาตัวนี้ฝ่าเขตอาคมปราการแก้วเข้ามาได้
คงจะเป็นอีกาที่บำเพ็ญเพียรเพื่อเป็นเซียน เอามาตุ๋นกินเพิ่มพลังเซียนดีกว่า จึงช่วยชีวิตมันไว้ด้วยการป้อนน้ำหวานต่อลมหายใจ
อีกากลับกลายร่างเป็นมนุษย์ กำลังคิดว่าอีกาซ่อนน่ายตานจินย่วนไว้ที่ไหน
เลยลองหาดูจนไปถึงบริเวณท้องน้อย ลองบีบดู
คิดถึงตัวเองว่าไม่มีสิ่งนี้งั้นนี่ต้องเป็นน่ายตานจินย่วนแน่ๆ
จิ่นมี่ช่างใสซื่อไม่รู้รูปร่างลักษณะ ความแตกต่างภายนอกของชายหญิงโดยแท้
นี่มันตลกมากๆ นางจะเอาส่วนนั้นมาต้มกินนะ ทันใดก็ได้ยินเสียงทันใด บังอาจนัก
จิ่นมี่ตกใจมาก
รูปลักษณ์ปัจจุบันของจิ่นมี่ยังเทียบได้กับเด็กสิบขวบแดนมนุษย์อยู่เลย
จิ่นมี่ก็รีบแก้ตัวว่าตัวเองเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเอาน้ำหวานให้กิน
ก็ได้รับการถามว่าแล้วที่เอามีดมากวัดแกว่งตรงหน้าล่ะ
ก็แก้ตัวว่าเห็นบนร่างมีติ่งเนื้อแปลกประหลาดเมื่อช่วยแล้วก็จะช่วยให้ถึงที่สุดจะตัดออกให้
อีกาทำสีหน้าประหลาดบอกเจ้าเป็นสตรี ไม่รู้ความแตกต่างของหญิงชายหรอกหรือ
จิ่นมี่ไม่รู้จริงๆนั้นแหละ น่าสับสนยิ่งนัก แถมยังเสกให้จิ่นมี่กลับร่างจริง
พอตื่นก็ใช้ให้จิ่นมี่ไปหาอาหารมาให้ จิ่นมี่ไปหาไส้เดือนมาให้แล้วถามว่าอีกาไม่กินไส้เดือนหรอกหรือ
ใครว่าข้าเป็นอีกา หรือเป็นนกสาลิกาปากดำ ก็โดนสายตาเหยียดหยาม
แล้วก็ไม่สนใจจิ่นมี่ ถามว่าแถวนี้มีน้ำพุหรือไม่ จิ่นมี่พาไป อีกาตักน้ำพุมากิน
บอกหวานชุ่มคอ แต่จิ่นมี่เอาเท้าแกว่งน้ำเล่น ต่อหน้าเลยนะ
อีกาเลยถามว่าน้ำพุนี่ไว้ทำอะไร เลยได้คำตอบว่าเอาไว้ ล้างเท้า ซักผ้า อาบน้ำ
โอ้ยแทบจะกระอักอยู่แล้วจ้า ความกวนของจิ่นมี่ ความใสซื่อของนาง
ตอนนี้บอกว่าสกปรกโสโครก นางไม่เข้าใจ เมื่อกี้บอกหวานชุ่มคอ ตอนนี้บอกสกปรกโสโครก
นกเป็นสัตว์อารมณ์แปรปรวนเข้าใจยากจริงๆ จากนั้นก็ไม่สนใจจิ่นมี่เตรียมจากไป
จิ่นมี่เลยบอกให้ตอบแทนบุญคุณโดยพาไปแดนสวรรค์
จิ่นมี่โดนเสกให้เข้าไปอยู่ในแขนเสื้อแล้วก็พาไปเลย
พอถึงแดนสวรรค์จิ่นมี่ถึงได้รู้ว่าที่พาตนมาสวรรค์คือองค์ชายรอง เทพอัคคีวิหคเฟิ่งหวง
จิ่นมี่อยู่ในวังซีอู๋ของเฟิ่งหวง เดินสำรวจในสวน ได้พบกับสุนัขจิ้งจอกขนสีแดง
ที่แท้ก็เป็นท่านอาของเฟิ่งหวง เซียนจิ้งจอก
จากนั้นจิ่นมี่ได้ไปพักอยู่ที่วังยินหยวน ของเซียนจิ้งจอกที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องจับคู่
ดูแลเฉพาะเรื่องรักของมนุษย์และปีศาจ ไม่เกี่ยวข้องกับเซียน คอยผูกด้ายแดงให้กับมนุษย์
จิ่นมี่ไม่รู้เรื่องความรักแม้แต่น้อย เซียนจิ้งจอกเอาหนังสือภาพชุนกงมาสอนให้จิ่นมี่
จิ่นมี่เข้าใจดีถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง
และข้อดีของการเสพสังวาสตามที่เซียนจิ้งจอกกล่าว สามารถใช้ธาตุหยินหล่อเลี้ยงธาตุหยาง
และรับธาตุหยางมาเสริมธาตุหยินได้ แต่ที่จิ่นมี่ฟังเข้าใจคือการที่
นางจะเพิ่มพลังปราณเซียนก็หาลองหาใครมาผสมหยินหยางดู
ดูเหมือนจิ่นมี่จะคิดเรื่องเดียวคือเพิ่มพลังเซียน เรื่องอื่นไม่รู้เรื่องไปหมด
ใสซื่อที่สุด คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น พวกเทพเซียนมาขอด้ายแดงเสริมสิริมงคลเท่านั้น
แต่พอได้ยินเซียนจิ้งจอกบอกว่า อนาคตจิ่นมี่กับซวี่เฟิ่งจะตัดแขนเสื้อก็พากันโกรธ
จิ่นมี่ไม่รู้เรื่องเลย แถมเฟิ่งหวงก็ไม่บอกใครว่าจิ่นมี่เป็นหญิง
ท่านอาเซียนจิ้งจอกและทุกคนที่พบก็นึกว่าจิ่นมี่เป็นชายที่หน้าตาดีมาก จิ่นมี่สามารถเสกดอกไม้ได้ก็มีคนมากำนัลของให้
ที่ดีที่สุดคือไข่นกจาบปีกอ่อนของตำหนักเฟิ่งหวง พอจิ่นมี่เอาไปต้มกิน
ก็มีความร้อนราวกับอยู่ในน้ำมันเดือด เซียนจิ้งจอกเลยให้เฟิ่งหวงมาช่วย เพราะร่างกายจิ่นมี่ประกอบด้วยธาตุเย็น
นกจาบปีกอ่อนมีคุณสมบัติเป็นไฟ คงได้สลายเป็นกลุ่มควัน
พอจบเรื่องจิ่นมี่พลังเซียนลดลงกว่าครึ่งเลยไปขอให้เฟิ่งหวงถ่ายทอดพลังปราณเซียน
เฟิ่งหวงไม่ยอม จิ่นมี่ไปขอร้องใหม่ เฟิ่งหวงรับปากจะสอนวิธีบำเพ็ญตบะให้แก่นาง จิ่นมี่อยู่กับเฟิ่งหวงตลอด
จิ่นมี่ก็หน้าตาดี จนมีเทพธิดามาชอบ จิ่นมี่ก็ยังนึกว่ามาชอบเฟิ่งหวงก็ทำหน้าที่ส่งจดหมายให้เหมือนเดิม
ที่ไหนได้ เป็นจดหมายของตน จิ่นมี่ไม่ได้รู้สึกอะไรแค่วิจารณ์ไปโดยไม่คิดอะไร ที่ไหนได้กลับมีเทพมาสู่ขอจิ่นมี่
เฟิ่งหวงต้องปฏิเสธไปเพราะว่าจิ่นมี่ก็เป็นสตรี
แล้วก็ดึงปิ่นสะกดวิญญาณที่จิ่นมี่ปักไว้ออกให้ดู ร่างจริงของจิ่นมี่
ทำเอาคนตกใจกันหมด
หลังจากวันนั้นจิ่นมี่เห็นว่าเฟิ่งหวงไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
สายตาบ่งบอกถึงความครุ่นคิด หรือเค้าจะริษยานาง ที่มีเทพธิดามาหลงรัก
รอดบ่วงเสน่ห์ของเขาไปได้ จิ่นมี่เลยเก็บปิ่นสะกดวิญญาณปักเถาองุ่นแทน
เซียนรับใช้ในวังซีอู๋ก็บอกกับจิ่นมี่ว่า
จิ่นมี่เจ้ามันช่างมีหน้าตาหลอกล่อเหล่าภมรเสียจริง
จิ่นมี่ก็บอกว่ามันเป็นหน้าที่ของนางอยู่แล้ว ก็นางเป็นองุ่นนี่นะ
เฟิ่งหวงให้จิ่นมี่ปักปิ่นสะกดวิญญาณเหมือนเดิม
จิ่นมี่ก็ว่าข้าไม่ได้ตั้งใจจะหน้าตาดีกว่าท่านนะ
เรื่องเยว่เป้ยมันเป็นเรื่องบังเอิญ จนเฟิ่งหวงต้องบอกว่าเจ้ามันช่าง ซื่อบื้อ
จิ่นมี่ก็หาว่าเป็นอารมณ์แปรปรวนของสัตว์มีปีกอีก
ไม่รู้เลยว่าเค้าไม่อยากให้คนอื่นเห็นหน้าจริงของตัวเอง จิ่นมี่นี่สุดๆแล้ว เซียนจิ้งจอกเรียกจิ่นมี่ไปหา
จิ่นมี่เหาะไม่ได้ต้องเดินไประหว่างทางได้พบกับ เซียนปลาน้อย ชมว่าหางสุดยอด
เลี้ยงกวาง จะส่งไปห้องครัวไหน ที่แท้เป็นเทพรัตติกาลลุ่นอวี้
จากนั้นจิ่นมี่ก็นึกได้ว่าต้องไปหา เซียนจิ้งจอก ไปถึงดูละคร และก็ได้พบเหล่าหู
ที่เลี้ยงดูจิ่นมี่มา
และได้ฟังเรื่องราวว่าเทพธิดาทั้งยี่สิบสี่นางตามหาจิ่นมี่ไปทั่ว ให้กลับไปกับตน
จิ่นมี่ต้องไปขออนุญาตเฟิ่งหวง พอเจอเฟิ่งหวงก็บอกว่าต้องไปทำธุระที่ แดนปีศาจพอดี
จิ่นมี่ก็อยากตามไปด้วยเลยขอเก็ยข้าวของก่อนแล้วแอบตามไปในเสื้อคลุมของเฟิ่งหวง
เฟิ่งหวงก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องแต่ก็ยอมให้ตามไป
ไปถึงแดนปีศาจต้องทำตัวเป็นสาวใช้ของเฟิ่งหวง จิ่นมี่คิดว่ามันก็เหมือนเดิมกับตอนอยู่บนสวรรค์
มาแดนปีศาจจิ่นมี่ เฟิ่งหวง พบลุ่นอวี้
จิ่นมี่ทักทายในที่สุดก็รู้ว่าคือเทพมังกรรัตติกาล
ทุกคนจะต้องถูกจิ่นมี่มองผิดไปหมด อัคคีวิหคกลายเป็นอีกา มังกรกลายเป็นปลา
พอมองอีกแง่จิ่นมี่มีนิสัยเรียบง่าย ใสซื่อจริงๆ มาแดนปีศาจจับปีศาจฉงฉี ตอนไปจับปีศาจฉงฉี
เฟิ่งหวงกับเทพรัตติกาลเสกให้จิ่นมี่ตัวแข็งอยู่ในโรงเตี๊ยม
จิ่นมี่ก็พลาดเรื่องสนุกไปเลย
พอจับกลับมาจิ่นมี่แอบปล่อยเพราะคิดว่าจะชิงน่ายตานจิงยวน เฟิ่งหวงได้ช่วยจิ่นมี่ไว้และถูกเข็มพิษของปีศาจฉงฉี
สิ่งที่จะช่วยรักษาพิษกาฬโรคของปีศาจฉงฉีได้คือเห็ดหลินจือ
องค์หญิงหลิวอิงจะไปขอจากแดนบุปผาแต่จิ่นมี่บอกว่าจะเสกให้
ถ้าเสกได้ให้เฟิ่งหวงมอบตบะสามร้อยปีให้เป็นการตอบแทน ในที่สุดก็เสกได้
เฟิ่งหวงถามว่าเจ้าเป็นใครทำไมถึงเสกเห็ดหลินจือได้ จิ่นมี่ไม่ได้ตอบแต่ทำให้เฟิ่งหวงสลบและให้กินยา
จิ่นมี่เฝ้าเฟิ่งหวงจนหลับไป ตื่นขึ้นมาก็พบว่าเฟิ่งหวงฟื้นแล้ว
ทั้งหัวหน้าเทพธิดาบุปผาก็มาแล้ว จากกันหนึ่งร้อยปีจิ่นมี่ดีใจยิ่งนักส่งยิ้มให้
แต่พวกนางไม่ยิ้มตอบเลย จิ่นมี่ถูกกักอยู่ในปราการแก้วอีกครา
ครั้งนี้ลุ่นอวี้มาพาจิ่นมี่ออกไป ได้ไปซ่อนตัวในโลกมนุษย์ ได้รู้เรื่องราวสนุกๆของโลกมนุษย์
เจ้าที่ที่ช่วยดูแลจิ่นมี่ บอกจิ่นมี่ว่ามีสิ่งบันเทิงเริงรมย์ของมนุษย์ที่ไม่ควรพลาดคือ
การกิน การดื่ม การพนัน การเที่ยวผู้หญิง กิน
กับดื่มแล้ว ต่อไปการพนัน จากนั้นก็เที่ยวผู้หญิงไปหอนางโลม
แต่เปลี่ยนเป็นหอบำเรอชายเพราะจิ่นมี่ได้ยินเสียงเรียกมู่ตาน เฟิ่งหวงตามมาเจอ
จนได้และเผาหอบำเรอชายซะวอดวาย ดีที่ได้เทพวารีมาช่วยดับไฟและสั่งสอน
จิ่นมี่กล่าวว่าเฟิ่งหวงจะเผานางไม่ได้จะเผาผู้คน
เฟิ่งหวงยังกล่าวว่าให้เผาข้ายังดีกว่าเผาเจ้า จากนั้นก็ต่อว่าจิ่นมี่ที่มาสถานที่อย่างนี้ดีที่แก่นเซียนไม่หายไป
จิ่นมี่ให้เฟิ่งหวงและเทพรัตติกาลดื่มสุราดอกไม้ของตัวเอง ทั้งคู่ดื่มจนเมา
จิ่นมี่ดูแลเฟิ่งหวงและทวงตบะเซียน เฟิ่งหวงถามว่ากี่ปีจิ่นมี่บอกว่าหกร้อยปี
แล้วก็คิดถึงการเสพสังวาสที่เพิ่มพลังเซียน
จิ่นมี่คิดถึงแต่เรื่องการเพิ่มพลังอย่างเดียวเลย เฟิ่งหวงจูบตอบก่อนที่จะรู้ตัวบอกว่าผิดแล้ว
ยุ่งแล้ว เฟิ่งหวงสารภาพว่ารู้ว่าจิ่นมี่รักตน
และตนก็รักจิ่นมี่แต่ว่าไม่อาจคู่กันได้ จะต้องโทษอาญาสวรรค์ สลายกลายเป็นผุยผง
ยิ่งฟังจิ่นมี่ยิ่งงง ตื่นขึ้นมาจิ่นมี่พบขนนกอัคคีวิหคของเฟิ่งหวงก็เอามาปักแทนปิ่น
ลุ่นอวี้มาหา พอเห้นก็บอกว่าจิ่นมี่ปักเถาองุ่นดีว่า
จิ่นมี่เลยให้เถาองุ่นลุ่นอวี้ไปด้วย ดูไปเหมือนบังเอิญแต่ลุ่นอวี้มาแผนการ
ไม่ได้เปิดเผยจริงใจเหมือนเฟิ่งหวงเลย
จิ่นมี่ไม่รู้เรื่องคบเป็นเพื่อนกับทุกคนไม่มีความรู้สึกแบบชายหญิงกับใคร
จิ่นมี่ถามลุ่นอวี้ว่าเฟิ่งหวงไปไหน ลุ่นอวี้บอกว่าไปงานฉลองวันเกิดของฮองเฮา
มารดาของเฟิ่งหวง จิ่นมี่เพิ่งได้พลังจากเฟิ่งหวงมาอยากจะอวดเลยจะเสกเม็ดหมากเป็นซาลาเปากลับกลายเป็นลูกเห็บ
จิ่นมี่ผิดหวัง แต่ลุ่นอวี้น่าจะคาดเดาความเป็นมาของจิ่นมี่ได้ส่วนหนึ่ง
จากเรื่องนี้ ทั้งอยู่กินข้าวด้วยกัน ตอนพาไปกินข้าวจิ่นมี่จะสั่งอาหารเห็นคนก่อนหน้าเรียกเสี่ยวเอ้อ
ถึงตานางควรเรียกเสี่ยวซาน ซึ่งเป็นคำด่าในโลกมนุษย์จิ่นมี่ไม่เข้าใจ
เพราะนางใสซื่อมากที่สุด สั่งซาลาเปาน้ำซุปไส้ปู กัดคำโตแล้วมีน้ำพุ่งออกมา
ลุ่นอวี้ไม่ว่าอะไร เซียนปลาน้อยอะไรก็ดี จะไปงานเลี้ยงยังใช้อาคมกักจิ่นมี่ไว้อีก
จิ่นมี่ท่องคาถาบทสวด ตบะทอง ตบะไม้ จนมาถึงตบะน้ำเป็นคาถาสุดท้ายในที่สุดก็ได้ผล
อาคมแตกสลายเป็นไอน้ำปกคลุม จากนั้นใช้คาถาเรียกเจ้าที่มานำทาง กลับเป็นท่านขำก๊าก
ณ มุมหนึ่งในร้านอาหารเช้านั่นเอง ท่านขำก๊ากพาจิ่นมี่ไปแดนสวรรค์และเข้างานได้เพราะขนอัคคีวิหคของเฟิ่งหวงนั่นเอง
ในงานมีเทพเซียนมากมาย ในงานเมื่อถึงตอนสำคัญอยู่ดีๆก็มีงูออกมาทำให้จิ่นมี่ตกใจ
เป็นจุดสนใจของทุกคน เพราะองุ่นกลัวงูเป็นที่สุด เมื่อฮองเฮาเห็นก็ว่าเป็นเซียนมาจากไหนทำไมปกปิดรูปโฉมจริง
จิ่นมี่ไม่คิดอะไรก็คืนร่างเดิม ทุกคนเห็นก็ตกใจเพราะว่าหน้าตาเหมือนกับเทพธิดาบุปผาองค์ก่อนจื่อเฟิน ทุกคนทั้งเง็กเซียนฮ่องเต้ เทพวารี ฮองเฮา สนใจจิ่นมี่ถามว่าอยู่ที่ไหนจิ่นมี่บอกว่าอยู่ในปราการแก้ว
จิ่นมี่ไม่สนใจอะไร
พอเห็นซุยเหอเซียนนกยูงนั่งข้างเฟิ่งหวงกับที่ฟังพวกเซียนคุยกันก่อนหน้านี้ที่บอกว่าฮองเฮาจะจับคู่ให้เฟิ่งหวง
จิ่นมี่ก็พูดขึ้นมาว่า เฟิ่งหวงและเซียนนกยูงนัดกันมาฝึกวิชาเสพสังวาสนี่เอง
เพราะในหัวของจิ่นมี่มีเพียงเรื่องเดียวที่สนใจนั่นคือการเพิ่มพลังเซียนการเสพสังวาสเป็นการเพิ่มพลังเซียนรูปแบบหนึ่ง
ช่างไร้เดียงสาจริงๆเลย เรื่องนี้ทำให้ฮองเฮาโกรธมากจะจับจิ่นมี่มาลงโทษ
แต่มีเสียงห้าเสียงประสานขึ้นว่าไม่ได้ นั่นคือ เฟิ่งหวง ลุ่นอวี้ เทพวารี
เง็กเซียนฮ่องเต้และเซียนจิ้งจอก
ระหว่างช่วงคับขันฮองเฮาคิดกำจัดจิ่นมี่เขี้ยงปิ่นออกไป
แต่ไปปะทะกับปราการป้องกันของฮวนตี้ขนอัคคีวิหคที่เฟิ่งหวงมอบให้จิ่นมี่
ช่วงฉุกละหุกท่านขำก๊ากได้พาจิ่นมี่หลบหนีไป ที่ป้อมปราการน้ำซีเจี่ยวของตน และชวนมาเป็นชายา
ให้กำเนิดบุตร จิ่นมี่คิดไปไกลมากว่าลูกจะออกมาเป็นอะไร
บอกว่าไม่ให้กำเนิดบุตรแต่เสพสังวาสได้ เพราะคิดแล้วคงเพิ่มปราณเซียนได้
เอาเรื่องเดียวจริงๆเลยจิ่นมี่ เยี่ยนโย่วได้ฟังก็ดีใจมาก เฟิ่งหวงตามมาบอกว่านึกว่าท่านเยี่ยนโย่ว
จะแค่เบื่อการเป็นเทพเซียนบนสวรรค์ ถึงได้หนีมาเป็นภูตพรายในโลกมนุษย์
ตอนนี้แม้แต่ภูตพรายก็ไม่อยากเป็นแล้ว จะเป็นเถ้าธุลีแทน แล้วก็จะทำน้ำเดือดให้ปลาตาย
เยี่ยนโย่วจำต้องปล่อยจิ่นมี่ จิ่นมี่สัญญากับเฟิ่งหวงว่าต่อไปไม่กล้าอีกแล้ว จิ่นมี่ไม่เข้าใจเรื่องราวความรักจริงๆ
นี่เฟิ่งหวงกำลังหึงอยู่นะยังไม่รู้อีก นึกว่าอารมณ์แปรปรวน ตอนนี้เฟิ่งหวงกำลังคิดว่าตัวเองกับจิ่นมี่มีบิดาคนเดียวกันอยู่
จากนั้นก็มีเทพจะมาจับจิ่นมี่ไปลงโทษตามบัญชาฮองเฮาแต่เฟิ่งหวงขวางไว้
ลุ่นอวี้ก็มา หัวหน้าเทพธิดาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ในเรื่องที่เฟิ่งหวงกล่าว
จิ่นมี่บอกว่าชอบหมดทุกคน จิ่นมี่ถูกขังในปราการแก้วและเทพธิดาบุปผาเฝ้าไว้
แต่คืนนั้นเง็กเซียนฮ่องเต้เรียกวิญญาณจิ่นมี่มาหาทั้งยังบอกว่าจิ่นมี่เป็นบุตรสาวตน
จิ่นมี่ไม่คิดอะไรอยากได้แต่พลังเซียนอย่างเดียว อยู่ดีๆก็ได้พลังเซียนห้าปี
จิ่นมี่ไม่ฟังอะไรอีก
ตื่นมาตอนเช้าไปเฝ้าสุสานเทพธิดาบุปผาขอโทษที่แอบอ้างเป็นลูกก็เจอเทพวารีมาหา
ตอนนั้นจิ่นมี่กำลังอยากอวดพลังห้าพันปีเลยเรียกท่านขำก๊ากมา
เทพวารีเห็นก็ถามว่าจิ่นมี่ใช้คาถาอะไรเรียกเยี่ยนโย่ว เทพวารีถามว่าจิ่นมี่เรียกฝนได้หรือไม่จิ่นมี่ไม่เคยลอง
จึงลองดู ตอนแรกไม่เกิดอะไร สุดได้มีเกล็ดหิมะตกลงมาตอนที่หัวหน้าเทพธิดาบุปผามาถึงแล้ว
ระหว่างนั้นจิ่นมี่ก็เป็นลมไปเพราะพลังเซียนห้าพันปีที่ได้รับขัดกับร่างกายตน
เทพวารีจึงถามที่มาของจิ่นมี่ธิดาบุปผาไม่สามารถบอกได้เพราะสาบานไว้แล้ว เหล่าหูจึงเล่าเรื่องราวครั้งนั้นแทน
สาเหตุเพราะความเจ้าชู้ของเง็กเซียนฮ่องเต้และฮองเฮาที่อยากกำจัดเทพธิดาบุปผาทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆตามมา
เมื่อรู้ความจริงเทพวารีก็แค้นนัก
จากนั้นก็จะไปหาเง็กเซียนฮ่องเต้เพื่อให้ดึงพลังคืน
ที่ประตูสวรรค์ลุ่นอวี้ทำเป็นมองไม่เห็นเทพวารีเข้ามาทักและสารภาพรักกับจิ่นมี่
จิ่นมี่ไม่ทันเล่ห์ก็ตอบไปกลับไปว่าข้าก็ชอบท่านเช่นกัน
เมื่อไปเจอเง็กเซียนฮ่องเต้ และบอกความจริงเฟิ่งหวงก็อยู่ด้วย
ตอนแรกดีใจที่รู้ว่าจิ่นมี่ไม่ใช่พี่น้องกับตน
แล้วก็เป็นว่าที่ชายาของลุ่นอวี้แทนเพราะสัญญาหมั้นหมายในกาลก่อน
ลุ่นอวี้จะเอาขนอัคคีวิหคคืนให้เฟิ่งหวง เฟิ่งหวงบอกว่าของที่มอบให้แล้วไม่รับคืน
จิ่นมี่คิดถึงตัวเองเพิ่งเสียพลังห้าพันปี
จะไม่ยอมเสียอีกหกร้อยปีเลยบอกว่าไม่คืนให้ซักอย่าง เฟิ่งหวงนัดจิ่นมี่ไปเจอ พอเจอจิ่นมี่เลยบอกว่าแต่งงานจะได้สลายความแค้น
และเล่าเรื่องราวให้ฟังในครั้งนั้น เทพวารีพาจิ่นมี่ไปพบพระยูไลเพื่อแก้ยันต์ผู้พิทักษ์
พระยูไลกล่าวว่าผู้ที่ใกล้ตาย จะแก้ยันต์ผู้พิทักษ์ออกหรือไม่ มีค่าเท่ากัน
หลังอ่านเล่ม1 :
จิ่นมี่ที่นึกว่าตนเป็นเพียงภูตองุ่นตัวเล็กๆมีตบะพลังเซียนไม่มาก
จะทำทุกอย่างเพื่อเพิ่มพลังเซียนของตน จิตใจใสสะอาด
ไม่รู้จักความรักเพราะตอนเกิดมาได้กินยาไร้รักทำให้ไม่รู้จักความรัก ไม่เข้าใจ
อารมณ์ในเล่มนี้เฟิ่งหวงจะคอยดูแลจิ่นมี่ ตั้งแต่แรก ให้อยู่ใกล้
พอมีคนรู้ว่าจิ่นมี่หน้าตาดีก็จะไม่พอใจ แต่จิ่นมี่เอาแต่คิดว่าเฟิ่งหวงอารมณ์แปรปรวนแบบสัตว์ปีก
ตอนใกล้จบของเล่มในที่สุดจิ่นมี่ก็รู้ชาติกำเนิดของตัวเองแล้วจากนั้นจะเป็นยังไงต้องตามอ่านต่อในเล่มจบ
โปรยปกเล่ม2 :
เขา คือพญาวิหคเพลิงผู้หยิ่งยโส
เขาไม่ เคยมองสิ่งใดที่มีค่าเล็กน้อย... แต่เขากลับรักองุ่นน้อยลูกหนึ่ง รักมาก
จนยากจะหายาแก้
รักเรื้อรังจนยอมสละแล้วซึ่งทุกสิ่งแม้กระทั่งตำแหน่งที่สูงที่สุดบนสรวงสวรรค์
รักจน ยอมลงนรกอเวจี รักจนกระทั่งโดนเสียบแทงทะลุหัวใจก็ยังตัดใจไม่ขาด ครั้ง
หนึ่งเขาเคยลั่นวาจาว่า ‘หากเจ้าบอกว่ารักข้า ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้-- พูดครั้งหนึ่งลงดาบครั้งหนึ่ง’
เพราะ เขารู้ดีว่า หากนางพูดออกมาจริงๆ เขาคงไม่อาจตัดใจปล่อยนางไปได้
เล่ม2 :
พระยูไลกล่าวว่าโชคชะตาตนเองเป็นผู้กำหนด
รูปลักษณ์เกิดจากจิตใจ ใจนิ่งเสียสรรพสิ่งก็จักนิ่ง
พระยูไลวางขี้ธูปลงบนกำมือจิ่นมี่แล้วกล่าว ความรักเป็นสาเหตุให้เกิดความทุกข์
ความรักเป็นสาเหตุให้เกิดความกลัว หากหลีกหนีความรักได้
ก็จักไม่ทุกข์แล้วก็ไม่กลัว หวังว่าธูปนี้จะช่วยให้เจ้าพ้นเคราะห์กรรม
จิ่นมี่ไม่เข้าใจที่พระยูไลกล่าว พอกลับมาก็ยังเจอกับเฟิ่งหวงที่อารมณ์แปรปรวน
จิ่นมี่ไม่เข้าใจว่านั้นคือการงอน ส่วนเฟิ่งหวงก็ใช้ซุ่ยเหอคิดจะทำให้จิ่นมี่หึง
แต่จิ่นมี่จะไปรู้เรื่องอะไร ในเมื่อตอนนี้จิ่นมี่ไม่รู้จักความรัก แต่พอได้ยินว่าเฟิ่งหวงบาดเจ็บ
การกระทำก็ไวกว่าความคิด รีบไปหา และรู้สึกเหมือนมีเพลี้ยกัดกินจิตใจ
จิ่นมี่ไม่รู้เลยว่านี่คือความรู้สึกของเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่รักบาดเจ็บ
จิ่นมี่ดูแลเฟิ่งหวงทั้งคืน จนตอนเช้าเฟิ่งหวงก็กล่าวว่า
ที่จริงแล้วในใจของเจ้าก็มีข้าอยู่ใช่ไหมล่ะ
ส่วนเซียนปลาน้อยก็รอคอยการมาของจิ่นมี่พร้อมกับมารฝัน
ที่จิ่นมี่สอนให้แกล้งตาย วิชาเอาตัวรอดของนางเอง สรวงสวรรค์กำหนดวันแต่งงานของจิ่นมี่กับเซียนปลาน้อยลุ่นอวี้แล้วคือวันที่แปดเดือนสาม
คืนนั้นจิ่นมี่ไปหาเฟิ่งหวง และได้ร่วมคืนวสันต์ด้วยกัน
เหตุการณ์นี้ลุ่นอวี้ก็รู้เพราะมารฝัน
แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ก็เป็นอีกข้อที่แตกต่างของเฟิ่งหวงกับลุ่นอวี้
ที่มีแผนการมากมาย จิ่นมี่ที่ไม่ทันใครจะไปเข้าใจอะไรได้ เฟิ่งหวงแสดงความจริงใจ
แต่จิ่นมี่ก็ไม่เข้าใจอันนั้นต้องใช้เวลา เพราะมันอยู่ในใจอยู่แล้ว เรื่องราวจะค่อยๆเผยออกมาในภายหลัง
ตอนนี้เซียนปลาน้อยได้รู้แล้วก็บอกกับจิ่นมี่ถึงเรื่องราวของตัวเองในอดีต
ว่าตัวเองแตกต่างจากฝูงปลาไน แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้กลมกลืน จนกระทั่งรู้ความจริงว่าตัวเองเป็นมังกรขาวที่อยากเป็นปลา
จิ่นมี่บอกว่านางก็เหมือนกัน คิดว่าเป็นองุ่นจริงๆแล้วเป็นเกล็ดน้ำค้างแข็ง เซียนปลาน้อยขอจิ่นมี่เพียงรักข้าน้อยข้าไม่ว่า
แต่ขอให้รักข้าไปนานๆ
เฟิ่งหวงมาหาจิ่นมี่
ในเมื่อจิ่นมี่ไม่เข้าใจในรัก ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ไม่เข้าใจคำพูดขอทุกคน
เฟิ่งหวงก็บอกว่าไม่ยอมให้จิ่นมี่แต่งงาน
จิ่นมี่กลับบอกว่าทำลายงานแต่งงานต้องตกนรก เหมือนพูดกันคนละเรื่องซึ่งก็ใช่จริงๆ จากนั้นจิ่นมี่ก็ถูกฮองเฮาหลอกไปฆ่า
เพราะทั้งหมดล้วนไปฟังธรรมเทศนาของพระยูไล จิ่นมี่ก็ไป กว่าจะรู้ตัวก็เกือบถูกฮองเฮาฆ่าไปแล้ว
จากนั้นจึงแกล้งตาย คนที่มาช่วยจิ่นมี่เป็นคนแรกก็คือเฟิ่งหวง จากนั้นเทพวารี
เซียนปลาน้อย เง็กเซียนฮ่องเต้ก็มา
ทั้งที่รู้ว่าจิ่นมี่แกล้งตายแต่เซียนปลาน้อยไม่บอกใคร คิดจะใช้เทพวารีกำจัดฮองเฮา
แต่เฟิ่งหวงรับเอาไว้แทน ทำให้ผิดแผนแต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่พอใจ
เง็กเซียนฮ่องเต้รู้ความจริงว่าฮองเฮากำจัดเทพธิดาบุปผาองค์ก่อน
ก็เลยสั่งขังถอดยศฮองเฮา เฟิ่งหวงบาดเจ็บ จิ่นมี่รักษาตัวอยู่และได้เทพวารีดูแล
และได้มอบดาบใบหลิวที่หลอมรวมตบะครึ่งหนึ่งเอาไว้ให้จิ่นมี่ป้องกันตัว จิ่นมี่คิดถึงเฟิ่งหวง
จึงไปเยี่ยม แต่แทนที่จะเจอกลับพบกับซุ่ยเหอเฝ้าอยู่
เฟิ่งหวงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจิ่นมี่ ซุ่ยเหอก็แอบอ้างตนเอง
ภาพนั้นทำให้จิ่นมี่กลับไปด้วยความสับสน
ต่อมาเฟิ่งหวงยังมาบอกว่ารู้ว่าจิ่นมี่มาหาตน
แปลว่าเฟิ่งหวงเข้าใจผิดตอนที่จูบกับซุ่ยเหอ จากนั้นท่านขำก๊ากก็มาหาจิ่นมี่และบอกไม่ให้แต่งงานกับเทพรัตติกาล
แต่จิ่นมี่ก็ไม่ได้แต่งงานในวันที่แปดเดือนสาม เพราะการจากไปของเทพวารี
เง็กเซียนฮ่องเต้แต่งตั้งให้จิ่นมี่เป็นเทพวารีสืบต่อจากท่านพ่อและไว้ทุกข์สามปี
เฟิ่งหวงและลุ่นอวี้บอกว่าจะหาตัวคนร้ายมาให้ได้ จิ่นมี่เฝ้าสุสานที่แดนบุปผา
ทั้งวันอ่านกลอนรักที่นำมาจากท่านกามเทพ และหัดคักอักษรจากกลอนเหล่านั้น
เฟิ่งหวงมาเยี่ยม พอเห็นนึกว่าเขียนกลอนรักหาใคร จิ่นมี่ไม่เข้าใจ
แค่บอกว่ากระดาษดี เฟิ่งหวงขอก็มอบให้ เฟิ่งหวงดีใจมาก
จิ่นมี่ขอให้เฟิ่งหวงไม่แต่งกับซุ่ยเหอ เฟิ่งหวงรับปาก พอถามถึงคนอื่น จิ่นมี่ก็บอกว่าไม่ดี
เอ่ยชื่อใครก็บอกว่าไม่ดี เฟิ่งหวงดีใจมากบอกว่าจะแต่งกับนางคนเดียวแต่จิ่นมี่ฟังไม่เข้าใจหลอกนะ
ส่วนเซียนปลาน้อยก็ยุ่งมาก จิ่นมี่เห็นเซียนปลาน้อยทำดีกับทุกคน
เฟิ่งหวงรักจิ่นมี่ก็คอยมาเยี่ยมนางเสมอ จิ่นมี่มีความสุขแต่ตัวเองไม่รู้ตัว สามปีผ่านไป
วันที่เจ็ดเดือนสามคืนก่อนวันแต่งงาน
จิ่นมี่ตัดปลายผมฝากหิ่งห้อยนำไปมอบให้เฟิ่งหวง ตัดแล้วซึ่งเส้นผมสีนิล
สายใยแห่งความรัก เพราะจิ่นมี่สัญญาว่าจะกตัญญูต่อท่านพ่อ ที่แท้ในงานแต่งงานเซียนปลาน้อยคิดก่อกบฏ
เฟิ่งหวงรู้มานานจึงเตรียมการป้องกัน และปกป้องจิ่นมี่ แต่จิ่นมี่ผู้ไม่รู้เรื่องอะไร
หลังจากได้ฟังความในใจของเซียนปลาน้อย ที่บอกว่าตนกตัญญูต่อมารดาที่ตายไป
ที่โดนฮองเฮาฆ่าตาย พอจิ่นมี่ได้ยินคำพูดก็คิดถึงท่านพ่อ
ที่ตนเข้าใจว่าตายด้วยน้ำมือของเฟิ่งหวงเพราะไฟกรกชโลกันตร์ที่มีเพี่ยวเฟิ่งหวงและฮองเฮาที่ใช้ได้
ไม่คิดว่ามีผู้อื่นใช้เป็น จิ่นมี่จึงแทงกริชที่เทพวารีเคยให้ไว้ไปที่เฟิ่งหวง
เฟิ่งหวงถามเพียงคำเดียวว่าทำไม เจ้าเคยรักข้านี่ จิ่นมี่ตอบว่าไม่เคย
พอเห็นเฟิ่งหวงสลายไปต่อหน้า จึงกระอักไข่มุกสีดำออกมาก่อนที่มันจะสลายไป และสลบไป
เมื่อฟื้นขึ้นมาทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เฟิ่งหวงตายแล้ว
เซียนปลาน้อยเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ ส่วนจิ่นมี่หลับไปครึ่งปี เมื่อนางคิดได้ว่าเฟิ่งหวงตายแล้ว
ก็เจ็บที่อกอย่างประหลาด บอกว่าใจข้าหล่นหาย ข้าทำมันหายไปแล้ว จิ่นมี่คิดว่าตนต้องมนตร์คุณไสย
พอตื่นอีกทีก็เป็นฤดูใบไม้ผลิแล้ว จิ่นมี่มาหาท่านไท่ซ่างเหล่าจวินขอยาเม็ดสีทองที่ช่วยยืดอายุของเทพ
ไท่ซ่างเหล่าจวินขอคิดดูก่อนเพราะกว่าจะกลั่นยาออกมาได้สามเม็ดใช้เวลาสามพันหกร้อยปี
เซียนปลาน้อยรู้เรื่องก็บอกจะไปพูดให้ พอกลับมาท่านไท่ซ่างเหล่าจวินบอกว่าจะมอบให้ถ้าจิ่นมี่เอาพลังหกส่วนของตัวเองมาแลก
จิ่นมี่ตกลงทันที หลังจากได้ยาเม็ดสีทองจิ่นมีก็ไปที่แม่น้ำลืมอดีต
นางคิดเสมอว่าเฟิ่งหวงยังอยู่ พอท่านปู่พายเรือบอกว่าไม่เคยเจอเฟิ่งหวง
จิ่นมี่ไม่ละความพยายามลุยลงในแม่น้ำเพื่อมองหาดวงวิญญาณของเฟิ่งหวง
จนเซียนปลาน้อยมาพาไปก่อนที่แม่น้ำลืมอดีตจะกลืนกินดวงวิญญาณของนางไปด้วย
จิ่นมี่พูดเพียงว่า ขอเพียงเขาฟื้นคืนมาก็สามารถแก้มนตร์นี้ได้ สิบปีผ่านไปนอกจากการไปแม่น้ำลืมอดีต
จิ่นมี่อยู่ในห้องวาดภาพเฟิ่งหวงทั้งหมดหมื่นแผ่น จนกระทั่งมาที่แม่น้ำลืมอดีตอีกครั้ง
ครั้งนี้ท่านปู่บอกว่าช่วงนี้มีคนแต่งกายโดดเด่น พอเอ่ยมาจิ่นมี่ก็รู้ว่าเป็น
ซุ่ยเหอ คราวนี้จิ่นมี่ตามซุ่ยเหอไป
ในที่สุดก็รู้ว่าซุ่ยเหอและเปี้ยนเฉิงอ๋องที่หก ได้เก็บวิญญาณของเฟิ่งหวงไว้ได้
เพราะเฟิ่งหวงเป็นวิหคเพลิง จิ่นมี่จึงเอายาเม็ดสีทองมาช่วยเฟิ่งหวง
แต่พอเฟิ่งหวงฟื้นซุ่ยเหอก็มารับความชอบไปว่าตนเป็นคนช่วยเฟิ่งหวง
อีกครั้งแล้วสินะ คราวนี้จิ่นมี่ก็จะแอบหนีมาดูเฟิ่งหวงที่แดนปีศาจ
เฟิ่งหวงตั้งตนเป็นจอมมาร ตอนที่จิ่นมี่แอบหนีมาที่แดนปีศาจจะปลอมตัวเป็นกระต่าย คอยแอบมอง
นึกว่าคนไม่รู้แต่จริงๆแล้วทุกคนเห็นแต่ไม่สนใจ ทุกคนบอกว่าจิ่นมี่รักเฟิ่งหวงแต่จิ่นมี่ไม่เข้าใจ
ในที่สุดก็รู้ความจริงว่ารักคืออะไร และทำไมตนถึงไม่มีความรู้สึก
จิ่นมี่ต้องการพิสูจน์จึงไปที่แดนปีศาจเห็นเฟิ่งหวงกำลังเมา
ก็คิดถึงครั้งที่เฟิ่งหวงเมาว่าจะจำไม่ได้ เฟิ่งหวงเอาแต่บอกว่าน้ำดื่ม
จิ่นมี่ป้อนน้ำแต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นตกเป็นของเฟิ่งหวงอีกครั้ง พอเฟิ่งหวงเอ่ยว่าซุ่ยเหอ
จิ่นมี่จึงรู้ว่าตนเข้าใจผิดไปเอง เพราะเรื่องนี้ทำให้จิ่นมี่เสียใจมีน้ำตา
เดินมาเรื่อยเปื่อยจนถึงแดนบุปผาหน้าสุสานของเทพวารี เหล่าหูและท่านกามเทพมาเจอ
ในที่สุดก็บอกว่าจิ่นมีจะมีความรู้สึกได้ยังไง และเล่าเรื่องยาเม็ดดาวตก
ยาไร้รักให้จิ่นมี่ฟัง พอรู้ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร เขาสังหารท่านพ่อ นางสังหารเขา
จิ่นมี่ไม่มีที่ไปต้องกลับสวรรค์ ในที่สุดก็รับปากแต่งงานกับเซียนปลาน้อย
ระหว่างที่เดินเรื่อยเปื่อยไปเจอท่านขำก๊ากที่ประตูสวรรค์ จิ่นมี่เห็นซุ่ยเหอ
จึงตัดสินใจตามไปดู ที่แท้ ความจริงแล้ว เซียนปลาน้อยรู้ว่าซุ่ยเหอสังหารท่านพ่อแต่ปิดบัง
ให้จิ่นมี่คิดว่าเป็นเฟิ่งหวง ส่วนเรื่องเฟิ่งหวงแม้จะฟื้นคืนมา
แต่ในตัวยาเม็ดสีทองเซียนปลาน้อยได้ใส่ตัวยาเพิ่มเข้าไป ทำให้พลังสะท้อนกลับ
ในที่สุดจิ่นมี่ก็รู้เรื่องทั้งหมด จึงได้ไปขอโทษเฟิ่งหวง และบอกความจริง
เฟิ่งหวงไม่ฟังหาว่าจิ่นมี่แกล้งทำ จิ่นมี่บอกว่ารักเฟิ่งหวง จากนั้น
เซียนปลาน้อยก็ยกทหารสวรรค์มา จิ่นมี่รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ
ทำให้คิดถึงคำพูดของพระยูไล
ตอนนั้นเองที่จิ่นมี่คิดได้ว่าเซียนปลาน้อยทำอะไรกับยาของเฟิ่งหวงและได้บอกไป
ทำให้เซียนปลาน้อยคิดกำจัดเฟิ่งหวง จิ่นมี่เห็นเอาตัวมาบังตอนนั้นเฟิ่งหวงก็ปล่อยพลังเข้าใส่เซียนปลาน้อยเช่นกัน
ทำให้ทั้งสองคนไม่เป็นอะไรแต่จิ่นมี่เป็นคนที่สลายไปพร้อมกับที่มือมีแสงสีทองเกิดขึ้น
จิ่นมี่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน จำไม่ได้
รู้แต่ว่าอยู่ในดวงตาของชายผู้หนึ่งที่เรียกว่าจอมมาร เห็นทุกสิ่งที่เขามอง
ฟังแต่ไม่เข้าใจ
ในที่สุดก็รู้ว่าจริงๆแล้วเฟิ่งหวงรู้ทุกอย่างแต่แก้ทำเป็นไม่สนใจจิ่นมี่
แต่มาตอนนี้ก็สายไปแล้ว เฟิ่งหวงไปหาพระยูไล พระยูไลเข้าใจทันใด
กล่าวว่าอยู่ใกล้แค่ตา ที่ที่ดวงตาทอดไปถึง หัวใจก็มองเห็น
สิ่งที่เจ้ามองเห็นก็คือสิ่งที่นางจ้องอยู่ เซียนปลาน้อยมาหาเฟิ่งหวงเอากระดาษที่จิ่นมี่วาดไว้มาให้ในที่สุดทั้งสองก็กล่าวว่าไม่จองเวรต่อกัน
จิ่นมี่สบายใจยิ่งนัก เพราะได้ยินทุกสิ่ง เห็นทุกอย่าง
เมื่อเฟิ่งหวงเห็นสิ่งที่จิ่นมี่วาดไว้ก็พูดความในใจออกมาทั้งหมด สุดท้ายก็หลั่งน้ำตา
ทำให้จิ่นมี่ที่เป็นน้ำตาร่วงหล่นลงมา
ห้าพันปีต่อมาในที่สุดจิ่นมี่ก็ได้มาเกิดอีกครั้ง
และครั้งนี้เฟิ่งหวงก็มารับนางไปอยู่ด้วยกัน เมื่ออยู่ด้วยกัน
เฟิ่งหวงจะต้องรอให้จิ่นมี่ขอตบะ เพื่อดูว่านางรักเขา
ส่วนจิ่นมี่จะร้องขอตบะเพื่อพิสูจน์ว่าเขารักนาง ในบางครั้งคำว่ารักก็เรียบง่ายเพียงนี้
หลังอ่านเล่ม2 :
จะเห็นว่าจิ่นมี่ที่ไม่รู้เรื่องราวของความรัก
ที่ดำเนินชีวิตเรื่อยมา ถึงที่สุดแล้วก็ต้องรู้ว่าจริงๆแล้วนางก็รู้จักความรัก
และความเสียใจ เนื้อเรื่องเข้มข้นมากกว่าเล่มหนึ่ง มีทุกอารมณ์รัก เศร้า ผิดหวัง
โกรธ อ่านจนจบเรื่องจะเข้าใจทั้งเฟิ่งหวงและจิ่นมี่อย่างแท้จริง
หลังอ่าน :
จิ่นมี่ –ภูตองุ่น
ร่างแท้จริงคือเกล็ดน้ำค้างแข็งที่อาศัยอยู่ในปราการแก้วแดนบุปผา ในชีวิตสี่พันปีที่กำเนิดมา
ไม่เคยรู้จักเรื่องราวความรัก ความรู้สึกรัก นิสัยจึงซื่อตรง คิดถึงแต่การเพิ่มตบะเพื่อเป็นเซียนเท่านั้นทุกเรื่องที่เกิดขึ้นคือการเพิ่มตบะทั้งสิ่น
แต่เพราะชะตาฟ้าลิขิตยากจะฝ่าฝืนยังไงก็ยังมีบททดสอบมาให้นางได้พบ ได้รู้จักเรื่องราวของความรักจนได้
เฟิ่งหวง ซวี่เฟิ่ง – เทพอัคคีวิหค
เพราะการเป็นอัคคีวิหคทำให้ต้องเข้าสู้สังสารวัฏ
เพราะการนี้จึงได้พบกับจิ่นมี่และเกิดเรื่องราวต่อเนื่องมามากมาย เฟิ่งหวงเทพอัคคีที่มีหน้าตางดงาม
เป็นหวงเพียงจิ่นมี่เท่านั้น แต่จิ่นมี่กับไม่รู้ว่านั้นคือสิ่งใด
คิดว่านี่คืออารมณ์แปรปรวนแบบสัตว์ปีก
จากเล่มแรกที่จิ่นมี่
ได้กินยาเม็ดดาวตกไม่เข้าใจเรื่องราวความรักในโลก
พูดตามความรู้สึกของตนเองที่เห็นว่าการเพิ่มตบะเซียนนั้นสำคัญที่สุด
ทุกสิ่งที่คิดถึงก็คือการเพิ่มตบะเซียน แม้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก
ที่มีความรู้สึกทางกายผสานรวมด้วย นางก็ไม่เคยคิดถึง
การเสพสังวาสความหมายเดียวของจิ่นมี่คือการเพิ่มตบะเซียนล้วนๆ ทุกคนไม่เข้าใจ
ก็ใครละจะเข้าใจว่านางไม่มีความรู้สึกเรื่องความรัก
แต่เนื้อเรื่องจะเผยออกมาเรื่อยๆอย่างตอนที่เฟิ่งหวงแกล้งป่วย จิ่นมี่จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหมือนมีเพลี้ยกัดกิน
ก็ยังไม่รู้ตัวว่าตนเป็นอะไร และอื่นๆอีกหลายครั้ง เวลามีความสุข
จิ่นมี่ก็ยังไม่รู้ว่านั้นคือความสุขจากความรัก ทั้งๆที่เทพธิดาบุปผาตั้งใจดี
ป้องกันไว้ก่อน แต่ลิขิตสวรรค์ยากจะหลีกพ้น จนในที่สุด
ที่ความเข้าใจผิดทำให้จิ่นมี่ทำร้ายเฟิ่งหวง พอฟื้นขึ้นมายังคิดว่าตัวเองทำใจหล่นหาย
ต้องมนตร์คุณไสยอีก เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆโดยมีจิ่นมี่เป็นตัวเอก
เซียนปลาน้อยเจ้าแผนการ จากความที่มีบุคลิกนิ่งเงียบน่านับถือ ทำให้ทุกคนเชื่อใจ
เฟิ่งหวงที่รักจิ่นมี่แต่ถูกจิ่นมี่เข้าใจผิด จากเล่มแรกที่เนื้อเรื่องสนุก ขำ ฮา
กับความไม่รู้ในหลายๆเรื่องของจิ่นมี่ กลายเป็นเรื่องราวที่มีทั้งอารมณ์เศร้า ซึ้ง
ผิดหวัง เสียใจ ทุกอย่างใส่มาหมด ทำให้ต้องคอยตามว่าสุดท้าย
จิ่นมี่จะรู้ความจริงหรือไม่ว่าตนรักเฟิ่งหวง
และเฟิ่งหวงจะบอกให้จิ่นมี่เข้าใจได้อย่างไรว่าตั้งแต่แรกไม่มีใครแทนที่จิ่นมี่ได้
รวมทั้งบทส่งท้าย และตอนพิเศษที่บอกสรุปเรื่องราวทั้งหมด ของความรักระหว่าจิ่นมี่และเฟิ่งหวง
ซวี่เฟิ่ง ต้องลองอ่านความรักแท้ที่เกิดขึ้นหลายพันปีของเทพอัคคีและองุ่นน้อย หรือที่ร่างจริงจะเป็นเกล็ดน้ำแข็งค้างของจิ่นมี่กัน
เพราะมีทุกรสชาติ ทุกอารมณ์จริงๆ เหมือนตอนจบของเรื่องที่เขียนไว้ว่า ในบางครั้งคำว่ารักก็เรียบง่ายเพียงนี้เอง