Review 6/2562
เรื่อง : บันทึกปิ่น (8 เล่มจบ)
ผู้แต่ง : เช่อเช่อชิงหาน
ผู้แปล : อรจิรา
เล่ม1 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กันยายน 2560
เล่ม2 พิมพ์ครั้งที่1 : ตุลาคม 2560
เล่ม3 พิมพ์ครั้งที่1 : พฤศจิกายน 2560
เล่ม4 พิมพ์ครั้งที่1 : มกราคม 2560
เล่ม5 พิมพ์ครั้งที่1 : มีนาคม 2561
เล่ม6 พิมพ์ครั้งที่1 : พฤษภาคม 2561
เล่ม7 พิมพ์ครั้งที่1 : สิงหาคม 2561
เล่ม8 พิมพ์ครั้งที่1 : พฤศจิกายน 2561
สนพ. สยามอินเตอร์บุ๊ค
คำนำเล่ม 1
:
บันทึกปิ่น เป็นผลงานของเช่อเช่อชิงหาน
จัดเป็นนวนิยายที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในจีนและไต้หวัน เรื่องราวเล่าถึงสตรีงาม
"หวงจื่อเสีย" ที่ประสบชะตากรรมเลือดล้างตระกูล
ทั้งตัวเองยังถูกปรักปรำเป็นฆาตกร หากแต่นางซึ่งถูกขนานนามว่าทาริกาอัจฉริยะ
ทั้งยังเคยไขคดีฆาตกรรมมากมาย นางมีหรือที่จะยอมแพ้
นางต้องชำระคดีความนี้ให้จงได้! หวังว่าทุกท่านจะสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการไขคดีของหวงจื่อเสีย
โปรยปกหลังเล่ม1 :
หวงจื่อเสีย
สตรีผู้ไขปริศนาจนโด่งดังไปทั่วหล้า หากแต่ภายในคืนเดียว
จากหญิงอัจฉริยะผู้เชี่ยวชาญการไขคดีกลับกลายเป็นฆาตกรวางยาพิษสังหารคนในครอบครัว
เป็นนักโทษที่ติดประกาศจับไปทั่ว
เล่ม1 :
หวงจื่อเสีย หลบหนีประกาศจับทางการเดินทางมาเมืองหลวงฉางอัน
เพราะต้องการแก้แค้นหนี้เลือดของครอบครัว
ระหว่างการเข้าเมืองได้รับการช่วยเหลือจากทหาร จางสิงอิง ที่คุมขบวนของขุยอ๋อง
หลี่ซูไป๋(องค์ชายสี่)
จึงสามารถเข้าประตูเมืองได้จากนั้นจะหลบออกจากจวนอ๋องแต่ไม่มีโอกาส และคิดไม่ถึงว่าจะถูกขุยอ๋องจับได้ระหว่างทางไปตำหนักฤดูร้อนนอกเมือง
ท่านอ๋องไม่มีความรักหยกถนอมบุปผาเลย แต่เวลานั้นหวงจื่อเสียก็ปลอมตัวเป็นชาย
สภาพทรุดโทรมสุดๆ โดนทั้งบีบลูกกระเดือกและเหยียบอก
คิดดูนี่เป็นการพบกันครั้งแรกนะ แต่เพียงแค่นี้ท่านอ๋องก็คาดเดาฐานะของนางเอกได้แล้วว่าเป็นหวงจื่อเสียที่โดนประกาศจับอยู่แค่ดูมือซ้ายนี่แหละ
(555) หวงจื่อเสียจึงคิดได้ว่าผู้ที่จะสามารถช่วยเหลือตนได้นั้นมีเพียงขุยอ๋อง
หลี่ซูไป๋เท่านั้น
จึงได้ลองต่อรองกับขุยอ๋องเมื่อมองเห็นปลาน้อยสีแดงที่ขุยอ๋องใส่ขวดแก้วอยู่ข้างกาย
ว่าสามารถไขคดีได้ ขุยอ๋องไม่สนใจ พอถึงตำหนักฤดูร้อนยังโดนถีบตกน้ำอีก
เป็นนางเอกเรื่องนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ (555) หวงจื่อเสียคิดดูแล้วว่าคนที่ตนจะไปขอความช่วยเหลือไม่มีความสามารถและบารมีเท่าขุยอ๋อง
จึงได้ขอร้อง ต่อรองหลี่ซูไป๋ ช่วงนี้ของเมืองหลวงเกิดคดีประหลาด คดีจตุรทิศ ขึ้น ขุยอ๋องจึงได้ให้เวลาสิบวันในการไขคดี
ซึ่งหวงจื่อเสียสามารถไขคดีได้
จึงได้สร้างสถานะใหม่ให้หวงจื่อเสียเป็นขันทีในตำหนักชื่อหยางฉงกู่
คอยอยู่ข้างกายรับใช้ โดยข้อแลกเปลี่ยนคือหาคนบงการที่อยู่เบื้องหลัง
ช่วยไขคดีที่เป็นความลับของตนนั้นคือการที่หลี่ซูไป๋ได้ยันต์ประหลาดจากตอนปราบกบฏเมื่อสามปีก่อน
ที่มีวันเดือนปีเกิดเขียนคำสาปแช่งแปลกประหลาด หม้าย พิการ กำพร้า โดดเดี่ยว
หมดค่า โรคภัย ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นๆขึ้นบนยันต์จะมีวงสีแดงที่คำนั้นๆ
แม้จะเก็บรักษาอย่างดี แต่ก็เกิดเหตุจนได้ ครั้งนี้เพราะอีก สิบวันจะถึงวันเลือกพระชายาจึงคิดว่าต้องมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นแน่นอน
จึงให้หวงจื่อเสียระวังไว้ก่อน คนที่ได้รับเลือกเป็นว่าที่พระชายาคือ
หวางรั่วแห่งตระกลูหวาง แห่งหลางหยาของหวางฮองเฮา
พอได้เทียบวันเกิดก็รู้ว่าเป็นเทียบปลอม และมีพิรุธหลายอย่าง
หวงจื่อเสียและหลี่ซูไป๋คอยจับตาดูเพื่อไม่ให้เกิดเรื่อง
แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ในวันใกล้วันแต่งงาน
เพราะหวางรั่วหายตัวไปในตำหนักยงฉุนที่ปิดล้อมยากจะมีคนร้ายได้
คนหายไปในพริบตาทิ้งไว้เพียงปิ่นหนึ่งอัน เมื่อค้นหาในตำหนักที่ไม่ใหญ่นัก
ที่หลี่ซูไป๋นั่งรินชาดื่มเฉยๆ โดยให้หวงจื่อเสียออกแรงค้นคนเดียว
ช่างเป็นนายท่านใหญ่เสียจริง (555) ค้นจนทั่วไม่เจอสิ่งใด
หลี่ซูไป๋จึงโยนก้อนเงินครึ่งก้อนให้ เป็นเบาะแสในที่เกิดเหตุ
ที่เกี่ยวเนื่องถึงกบฏผังซวินเมื่อสามปีก่อนที่หลอมก้อนเงินแต่งตั้งขุนนางปลอมนั่นเอง
เล่ม2 :
หลังเกิดเรื่องกับหวางรั่วที่หายตัวไปในสถานที่ไม่อาจรอดพ้นสายตา
ที่พบต่อมาคือศพของหญิงปริศนาที่แต่งกายในวันที่หวางรั่วหายตัวไป จึงให้
โจวจื่อฉินชันสูตร หวงจื่อเสียพบว่าลักษณะนิ้วมือไม่ใช่คนเดียวกัน
แต่ปิดเป็นความลับไว้ก่อน พอเอาเรื่องที่รู้ทุกอย่างมาสรุปกัน
หวงจื่อเสียและหลี่ซูไป๋คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันหลายฝ่ายและในวงกว้างรวมไปถึงเรื่องกบฏผังซวินเมื่อสามปีก่อนด้วย
จึงทำการสืบในหลายทาง และเรื่องนี้ยังเกี่ยวกับหกนงคราญแห่งหยางโจว
เมื่อเอ่ยถึงก้อนเงินทำให้หลี่ซูไป๋เล่าเรื่องในปีนั้นที่ปราบกบฏให้หวงจื่อเสียฟัง
ที่ได้ช่วยหญิงสองคนแซ่เฉิง อีกคนเป็นพี่น้องต่างแซ่ชื่อเสี่ยวซือจะทหารกบฏต่อมาได้ให้ปิ่นเงินแก่หลี่ซูไป๋แต่เขาไม่สนใจจึงโยนทิ้งไป
ก็คนนิสัยอย่างนี้นี่นะ หวงจื่อเสียถามว่าปิ่นเงินแน่หรือ
ความจำของหลี่ซูไป๋ดีมากเห็นผ่านตาก็จดจำได้ แถมรักษาสะอาดที่สุด
จึงถามว่ามีอะไรแปลกหรือซึ่งหวงจื่อเสียตอบว่านั่นไม่ใช่ปิ่นทั่วไป
ก่อนหน้านี้เพราะหวงจื่อเสียได้ตำแหน่งในจวนเป็นขันทีขั้นต้นแต่ดันขัดจังหวะการพูด
และโดนหลี่ซูไป๋แกล้งหักเงินเดือนสิบหกเดือนเพราะเสียมารยาทขัดคำพูดเจ้านายและอื่นๆอีกหลายข้อ
หวงจื่อเสียไม่มีเงินเลย ตอนนี้หลี่ซูไป๋จึงส่ง ป้ายคำสั่งต้าถังขุยอ๋องให้เพื่อเอาไว้ใช้ในการสืบคดีบอกว่าห้ามทำป้ายหาย
มีเพียงหนึ่งเดียวในแผ่นดิน
ก่อนหน้านั้นหวงจื่อเสียได้เจอเฉินเนี่ยนเหนียงแห่งเรือนอวิ๋นเสามาตามหาเพื่อนสนิทที่มาเป็นธุระส่งลูกสาวของคนรู้จักให้ในเมืองหลงแต่ยังไม่กลับไปคือเฝิงอี้เหนียง
เฉินเหนียงได้วานให้หวงจื่อเสียสืบหาให้และได้นำรูปวาดมาพอเห็นหวงจื่อเสียก็รู้ว่าเป็นท่านป้าคนสนิทของหวางรั่ว
และตอนนี้ก็ได้กลายเป็นศพโดนโรคระบาดตายไปแล้วแต่ความจริงตายเพราะพิษ
หวงจื่อเสียได้ฟังเรื่องราวจากเฉินเนี่ยนเหนียงและจิ่นหนูนักดนตรีผีผาที่มีอาจารย์คือเหมยหว่านจื้อแห่งเรือนอวิ๋นเสาที่เป็นอันดับสองในหกนงคราญ
จึงได้ขอร้องให้เฉินเนี่ยนเหนียงเขียนจดหมายหาเสวี่ยเซ่อลูกสาวของเหมยหว่านจื้อที่อยู่กับหลันไต้นำรูปวาดของหกนงคราญมาฉางอัน
เพื่อยืนยันเรื่องราว ระหว่างนั้นจิ่นหนูนักผีผาแห่งหอสังคีตได้หายตัวไป
หวงจื่อเสีย หลี่ซูไป๋และโจวจื่อฉินเจอศพหัวขาด เสื้อผ้า
และของใช้ส่วนตัวของจิ่นหนูที่ทางระบายน้ำตรอกหลังที่พักจิ่นหนู
ก่อนหน้านั้นหวงจื่อเสียได้ไปสืบที่ที่พักของจิ่นหนูได้พบก้อนเงินตำลึงอีกครึ่งก้อน
และได้ฟังว่ามีคนพบหญิงงามมาหาจิ่นหนูพร้อมภาพวาดหกนงคราญ
หลี่ซูไป๋เห็นหวงจื่อเสียเวลาคิดเรื่องคดีจะดึงปิ่นมาขีดเขียนเรียบเรียงความคิดประจำ
จึงได้มอบปิ่นที่มีสลักสองชั้นสามารถดึงชั้นนอกออกมาแต่ด้านในยังปักอยู่ที่ผมได้
(ดูความใส่ใจของพระเอกสิ รักนะแต่ไม่บอก)
หวงจื่อเสียในที่สุดก็เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ขุยอ๋อง
หลี่ซูไป๋บอกว่าจะปกป้องหวงจื่อเสีย ต้องทำให้ตระกลูหวางนำศพกลับไปฝังไม่ได้เพื่อเปิดเผยความจริง
หวงจื่อเสียไม่ทำให้ผิดหวังสามารถวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆได้อย่างชัดเจน
และบอกได้ว่าหวางรั่วหายไปได้อย่างไร ผู้ตายที่เป็นศพคือใคร ศพหัวขาดคือใคร
ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง และทำทั้งหมดเพื่ออะไร เรื่องทั้งหมดตรงตามที่คาดเดาทุกประการ
คดีที่ชายาขุยอ๋องปิดฉากลงพร้อมบทสรุปเช่นนี้
ท้ายเรื่องฮองเฮามีรับสั่งให้เข้าเฝ้า หวงจื่อเสียจึงไปบอกหลี่ซูไป๋ที่ไหนได้พอหันหลังก็โดนเตะลงสระบัวถึงสามครั้งครา
พอขึ้นมาจึงบอกว่าเพราะเป็นหวัดไปไม่ได้ นั่นคือความห่วงใยรูปแบบของขุยอ๋องนะ
แต่ก็ไม่รอดพ้น ยังไงก็ต้องไป จึงพูดเพียงคำเดียว ฐานะจริง เพียงแค่นั้น
แล้วให้หวงจื่อเสียไปพบฮองเฮาและไปรอรับกลับนั่นคือความห่วงใย ใส่ใจของขุยอ๋องล่ะ
โปรยปกหลังเล่ม3 :
หนึ่งเหตุไม่คาดฝัน
ส่งผลให้พบเจอความจริงอันน่าตระหนก การตายของสามัญชนคนหนึ่งกลับเกี่ยวโยงถึงความรุ่งเรืองเสื่อมโทรมของต้าถัง
หวงจื่อเสียขันทีจำเป็นต้องเตรียมมุ่งหน้าสู่เสฉวน สืบคดีอยุติธรรมของครอบครัว
กลับต้องเผชิญหน้ากับคดีฆาตกรรมทั้งในวังและนอกวังไม่หยุดหย่อน
จนถูกชักนำเข้าไปพัวพันกับความลับในวังอีกครา มาตรว่าครั้งนี้ทุกอย่างดูเหมือนง่ายดาย
ทว่าพริบตากลับไร้เงื่อนงำให้สืบหา
เล่ม3 :
ไท่เฟยมารดาของเอ้ออ๋องหลี่รุ่น องค์ชายเจ็ด
มีอาการสติเลอะเลือนตลอดสิบปีที่ผ่าน
มีสติแจ่มใสช่วงหนึ่งได้มอบกระดาษลอกลายเขียนด้วยดินสอถ่าน
วาดสิ่งที่ไม่รู้ความหมายให้เขาแผ่นหนึ่งกระดาษนี้ถูกเก็บไว้อย่างดีจนเก่า
ตอนแรกเขาคิดจะทิ้งไปกลับเปลี่ยนใจภายหลังเก็บไว้
วันที่สิบเก้าเดือนหกเป็นวันที่บรรลุมรรคผลของพระโพธิสัตว์
ผู้คนล้นหลามต่างมาที่วัดเจี้ยนฝูรวมถึง หลี่ซูไป๋ หวงจื่อเสียและโจวจื่อฉิน
ขณะฟังอาจารย์เหลี่ยวเจินเทศนาถึงช่วง เพราะกระทำชั่วไปทั่ว กรรมคืนสนอง
ก็มีสายฟ้าฟาดใส่เทียนยักษ์ด้านซ้าย ผู้คนแตกตื่น มีชายผู้หนึ่งถูกเปลวไฟตกใส่
เผาร่างจนตาย
ภายหลังถึงรู้ว่าเป็นขันทีมีป้ายคำสั่งจวนองค์หญิงถงชางเผาไหม้ดำอยู่กับตัว
เมื่อคนของศาลต้าหลี่มาทั้งหมดจึงหมดหน้าที่ ออกจากวัดที่ฝนตกหนัก
บนถนนมีเหตุให้รถม้าหยุด หวงจื่อเสียจึงลงไปดู
เป็นขอทานน้อยอายุประมาณสี่ขวบขวางทางหมดสติบนถนนไม่มีคนสนใจช่วยเหลือ
ขณะนั้นมีคนผู้หนึ่งมาอุ้มเพื่อพาไปโรงหมอพอผ่านหน้าหวงจื่อเสียถึงรู้ว่าเป็นอวี่เซวียน
ผู้ที่ทำให้หวงจื่อเสียจิตใจสั่นไหวในครั้งยังอยู่เสฉวน
หวงจื่อเสียสงสัยว่าคนผู้นี้จะเป็นคนวางยาในบ้านนางทำให้เกิดคดีเลือดที่เสฉวน
แต่หลักฐานยืนยันที่อยู่แน่นหนาทำให้ไม่มีเบาะแส
หลี่ซูไป๋กล่าวกับหวงจื่อเสียว่าสมมุติว่าไปถึงเสฉวนแล้วร่องรอยทุกอย่างสูญหายเจ้าจะทำเช่นไร
หวงจื่อเสียได้บอกว่า ในโลกนี้ ขอเพียงมีคนทำเรื่องชั่วช้าย่อมต้องเหลือร่องรอยไว้
หลี่ซูไป๋กล่าวอย่างไร้ความลังเล "ข้าจะหนุนหลังเจ้าเสมอ เจ้าไม่จำเป็นต้องห่วงกังวล
แค่วางใจไปทำก็พอ" (ดูสิ ความใส่ใจ ความดูแลของพระเอกมีมากแค่ไหน
น่ารักมากๆๆๆ)
ในเหลาจุ้ยจิ่น หวงจื่อเสีย
และโจวจื่อฉินได้ยินนักเล่านิทานเล่าถึง องค์หญิงถงชาง
ที่เอ่ยคำแรกเมื่อตอนอายุสี่ขวบว่า "จะรอด"
เป็นเหตุให้ฮ่องเต้ที่ตอนนั้นเป็นอวิ้นอ๋องซึ่งกังวลในฐานะตนได้ครองราชย์พอดีทำให้ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานองค์หญิงถงชาง
หลิงฮุยยิ่งนัก เมื่อปีกลายได้แต่งให้เหวยเป่าเหิงจิ้นซื่อปีเสียนทงที่ห้า
สินเจ้าสาวยาวสิบลี้
สมบัติชิ้นที่โปรดปรานที่สุดคือปิ่นเก้าหงส์สมบัติหายากมีค่าควรเมือง
หวงจื่อเสียและโจวจื่อฉินนั่งคุยกันถึงคดีว่าขันทีที่ถูกฟ้าผ่าผู้นั้นคือ
เว่ยสีหมิ่นขันทีประจำจวนองค์หญิง จงรักภักดีกับองค์หญิงมาก เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์
ชี้ที่ใดก็ไปกัดที่นั่น
จากนั้นหวงจื่อเสียและโจวจื่อฉินก็มาหาจางสิงอิงเพื่อพาไปทำงานที่กองทหารองครักษ์ทองซ้าย
แต่มาเจอหวางอวิ้น(คู่หมั้นหมายที่หวงจื่อเสียปฏิเสธจะแต่งงานด้วยจนต่อมาเกิดคดีเลือดขึ้น)
ที่จะมารับตำแหน่งใหม่ที่กองทหารองครักษ์ทองซ้าย
เลยบอกว่าให้ชนะตีคลีจะยอมพิจารณาอีกที ฝ่ายหวงจื่อเสีย โจวจื่อฉิน
จางสิงอิงมีเพียงสามคนต้องการผู้ร่วมแข่งอีกสองคน หวงจื่อเสียจึงไปขอร้องให้เจาอ๋อง
หลี่รุ่ย(องค์ชายเก้า)ช่วย เวลานั้นมีเอ้ออ๋องอยู่ด้วยทั้งสองจึงรับปาก
รุ่งขึ้นเป็นวันแข่งขัน หลี่ซูไป๋ผู้มีงานมากมายรู้ข่าวเพียงบอกให้ระวังตัว
หวงจื่อเสียไปถึงสนามตีคลี พบจางสิงอิงที่ไม่มีม้าของตนเอง
พอโจวจื่อฉินมาจึงทำหน้าหนาขอยืมม้าจากฝ่ายตรงข้าม
เอาม้าตัวดีที่สุดที่เหวยเป่าเหิง ราชบุตรเขยเลือกไว้
เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองเป็นสหายร่วมเรียนกัน
เหวยเป่าเหิงจึงสุ่มเลือกม้าตัวดำด้านข้างมาใหม่หนึ่งตัว ก่อนการแข่งขันเริ่ม
ฮ่องเต้ กัวซูเฟยและองค์หญิงถงชางเสด็จมาทอดพระเนตรการตีคลีนี้ด้วย หวงจื่อเสียแข่งได้ไม่แพ้ผู้ชาย
หวางอวิ้นพยายามหาโอกาสทำปิ่นของหวงจื่อเสียหลุดในการแข่งขันเพื่อดูว่าหวงจื่อเสียที่แท้เป็นใครจากนั้นนัดให้ไปพบที่จวนเสนา
ขุยอ๋องตามมาและได้ช่วยเปลี่ยนตัวกับหวงจื่อเสียลงแข่งแทน
ขุยอ๋องและตี๋เอ้อม้าดำฝีเท้าดีแสดงความโดดเด่นจนฝ่ายตรงข้ามต้องขอพักการแข่งขัน
จบการแข่งด้วยการที่ม้าของเหวยเป่าเหิงล้ม
ทำให้ราชบุตรเขยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแต่องค์หญิงถงชางไม่ยอม
และเรียกร้องให้หวงจื่อเสียช่วยคลี่คลายคดีให้รวมถึงคดีที่วัดเจี้ยนฝูด้วย
เมื่อหลี่ซูไป๋ยอมรับปาก ที่แรกที่จะไปสืบคือจากตัวม้า พบว่าม้าที่เหวยเป่าเหิงขี่ได้มีการงัดตะปูเกือกม้าออกทำให้ม้าสะดุดล้ม
จากนั้นทั้งหมดได้พักผ่อนแล้วเจาอ๋องก็พูดขึ้นว่าถ้ามีกู่โหลวจื่อด้วยจะดีแค่ไหน
จางสิงอิงจึงบอกว่าน้องสาวที่บ้านทำเตรียมไว้ให้เพราะเห็นว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ
หวงจื่อเสียสงสัยว่าจางสิงอิงไม่มีน้องสาวที่ไหนแล้วนางคือใคร
จางสิงอิงเล่าว่าเก็บได้ระหว่างไปเก็บสมุนไพรบนเขาเลยช่วยเอาไว้ ชื่ออาตี๋
พอถึงบ้านเอ้ออ๋องสังเกตเห็นภาพในบ้านที่เป็นลายเลอะเทอะไร้ระเบียบ
จางสิงอิงจึงบอกว่าอดีตฮ่องเต้พระราชทานภาพนี้ให้บิดาที่ไปรักษาพระอาการ
บิดาหวงภาพนี้มากแต่วันนี้นำออกมาบูชา จึงขอดู
ทั้งหมดมาล้อมดูเห็นเป็นภาพสามกระจุก เจาอ๋องดูออกว่าเป็นภาพคนสามคน จากขวาไปซ้าย
ภาพแรกภาพเหตุการณ์คนถูกไฟเผาตายจากสายฟ้าฟาด
ทำให้หวงจื่อเสียและโจวจื่อฉินนึกไปถึงเหตุการณ์ในวัดเจี้ยนฝูเมื่อหลายวันก่อน
แต่ภาพนี้มีตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนจะเกี่ยวกันได้อย่างไร
จากนั้นโจวจื่อฉินก็ชี้ไปที่ภาพกลางและเห็นว่าคล้ายเป็นคนตายอยู่ในกรงขัง
ส่วนภาพสุดท้ายจางสิงอิงดูออกว่าเหมือนนกตัวใหญ่บินมาจิกคน ส่วนคนวิ่งหนีสุดชีวิต
เมื่อกลับไปสืบที่วัดเจี้ยนฝูปลาทั้งบ่อได้ตายหมดก้นบ่อเจอเหล็กเส้นลักษณะประหลาด
และปลายังถูกพิษปรอทตายอีกด้วย
หวงจื่อเสียทำการสืบหาร่อยรอยไปที่ละขั้นเก็บรวบรวมข้อมูลจนพบเงื่อนงำขึ้นเรื่อยๆได้พบหลี่ว์จื้อหยวนช่างทำเทียนที่เหยียดอิสตรี
มีบุตรสาวคนเดียว
พอสืบไปจะพบว่าหลี่ว์ตีชุ่ยบุตรสาวของตาเฒ่าหลี่ว์ก็คืออาตี๋ที่อยู่กับจางสิงอิง
หวงจื่อเสียไปเจอหวางอวิ้นได้ขออภัยที่ตนทำให้เสียชื่อเสียงและขอให้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายและการแต่งงาน
แต่หวางอวิ้นไม่ยอมรับปาก
เมื่อกลับถึงที่พักหวงจื่อเสียสรุปเรื่องราวให้หลี่ซูไป๋ฟังและได้กล่าวว่าองค์หญิงถงชางเชิญอวี่เซวียนมาสอนคัมภีร์ที่จวน
จึงเตือนให้รู้ตัวไว้ และว่าฮองเฮาที่อยู่พระราชวังไท่จี๋ต้องการพบ
จวนองค์หญิงถงชาง
หวงจื่อเสียได้พบบ่าวรับใช้ใกล้ชิดองค์หญิงนามฉุยจู
ติดตามรับใช้องค์หญิงมาแต่เล็กพร้อมเติ่งชุนหมิ่น เว่ยสีหมิ่น
และได้เล่าว่าเว่ยสีหมิ่นมีเรื่องกับชางผูผู้ดูแลครัวที่ตามราชบุตรเขยมาจากบ้าน
ชางผูเล่าว่าเว่ยสีหมิ่นเรียกร้องจะเอาหลิงหลิงเซียง
สุดท้ายที่มาของหลิงหลิงเซียงนี้หวงจื่อเสียสืบได้ว่ามาจากเฉียนกวานสั่วเถ้าแก่ห้างรถม้าเฉียนจี้
ที่ม้าดำขาหักตัวนั้นก็มาจากห้างของเขา
และที่ให้หลิงหลิงเซียงเพื่อตอบแทนชางผูที่ช่วยหาบุตรสาวที่ขายไปในวัยเด็กให้กับขันทีที่มารับซื้อ
บุตรสาวของเขาก็คือฉุยจู เหล่านี้เรื่องราวจะคลี่คลายออกมาที่ละขั้นในภายหลัง
แต่ไม่ได้เห็นหน้าเห็นเพียงรอยปานและได้มอบคางคกทองคำให้เป็นของแรกพบเพื่อตอบแทนที่นำตุ๊กตาสุนัขกระเบื้องมาให้
ระหว่างสอบถามเรื่องราวยังได้พบความเกี่ยวข้องส่วนหนึ่งของตาเฒ่าหลี่ว์กับจวนองค์หญิง
คือตีชุ่ยนำเทียนมาส่งแทนแล้วเหยียบชายกระโปรงองค์หญิงทำให้บันดาลโทสะ
เว่ยสีหมิ่นจึงสั่งทุบตีและนำไปทิ้ง
จากนั้นซุนขี้เรื้อนก็มากระทำย้ำยีชื่อเสียงป่นปี้เฒ่าหลี่ว์จึงมอบเชือกให้ตีชุ่ยขึ้นเขาไป
นั้นคือเหตุการณ์ก่อนหน้าที่มาเชื่อมโยงกัน ภายหลังถึงรู้ว่าไม่ได้เหยียบกระโปรงแต่องค์หญิงแค่เห็นหน้าก็ไม่ถูกชะตาแล้ว
เรื่องยังเกี่ยวโยงถึงราชบุตรเขยที่มีคนดูแลแต่เล็กตั้งแต่สามขวบอายุมากกว่าสิบปีชื่อโต้วโค่ว
ที่ต่อมาขุยอ๋องยังสืบได้ว่ามารดาของตีชุ่ยคือพี่สาวที่อายุห่างกันยี่สิบปีของโต้วโค่ว
ตอนนี้ที่หวงจื่อเสียมาถึงองค์หญิงถงชางได้กังวลฝันถึงพานอวี้เอ๋อร์
ซูเฟยแห่งราชวงศ์ฉีใต้ ว่ามีของรักที่อยากได้คืนจากนาง นั้นคือปิ่นเก้าหงส์
ต่อมาจางสิงอิง
และอาตี๋ได้บอกว่าทั้งสองได้อยู่ที่วัดเจี้ยนฝู
และใกล้กับเทียนตอนเกิดเหตุการณ์สายฟ้าฟาดเทียน
ช่วงนี้เมื่อนำเรื่องราวมาสรุปวิเคราะห์ให้ขุยอ๋องฟัง
จะมีผู้ต้องสงสัยสามคนคือพ่อลูกสกุลหลี่ว์และจางสิงอิง
จากนั้นก็ได้ข่าวว่าซุนขี้เรื้อนตายแล้วผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และพบศพก็คือเฉียนกวานสั่วและตาเฒ่าหลี่ว์สถานที่ตายคือที่ปิดขังทั้งสี่ด้านเหมือนถังเหล็กในบ้านของซุนขี้เรื้อนที่ก่อนหน้านี้ได้กลัวการลงทัณฑ์จากสวรรค์เลยปิดมิดชิด
ทำให้หวงจื่อเสียคิดถึงภาพวาดฝีพระหัตถ์อดีตฮ่องเต้และได้เล่าให้หลี่ซูไป๋ฟัง
เมื่อองค์หญิงถงชางได้ข่าวซุนขี้เรื้อนตายก็เรียกหวงจื้อเสียมาพบอีกเพราะตอนนี้ปิ่นเก้าหงส์ได้หายไปด้วยแล้วทำให้วิตกกว่าเดิม
ตอนกลับทำให้หลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสียเห็นอวี่เซวียนถืออะไรในมือหลี่ซูไป๋จึงให้หวงจื่อเสียไปสืบ
พบว่าเป็นจดหมายรัก กลับถึงจวนเล่าเรื่องราวให้หลี่ซูไป๋ฟัง
และหลี่ซูไป๋ได้บอกว่าภาพวาดได้หายไปจากบ้านจางสิงอิงแล้ว
หวงจื่อเสียจึงจะออกไปสืบที่บ้านจางสิงอิงอีกแต่ถึงกับหน้ามืดเพราะความอ่อนเพลียหลี่ซูไป๋เป็นห่วงแต่บอกเพียงว่าข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นสตรีนางหนึ่งและเดินส่งกลับห้อง
(เป็นห่วงแต่ไม่พูด ไม่แสดงออก หน้านิ่งคือขุยอ๋อง)
หนึ่งเหตุไม่คาดฝัน
ส่งผลให้พบเจอความจริงอันไม่น่าตระหนก การตายของสามัญชนคนหนึ่งกลับเที่ยวโยงถึงความรุ่เรืองดสื่อมโทรมของต้าถัง
หวงจื่อเสียขันทีจำเป็นที่เดิมเตรียมมุ่งหน้าสู่เสฉวนสืบคดีอยุติธรรมของครอบครัว
กลับต้องเผชิญหน้ากับคดีฆาตกรรมทั้งในวังและนอกวังไม่หยุดหย่อน
จนถูกชักนำเข้าไปพัวพันกับความลับในวังอีกครา มาตรว่าครั้งนี้ทุกอย่างดูเหมือนง่ายดาย
ทว่าพริบตากลับไร้เงื่อนงำให้สืบหา
เล่ม4 :
หวงจื่อเสีย
โจวจื่อฉินมาที่บ้านจางสิงอิงเพื่อสืบถามเรื่องรูปวาดที่หายไป
และยังมีเหตุการณ์ในวันที่เกิดเรื่องที่วัด
ครั้งนี้ได้ความจริงที่พบว่าวันนั้นนอกจากทั้งสองยังมีซุนขี้เรื้อนเห็นจางสิงอิงช่วยบังตีชุ่ยอีกด้วยจึงพูดจาดูหมิ่น
นี่เป็นเหตุให้จางสิงอิงและตีชุ่ยทั้งสองมีเหตุจูงใจให้ฆ่าซุนขี้เรื้อน
จากนั้นไปหาเฉียนกวานสั่วจากการสอบถามเรื่องราวได้รู้ว่าเฉียนกวานสั่วรู้จักกับหลี่ว์จื้อหยวน
และยังบอกให้ดีกับลูกสาวให้มากจะได้ไม่เหมือนตน และตาเฒ่าหลี่ว์เป็นคนแนะนำให้มอบหลิงหลิงเซียงแก่ชางผูแห่งห้องเครื่องของจวนองค์หญิง
และได้รู้ว่าวันก่อนหน้าที่เว่ยสีหมิ่นจะตายได้ไปหาตาเฒ่าหลี่ว์เพื่อขอซื้อหลิงหลิงเซียง
เพื่อสอบถามที่มาจึงไปร้านเทียนของตาเฒ่าหลี่ว์และเห็นว่าตาเฒ่าหลี่ว์ร่างกายแข็งแรงเคยอยู่กองทัพอยู่หน่วยเกาทัณฑ์
และอธิบายการใส่ไส้เทียนที่ใช้เหล็กปลายแหลมเผาไฟ
จากนั้นก็ได้ยินข่าวว่าตีชุ่ยมามอบตัว
โดยสารภาพว่าสองคดีที่วัดเจี้ยนฝูและซุนขี้เรื้อนนางเป็นคนลงมือเอง
และได้นำภาพมามอบคืนบอกว่าขโมยไปฟังคำให้การก็รู้ว่ามีช่องโหว่มากมาย
พอหลี่ซูไป๋เห็นภาพวาดก็บอกได้ว่าเป็นภาพฝีพระหัตถ์ของอดีตฮ่องเต้จริงๆ
ตอนนั้นทั้งหลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสียอยู่บนรถม้า แต่รถม้าหยุดไปต่อไม่ได้
หวงจื่อเสียจึงลงไปดู และพบว่าทางข้างหน้าถูกปิด เพราะนางรำตั้งเวทีประชันกัน
และรถม้าของจวนองค์หญิงก็ผ่านทางไปไม่ได้ โดนปิดกั้นอยู่ องค์หญิงลงจากรถม้ามาเห็นคนถือปิ่นเก้าหงส์ก็ตามไปทำให้คลาดกับเหล่านางกำนัล
ขันที องครักษ์และหวงจื่อเสีย โจวจื่อฉิน พบอีกทีโดยฉุยจู
องค์หญิงอยู่ที่ตรอกแห่งหนึ่งโดนปิ่นเก้าหงส์แทงที่หน้าอกสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
หวงจื่อเสียจึงไปรายงานฮ่องเต้ที่พระราชวังไท่จี๋ และได้พบหวางกงกง หวางจงสือ
ที่มีปลาอาเจียสือเนี่ย ปลาสีแดงตัวน้อย และกล่าวว่า อาเจียสือเนี่ย
ชมชอบโลหิตมนุษย์ที่สุด ได้ยินว่าขุยอ๋องเองก็เลี้ยงปลาน้อยเช่นนี้ตัวหนึ่ง
หยางกงกงสามารถบอกเคล็ดลับนี้แก่ขุยอ๋องได้
พอกลับจวนองค์หญิงก็พบกับบิดาที่โมโหจนขาดสติ หลี่ฉุ่ย ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งจะทรงประหารชีวิตคนทั้งหมด
หวงจื่อเสียจึงขอเวลาหาคนร้ายตัวจริงให้ได้เพื่อองค์หญิง
ฮ่องเต้รับปากให้เวลาถึงก่อนวันฝังพระศพ หวงจื่อเสียเริ่มไปสืบที่ศาลต้าหลี่สอบถามความจริงจากตีชุ่ย
จึงได้ข้อสรุปว่าตีชุ่ยมารับความผิดเพราะคิดว่าเป็นจางสิงอิงทำ พอออกมาพบผู้ช่วยฯชุย
ชุยฉุนจั้นจับตัวเฉียนกวานสั่วมาว่าเป็นคนร้ายและให้เปิดศาลไต่สวน
พอกลับถึงจวนเล่าให้หลี่ซูไป๋ฟังก็ยังขำ แล้วถามว่าเห็นด้วยที่จะจับแพะเช่นนี้หรือ
หลี่ซูไป๋บอกว่าก็จะได้ไปเสฉวนเร็วขึ้น
แล้วก็บอกให้หวงจื่อเสียลองสรุปคดีทั้งหมดมาดู หวงจื่อเสียจึงเขียนใส่กระดาษส่งให้
ด้วยความสามารถของหลี่ซูไป๋เห็นเพียงผ่านตาก็จำได้หมด
เห็นว่าหวงจื่อเสียเขียนคำผิดไปหนึ่งคำ
หวงจื่อเสียจึงถามถึงวันนั้นที่วัดเจี้ยนฝูว่าเห็นเว่ยสีหมิ่นก่อนหน้าเกิดเหตุหรือไม่
หลี่ซูไป๋บอกว่าไม่เห็น หวงจื่อเสียก็คิดขึ้นมาได้ว่า จางสิงอิงและตีชุ่ยก็ไม่เห็นทั้งที่ใส่ชุดขันทีสีแดงเด่นสะดุดตาเพียงนั้นและเป็นคู่แค้นกันด้วย
คิดถึงเรื่องนี้หวงจื่อเสียจึงบอกว่าหากุญแจสำคัญของคดีเพลิงไหม้ที่วัดเจี้ยนฝูได้แล้ว
และคดีราชบุตรเขยก็รู้แล้ว
และทั้งสองก็กล่าวขึ้นพร้อมกันความหมายคือพรุ่งนี้ไปจวนองค์หญิง หวงจื่อเสียจึงยิ้มให้หลี่ซูไป๋
ท่านอ๋องมองแล้วเบือนหน้าหนีเงียบๆเลย (เขินนั้นเอง 555)
ไปถึงจวนองค์หญิงเคารพศพ
หวงจื่อเสียทำการตรวจดูอีกครั้งพบว่าสาเหตุการตายคือถูกปิ่นแทงทะลุหน้าอกแทงตรงโดนหัวใจ
สิ้นใจตายในระยะเวลาอันสั้นมาก จากนั้นหวงจื่อเสียและหลี่ซูไป๋ก็ขอคุยกับเหวยเป่าเหิงที่สวนซูเวย
ขณะผ่านสวนจือจิ่นที่ปิดตายก็ขอเข้าไปดู และได้พูดถึงเรื่องโต้วโค่ว สุดท้ายเหวยเป่าเหิงก็ยอมรับว่าตอนตีคลีทำตัวเองบาดเจ็บเองเพื่อดึงเรื่องราวความสนใจมาที่จวนองค์หญิง
เพราะอยากรู้ว่าโต้วโค่วตายอย่างไร ตอนก่อนจะไปยังได้บอกว่าในจวนนี้มีความลับมากมาย
ตอนองค์หญิงจะปิดตายสวน
ตนได้อยู่ที่ศาลาน้อยไม่ทันระวังเตะของสิ่งหนึ่งเข้าไปที่ใต้เสาระเบียง
หวงจื่อเสียจึงไปหา
เป็นกลอนรักบทหนึ่งที่หวงจื่อเสียเคยเห็นจากอวี่เซวียนในตอนนั้นที่กลายเป็นขี้เถ้าลายมือเดียวกัน
หลี่ซูไป๋บอกว่าไม่ใช่ลายมือองค์หญิงถงชาง หลี่ซูไป๋บอกหวงจื่อเสียว่าอยากรู้อะไรอีกต้องถามคนในจวน
หวงจื่อเสียจึงสืบถามจากฉุยจูเห็นแขนมีรอยแผลเป็นเพราะโดนลวกจากข้อมือถึงข้อศอก
ลั่วเพ่ยจึงเล่าว่าหลายปีก่อนองค์หญิงอยากรู้อยากเห็นเล่นไฟ
เกือบถูกเผาเพื่อช่วยองค์หญิงจึงถูกไฟคลอก และหวงจื่อเสียก็มาถามชางผู ที่บอกว่าไม่รู้ว่าสตรีที่เฉียนกวานสั่วไปพบคือใครแต่หวงจื่อเสียบอกว่านางรู้แล้ว
หวงจื่อเสียคิดขณะรอหลี่ซูไป๋เรื่องคดี ว่าสตรีเคราะห์ร้ายสามนางองค์หญิงถงชาง
ซิ่งเอ๋อร์ที่ถูกบิดาขายตั้งแต่ยังเด็ก
และยังมีตีชุ่ยที่ต้องแบกรับความอัปยศใหญ่หลวงในหล้า มีบิดาแตกต่างกันสามคน
ตอนกำลังรวบรวมความคิดหลี่ซูไป๋ก็มาจึงกล่าวว่าอยากเห็นสุนัขกระเบื้องขององค์หญิง
จึงไปดูกัน ที่เก็บสมบัติขององค์หญิงสุนัขกระเบื้องขนาดเท่ากำปั้นได้หายไปแล้ว
ทั้งสองแค่มองตาก็รู้ใจ รู้ว่าควรไปหาที่ใด
จึงไปหาที่สวนด้านล่างก็พบเศษกระเบื้องใต้ระเบียงหน้าต่างห้ององค์หญิง
ออกจากจวนไปกินข้าวก็แวะรับโจวจื่อฉิน ได้เจอหวางอวิ้น
(ขุยอ๋องทำหน้านิ่งเมินอีกแล้ว หึงนั่นเอง ตอนนี้ท่านอ๋องหึงบ่อยๆ 555)
ออกจากร้านอาหาร หวงจื่อเสีย
แยกกันกับโจวจื่อฉินเพราะหลี่ซูไป๋บอกให้ไปประกันตัวตีชุ่ยออกมา
โจวจื่อฉินจึงไปบ้านจางสิงอิง ส่วนหวงจื่อเสียไปศาลต้าหลี่
หวางอวิ้นตามหวงจื่อเสียไปด้วย (ขุยอ๋องงอนอีกแล้ววว) หวงจื่อเสีย
แวะบอกเฒ่าหลี่ว์ที่ร้านทำเทียน จากนั้นก็ไปที่ห้างรถม้า
และได้ขอให้ผู้ดูแลที่ซ่อมบ้านให้ซุนขี้เรื้อนไปพบที่บ้านซุนขี้เรื้อนด้วย
พอมาถึงศาลต้าหลี่ประกันตัวตีชุ่ยได้ถึงรู้ว่าเฉียนกวานสั่วรับสารภาพแล้ว
ยังได้รับรายงานว่าฮ่องเต้จะให้โทษประหารพันมีดหมื่นแล่ทั้งครอบครัว
หวงจื่อเสียและทุกคนตกใจกันหมด
ไปบ้านซุนขี้เรื้อนคราวนี้กลับพบเบาะแสสำคัญที่ได้รับรู้จากฉู่เฉียงช่างที่ซ่อมบ้านให้ซุนขี้เรื้อนจนได้
เป็นกล่องเหล็กเหนือประตู
ออกจากบ้านซุนขี้เรื้อนก็เห็นชาวบ้านวิ่งกันอย่างเร็วได้ความว่าฝ่าบาททรงโปรยทานแถวจวนองค์หญิง
แท้จริงคือฝ่าบาทและซูเฟยทอดพระเนตรการจัดแถวร่ายรำ ร้อยปีครวญคร่ำ
หวงจื่อเสียได้ฟังก็คิดถึงการตายของครอบครัวตัวเองก็ไปแอบร้องไห้ที่ตรอกใกล้ๆ
และได้เจออวี่เซวียน ได้พูดคุยกันจนรู้ว่าวันเกิดเหตุอวี่เซวียนเห็นหวงจื่อเสียจ้องสารหนู
ด้วยใบหน้าประหลาดพิกล แต่หวงจื่อเสียไม่ได้ทำ
ตอนนั้นเองหลี่ซูไป๋ก็ส่งเสียงมาอีกแล้ว (หึงอีกแล้วจ้ะ)
อวี่เซียนเลยบอกว่าจะรอเจ้าอยู่ที่เฉิงตู เข้าจวนองค์หญิงไป
ซูเฟยอยากใช้ข้ออ้างการตายขององค์หญิงฆ่าข้ารับใช้ใกล้ชิดขององค์หญิงทั้งหมดเพื่อปิดปาก
ความลับของตน ฮ่องเต้บอกจะไต่สวนคดีพรุ่งนี้ให้หลี่ซูไป๋ไปด้วย
หวงจื่อเสียยังกังวลเรื่องซูเฟย ตัดสินใจไปบอกหวางฮองเฮาถึงความลับเพื่อให้ฮองเฮาได้ประโยชน์
กลับถึงจวนพบว่าคราวนี้หลี่ซูไป๋ไม่เรียกไปหา จึงคิดมากสุดท้ายหลี่ซูไป๋ก็ยังเดินมาตาม
หวงจื่อเสียร้อนใจกลัวหลี่ซูไป๋ไม่ยอมพาไปเสฉวนอีกเลยเผลอทำขวดแก้วใส่ปลาน้อยตก
พอจับปลาน้อยได้ก็กระโดดหนีลงสระบัว
ทำให้หวงจื่อเสียตกใจมากคิดหาวิธีจับมันกลับมาและนึกได้ว่ามันชอบกลิ่นเลือดเลยลองดู
ก็เป็นจริง หลี่ซูไป๋เลยถามว่ารู้ได้อย่างไร หวงจื่อเสียเลยบอกว่าเคยพบ หวางจงสือ
หลี่ซูไป๋ถามว่าเคยพบเมื่อไหร่ก็ตอบว่าวันนั้นที่องค์หญิงถงชางสิ้นพระชนม์ที่ตำหนักไท่จี๋
หลี่ซูไป๋จึงเล่าว่า ปลาน้อยตัวนี้เลี้ยงมาสิบปี
หลี่ซูไป๋เล่าว่าวันนั้นที่เสด็จพ่อสวรรคต พบอยู่ในเลือดที่เสด็จพ่อไอออกมา
เป็นปริศนาที่รุมเร้ามาสิบปี เหมือนยันต์คำสาปที่ไม่น่าปรากฏแผ่นนั้น
แล้วก็คุยถึงคดี หลี่ซูไป๋บอกเดาได้ส่วนหนึ่ง แต่หวงจื่อเสียบอกว่าคิดออกหมดแล้ว
คดีนี้สิ้นสุดแล้ว
วันเปิดศาล ทั้งสามศาลทำหน้าที่
โดยนักโทษคือเฉียนกวานสั่ว แต่สุดท้ายพอมาถึงคดีขององค์หญิง
หลี่ซูไป๋ก็ถามว่าตอนคางคกทองคำต้องประสานในนอก และปิ่นเก้าหงส์เก็บรักษาดีกว่าจะขโมยไปได้อย่างไร
ก็ไม่มีคำตอบ ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้หวงจื่อเสียอธิบายเรื่องทั้งหมด
หวงจื่อเสียสามารถบอกได้ถึงวิธีการของคนร้าย
และวิธีลงมือโดยอิงจากภาพวาดของอดีตฮ่องเต้ ว่าเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเลียนแบบแต่ไม่รู้ความหมายแท้จริงของภาพ
ตั้งแต่คดีแรกที่วัดเจี้ยนฝูว่าทำอย่างไร คดีที่สองซุนขี้เรื้อน
และสุดท้ายองค์หญิงถงชางจากคดีแรกเพราะการแก้แค้น มาถึงคดีที่สองก็เพราะความแค้น
แต่คดีสุดท้ายเพราะสิ่งเชื่อมโยงทั้งหลายถ้าองค์หญิงสิ้นพระชนม์มิใช่ยืนยันหรอกหรือว่าตีชุ่ยบริสุทธิ์
บทสรุปช่างน่าเศร้าแต่ก็คือความจริง
ตีชุ่ยได้ออกจากเมืองหลวงโดยการบอกของหวงจื่อเสียว่าให้หนีก่อนหน้านี้แล้ว
และขณะจะถูกทหารจับได้ก็ได้อวี่เซวียนช่วยไว้เพราะบอกว่าเห็นอุ้มอาเป่าด้วยความรัก
อยากให้เป็นมารดาที่ดี และส่งลงเรือไป หลี่ซูไป๋รู้เรื่องหลังจากนั้นและไม่คิดจะบอกหวงจื่อเสียแต่คิดว่าอวี่เซวียนเป็นคนเช่นไรกันแน่
แต่เรียกหวงจื่อเสียไปดูยันต์แผ่นนั้น ตอนนี้มีวงสีแดงจางที่คำว่า
"หมดค่า" เสื่อมโทรม ตกต่ำ ถูกทอดทิ้ง ก็คือหมดค่า
แปลว่าต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ และความหมายของภาพวาดฝีพระหัตถ์นั้น พูดกันไปก็พูดว่าไม่รู้ว่าวันหน้าข้าจะมีลูกสาวสักคนหรือไม่
ลูกสาวข้าจะเป็นคนเยี่ยงไร และข้าจะเป็นบิดาเยี่ยงไร
หวงจื่อเสียกล่าวว่าอย่าเป็นเหมือนฝ่าบาท รักใคร่ตามใจลูกสารพัด
แต่กลับไม่รู้ว่านางปรารถนาสิ่งใด อย่าเหมือนหลี่ว์จื้อหยวนนิ่งเงียบดื้อรั้น
ไม่รู้จักดูแลรักใคร่ลูกสาวที่อ่อนแอ อย่าได้เหมือนกับเฉียนกวานสั่ว
ในช่วงที่ยากลำบากที่สุดเคยทอดทิ้งลูกสาว เมื่อความเป็นอยู่ดีขึ้นกลับมาหาใหม่
โดยคิดว่าเป็นเหมือนเดิมและละเลยมองข้ามรอยร้าวที่ยากประสาน
หลี่ซูไป๋ถามเช่นนั้นในใจเจ้าบิดาควรเป็นเช่นไร หวงจื่อเสียนิ่งเงียบคิดถึงบิดาในวัยเยาว์
ก็ตอบว่า บิดาที่ดีที่สุดในหล้า เท่าที่เคยพบเห็นมาก็คือบิดาข้าเอง
หลี่ซูไป๋ก็คิดถึงคนผู้นั้นที่จากไปตลอดกาลเมื่อเขาอายุสิบสามเช่นกัน
บัดนี้พวกเขาต่างเป็นลูกกำพร้าแล้ว
หลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสียเดินทางลงใต้จากเมืองหลวงสู่เสฉวน
หนึ่งวันก่อนถึงเฉิงตูกลับโดนลอบจู่โจม
ยันต์สาปแช่งสำแดงเดชให้ประจักษ์อีกครั้งหลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสียต้องตกอยู่ในสถานะเป็นตายยากคาดเดา
ขณะมืดแปดด้านกับคดีเลือดของครอบครัวกลับได้พบกับอวี่เซวียนในสถานที่แห่งความทรงจำโดยบังเอิญ
ความรัก มิตรภาพ และความผูกพันทวีความน่าหลงใหลด้วยความโลภ
ทวีความบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ด้วยความจริงสุดท้ายแล้วความจริงนั้นเป็นเช่นใด
เล่ม5 :
ระหว่างเดินทางลงใต้ไปเสฉวน
ได้พบกับท่านหญิงฉีเล่อระหว่างทาง และขอติดตามไปเสฉวนด้วย หลี่ซูไป๋ปฏิเสธไม่ได้
ต้องยอมตกลงให้ร่วมทางการเดินทางจึงช้าลง
ท่านหญิงฉีเล่อยังหยุดพักระหว่างทางก่อนถึงเฉิงตูและคิดมอบของขวัญให้หลี่ซูไป๋
เมื่อท่านหญิงฉีเล่อเปิดกล่องที่ได้มาออกก็มีเข็มเงินอาวุธลับพุ่งออกมา
หลี่ซูไป๋ปฏิกิริยาว่องไวหลบพ้นได้ส่วนใหญ่แต่ก็โดนที่ข้อศอกซ้ายไปหนึ่งเล่ม
จากนั้นก็โดนบุกโจมตี ต้องตีฝ่าทะลวงออกไป
ทั้งหมดแยกย้ายกันไปเหลือเพียงหลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสีย น่าฝูซ่าม้าของหวงจื่อเสียโดนยิงขาหลังหลี่ซูไป๋จึงช่วยมาที่ตี๋เอ้อม้าของตนทั้งสองร่วมหนีไปด้วยกันจนพ้นภัย
หวงจื่อเสียจึงรู้ว่าหลี่ซูไป๋โดนเกาทัณฑ์ได้รับบาดเจ็บจึงหาที่ทำแผล และรู้ว่าหลี่ซูไป๋ถูกพิษด้วยจึงต้องรักษาตามมีตามเกิด
ตลอดคืนหวงจื่อเสียหลับๆตื่นๆ
กังวลตลอดเวลาจึงได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังสับสนเลยใช้แส้ฟาดตี๋เอ้อล่อพวกนักฆ่าไป
แต่ยังกลับถูกพบเห็นโดยหัวหน้า แต่หวงจื่อเสียก็สามารถจัดการจับมัดเป็นเชลยได้
คนตัวได้ยาแก้พิษและสิ่งของอื่นๆมา ตลอดเวลาที่ดูแลหลี่ซูไป๋
คนผู้นั้นที่หน้าตาไม่มีเอกลักษณ์มองนางด้วยสายตาซับซ้อนตลอดเวลา
จนกระทั้งหลี่ซูไป๋ฟื้นหวงจื่อเสียดีใจมากจนน้ำตาไหล หลี่ซูไป๋ก็ยังยิ้มออกมา
หลังจากทำการสอบสวนเชลยก็ไม่สามารถบอกอะไร
หวงจื่อเสียเดาได้ว่าคนผู้นี้ชาติกำเนิดดี แกล้งพูดสำเนียงสวีโจว
แต่นักฆ่าไม่ยอมบอกความจริงว่าผู้บงการเป็นใคร
หลี่ซูไป๋เลยบอกให้หวงจื่อเสียเลิกถาม
เลยบอกให้เขาเป่าปากสัญญาณให้ถ้าไม่ยอมตะวันตกเขาหล่งซาน ใต้ต้นไป๋อวี๋
หิมะโปรยปรายเหนือด่านบนภูเขา ควันสัญญาณขาดหายไร้ร่องรอย
พอได้ฟังนักฆ่าก็ยอมเป่าปากส่งสัญญาณให้ตี๋เอ้อก็มาหา
หวงจื่อเสียและหลี่ซูไป๋จึงจากไปทิ้งนักฆ่าที่บาดเจ็บไว้
หวงจื่อเสียจำได้ว่ามีวัดร้างอยู่จึงไปพักที่นั่นรอหลี่ซูไป๋อาการดีขึ้น
ระหว่างนั้นอวี่เซวียนได้ตามมาพบ
เมื่อพบหน้าหวงจื่อเสียแค่ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มของผู้มีความทรงจำวัยเยาว์เท่านั้นไม่มีสิ่งใดอีก
หลังผ่านความเป็นตายร่วมกันมากับหลี่ซูไป๋ทำให้หวงจื่อเสียคิด
และเลยรู้ตัวเองในที่สุดหลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสีย สนิทกันมากขึ้นเยอะ
หลี่ซูไป๋ยังบอกว่าชอบให้เจ้ายิ้มบ่อยๆ เหมือนความในใจของหวงจื่อเสียเลย
พออาการดีขึ้นเริ่มมีทหารตามมาที่วัดร้างหวงจื่อเสียถามว่าจะไปกับพวกเขาหรือไม่
หลี่ซูไป๋บอกว่าไม่อยากติดหนี้บุญคุณ
ดังนั้นทั้งสองจึงค่อยๆเดินทางเข้าเมืองเฉิงตู และเข้าพักโรงเตี๊ยมก่อน
จากนั้นทั้งสองก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้านสามัญโรงเตี๊ยมที่พักได้เจอกับกงซุนยวน
พี่ใหญ่ของหกนงคราญอวิ๋นเสาหยิบกำไลหยกขาวสลักปลาน้อยที่อวี่เซวียนเคยให้หวงจื่อเสียไว้
แต่ระหว่างหลบหนีได้จำนำไป เลยไปขอซื้อคืน
แต่กงซุนยวนกล่าวว่าไม่ได้นี่เป็นของแทนใจน้องเล็กกับชายคนรัก
ตอนนี้ไม่อยู่แล้วจึงเป็นของดูต่างหน้าเพียงหนึ่งเดียว
ระหว่างออกจากโรงเตี๊ยมยังเจออันธพาลสองคนรุมเล่นงาน ดีที่ได้โจวจื่อฉินมือปราบน้อยแห่งเสฉวนและจางสิงอิงที่มาตามหาตีชุ่ยช่วยไว้
โจวจื่อฉินมานั่งโต๊ะเดียวกับหลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสีย คุยเรื่องราวต่างๆ
และพูดถึงขุยอ๋อง หลี่ซูไป๋เลยบอกว่าไม่ต้องตามหาเพราะข้าอยู่ที่นี่แล้ว
โจวจื่อฉินดีใจมาก จึงชวนหวงจื่อเสียไปดูคดีประหลาดคดีหนึ่ง
ที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลยพอไปถึงจึงได้รู้ว่าเป็นคดีคู่รักฆ่าตัวตายที่เรือนสกุลฟู่เขตซงฮวา
จากพิษสารหนูแต่ที่ปลายนิ้วมือขวาปรากฎสีดำ
พอไปดูที่โรงเก็บศพพบว่ากงซุนยวนอยู่ด้วยกำลังมาดูศพ ศพนั้นคือฟู่ซินหญ่วน
โจวจื่อฉินแอบตัดผมมาพิสูจน์พิษ ตอนเดินตลาดเข้าร้านเครื่องเขียนเห็นกระดาษสาเสฉวนเหลืองและขาวหลี่ซูไป๋ได้บอกว่ากระดาษที่อดีตฮ่องเต้ใช้วาดภาพต้องเป็นกระดาษสาขาว
กระดาษสาเหลืองปกติจะใช้ทรงอักษร หวงจื่อเสียตกใจที่หลี่ซูไป๋มาบอกเรื่องสำคัญ
เลยถามว่าทำไมมาบอกตอนนี้ หลี่ซูไป๋บอกว่าเพราะตอนนี้พวกเราไม่เหมือนเดิมแล้ว (ดูการสารภาพของขุยอ๋องซะก่อน)
ผลการพิสูจน์พิษจากเส้นผมเป็นพิษจิวที่มีเฉพาะในวังหลวงออกฤทธิ์คล้ายสารหนู
ทำให้หวงจื่อเสียคิดถึงคดีเลือดที่บ้านตน
หลี่ซูไป๋จึงไปขุดศพด้วยตัวเองกับโจวจื่อฉิน
บอกว่านี่เป็นหลักฐานแรกที่มีประโยชน์ต้องไปด้วยตัวเอง และก็พบว่าเป็นพิษจิวเหมือนกัน
จากนั้นก็ไปสืบที่บ้านตระกูลเวินก่อน เห็นบทคัดลอกพระสูตรแต่ท่อนหน้าหายไป ออกจากสกุลเวินเห็นอวี่เซวียน
จึงแจ้งโจวจื่อฉินว่าสุสานสกุลหวงมีร่องรอยการขุด
หวงจื่อเสียจึงบอกว่าเป็นพวกเราขุดเอง
และเจอเบาะแสว่าที่บ้านไม่ได้ตามเพราะสารหนูแต่เป็นพิษจิว ต่อมาไปที่เรือนสกุลฟู่
ได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และเจอกำไลที่เป็นของเฉินไท่เฟยมารดาของเอ้ออ๋อง
และพบบทคัดลอกครึ่งแรกของพระสูตร และอยากตามหาหญิงรับใช้ข้างกายที่ส่งกลับบ้าน
ผลการตามหาคือหญิงรับใช้ตายแล้ว
มาถึงที่ว่าการโจวจื่อฉินแนะนำฉีเถิงให้รู้จักบอกว่าเป็นว่าที่น้องเขย
และกงซุนยวนมาถามความคืบหน้าของคดี หวงจื่อเสียเลยบอกว่ากงซุนยวนปิดบังความจริง
นางจึงเล่าเรื่องแอบให้หญิงรับใช้เอากำไลออกมาเพราะเป็นของผู้สูงศักดิ์อยากนำไปคืนเจ้าของ
แต่หญิงรับใช้นำกำไลหยกมาผิดวงและไม่มีเวลาเปลี่ยนคืน หวงจื่อเสียจึงขอให้โจวจื่อฉินเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อน
มองเข้าไปในกำไลเห็นอักษรสลักอยู่ "รวมประโยชน์หมื่นพฤษา
ไยนำพาตำหนิจ้อย"
หลี่ซูไป๋จึงตอบว่า รวมประโยชน์หมื่นพฤษา
ก็คือต้นจื่อ พอรู้ว่าเคยเป็นของหวงจื่อเสียโจวจื่อฉินดีใจมาก ไม่ยอมให้ใครแตะ
ตอนกินข้าวที่ที่ว่าการมีการพูดถึงฉีเถิงว่าบ้านพักอยู่ใกล้กับอวี่เซวียน
หวงจื่อเสียประหลาดใจที่ไม่เคยรู้จักมากก่อน
กลับถึงโรงเตี๊ยมกำลังจะพักผ่อนได้ยินคนตบประตู
เสี่ยวเอ้อร์ไปดูเห็นคนสองคนสารรูปน่ากลัว หลี่ซูไป๋เห็นแล้วกเรียก จิ่งอวี้
สรุปว่าจางสิงอิงไปเจอจิ่งอวี้ระหว่างทางไปฮั่นโจว หวงจื่อเสีย หลี่ซูไป๋
พบว่าอวี่เซวียนคุยกับฉีเถิงจึงลอบแอบฟัง จากนั้นก็ตามอวี่เซวียนไป
และได้บอกว่าอยากไปวัดกว่างตู้ที่พระอาจารย์มู่ซ่านจำพรรษาอยู่
เมื่อพบจึงรู้ว่าพระอาจารย์มู่ซ่านสามารถใช้วิชาสะกดจิตของแดนซีอวี้
เพื่อจะหลอกถามความลับจากหวงจื่อเสีย และเล่าว่าเมื่อสิบปีก่อนเคยเข้าวังหลวงตอนอดีตฮ่องเต้ประชวรหนัก
และพระอาจารย์มู่ซ่านยังรู้จักหวางกงกงอีกด้วย จากนั้นจึงไปหาอวี่เซวียนอีกครั้ง
และถามเรื่องฉีเถิงกับอวี่เซวียน
อวี่เซวียนได้บอกว่าฉีเถิงสามารถเอาพิษจิวมาได้เพราะแม่เขาแซ่หวาง
และตอนนี้หวางอวิ้นก็มาเฉินตูแล้ว และได้บอกเรื่องพระอาจารย์มู่ซ่านสะกดจิตกับอวี่เซวียน
อวี่เซวียนจึงเอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมาให้ดูคล้ายจดหมายลาตายแต่ไม่มีคำสารภาพผิด
ไม่มีขึ้นต้นคำลงท้าย ดูแล้วเหมือนลายมือหวงจื่อเสีย แต่หวงจื่อเสียจำไม่ได้เลย
หลี่ซูไป๋ดูแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร อวี่เซวียนให้หวงจื่อเสียเก็บเอาไว้
จากนั้นหลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสียเดินกลับที่ว่าการเมืองเฉิงตู
เห็นโจวจื่อฉินมือหนึ่งถือซาลาเปา มือหนึ่งถือกำไลมัจฉาคู่
จากนั้นก็มีคนครัวบอกว่ามีขนมข้าวนึ่ง โจวจื่อฉินก็รับมาจะกินอีก
ฉีเถิงมายืนข้างๆบอกว่ามือถือกำไลสตรีเป็นสิ่งสกปรกไม่รู้เอามาจากศพหรือไม่
เอาขนมข้าวนึ่งโยนทิ้งและให้โจวจื่อฉินล้างมือ บอกจะให้เอากำไลไปล้างน้ำมนต์ก่อน
โจวจื่อฉินบ่นว่าเป็นพวกรักสะอาดอีกคน
พฤติกรรมประหลาดอยู่ในสายตาของหวงจื่อเสียและหลี่ซูไป๋เลยต้องการพิสูจน์ด้วยการเก็บขนมข้าวนึ่งไปให้สนุขข้างทางกิน
ระหว่างทางไปโรงเก็บศพดูศพทังจูเหนียงหญิงรับใช้ของฟู่ซินหญ่วน
ออกมาสุนัขยังไม่เป็นไร กลับถึงโรงเตี๊ยม โจวจื่อฉินขอพักด้วย
คืนนั้นเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเตี๊ยม และมีนักฆ่าลอบฆ่าหลี่ซูไป๋
จิ่งอวี้สละชีวิตตัวเอง และขอให้จางสิงอิงทำหน้าที่แทนตน หลังจากที่หนีออกมาได้
ได้เจอกงซุนยวนเลยให้ไปพักโรงเตี๊ยมเดียวกัน
ที่นั้นได้เจอน้องสี่อินลู่อีที่เพิ่งมาถึง ทั้งหมดกินอาหารมื้อดึกกัน
จากนั้นโจวจื่อฉินก็เชิญให้กงซุนยวนและอินลู่อีช่วยแสดงในงานเลี้ยงพรุ่งนี้
ทั้งสองตกลงและได้ขอร้องให้โจวจื่อฉินเตรียมของให้
หลังพักหนึ่งคืนตอนเช้าหวงจื่อเสียและหลี่ซูไป๋คุยกันสนิทสนมมากจนจางสิงอิงตกใจ
จากนั้นหวงจื่อเสียและหลี่ซูไป๋ไปเดินเล่น
โดยไปโรงรับจำนำถามถึงกำไลหยกขาวลายมัจฉาคู่ที่เลยเวลาไถ่ถอนที่หลงโจว
ให้คนไปตรวจสอบแล้วไปบอกหัวหน้ามือปราบน้อยโจว
หลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสียเดินทางลงใต้จากเมื่อหลวงสู่เสฉวน
หนึ่งวันก่อนถึงเฉิงตูกลับโดนลอบจู่โจม
ยันต์สาปแช่งสำแดงเดชให้ประจักษ์อีกครั้ง
หลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสียต้องตกอยู่ในสถานะเป็นตายยากคาดเดา
ขณะมืดแปดด้านกับคดีเลือดของครอบครัว
กลับได้พบกับอวี่เซวียนในสถานที่แห่งความทรงจำโดยบังเอิญ
ความรัก มิตรภาพ และความผูกพัน
ทวีความน่าหลงใหลด้วยความโลภ
ทวีความบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ด้วยความจริง
สุดท้ายแล้วความจริงนั้นเป็นเช่นใด
เล่ม6 :
เมื่อออกจากโรงรับจำนำ
หลี่ซูไป๋ตอบว่าไปจวนแม่ทัพเจี๋ยตู้สื่อ เพื่อหาเรื่องเอาความ
จากนั้นก็ไปจวนสื่อจวินระหว่างชมการแสดงของกงซุนต้าเหนียงและอินลู่อีจนจบก็เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นกับฉีเถิง
ฉีพ่านกวาน ของจวนแม่ทัพเจี๋ยตู้สื่อ ฟ่านอิ้งซี หวงจื่อเสียและโจวจื่อฉินจึงทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ
และสอบปากคำผู้อยู่ในเหตุการณ์ คนแรกคือฟ่านหยวนหลง ต่อมาคืออวี่เซวียน
กงซุนยวนและอินลู่อี โจวจื่อเยี่ยนน้องสาวของโจวจื่อฉิน ที่นั่งข้างฉีเถิงผู้ตาย
หวางอวิ้น รองแม่ทัพหลายคนในกองกำลังเสฉวน จากนั้นก็กลับจวนแม่ทัพ
ระหว่างทางหวงจื่อเสียจึงรู้ว่าที่แท้นักฆ่าที่เจอในป่าก็คือหวางอวิ้น
ตอนแรกจะเค้นถามแต่หลี่ซูไป๋มาก่อนจึงบอกว่าเข้าใจผิดไปและขออภัย
เมื่อถึงที่พักหลี่ซูไป๋รู้ว่าหวงจื่อเสียกลัวหลี่ซูไป๋เป็นอันตรายอีกจึงเค้นถามความจริงจึงเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังและว่าช่วงเวลาเดียวที่ได้ดื่มด่ำกับความสงบสุขคือช่วงเวลาไม่กี่วันในป่าบนภูเขาที่หนีตาย
รักษาตัวอยู่กับเจ้า ข้างกายมีปริศนานับไม่ถ้วน
จนกระทั้งวันนั้นที่เจ้าปรากฏตัวขึ้น
หวงจื่อเสียก็บอกว่าข้าจะอยู่เป็นเพื่อนข้างกายท่าน เปิดเผยความลับนี้ออกมา
ไม่ให้ท่านต้องตกอยู่ในม่านหมอก ช่วยท่านขับไล่เมฆหมอกบังตาทั้งหมดไป
ให้ท่านมองเห็นชะตาชีวิตของตนอย่างชัดเจน
รุ่งขึ้นโจวจื่อฉินก็มาหาเพื่อบอกว่าคนของโรงรับจำนำมาบอกว่าคนที่เอากำไลไปมีคนหนึ่งในกลุ่มคือฉีเถิง
ต่อมาทั้งสองได้ไปที่ชุมนุมกลอนฉิงหยวนเพื่อสอบถามเรื่องราว
ระหว่างทางก็พบทหารเฝ้าด่านตรวจคนเข้าออก จึงถามได้ความว่าฉีเถิงเคยพาภรรยามา
หวงจื่อเสียจับคำพูดได้รวบรวมหลักฐานได้ จึงบอกว่าต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ
หรือจักจั่นลอกคราบ พอไปถึงชุมนุมกลอนก็ถามความสัมพันธ์ของฉีเถิงกับเวินหยาง
จึงได้บอกว่าฉีเถิงมีชื่อรองหานเยวี่ย เข้าคู่กับเวินหยาง
จึงมักโดนนำมาเอ่ยคู่กันบ่อยๆ แต่ฉีเถิงชอบความครื้นเครง เวินหยางชอบความสงบ
ดูเหมือนไม่ได้ไปมาหาสู่อะไรกัน คนที่สนิทกับทั้งสองคนคืออวี่เซวียน
บอกว่าอวี่เซวียนฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ จากนั้นก็แปลกเปลี่ยนไป
จากนั้นก็ไปบ้านของฉีเถิง
ก็ได้พบจดหมายรักมากมายและฉากดอกไม้กับต้นสนที่ไม่เข้ากัน
เจอถุงเงินในที่ทิ้งกระดาษที่ไม่เข้ากับบุคลิกและได้สอบถามคนในบ้านถึงการไปมาหาสู่ของอวี่เซวียน
พระอาจารย์มู่ซ่าน และปลาน้อยสีแดง จากนั้นกลับที่พักไปหาหลี่ซูไป๋
จึงขอดูคำให้การ
หลี่ซูไป๋สนใจดูที่รอยประทับลายมือของอวี่เซวียนบอกว่าเคยเห็นมาก่อน
ที่สำนวนคดีฉบับหนึ่งของตรอกกวงเต๋อ นครฉางอัน หวงจื่อเสียจึงถามว่าแล้วตอนแรกที่เจอใช่จำลายมือนางได้ใช่หรือไม่ถึงรู้ว่าเป็นใคร
หลี่ซูไป๋ยอมรับ บอกว่าฉลาดมาทั้งชีวิตกลับเลอะเลือนชั่ววูบ
จากนั้นทั้งสองหวงจื่อเสียและโจวจื่อฉินก็ไปสืบคดีที่สถานเริงรมย์ต่างๆหลี่ซูไป๋ส่งจางสิงอิงตามมา
กลับที่ว่าการทั้งสองเหนื่อยมาก จนหวงจื่อเสียหน้ามืด
จึงคุยกันถึงขนมน้ำตาลถึงคิดเรื่องใดออก และพักที่จวนสื่อจวินในคืนนั้น
เช้าขึ้นมาหลี่ซูไป๋มากินข้าวเช้าที่จวนสื่อจวิน
และบอกว่าวันนี้จะไปสืบที่บ้านอวี่เซวียน
ขณะรอหน้าบ้านได้พบหญิงชราถอนหญ้าฮั่นเหลียนเพื่อช่วยรักษาขี้กลากบนมือไปถึงได้พบพระอาจารย์มู่ซ่านด้วย
จึงได้สนทนากันถามถึงปลาอาเจียสือเนี่ยและพระอาจารย์มู่ซ่านก็มีปฏิกิริยาต่อกำไลหยกมัจฉาคู่ผิดไป
รวมถึงอวี่เซวียนด้วย กลับเข้าเมือง
ถึงจวนแม่ทัพเจอหลี่ซูไป๋จึงถามว่าวันนี้เก็บเกี่ยวได้ผลหรือไม่
หวงจื่อเสียตอบว่ายังมีรายละเอียดอีกอย่างสองอย่าง รอให้แน่ชัดแล้วก็สรุปปิดคดีได้
กลับไปที่สถานที่เกิดเหตุ หวงจื่อเสียก็สรุปได้ว่า คดีของฟู่ซินหญ่วนยุติแล้ว
กุญแจสำคัญของเรื่องนี้คือโอกาส และกำไลมัจฉาคู่
และเมื่อหวงจื่อเสียเอากำไลมัจฉาคู่มาดูอีกทีก็พบสิ่งที่ต้องการ
ทำการจำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุคดีเลือดหวงสื่อจวิน และได้ข้อสรุปว่าเป็นพิษจิวเช่นกัน
ทั้งสามคดีล้วนยุติแล้ว
หลี่ซูไป๋เรียกคนที่เกี่ยวข้องในวันที่เกิดเหตุกับฉีเถิงมาทั้งหมด
หวงจื่อเสียได้บอกว่าคดีที่เกิดขึ้นสาเหตุเดียวเป็นเพราะ คำว่า รัก
คำเดียวเท่านั้น ในที่สุดได้บอกวิธีการสังหาร และระบุตัวคนร้ายในคดี และสาเหตุทำให้คดีทั้งสองที่เกิดขึ้นปิดลงได้
รอที่ว่าการไต่สวนต่อไป
จากนั้นหลี่ซูไป๋ได้บอกว่าเตรียมการแสดงเอาไว้
ให้ทุกคนไปดู
คือการแสดงละครเงาของเรื่องราวเมื่อปีนั้นที่หวงจื่อเสียไขคดีได้เป็นคดีแรก
ทำให้เกิดเรื่องราวต่อเนื่องตามมา และในที่สุดได้ไขคดีเลือดหวงสื่อจวินทั้งบ้านได้สำเร็จ
คนร้ายตัวจริงเปิดเผยในที่สุด
หวงจื่อเสียคลี่คลายคดีสามคดีได้ในคืนเดียวกันทั้งสามคดีนี้เกี่ยวข้องกัน
แต่ก็เป็นเอกเทศต่อกัน เรียกได้ว่าเป็นคดีในคดี ปริศนาในปริศนา พัวพันซับซ้อน
เบื้องหลังน่าตื่นตะลึง แต่ปลาน้องของฉีเถิงที่หายไป กับปลาน้อยของหลี่ซูไป๋เกี่ยวข้องกับ
หวางจงสือหรือไม่ ปริศนายังไม่คลี่คลาย เบาะแสที่ปรากฏกลับขาดตอนไปอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายหลี่ซูไป๋ยังไม่ได้บอกหวงจื่อเสียเรื่องยันต์สาปแช่งในกล่องลับ
ได้เปลี่ยนสีไปอีกครั้งโดยไม่มีเค้า อดีตลี้ลับที่ซ้อนเร้น
พวกเขาเลี่ยงจนมิอาจเลี่ยง มีแต่ต้องเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง
ความรักความชัง การแก่งแย่งชิงดีในวังหลวง
บุญคุณความแค้นที่พัวพันรุมเร้าพลิกผันนับครั้งไม่ถ้วน
มีแต่ "บันทึกปิ่น"
ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากกาลเวลา
เรื่องราวทั้งหมดบัดนี้มาถึงบทสรุปแล้ว
ประสบการณ์พิสดารของโอรสสวรรค์และขุนนางแห่งราชวงศ์หนึ่ง
ดำรงอยู่ในปริศนาความรักความแค้น
และการลาจากสุดคณานับของต้าถัง
"รวมประโยชน์หมื่นพฤกษา
ไยนำพาตำหนิจ้อย"
แม้จะกระสับกระส่ายลุ้นระทึก
มองเห็นการจัดการของชะตากรรมไม่ชัดแจ้ง
ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าการได้สัมผัสความจริง
จึงเป็นความหมายของการมีชีวิตอยู่
สิ่งนี้ก็คือคุณค่าแห่งการดำรงอยู่ของความจริง
เล่ม7 :
หลังจากไขคดีทั้งสามซึ่งรวมถึงคดีเลือดของหวงสื่อจวิน
หวงจื่อเสียได้คืนฐานะเดิม วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์
แม่ทัพเจี๋ยตู้สือแห่งเสฉวนจัดงานเลี้ยงที่จวน ได้เชิญขุยอ๋องหลี่ซูไป๋
ส่วนหวงจื่อเสียได้รับเทียบเชิญจากฮูหยินแม่ทัพให้มาชมระบำ อาภรณ์เมฆขนปักษา
พร้อมธิดาตระกูลหวงหลายนาง ในงานเลี้ยงได้เกิดเหตุฆาตกรรมอีกตามเคย
หวงจื่อเสียช่วยโจวจื่อฉินหาตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว หลังงานเลี้ยง
หลี่ซูไป๋ได้ให้หวางอวิ้นไปคุยด้วยเรื่องเกี่ยวกับหวงจื่อเสีย โดยให้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย
ให้นางเป็นอิสระ ส่วนตนจะไม่เอาความเรื่องลอบสังหารทำเป็นไม่รู้เรื่องราว
วันต่อมาหวงจื่อเสียก็ได้จดหมายยกเลิกสัญญาหมั้ยหมาย
และหลี่ซูไป๋ก็บอกว่าจะกลับไปจัดการเรื่องราวที่เมืองหลวงให้รอตน
พอหลี่ซูไป๋จากไปแล้ว หวงจื่อเสียได้ให้โจวจื่อฉินพาไปที่พักของหลี่ซูไป๋หอตุนฉุนเพื่อถามหาจดหมายที่ฝากไว้
กับคนที่เคยอยู่จวนอ๋องแต่บาดเจ็บเลยหาที่ทางให้อยู่ในเฉินตู
พอได้จดหมายจึงรู้ว่าเป็นจดหมายสั่งเสียในอีกหนึ่งปีให้หลัง
คาดว่าตนไม่อยู่บนโลกนี้แล้วให้ดูแลตัวเองให้ดี หวงจื่อเสียจึงตัดสินใจไปฉางอัน
หลี่ซูไป๋ถึงฉางอันเมื่่อกลับถึงจวนจึงพบหวงจื่อเสียรออยู่แล้วเพราะเดินทางได้เร็วกว่า
มารอได้สามวันแล้ว หลี่ซูไป๋จึงนำยันต์มาให้ดูบนกระดาษหกคำล้วนถูกวงสีแดงวงไว้
และมีคำว่ามรณะเพิ่มมาอีกด้วย
หวงจื่อเสียตามหลี่ซูไป๋เข้าวังไปหาฝ่าบาทรายงานสถานการณ์ปัจจุบันคร่าวๆในเสฉวน
จากนั้นไปที่จวนเอ้ออ๋อง นำกำไลหยกของเฉินไท่เฟยมาคืนให้ เอ้ออ๋อง
หลี่รุ่นเอ่ยปากบอกสงสัยว่ามารดาก่อนนี้เคยโดนคนวางยาทำให้เสียสติขอให้ช่วยสืบดูให้หน่อย
ทั้งสามจึงไปที่พักของเฉินไท่เฟย หวงจื่อเสียตรวจดูจนพบหน้าโต๊ะโดนรอยเล็บจิก
พอใช้ถ่านเขียนคิ้วฝน ได้คำว่า ต้าถังจักล่ม ในนอกวุ่นวาย ภัยคือขุยอ๋อง
ต่อมาได้เจอโจวจื่อฉินที่หนีการหมั้นหมายมาจากเฉิงตู ที่แท้คือแม่นางรองที่ตนชอบ
แต่สุดท้ายก็รั้งอยู่เมืองหลวงและเล่าเรื่องข่าวลือที่ได้ยินตลอดทางมาเมืองหลวงเกี่ยวกับขุยอ๋องว่าโดนวิญญาณร้ายผังซวินสิงตั้งแต่ปราบกบฏ
เรื่องราวตรงกับตอนนี้ที่ได้เจอยิ่งนัก ทั้งยันต์สาปแช่งและคำที่เจอของเฉินไท่เฟย
เอ่ยถึงยันต์วงหมึกแดงหวงจื่อเสียเลยถามวิธีการล้างหมึกออก
โจวจื่อฉินจึงพาไปหาตาเฒ่ารับทำเปี่ยว โจวจื่อฉินหาวิธีทำให้ตาเฒ่าแก้ไขให้ดู
กลับถึงจวนท่านอ๋องให้หวงจื่อเสียแต่งตัวเป็นขันทีน้อยตามเข้าวังไปหา
วันนี้เป็นเทศกาลสารทบัวลอย ในวังจัดงานกินเลี้ยงที่พระราชวังต้าหมิง หลังการแสดง
ได้เกิดเรื่องกับเอ้ออ๋อง หลี่รุ่น ที่ตะโกนสุดเสียงว่า ต้าถังจักสิ้น
แผ่นดินพลิกคว่ำ ในนอกวุ่นวาย ภัยคือขุยอ๋อง แล้วกระโดดจากหอเสียงหลวน ฆ่าตัวตาย
กลับหายไปกลางอากาศ ด้านล่างไม่มีใครพบศพของเอ้ออ๋อง กลับถึงจวนขุยอ๋อง
สวีเฝิงฮั่นขันทีคนสนิทข้างกายฮ่องเต้ตามมาถ่ายทอดราชโองการปากเปล่าให้พักอยู่บ้าน
งานราชการต่างๆให้ผู้อื่นกระทำแทน
เท่ากับริบอำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทั้งหมดของหลี่ซูไป๋
หวงจื่อเสียไปหาหวางอวิ้นเพื่อให้พาไปหบหวางจงสือ
หวางกงกง ฮู่จวินจงเว่ยของกองทหารเสินเช่อจวินซ้ายซึ่งก็ได้พบ
แต่หวางจงสือให้ทบทวนเรื่องสัญญาแต่งงานกับตระกูลหวางใหม่ถึงจะยอมให้ร่วมสืบคดี
กลับถึงจวนหวงจื่อเสียบอกหลี่ซูไป๋ว่าไปหาหวางกงกงมา
ต่อมาหวางจงสือมาสอบถามเรื่องคดี เรื่องเอ้ออ๋องกับหลี่ซูไป๋ และพูดกับหวงจื่อเสียเรื่องที่พูดกัน
ทำให้หลี่ซูไป๋ทะเลาะกับหวงจื่อเสีย
หวงจื่อเสียถือโอกาสนี้ตามหวางจงสือไปหิมะตกหนัก นางตามไม่ทัน
แต่ทันขบวนของหวางอวิ้น หวงจื่อเสียบอกว่าเราทะเลาะกัน เขาไม่เชื่อข้า
หวางอวิ้นเลยขอโอกาสดูแล หวงจื่อเสียก็ถือโอกาสนี้ในการใช้สกุลหวางสืบคดีเอ้ออ๋อง
หวางจงสือให้ปลาอาเจียสือเนี่ยหวงจื่อเสียหนึ่งคู่บอกว่าวางไข่แล้วให้บอกแก่ตน
จากนั้นหวงจื่อเสียที่ป่วยหนักออกมาเดินเล่น พบโจวจื่อฉินดักรอแถวร้านรับเปี่ยว
ที่นั้นทำให้ทั้งสองเห็นตีชุ่ยแต่ตีชุ่ยวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว หวงจื่อเสียที่เพิ่งหายป่วยตามไม่ทัน
ตีชุ่ยเห็นดังนั้นได้ทิ้งอักษรไว้ให้หนึ่งตัวแล้วหายตัวไป
ต่อมาฮองเฮาเรียกหวงจื่อเสียเข้าวังไปพบทำให้รู้ความลับว่าฮ่องเต้ประชวรหนักรู้แค่คนสนิทและฮองเฮา
แต่ปิดเป็นความลับกับคนทั้งหมด
โจวจื่อฉินมาหาหวงจื่อเสีย และชวนไปสืบคดี
หวงจื่อเสียจึงบอกให้ไปรอที่จวนเอ้ออ๋องแล้วจะตามไป ที่จวนเอ้ออ๋อง
ได้พบหลักฐานใหม่จากกระถางธูปในห้องเฉินไท่เฟย มีเศษกำไลหยก
ด้ายแดงมัดเป็นปมคล้องใจ
และมีดสั้นถูกทำลายจนเสียรูปลักษณะคล้ายของกงซุนยวนเล่มนั้น
พอสอบถามบ่าวรับใช้ในจวนได้ความว่ามีคนจากจวนขุยอ๋องมามอบของให้ก่อนวันสารทบัวลอย
จากนั้นโจวจื่อฉินจึงชวนหวงจื่อเสียไปหาหลี่ซูไป๋
เมื่อหลี่ซูไป๋ได้เห็นของและฟังเรื่องราวก็จะตามไปที่ร้านทำกล่องด้วย
เพราะกล่องลับที่ใส่ยันต์ใบนั้นก็มาจากร้านเดียวกัน
ดูแล้วกล่องตารางเก้าช่องจะมีเพียงหนึ่งเดียวยากจะเล่นตุกติกได้
หวางอวิ้นกลับหลางหยาไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
คืนส่งท้ายปี หลี่ซูไป๋พาหวงจื่อเสียมาดูดอกไม้ไฟติดโครงที่จวน
ทำให้ได้ความคิดว่าเอ้ออ๋องอาจจะยังไม่ตาย
วันที่หนึ่งเดือนหนึ่งเช้าโจวจื่อฉินมาชวนหวงจื่อเสียไปไหว้พระ
และได้เจอจางเหว่ยอี้พ่อของจางสิงอิง เลยถามถึงภาพที่อดีตฮ่องเต้พระราชทาน
หวงจื่อเสียเลยบอกความลับเรื่องนั้นเป็นราชโองการไม่ใช่ภาพวาดให้โจวจื่อฉินรู้
ให้โจวจื่อฉินหาวิธีทำให้อักษรปรากฏ
พอกลับที่พักจิ่งเหิงรออยู่เพื่อบอกว่าท่านอ๋องรอพบที่ แม่น้ำเฮ่าทางใต้ของเมือง
แม่น้ำเฮ่าและแม่น้ำอวี้ต่างอยู่ทางใต้ของฉางอัน
บรรจบกันที่วัดเซียงจี ที่วัดหลี่ซูไป๋ได้รอหวงจื่อเสียอยู่และได้พบเอ้ออ๋องหลี่รุ่น
คนผู้นั้นยังไม่ปลงผมแต่สวมชุดนักบวช หลี่รุ่นไม่ยอมรับฟังและไม่ยอมกลับไป
กลับฆ่าตัวตายซ้ำยังป้ายความผิดว่าเป็นหลี่ซูไป๋สังหารตน
ตอนนั้นหวางจงสือก็มาปรากฏตัวพร้อมทหารเสินเช่อจวินคุมตัวหลี่ซูไป๋ไป หวงจื่อเสียทำการสอบสวนในที่เกิดเหตุพบว่ามีดที่เอ้ออ๋องใช้ฆ่าตัวตายคือกระบี่อวี๋ฉางกระบี่คู่กายหลี่ซูไป๋ที่เคยมอบให้หวงจื่อเสียแต่ตอนทะเลาะกันนางไม่ได้นำไปด้วยทิ้งไว้ที่จวนอ๋อง
เมื่อหวงจื่อเสียกลับถึงฉางอันหวางจงสือได้รออยู่ที่พักของนางแล้ว
กล่าวว่าจะให้สืบคดีต่อเมื่อเป็นคนตระกูลหวาง
หวงจื่อเสียจึงบอกว่ารอหวางอวิ้นกลับมาจะบอกทันที จากนั้นก็ไปจวนขุยอ๋อง
ทำให้รู้ว่าตอนนี้หลี่ซูไป๋อยู่ในจงเจิ้งซื่อ หวงจื่อเสียบอกว่ามาหาจิ่งอี้
เวลานี้ผู้ที่สามารถใช้งานได้ข้างกายหลี่ซูไป๋มีเพียงจิ่งอี้ จิ่งเหิงเท่านั้น
หวงจื่อเสียถามถึงของใช้ของนางจิ่งอี้บอกว่าให้คนไปเก็บให้
อยากรู้ว่ากระบี่อวี๋ฉางท่านอ๋องจัดการอย่างไร ท่านอ๋องไม่ได้พูดถึง
คิดไปมาจึงคิดถึง จางสิงอิง
เล่มนี้เรื่องราวได้ดำเนินมาใกล้ถึงบทสุดท้ายแล้ว
คดีที่เกิดขึ้นอีกครั้งกลับเกิดขึ้นกับเอ้ออ๋อง หลี่รุ่น น้องเจ็ดที่สนิทกับหลี่ซูไป๋ที่สุด
การหายตัวไป
ความวุ่นวายของข่าวลือที่เกิดจากภายนอกที่มีต่อขุยอ๋องจะทำให้ขุยอ๋องจัดการอย่างไรต่อไป
ความรักความชัง การแก่งแย่งชิงดีในวังหลวง
บุญคุณความแค้นที่พัวพันรุมเร้าพลิกผันนับครั้งไม่ถ้วน
มีแต่ "บันทึกปิ่น"
ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากกาลเวลา
เรื่องราวทั้งหมดบัดนี้มาถึงบทสรุปแล้ว
ประสบการณ์พิสดารของโอรสสวรรค์และขุนนางแห่งราชวงศ์หนึ่ง
ดำรงอยู่ในปริศนาความรักความแค้น
และการลาจากสุดคณานับของต้าถัง
"รวมประโยชน์หมื่นพฤกษา
ไยนำพาตำหนิจ้อย"
แม้จะกระสับกระส่ายลุ้นระทึก
มองเห็นการจัดการของชะตากรรมไม่ชัดแจ้ง
ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าการได้สัมผัสความจริง
จึงเป็นความหมายของการมีชีวิตอยู่
สิ่งนี้ก็คือคุณค่าแห่งการดำรงอยู่ของความจริง
เล่ม8 :
จิ่งอี้และจิ่งเหิงต่างตกใจการคาดเดาของหวงจื่อเสีย
จิ่งเหิงรีบไปหาประวัติมาให้ดู
ส่วนจิ่งอี้หวงจื่อเสียถามว่าจะไปพบหลี่ซูไป๋ที่จงเจิ้งซื่อได้หรือไม่
จิ่งอี้บอกว่าท่านอ๋องสั่งไม่พบใครทั้งสิ้น หวงจื่อเสียร้อนใจมาก
และถามจิ่งอี้เกี่ยวกับจิ่งอวี้
เหตุการณ์ตอนท่านอ๋องได้ยันต์คำสาปและไปดูห้องที่พักของจิ่งอวี้กงกง พบลูกหินฉลุโปร่งลวดลายประณีตลูกหนึ่ง
ข้างในกลวง จิ่งอี้อธิบายว่านี่เป็นเครื่องประดับที่จิ่งอวี้ชอบที่สุด
ร้อยไหมแขวนไว้ที่เอว และเห็นมีคราบน้ำ หวงจื่อเสียถามว่าเค้าไม่พกไปเสฉวนหรือ
จิ่งอี้จึงบอกว่าเห็นเค้าพกไปด้วย หรือว่ามีสองอันที่เหมือนกัน
จิ่งเหิงหาข้อมูลของจางสิงอิงมาให้ ข้อมูลชัดเจนไม่มีจุดด่างพร้อย
หวงจื่อเสียกลับถึงเรือนตระกลูหวาง คิดว่าความผิดปกติเกิดขึ้นตอนไปที่เสฉวนนั้นเอง
โจวจื่อฉินมาหาหวงจื่อเสียตอนเช้าเพราะได้ข่าวเรื่องเอ้ออ๋อง
หวงจื่อเสียจึงบอกให้รอชันสูตรให้ดี ขุยอ๋องมีไส้ศึกข้างกาย น่าจะเป็นจางสิงอิง และบอกว่าคำที่ตีชุ่ยเขียนคือคำว่าหนี
ตีชุ่ยน่าจะรู้อะไรมาถึงบอกแบบนี้
พอไปชนสูตรเอ้ออ๋องก็พบว่า เอ้ออ๋องฆ่าตัวตาย
ไม่ได้ถูกฆ่าอย่างที่ได้ข่าวมา
จวบจนถึงเทศกาลโคมไฟ
หวางอวิ้นบอกว่าจะพาหวงจื่อเสียไปพบหลี่ซูไป๋
เมื่อพบหวงจื่อเสียบอกว่าคิดถึงหลี่ซูไป๋ และสังเกตว่าแขนซ้ายที่เคยบาดเจ็บมีอาการสั่นเล็กน้อย
หลังจากออกจากเรือนพักหวางอวิ้นจะไปส่งกลับ แต่เจอจางสิงอิง
จึงถามเรื่องหมอรักษาเส้นเอ็นและกระดูก จากนั้นก็ไปตวนรุ่ยถังหาหมอเขียนเทียบยา
มียาตัวหนึ่งหมดหวงจื่อเสียเลยไปนั่งรอที่ห้องอบยาด้านข้าง เผลอหลับไปพอตื่นก็พบว่าตนถูกใส่ร้ายว่าฆ่าคนตาย
หวงจื่อเสียมองไปโดยรอบ จางสิงอิงขนาดจะทำหน้าเสแสร้งห่วงใยยังไม่ทำเลย
หลังถูกส่งไปศาลต้าหลี่ โจวจื่อฉินและหวางอวิ้นก็มา
หวางอวิ้นประกันตัวหวงจื่อเสียออกไปได้โดยใช้ฐานะคู่หมั้นหมาย
ถ้าเป็นขันทีจวนอ๋องไม่สามารถทำได้ หวงจื่อเสียเลยต้องเลือก
เช้ารุ่งขึ้นก็ไปที่ตวนรุ่ยถังที่เกิดเหตุและสามารถบอกได้ว่าคนร้ายก่อคดีและป้ายความผิดได้อย่างไร
จางสิงอิงเหมือนคลั้งขึ้นมาป่าวประกาศว่าหวงจื่อเสียและขุยอ๋องตะเภาเดียวกัน
ขุยอ๋องถูกผังซวินสิงร่าง ลอบวางแผนชั่วพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินต้าถังหมายก่อกบฏ จากนั้นลอบกินยาพิษที่ซ่อนไว้ฆ่าตัวตาย
คดีปิด หวงจื่อเสียและโจวจื่อฉินไปที่บ้านจางสิงอิงเพื่อแจ้งข่าว
ยังไม่ทันแจ้งเจ้าหน้าที่ทางการก็มาให้ไปยืนยันรับศพ บิดาจางสิงอิงตกใจจนล้มลง
ตีชุ่ยจึงเล่าถึงความผิดปกติหลังกลับมาจากเสฉวน
และได้พบเด็กหนุ่มที่สนใจแต่แทะเม็ดแตง ที่พูดว่า กงกงไม่ต้องการให้หวงจื่อเสีย
เกะกะขวางทางอีก ตีชุ่ยเลยใช้คำว่าหนีมาบอกอีกฝ่าย กลับถึงเรือนตระกลูหวาง
ก็พบเด็กหนุ่มแทะเม็ดแตง บอกว่าหวางกงกงรออยู่นานแล้ว
หวางกงกงมาเพื่อบอกข่าวเรื่องหลี่หย่งแม่ทัพเจี๋ยตู้สื่อ แห่งกองกำลังเจิ้นอู่
กล้าขยายค่ายทหารเองโดยพลการ ทุกอย่างดีร้ายอยู่ที่ใจฮ่องเต้ว่าเห็นอย่างไร
จากนั้นมีเรื่องเกิดขึ้นหวางจงสือจึงพาหวงจื่อเสียไปดู บนป้อมกำแพงเมือง
ชายชราเห็นว่าคือบิดาจางสิงอิงกำลังป่าวประกาศขุยอ๋องคิดกบฏ สังหารพี่น้อง
ฟ้าดินไม่ให้อภัย ประกาศเสร็จก็กระโดดป้อมกำแพงฆ่าตัวตาย หวางกงกงพาหวงจื่อเสียไปหาหลี่ซูไป๋ต่อ
ขณะพูดคุยเรื่องราวกัน ฮ่องเต้ก็เสด็จมา หวงจื่อเสียจึงไปแอบที่ห้องข้าง
ผลคือฮ่องเต้มีจิตคิดสังหารหลี่ซูไป๋แล้ว
แต่ตอนนี้หลี่ซูไป๋สามารถเอาตัวรอดไปได้อีกครั้งหนึ่ง
กลับถึงเรือนตระกลูหวางหวางอวิ้นรออยู่
ถามเรื่องแต่งงานหวงจื่อเสียจึงตอบตกลงเพื่อให้หลี่ซูไป๋รอดชีวิตต่อไป
เมื่อไปเห็นปลาน้อยสองตัวจึงสังเกตว่าตอนนี้ได้วางไข่แล้ว
หวงจื่อเสียนึกถึงคำพูดของหวางจงสือเรื่องไข่ปลา
นึกถึงคำพูดของฉีเถิงที่พูดกับอวี่เซวียนเรื่องปลาน้อยสีแดงที่หายไป ความลับของปลาน้อยเริ่มเข้ารูปเข้ารอย
คืนนั้นความฝันจึงยุ่งเหยิง โจวจื่อฉินมาหาหวงจื่อเสียตอนเช้า บอกข่าวตีชุ่ยหายไป
เรื่องเจดีย์ที่ขุยอ๋องลดจำนวนจากหนึ่งร้อยแปดองค์เหลือเจ็ดสิบสององค์ทำให้สยบมารร้ายไม่ได้
ผู้อาวุโสอายุเกินเจ็ดสิบของสิบกว่าตรอกร่วมกันลงชื่อถวายฏีกา รีบขจัดมารร้าย
โจวจื่อฉินพูดถึงวิธีการลอกหมึก ต้องใช้เวลาสองวันหนึ่งคืน ต้องลองเอายันต์มาดู
ตอนนี้ยันต์อยู่ที่จวนอ๋อง
โจวจื่อฉินบอกว่าจะเอากล่องใบนั้นของข้าไปเปลี่ยนกับกล่องของขุยอ๋อง
เรื่องนี้จุดประกายความคิดนาง จึงไปที่ร้านประดิษฐ์ไม้เหลียงจี้แทน
เมื่อไปถึงถามถึงอาจารย์ของอาจารย์ซุนที่ทำกล่องไม้ให้ขุยอ๋อง
พบว่ามีเงินมากช่วงนั้นและถูกโจรปล้นฆ่าอย่างรวดเร็ว
ของที่ทิ้งไว้ให้มีที่ไม่น่าใช้คือกาวชันผึ้ง หวางอวิ้นมาตอนค่ำ
บอกว่าเจอตีชุ่ยข้างศาลต้าหลี่แต่เหวยเป่าเหิงพาไปแล้ว
โจวจื่อฉินมาหาหวงจื่อเสีย
พร้อมกับหวางอวิ้นเอาของที่จะใช้ในงานแต่งงานมาให้หวงจื่อเสีย
รวมถึงชุดแต่งงานด้วยเมื่อลองชุดแต่งงาน
เห็นเงื่อนคล้องใจที่ห้อยอยู่ที่พัดบังหน้าตอนทำพิธี
ให้นึกถึงของสามสิ่งที่เจอในกระถางธูปจวนเอ้ออ๋อง
คล้ายคิดอะไรได้ในทันทีจึงหน้ามืด
โจวจื่อฉินมาด้วยเรื่องศพของจางสิงอิงกับบิดาที่คดีปิดแล้ววันนี้ให้รับศพกลับไป
หวงจื่อเสียจึงไปชันสูตรศพกับโจวจื่อฉิน หวางอวิ้นตามไปด้วย
เมื่อได้ผ่าศพดูก็พบปลาจิ๋วสีแดงอยู่ที่ช่องคอถึงหลอดลม
ทั้งสองศพมีปลาจิ๋วที่เหมือนกันเกือบทุกอย่าง เมื่อกลับเรื่อนตระกลูหวาง
หวงจื่อเสียบอกหวางอวิ้นฝากบอกหวางกงกงว่ามีของที่ต้องการอยู่ หวางกงกงมาถึงหวงจื่อเสียบอกว่าปลาน้อยวางไข่แล้ว
ทำเป็นไม่ระวังเทปลาและไข่ปลาทั้งหมดใส่ขวด แล้วใช้มือช้อนปลากลับมา
หวางกงกงเห็นจุดแดงที่ปลาเล็บ หวงจื่อเสียไม่รู้เรื่องใช้มือกินขนมไปจนหมดชิ้น
หวางกงกงสั่งให้คายออกมา อาเจียนออกมาและบอกให้ไปหลัวฝูมู่กับเจียจู๋เถาบดผงกินปริมาณน้อยทุกสองชั่วยาม
วันละสองตำลึง ติดกันหนึ่งเดือน
ในที่สุดหวางจงสือก็ยอมบอกความลับของอาเจียสือเนี่ย
และขออภัยเรื่องพิษจิวอย่างเปิดเผยจริงใจ
ทั้งยังยอมรับว่าอาเจ๋อคนข้างกายเป็นสายเหมือนจางสิงอิง
หวางจงสือมาบอกเรื่องผู้อาวุโสหลายสิบตรอกลงชื่อถวายฏีกา
และที่หวงจื่อเสียไม่รู้คือฝ่าบาทพระอาการกำเริบ
รัชทายาทก็ยังมาพูดจาให้ร้ายขุยอ๋อง
เป็นเพราะขันทีข้างกายรัชทายาทเสี้ยมสอนนั่นเอง
อย่างนี้จะทำให้ฮ่องเต้เห็นขุยอ๋องเป็นภัยต่อรัชทายาทที่อายุแค่สิบสองปี
จากนั้นก็บอกว่าจะทูลให้ขุยอ๋องรับพระธาตุเพื่อขจัดวิญญาณร้าย
ถ้าผ่านด่านนี้ไปได้ก็จะกลับคืนสู่ชื่อเสียงวันเก่าๆได้อีกขั้น
วันที่ขุยอ๋องจะออกมารับพระธาตุหวงจื่อเสียออกมาดูได้ฟังข่าวลือชาวบ้าน
ได้ฟังนักเล่านิทาน พอถึงเรื่องสุยหยางตี้ อดีตฮ่องเต้
ทำให้หวงจื่อเสียนึกถึงเรื่องเงื่อนคล้องใจ กระบี่พระนางบูเช็กเทียน และกำไลหยกของเอ้ออ๋องได้
วันรับพระธาตุเข้าเมือง
หลี่ซูไป๋รับพระธาตุพร้อมด้วยก่อนหน้ามีเรื่องเล่าของนักเล่านิทาน
และข่าวลือทำให้ทุกคนเลื่อมใส
ศรัทธาในตัวขุยอ๋องอีกครั้งหวางอวิ้นก็กลัวหลี่ซูไป๋จะไปตัดหน้าพบหวงจื่อเสีย
ซึ่งความจริงหลี่ซูไป๋ก็มาแต่ไม่ได้เข้าไป ฝากภาพฝีพระหัตถ์อดีตฮ่องเต้เอาไว้ให้หวงจื่อเสียเท่านั้น
โจวจื่อฉินมาหาหวงจื่อเสีย ที่เรือนตระกูลหวาง
นางกำลังเขียนสิ่งที่ตนค้นพบในปริศนาครั้งนี้อยู่ ปลาอาเจียสือเนี่ย ยันต์คำสาป
การตายของเอ้ออ๋อง การตายของพ่อลูกตระกูลจาง การสวรรคตประหลาดของอดีตฮ่องเต้ การเสียสติของเฉินไท่เฟย
โจวจื่อฉินอยากรู้ความจริงด้วย หวงจื่อเสียไม่ยอมบอก
กล่าวว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมากห้ามรู้เด็ดขาด
แต่อักษรใต้ภาพฝีพระหัตถ์นี้สามารถรู้ได้และไปหาคำตอบด้วยกัน
ฮ่องเต้คิดสังหารขุยอ๋องแล้ว ได้สั่งเตรียมการ
หวางอวิ้นกลับมาบอกหวงจื่อเสียว่าต้องเลื่อนการเดินทางไปเสฉวนในวันพรุ่งนี้
หวงจื่อเสียรับรู้
แต่หวางอวิ้นได้ผิดคำสัญญากับหวงจื่อเสียเรื่องขุยอ๋องไปแล้วที่จะช่วยเหลือขุยอ๋อง
หวงจื่อเสียมาหาหลี่ซูไป๋ในคืนนั้นบอกว่าเข้าวังไม่ได้
และบอกว่าไขความลับรอบตัวหลี่ซูไป๋ทั้งหมดได้แล้ว ทั้งสองจึงตัดสินใจที่จะอยู่ก็อยู่ด้วยกัน
ไปก็ไปพร้อมกัน และหวงจื่อเสียเล่าวิธีของยันต์ปริศนาที่คาใจหลี่ซูไปมาหลายปี
เล่าถึงวิธีการ การดำเนินการตลอดหลายปี และปลาน้อย ... อาเจียสือเนี่ย
ความฟุ้งซ่านชั่วขณะ ที่บางคราวปรากฏข้างกายผู้ตายโหง
หลี่ซูไป๋ฟังจบก็บอกว่าฉะนั้นได้เวลาเปิดโปงทุกอย่างแล้ว
หวงจื่อเสียตอบว่าคดีนี้สิ้นสุดแล้ว
พอเช้ามืดหวงจื่อเสียก็กลับเป็นขันทีหยางฉงกู่
ตามหลี่ซูไป๋เดินทางเข้าวังไปด้วยกัน
ขั้นแรกก็เปิดเผยความลับการหายตัวไปของเอ้ออ๋อง
การส่งพระธาตุยังมีการเล่นงานหลี่ซูไป๋แสดงให้เหมือนมือเปื้อนเลือด
สุดท้ายหวงจื่อเสียก็บอกได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นน้ำด่างและขมิ้น
เมื่อเข้ามาในตำหนักความลับทั้งหมด ย้อนไปกว่าสิบปีก็เผยออกมา
ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด ล้วนได้รับการไขกระจ่าง
บัลลังก์นี้ที่แท้ควรเป็นของใคร ใครเป็นเจ้าของ
ความลับที่ปกปิดมานานล้วนกระจ่างแจ้ง
สิบนิ้วสอดประสานไม่แยกจากอีก
เหลาจุ่ยจิ่นยังคงคึกคัก
นักเล่านิทานยังคงเล่าข่าวลือในเมืองหลวงอยู่ที่นี่
เงามืดในชีวิตถูกกวาดล้างไปชีวิตสดใสรออยู่
ระหว่างขี่ม้ากลับจวนหลี่ซูไป๋อุ้มหวงจื่อเสียมานั่งม้าตัวเดียวกัน
แล้วให้ดูอักษรที่แกะสลักในปิ่น ซุกซ่อนในใจ วันใดลืมเลือน
ฉางอัน สุขสงบยั่งยืนนาน ...
เล่ม 1
เปิดมาใครจะคิดว่าขุยอ๋องหลี่ซูไป๋ที่เป็นพระเอก จะโหดขนาดนี้กับนางเอกได้ล่ะ
นางเอกปลอมตัวหนีตายจากเสฉวนมาเมืองหลวงเพื่อจะทวงคืนความเป็นธรรมคดีเลือดของบ้านตัวเอง
ที่มีตัวเองเป็นฆาตกรผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง มีหมายประกาศจับไปทั่ว
ดันได้รับความช่วยเหลือจากองค์รักษ์หน่วยกองธงของขุยอ๋องแฝงตัวเข้าเมืองหลวง
ตอนจะออกจากจวนก็ออกไม่ได้ต้องเข้าไปอยู่ในรถม้าของขุยอ๋อง แถมโดนจับได้
โดนบีบลูกกระเดือก เหยียบอก เป็นนางเอกไม่ง่ายเลยนะ
แทนที่จะไปก็เปลี่ยนใจต่อรองขอโอกาสหลี่ซูไป๋พลิกคดีของตัวเอง
(ความสามารถของพระเอกเยอะมาก อ่านผ่านตา จำได้ไม่ลืม รักสะอาดสุดๆ สารพัด)
หวงจื่อเสีย สังเกตเห็นปลาน้อยสีแดง
ก็รู้ว่าต้องเป็นปลาที่มีประวัติความเป็นมาแน่นอน ปลาน้อยอาเจียสือเนี่ย ...
ความฟุ้งซ่านชั่วขณะ ที่บางคราวปรากฏข้างกายผู้ตายโหง บอกว่าจะไขความลับของปลาน้อยนี้แลกกับการช่วยเหลือของหลี่ซูไป๋ในการพลิกคดีของตนที่เสฉวน
หวงจื่อเสียต้องแสดงความสามารถไขคดีปริศนาตอนนั้นที่ไขไม่ได้ในฉางอัน
หลี่ซูไป๋บอกว่าให้เวลาสิบวันก่อนเลือกพระชายา ซึ่งหวงจื่อเสียทำได้แน่นอน
จึงได้เป็นขันทีข้างกายหลี่ซูไป๋ หยางฉงกู่
หลี่ซูไป๋บอกถึงยันต์คำสาปที่ได้มาพร้อมการปราบกบฏเมื่อสามปีก่อน
และตอนนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับการเลือกพระชายาในอีกสิบวัน
เล่ม 1 และ เล่ม 2 เป็นคดีของหวางรั่ว
ว่าที่พระชายาขุยอ๋อง เมื่อไขคดีได้ ความลับของตระกูลใหญ่ก็ได้เปิดเผย
หลี่ซูไป๋หน้านิ่ง แต่เริ่มสังเกตหวงจื่อเสียเรื่อยๆล่ะ เพราะนางสนแต่จะไขคดี
ชอบดึงปิ่นออกมาขีดเขียนตอนใช้ความคิด ดึงปิ่นทีงี้ผมหลุดสยาย
ก็บอกขออภัยเป็นความเคยชินต้องใช้ปิ่นมาขีดเขียนตลอด จนหลี่ซูไปทนไม่ไหว
ทำปิ่นพิเศษให้เป็นปิ่นซ่อนในปิ่นเหมาะมากๆ หวงจื่อเสียยังไม่รู้ถึงความใส่ใจของท่านอ๋องหน้านิ่งอีกนะ
คิดว่าท่านอ๋องช่างปรนนิบัติยากนัก รักสะอาดเป็นที่สุดจนโดนนางแกล้งเข้าให้
เงินเดือนก็ไม่ได้จนสุดๆอีกต่างหาก นางเอกเป็นขันทีที่ยากจนมากๆๆ
ไม่มีเงินซื้อข้าวกินเลย ต้องเบิกเงินท่านอ๋องไปไขคดี 5555
เล่ม 3 และเล่ม 4 เป็นคดีขององค์หญิงถงชาง เรื่องราวดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน
แต่สุดท้ายทุกอย่างมารวมกันเป็นคดีเดียวกัน
จุดรวมเกิดจากรูปวาดฝีพระหัตถ์อดีตฮ่องเต้ที่มอบให้หมอชาวบ้านคนหนึ่ง
เล่ม 5 และ เล่ม 6
ในที่สุดก็ได้เดินทางกลับเสฉวนไปพลิกคดีของตนเอง
ในการเดินทางยังเกิดเหตุทำให้หวงจื่อเสียและหลี่ซูไป๋ต้องหนีตายไปด้วยกัน
ทำให้ทั้งสองรู้ใจกันอีกขั้นถึงขนาดเจ้าและข้าเราไม่เหมือนเดินแล้ว
ทั้งๆที่ไม่ค่อยพูด พูดทีนางเอกเขินเลยเชียว
ยังมีคดีที่เกิดขึ้นสองคดีที่เกี่ยวข้องกัน
ที่ทำให้หวงจื่อเสียสามารถปิดคดีของตัวเองได้ในที่สุด
เล่ม 7 และ เล่ม 8 เป็นการกลับมาเผชิญหน้ากลับเรื่องราวต่างๆในเมืองหลวงฉางอันอีกครั้ง
เอ้ออ๋องหายไป ขุยอ๋องถูกเสียงเล่าลือว่าโดนวิญญาณร้ายเข้าสิงตั้งแต่ไปปราบกบฏ
ความลับต่างๆมากมาย หวงจื่อเสียต้องหาความจริงในเรื่องราวต่างๆเพื่อช่วยหลี่ซูไป๋
ให้รอดพ้นจากภัยครั้งนี้
เนื้อเรื่องโยงเป็นเรื่องราว ทั้งการสืบคดี
ความรักที่เกิดขึ้นของตัวพระเอก นางเอกในเรื่อง
โจวจื่อฉินที่รับบทช่วยนางเอกและการแต่งตัวสีสันจัดกว่าใครในฉางอัน
เวลาไปสืบคดีพร้อมกัน หวงจื่อเสียกลับมาเล่าความคืบหน้าคดีให้หลี่ซูไป๋ฟัง
หลี่ซูไป๋ก็จะวิเคราะห์ไปด้วย ทุกคดีหวงจื่อเสียจะถามว่าท่านอ๋องทราบแล้วกระมังว่าคนร้ายเป็นใคร
หลี่ซูไป๋ก็จะตอบว่าเดาได้บางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด
ส่วนหวงจื่อเสียจะตอบว่าคดีนี้ไขกระจ่างแล้ว
มีแต่โจวจื่อฉินที่วิ่งไปทั่วพร้อมกันกลับไม่รู้อะไรเลย
บอกว่าสองคนนี้รู้กันไม่บอกตน ขำมากล่ะ เป็นตัวละครที่สร้างสีสันได้ดีมากๆ
ทั้งเรื่อง 8 เล่มมีทั้งการไขคดี มีความรัก การแก้แค้น ความลับนับสิบปีให้ค้นหา
สุดท้ายก็จะกลับมาที่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด