Review 23/2562
เรื่อง : อสุรากับยาใจ (3เล่มจบ)
ผู้แต่ง : เย่วเชี่ยจินหู
ผู้แปล : ทีมห้องสมุด
พิมพ์ครั้งที่1 : พฤษภาคม 2559
โปรยปกหลัง :
ธรรมดาแล้ว
หากถูกจอมมารจับตัวไปชีวิตจะต้องรันทด โดนรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ข้า...
กลับไม่เป็นเช่นนั้น
กล่าวกันว่าหากหญิงใดเก่งงานบ้านการเรือน
มีฝีมือการทำอาหารเป็นเลิศ
ถือว่าเท้าข้างหนึ่งของหญิงผู้นั้นเหยียบอยู่บนกองเงินกองทองเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่านางจะต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าแม่สื่อแม่หา
ต้องแต่งเข้าบ้านเศรษฐีให้กับคุณชายผู้เพียบพร้อมสักคนเป็นแน่ แต่ชีวิตของหลัวซีกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ยามกินก็ต้องป้อน ยามนอนก็ต้องกล่อม
เขาเป็นจอมมารหรือบุตรชายคนโตของข้ากันแน่?
พรสวรรค์ด้านการทำอาหารของนางชักชวนแต่เรื่องร้ายๆ
ให้มาเคาะประตูบ้าน ที่เลวร้ายที่สุดก็คือชักชวนให้ดาวมฤตยูอย่างชวนจิ่งอวี้...
ประมุขแห่งพรรคจู่เหว่ยอวี้—พรรคฝ่ายอธรรมอันเลื่องชื่อ ผู้ผอมแห้ง
กินยากเรื่องมาก ซ้ำยังเป็นโรคนอนไม่หลับ ให้ตรงดิ่งมาหานางถึงที่
ในที่สุดนางก็ถูกซื้อไปเป็นแม่ครัวประจำตัวของบุรุษที่เอาใจยากที่สุดในใต้หล้า
นี่คือเรื่องราวของอสูรผู้ผ่ายผอมราวกับไม้ฟืน
โหดเหี้ยมและเลือกกินเป็นที่สุด
กับหญิงงามผิวบางผู้มีพรสวรรค์ในการล่อหลอกเป็นเลิศ
เขากินหนึ่งคำ นางรอดชีวิตไปอีกหนึ่งวัน
เช่นนั้นก็กินให้มากสักหน่อยเถิด กินให้อ้วนท้วนไปเลย!
คำนำสนพ. :
กล่าวกันว่าเสน่ห์ปลายจวักของผู้หญิงนั้น
เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่มีค่ายิ่งกว่าความงามเสียอีก นางเองเรื่องนี้ก็ไม่ต่างกันค่ะ
ผลงานใหม่ล่าสุดของสนพ. ห้องสมุดเล่มนี้เป็นแนวรักโรแมนติก
เสน่ห์ของเรื่องอยู่ที่การบรรยายที่ค่อนข้างละเอียดและความขบขันที่สอดแทรกอย่างมีจังหวะ
โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึงสาวน้อยผู้หนึ่งที่ต้องคอยเก็บ "คะแนนความดี"
เพื่อแลกกับสุขภาพที่แข็งแรงของตัวเองค่ะ
เนื้อเรื่องช่วงต้นจะให้ความรู้สึกเหมือนเล่มเกม
ต้องสะสมคะแนนเพื่อผ่านด่านสู่เส้นชัยอย่างไรอย่างนั้น นางเอกกึ่งๆ
ถูกบังคับให้ต้องทำความดีอยู่ตลอดเวลา
เรียกได้ว่าสายตาสอดส่องหาแต่ผู้ที่เดือนร้อนอยู่เสมอ
อ่านแล้วก็ขำไปกับความคิดแต่ละอย่างของนาง
แล้วนางเอกก็มีความสามารถด้านการทำอาหารเป็นพิเศษ
แต่ละเมนูที่บรรยายออกมาชวนให้ท้องร้องกันจริงๆ
เรียกได้ว่าเป็นสาวงามที่มีฝีมือเข้าครัวไม่แพ้ใครเลย
ความสามารถพิเศษนี้จึงเข้าทางพระเอก ประมุขพรรคมารที่เป็นคุณชายเรื่องมาก กินยาก
อยู่ลำบาก จะกินข้าวแต่ละมื้อแทบจะต้องกราบกรานกันเพราะความไม่ธรรมดาของพระเอก
เขาเลยต้องการแม่ครัวที่เก่งมากๆมาคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน
เปรียบดั่งตะเกียบสองข้างที่เข้าคู่กันได้พอดี เป็นอีกเรื่องที่อ่านสบายๆ
คลายร้อนสำหรับช่วงหน้าร้อนได้ดีเลยทีเดียว
ทีมงานห้องสมุด
เนื้อเรื่องเริ่มต้น :
ต้นปีเจี่ยอู่ เมืองหนิงหย่าง
แคว้นหวงเหลียงเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่
เหตุการณ์ในคราวนั้นมีผู้บาดเจ็บล้มตายมิใช่น้อย
กว่าแสนคนที่ต้องหลั่งโลหิตหรือแม้กระทั่งสังเวยชีวิตตนเองให้กับภัยธรรมชาติโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
เพียงชั่งพริบตาเดียวเท่านั้นเมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีตก็กลายเป็นสถานที่รกร้าง
ณ คอกวัวแห่งหนึ่งบริเวณทุ่งร้างนอกเมือง
ชาวบ้านเกือบสิบชีวิตลี้ภัยมาจากเมืองหนิงหย่วนต่างกำลังทยอยเข้ามาอาศัยสถานที่ซึ่งปราศจากสิ่งมีชีวิตใดๆ
แห่งนี้เป็นที่พำนักพักพิง "หลัวซีอวี้"
หรือที่ใครต่อใครต่างพากันเรียกว่า "หลัวซี"
กำลังเงยหน้าขึ้นมองก้อนเมฆเทามืดครึ้มเย็นยะเยือกที่ก่อตัวเป็นก้อนกระจายไปทั่วท้องฟ้า
จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าตนที่โดนฝนจนเปียกชุ่ม
ใบหน้าเล็กผอมเท่าฝ่ามือปรากฏความรู้สึกยินดีออกมาเพียงเล็กน้อยโชคดียิ่งนัก
โชคดีที่ "ร่างกายของนางร่างนี้" เพิ่งมีอายุเพียงสิบเอ็ดปีเท่านั้น
อีกทั้งยังเล็กและผอมแห้งหาได้ดึงดูดความสนใจของชายใดไม่ หากโตกว่านี้อีกสักหลายปี
เสื้อผ้าบางๆ เปียกแนบร่างเช่นนี้คงได้เห็นอกเห็นสะโพกชัดเจนเป็นแน่
ครั้นหวนนึกถึงสภาพของหญิงสาวสองคนที่ถูกข่มเหงระหว่างทางเมื่อหลายวันก่อนก็ตัวสั่นเทิ้มขึ้นทันใด
สองแขนผอมบางของหลังซีออกแรงกอดพื้นชื้นๆ ไม่ก็ท่อนในอ้อมอกแน่นขึ้น
เล่ม1 :
เพราะที่บ้านเกิดภัยแล้ง หลัวซี จึงต้องอพยพทั้งครอบครัว
ระหว่างเดินทาง แม่เลี้ยงหาทางกำจัดหลัวซีทิ้งระหว่างทาง แต่นางก็รอดมาได้
เพราะไข่เป็ดดอกอวี้หลันที่ไม่รู้ที่มาเมื่อไม่มีอะไรกิน นางจะแอบไปกินทุกวัน
นั่นเป็นการเริ่มต้นข้อตกลง เพราะเมื่อไม่ได้ทำความดี ความเจ็บปวดจะมาเยือน
นางจึงต้องทำความดี เพื่อให้ได้แสงแห่งความดี มาบรรเทาอาการเจ็บปวด
และเพราะกินดอกอวี้หลัน ทำให้นางสวยงามขึ้นเรื่อยๆแต่ก็บอบบางมาก โดนอะไรนิดหน่อยก็ช้ำ
เลือดตกยางออก เจ็บปวดแทบตาย
จนเดินทางผ่านพ้นเขตภัยแล้ง ทั้งหมดต้องการย้ายที่ทำกิน
ไปตั้งรกรากที่ใหม่ แต่เพราะครอบครัวของหลัวซี ท่านพ่อไม่เอาไหน
แม่เลี้ยงคิดแต่จะกำจัดนาง สุดท้ายนางก็ถูกขายไปที่สวนร้อยบุปผา ที่เอาไว้ให้บุรุษร่ำรวยมาซื้อไปเป็นอนุ
ที่นี่หลัวซีไม่สนใจการฝึกศิลปะทั้งสี่
เอาแต่ฝึกทำอาหารและยาลูกกลอนช่วยลูกหลานของเหล่าครูฝึก เพื่อสะสมแสงแห่งความดี ห้าปีผ่านไป
หลันซีอายุสิบหกปี กำลังจะถูกให้คารวะน้ำชาครั้งแรก
เป็นเวลาเดียวกับที่ในเมืองมีการจัดงานชุมนุมโอสถสวรรค์ เป็นเหตุให้ชวนจิ่งอวี้ประมุขพรรคมารจู่เหว่ยอวี้
แห่งโลกันต์บูรพาที่กำลังตามหายาสำคัญเดินทางมาด้วย
แต่กลับได้พบกับลูกกลอนที่เป็นยาสงบใจที่เอาไว้ให้เด็กกิน และแย่งชิงมา ทำให้
ท่านจอมมารที่กินยากนอนยากได้นอนหลับในที่สุด
ด้วยเหตุนี้ คนพรรคมารจู่เหว่ยอวี้จึงทำทุกวิธีเพื่อให้ได้ตัวหลัวซีมา
และที่สำคัญท่านจอมมารที่ไม่เคยสนใจสตรีกลับชอบกลิ่นหอมดอกอวี้หลันที่ติดตัวหลัวซีอย่างมาก
ตอนแรกหลัวซีมาอยู่ก็ทำยาลูกกลอนให้ท่านจอมมารที่ผอมมากๆ เพราะอะไรก็ไม่กิน เลือกไปหมด
กินยากนอนยาก จมูกดี เกลียดอากาศทุกสภาพ ตอนหลังทำอาหารให้ท่านจอมมารก็ยอมกิน
แถมยังยอมบอกด้วยว่าชอบไม่ชอบอะไร หลัวซีคอยสังเกตความชอบต่างๆ
กว่าจะขอร้องให้กินแต่ละอย่างได้ ช่างยากเย็น
ท่านพ่อ และแม่เลี้ยงของหลัวซีมาโวยวายเพราะติดหนี้ต้องการเงิน
พอรู้ว่าคนที่ซื้อหลัวซีไปคือพรรคมาร ก็ทิ้งน้องชายต่างมารดาที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานเอาไว้แล้วหนีไป
ที่ไหนได้เด็กทารกมีหกนิ้ว โบราณถือว่าอับโชค ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีคนรับเลี้ยง
หลัวซีหมดทางจึงไปขอร้องจอมมาร แลกกับการจับ ที่ท่านจอมมารไม่เคยรู้เลย
แล้วสนใจอยากรู้ เหมือนเป็นเด็กน้อย
เพราะจอมมารใสซื่อ ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิง รังเกียจกลิ่นแป้ง
แต่หลัวซีเป็นข้อยกเว้นเพราะนางมีกลิ่นหอมดอกอวี้หลัน เนื้อตัวนุ่มนิ่ม อุ่นในหน้าหนาว
เย็นในหน้าร้อน ท่านจอมมารชอบกอดนางเป็นที่สุด ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องชายหญิงเพราะไม่เคยมีใครสอน
เป็นหนุ่มพรหมจรรย์ และยังมีปมติดมารดา ทุกเรื่องต้องเปรียบเทียบกับเป๋าเป่าตลอด
สรุปว่าท่านจอมมารยอมให้เก็บน้องชาย
ที่หลัวซีตั้งชื่อว่าเป๋าเป่าเอาไว้ ให้หาครอบครัวที่ดีได้ค่อยมอบให้
เมื่อไม่มียาที่ต้องการ ก็จะเดินทางกลับจู่เหว่ยอวี้กันแล้ว
การเดินทางหลัวซีนั่งอยู่ในเกี้ยวสีดำที่มีรูปร่างเหมือนโลงศพ
เดินทางผ่านป่าเขา จนเจอหมู่บ้าน ที่หมู่บ้านที่เจอมีหญิงท้องที่มีอาการผิดปกติ
กินน้ำมาก กินอาหารเยอะแต่ผอมสุดๆ เพราะมีคนเลี้ยงปลิงโลหิตเอาไว้กินเลือด
หลัวซีเกือบเกิดเรื่องทำให้ท่านจอมมารที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านต้องจัดการ
เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนตื่นตกใจกันไปหมดกับการกระทำของท่านจอมมาร เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือ
นางเย่ซื่อได้มอบสร้อยประคำที่ได้จากนักพรตให้
เมื่อพ่อบ้านเก่อเห็นจึงดีใจมากเพราะเป็นตัวยาที่สำคัญในการรักษาพิษให้ท่านจอมมาร
มันคือไม้โพธิสัตว์ ที่หาให้ตายก็ไม่ได้ถ้าไม่มีวาสนา
จากนั้นการเดินทางจะต้องผ่านทะเลทรายหนึ่งเส้นฟ้า ผู้เฒ่าเก่อบอกให้หลัวซีหาครอบครัวให้เป๋าเป่า
แต่หลัวซียังตัดใจไม่ได้ เมื่อขอร้องท่านจอมมารก็ได้รับอนุญาต
หลังอ่านเล่ม1 :
ท่านจอมมารที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อมาพบกับหลัวซี
ความเป็นอยู่เริ่มดีขึ้น จากที่ไม่เคยเข้าใจเรื่องของสตรีก็เริ่มเรียนรู้ทีละน้อย
จริงๆก็ไม่สนใจอะไร นอกจากคนที่อยากจะสนใจ เพราะมันไม่น่าสนใจน่ะสิ
ส่วนหลัวซีก็ต้องคิดหาเมนูอาหารให้ท่านจอมมารได้กินให้อิ่มมากขึ้น
เพราะนางกินยากอะไรขนาดนั้น หนังหุ้มกระดูกทีเดียว
เมื่อไม่มียารักษาพิษก็เดินทางกลับพรรคจู่เหว่ยอวี้ละกัน อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์
การเดินทางจึงเริ่มต้นอีกครั้ง
เนื้อหาบางส่วนเล่ม2 :
ณ จุดพักม้า
เมื่อหลัวซีมองเห็นที่ที่เรียกว่าจุดพักม้าเบื้องหน้า
หญิงสาวก็ดีใจเสียจนแทบจะลุกขึ้นมาเต้น
เพราะตลอดทางที่ผ่านมานางไม่ได้นอนหลับสบายแม้แต่วันเดียว
กลางวันร้อนจนทนแทบไม่ไหวกลางคืนกลับหนาวแทบทนไม่ได้ ซ้ำระหว่างทางยังอาจพบอันตรายได้ตลอดเวลา
ถึงจะอยู่ในโลงศพแต่ก็พลอยอกสั่นขวัญแขวนไปด้วย
ในขณะเดียวกันยังต้องคอยกังวลถึงอารมณ์ของท่านจอมมาร
กลัวคนผู้นี้จะโมโหแล้วอาละวาดทิ้งนางกับเป๋าเป่าไว้ในสถานที่ที่แม้แต่นกยังไม่ขับถ่ายจนต้องกลายเป็นศพตากแห้ง
ด้งนั้นนางจึงพยายามทำตัวให้อยู่ในสายตาของเขาอยู่ตลอดเวลาตั้งใจปรนนิบัติสุดความสามารถ
แต่พอมีเรื่องให้ต้องขบคิดก็ยากทีจะทำใจให้สงบ
หากได้พักก็คงเป็นช่วงกลางคืนที่ท่านจอมมารกอดนางไว้
โดยที่นางต้องนอนซบอยู่ข้างกายเขาอย่างไม่กล้าขัดขืนเท่านั้นถึงจะได้งีบพักบ้าง
ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นจุดพักม้าหลัวซีจึงดีใจอย่างบอกไม่ถูกทว่าสีหน้าของผู้เฒ่าเก่อ
องครักษ์ลี่
และกลุ่มชายชุดดำที่ถูกเรียกว่าสิบสองกระบี่กลับไม่มีความยินดีแม้แต่น้อย
สีหน้าของพวกเขานอกจากไม่คลายความหวาดระแวงยังเคร่งเครียดขึ้นอีกหลายส่วนสองเท้าไม่เพียงไม่ก้าวไปข้างหน้าแต่ยังก้าวถอยหลังแล้วหยุดนิ่งอยู่กับที่
ความคิดของหลัวซีหยุดชะงักไปชั่วขณะ
ด้วยความสงสัยจึงเริ่มพิจารณาธงบนเสาเหล็กที่ถูกแดดแผดเผาจนมองแทบไม่เห็นตัวอักษรหลังจากเพ่งอยู่นานก็อ่านได้ว่า
"ถ้ำเซียวจิน" ถ้ำเซียวจิน เป็นสถานที่อันใดกัน? ด้วยสภาพทะเลทรายที่แสนโหดร้ายทำให้รอบด้านไม่มีผู้คนพักอาศัย
หากแต่บริเวณนี้กลับมีผาหินสีดำขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านสามารถกำบังพายุทรายและแสงแดด
ได้เปรียบเสมือนประภาคารกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างดึงดูดให้ผู้คนตรงเข้าหา
นี่ก็คือจุดพักม้าของทะเลทรายหนึ่งเส้นฟ้า
ถ้ำเซียวจิน เมื่อเอ่ยถึงถ้ำเซียวจินชาวบ้านทั่วไปอาจไม่รู้จัก
แต่เหล่าผู้ต้องหาบนป้ายประกาศจับทั่วแผ่นดินไม่มีใครไม่รู้จัก
เพราะสภาพอากาศที่เลวร้ายและอันตรายจากพายุทะเลทรายที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตสามารถสกัดกั้นทุกย่างก้าวของทุกผู้คน
ดังนั้นทะเลทรายเวิ้งว้างแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่หลบภัยของเหล่าโจรร้ายที่ทางการต้องการตัว
ขอเพียงพวกเขาก้าวเข้าสู่ทะเลทรายหนึ่งเส้นฟ้า
ต่อให้เหล่าองครักษ์เสื้อแพรและมือปราบที่ติดตามไม่ลดละราวกับมีจมูกสุนัขงอก
หากรู้ว่าพวกเขาหลบอยู่ที่ถ้ำเซียวจินแห่งนี้ก็จะไม่กล้าติดตามมา
ในที่สุดถ้ำเซียวจินจึงค่อยๆ กลายเป็นสวรรค์ของเหล่าคนโฉดชั่ว
ไม่ว่าจะเป็นผู้กล้าในยุทธภพ
ผู้ที่พเนจรไปทุกหนแห่งหรือเหล่าอาชญาการที่สังหารคนปล้นชิงทรัพย์
ทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่ทั้งสิ้น อีกทั้งพวกเขามิได้มากันตัวเปล่า
ต่างนำสมบัติมากมายติดตัวมาด้วย สถานที่แห่งนี้จึงเปลี่ยนจากถ้ำหินที่ไม่มีคนรู้จักเมื่อหลายปีก่อน
มาเป็นถ้ำเซียวจินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวันนี้ ที่สำคัญที่สุด
ที่นี่ยังเลี้ยงอูฐตัวอ้วนพีที่ชำนาญการเดินทางในทะเลทรายไว้เป็นจำนวนมาก
ยิ่งทำให้เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดมือ
เล่ม2 :
เมื่อเดินทางผ่านเขาไปภูมิประเทศก็กลายเป็นทะเลทรายทันที น้ำที่เตรียมมาต้องใช้อย่างประหยัด
พายุทะเลทรายก็มาก
เพราะชวนจิ่งอวี้มีประสาทสัมผัสไวจึงรู้ตัวก่อนสามารถหลบหลีกพายุทะเลทรายมาได้
แต่เมื่อเดินทางมาได้ระยะทางหนึ่งในที่สุดน้ำก็ใกล้หมดลง
ทำให้ต้องตัดสินใจไปที่ถ้ำโจร ถ้ำเซียวจิน โรงเตี๊ยมกลางทะเลทราย ถ้ำโจรที่กินเนื้อมนุษย์
หลัวซีที่ไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้เกือบตายเพราะแผนการผังนางกับเป๋าเป่าเอาไว้
แล้วที่เหลือไปสู้กับศัตรูจำนวนมาก แต่ท่านจอมมารก็มาช่วยได้ทัน
เหตุการณ์นี้ทำให้หลัวซีคิดได้ว่าไม่ควรพาเป๋าเป่ามาด้วยเลย เลยตัดสินใจว่าจะช่วยท่านลุงเฉินให้รอดตายแล้วมอบเป๋าเป่าให้ไป
เมื่อเหตุการณ์มาถึง มอบเป๋าเป่าไปแล้วเมื่อผ่านพ้นทะเลทราย หลัวซีก็ซึมเศร้า
หันมาดูแลท่านจอมมารแทนเพื่อชดเชยความคิดถึงเป๋าเป่า
ในที่สุดก็ต้องเลือกเส้นทางเดินทางอีกครั้งเพราะว่า
ไปทางทะเลจะโดนพวกมือปราบทางการดักจับได้ง่ายจึงเปลี่ยนเป็นทางขึ้นเขาเทียนยวนแทน
จนถึงทางที่ยากที่สุด ยอดเขาสองลูกอยู่ห่างกันมาก ระหว่างที่ท่านจอมมารกับหลัวซีข้ามไปได้เกิดเหตุเส้นไหมขาด
ร่วงลงไปในเหวลึก แต่ท่านจอมมารก็สามารถพาตัวเข้ามาในถ้ำได้ ในระหว่างทางทำให้เกิดเสียงมากมาย
เป็นเหตุให้ค้างคาวออกมา และตอนนั้นจอมมารก็พิษกำเริบ
จึงสั่งหลัวซีว่ายังไงก็ห้ามออกมา เมื่อเหตุการณ์สงบ
หลัวซีทำทุกอย่างเพื่อดูแลท่านจอมมาร จนกว่าจะฟื้น และในที่สุดก็ได้เห็นแผ่นหลังที่เป็นเกล็ดงู
เมื่อกลับขึ้นมาบนเขาได้จึงได้รู้เรื่องราวทั้งหมดก็ให้รู้สึกรักและสงสารท่านจอมมารมากขึ้น
การเดินทางใกล้จะถึงโลกันต์บูรพา ระหว่างทางผ่านร้านขายเกี๊ยว ขายน้ำชาก็หยุดพัก
ทำให้พบกับชายหญิงคู่หญิงที่เป็นพ่อลูกกัน ซึ่งเป็นนักโทษถูกคุมตัวมา
ผู้เฒ่าเก่อและหลัวซีอยากเลี่ยงเหตุการณ์ยุ่งยาก ที่ไหนได้ ท่านจอมมารกลับไม่ยอมไป
จนต้องช่วยเหลือสตรีผู้นั้นเอาไว้เพราะจอมมารรู้จักกับบิดาของนางนั่นเอง
หลัวซีไม่คิดว่าทำไมท่านจอมมารต้องรับโหยวซวงเอ๋อเอาไว้ด้วย
เพราะดูไปแล้วโหยวซวงเอ๋อก็เป็นหญิงงามคนหนึ่ง
หลังจากพูดคุยกันท่านจอมมารจึงยอมบอกว่ามารดาของโหยวซวงเอ๋อเก่งเรื่องการรักษาน่าจะหาวิธีรักษาหลัวซีได้
หลัวซีจึงไม่ติดใจ
แจ่ยัยโหยวซวงเอ๋อกลับมองหลัวซีด้วยสายตาแปลกๆและดูถูกที่นางมาจากสวนร้อยบุปผาและพยายามจะเลียนแบบนาง
สุดท้ายก็ถูกท่านจอมมารรังเกียจ
ในที่สุดก็เดินทางถึงโลกันต์บูรพา เป็นสถานที่ที่สวยงามอยู่ติดภูเขาไฟทำให้อากาศดีตลอดปี
และในที่สุด หลัวซีและท่านจอมมารก็ได้เข้าหอ เป็นสามีภรรยากัยเสียที
เมื่อกลับถึงจู่เหว่ยอวี้หลัวซีรู้สึกว่าทุกอย่างสบายขึ้น
ผู้เฒ่าเก่อคิดหาทางใช้ไม่ประคำโพธิสัตว์มาทำยาแก้พิษ
หลัวซีดูแลจัดการเรื่องส่วนตัว และอาหารการกินของชวนจิ่งอวี้ เพื่อไม่ให้พิษกำเริบ
แต่สุดท้ายพิษก็เกือบกำเริบเพราะการบุกเข้ามาของคนจำนวนมากทำให้กระพรวนดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่พิษกำลังจะกำเริบหลัวซีก็รู้ว่าชวนจิ่งอวี้คือสิ่งสำคัญที่สุด
นางจึงกอดไว้แน่นไม่ยอมจากไป ชวนจิ่งอวี้ก็สามารถระงับมารร้ายได้ในที่สุด
หลังอ่านเล่ม2 :
ชวนจิ่งอวี้ ท่านจอมมารที่ทุกคนหวาดหลัว
แต่ตอนนี้หลัวซีไม่กลัวแล้ว ทั้งตอนกลางวันกับตอนกลางคืนนิสัยยังแตกต่างกันอีก
ท่านจอมมารเห็นหลัวซีเป็นของล้ำค่า หลัวซีก็ยอมรับท่านจอมมาร
พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านจอมมารกินได้มากขึ้นอีกหนึ่งคำ ดูแลความเป็นอยู่ไม่ให้หนาวเกินไป
ร้อนเกินไป เพราะนางรักและใส่ใจ
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงจู่เหว่ยอวี้ได้อย่างปลอดภัยซะที
และในที่สุดทั้งสองก็เป็นสามีภรรยากันจริงซะที
ท่านจอมมารไม่ใช่หนุ่มโสดอีกต่อไปแล้ว ถึงท่านจอมมารจะงี่เง่า แต่นางก็รักของนาง
เล่มนี้แสดงนิสัยที่แตกต่างของท่านจอมมาร
และเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆด้านเลยทีเดียวค่ะ
เนื้อหาบางส่วนเล่ม3 :
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่นางหลัว แม่นางหลัว
ในที่สุดข้าก็สกัดตัวยาจากไม้ประคำโพธิสัตว์สำเร็จแล้ว"
ผู้เฒ่าเก่อวิ่งตะโกนเสียงดังด้วยท่าทางเหมือนคนสติไม่สมประกอบ ผู้เป็นหมอเทวดาที่เคยแต่งกายสะอาดเรียบร้อยตลอดทางที่เดินทางกลับมา
บัดนี้กลับมีสภาพเหมือนขอทานสกปรก หนวดเคราเลอะน้ำยาสีน้ำตาลเหนียว
ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนรังนก เสื้อผ้าไม่ได้เปลี่ยนมากี่วันก็ยังยากที่จะรู้
แม้กระทั่งรองเท้าก็ไม่ได้สวม
"ชู่ " หลัวซีรีบก้าวออกมาจากห้องแล้วยกมือห้าม
"ผู้เฒ่าเก่อเบาๆ หน่อยท่านจอมมารเพิ่งหลับ" "อ้อๆ
ท่านจอมมารหลับแล้ว เราต้องพูดกันเบาๆ หน่อย"
ในที่สุดผู้เฒ่าเก่อที่ได้สติคืนมาก็พูดจาเป็นปกติ
หลัวซีตามผู้เฒ่าเก่อไปที่ห้องยา
ภายในห้องดูเลอะเทอะ มีขวดหยกวางอยู่สองใบในขวดนั้นคือตัวยาที่สกัดมาจากสร้อยประคำโพธิสัตว์มันมีสีเขียวลักษณะเหนียวข้นเล็กน้อย
เดิมไม้โพธิสัตว์ไม่มีน้ำจึงต้องอาศัยสมุนไพรจำนวนมากเป็นตัวช่วย
ผ่านขั้นตอนการกลั่นมากมายหลายขั้นตอน กลั่นครั้งครั้งเล่า
ขั้นตอนเหล่านั้นล้วนเต็มไปด้วยความยากลำบาก ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันอย่างไร
อัตราส่วนเท่าไหร่จะควบคุมความร้อนของไฟและเวลาอย่างไร
จะเอาชนะความล้มเหลวที่ผ่านมาได้อย่างไร หากไม่ใช่ผู้มีประสบการณ์มากเช่นเขา
ไม่ใช่เพราะมีความหลงไหลในวิชาแพทย์ ไม่แม้แต่จะยอมแพ้
มุ่งมั่นศึกษาโดยไม่กินไม่นอน ก็คงยากที่จะสกัดออกมาได้
อย่าว่าแต่สร้อยประคำไม้โพธิสัตว์พวงเดียว
ต่อให้มีสิบพวงแปดพวงก็คงเหมือนฝนที่ตกลงไปในแม่น้ำ
แม้กระทั่งเงาของความสำเร็จก็อย่าหวังจะได้เห็น หลังซีฟังแล้วก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน
นางจัองมองไปที่ขวดหยกพลางถามว่า
"นี่คือยาที่ปรุงขึ้นตามตำรับยาโบราณอย่างนั้นรึ?" เยี่ยมจริงๆ ผู้เฒ่าเก่อ ทันเวลาพอดี
ท่านไม่รู้หรอกว่าเมื่อครู่นี้ท่านจอมมารตกอยู่ในอันตรายมากแค่ไหน
อีกนิดเดียวอาการกำเริบ
เคราะห์ดีที่ท่านจอมมารยับยั้งพิษเอาไว้ได้ด้วยตนเองแต่ก็ทำให้เหนื่อยมาก
ข้าคิดว่าช่วงนี้พิษคงไม่กำเริบอีกแน่ เรารีบมาขจัดพิษให้ท่านจอมมารกันเถอะ"
"อะไรนะ อาการของท่านจอมมารเกือบกำเริบ
เกิดอะไรขึ้น?" ผู้เฒ่าเก่อที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการสกัดน้ำจากไม้โพธิสัตว์หรี่ตาแล้วถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันที
หลัวซีจึงเล่าเรื่องความเปลี่ยนแปลงของเสียงกระพรวนและอาการของท่านจอมมารตอนที่พิษกำเริบในวันนี้ให้ชายชราฟัง
"เรื่องนี้มีพิรุธ มีพิรุธ ข้าจะไปพบท่านจอมมาร"
ผู้เฒ่าเก่อลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว "โปรดรอสักครู่เถิด
กว่าเขาจะหลับได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผู้เฒ่าเก่ออย่าเพิ่งไปรบกวนจะดีกว่า
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือยาแก้พิษเราจะให้ท่านจอมมารดื่มยานี้ได้อย่างไร? ตราบใดยังไม่ได้ขจัดพิษ
ข้าไม่มีวันสบายใจได้ ข้ากลัวจะมีอะไรเกิดขึ้น"
เล่ม3 :
ผู้เฒ่าเก่อสามารถสกัดน้ำออกมาจากไม้ประคำโพธิสัตว์ได้แล้ว
แต่มันไม่ใช่ยาแก้พิษเป็นเพียงยาที่ช่วยชะลอการกำเริบของพิษเท่านั้น
เมื่อหลัวซีรู้เรื่องและบอกเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้ผู้เฒ่าเก่อฟัง ผู้เฒ่าเก่อจึงคิดว่าต้องจัดการคนที่อยู่ข้างกายท่านจอมมารซะแล้ว
แต่ที่ไหนได้
องครักษ์ลี่รู้ตัวอยู่แล้วและได้ใช้สติช่วงสุดท้ายสารภาพความจริงว่าได้ถูกปลิงเลือดของผู้เฒ่าถงเมื่อตอนนั้นอาศัยร่างทำให้เหมือนไม่ได้สติเป็นพักๆ
ช่วงที่อยู่ยอดเขาเทียนยวนตนก็ไม่ได้สติรู้ตัวอีกทีเส้นไหมทองคำก็ขาดแล้ว
จากนั้นระหว่างเดินทางกลับมาก็ไม่ได้สติหลายครั้งทุกครั้งจะพยายามรวบรวมหลักฐานต่างๆ
ของให้ท่านจอมมารช่วยสังหารตนด้วย
หลัวซีไม่รู้เรื่องราว เพียงเห็นว่าท่านจอมมารแปลกไป พาไปเดินเล่น
ทำตัวไม่เหมือนเดิม ให้ทำความรู้จักกับลูกงูน้อยสีเงินที่นางตั้งชื่อว่าเสี่ยวเซิ่ง
จึงไปถามผู้เฒ่าเก่อผู้เฒ่าเก่อบอกว่าตัวยาสำคัญอยู่ที่โลกันต์ทักษิณ
มีเพียงการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เท่านั้น
หลัวซีทำใจไม่ได้สุดท้ายก็ยอมเป็นเพียงแม่ครัวขอแค่อยู่ข้างกายชวนจิ่งอวี้ก็พอ
แต่พอจอมมารทักษิณมา ท่านจอมมารกับทำเป็นสนิทสนมกับนาง ไม่สนใจหลัวซี
ทั้งยังไล่ให้ไสหัวไปทั้งยังบอกว่าให้ไปเป็นอาหารที่บ่องู ทั้งหมดทำให้นางเสียใจ
จึงยอมตัดใจจากมา
โดยไม่รู้ว่าที่แท้นี่คือแผนการของชวนจิ่งอวี้ที่ต้องการให้นางเกลียดเพื่อฮึดสู้
เพราะตอนนี้โลกันต์บูรพาอันตรายจากศัตรูรอบด้าน ทั้งโลกันต์ประจิมและโลกันต์อุดร
ร่วมกับกองกำลังของทางการที่ต้องการปราบโลกันต์บูรพา
และยาที่ได้จากโลกันต์ทักษิณก็เจือจางมีโอกาสแค่สามส่วน
จึงคิดมากมายตัดใจส่งหลัวซีออกไป แต่นางไม่รู้เรื่อง ทั้งแค้นชวนจิ่งอวี้มากมายนัก
ตอนเดินทางออกจากโลกันต์บูรพา หลัวซีได้รับความลำบากมากมาย
ทั้งยังคิดแค้นชวนจิ่งอวี้ที่สุด
ระหว่างโดยสารเรือก็เจอกับหญิงชาวบ้านที่จ้องจะขโมยทรัพย์สิน ของมีค่าของนาง
เพราะว่าครั้งนี้หลัวซีเมาเรือเป็นอย่างมากไม่เหมือนขามาโลกันต์บูรพาแม้แต่น้อย
นางก็คิดว่าคงเป็นที่จิตใจอ่อนแอ สภาวะอารมณ์ไม่ปกติทำให้เมาเรือมากมาย ตอนที่เสียทีสองแม่ลูกนึกว่าตัวเองแย่แล้ว
ฟื้นขึ้นมากลับได้พบศพสองแม่ลูก ตอนแรกยังไม่รู้ว่าทำไมถึงตาย
ต่อมาถึงได้รู้ว่าเป็นเสี่ยวเซิ่ง งูน้อยสีเงิน นางคิดว่ามันคงซนจนแอบหนีตามมา
ทีนี้ก็มีเพื่อนร่วมทางซะที
และในที่สุดนางก็รู้ว่าอาการที่เป็นไม่ใช่เมาเรือแต่เป็นอาการแพ้ท้อง
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ แต่เรื่องนี้ก็ทำให้หลัวซีมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
การเดินทางของนางน่ากลัวยิ่งนัก หลัวซีคับแค้นใจมาก
นางไม่รู้เลยว่าเพราะทุกคนถูกตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่มีใครออกจากโลกันต์บูรพาได้ ชวนจิ่งอวี้เป็นห่วงหลัวซีเลยไม่ให้ใครคอยตาม
เพราะจะเป็นที่สังเกตได้ นางไม่รู้สถานการณ์ในโลกันต์บูรพาว่าเลวร้ายแค่ไหน
เพราะสองจอมมารประจิม อุดรร่วมมือกันบุกมา
เมื่อได้ยินนางก็ทำเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิง
ยังดีที่หลัวซีสามารถเห็นแสงสีขาวในตัวคนได้ทำให้รู้ว่าสามารถขอความช่วยเหลือจากใคร
ตอนนี้ก็ได้อาศัยที่บ้านหญิงชรากับลูกสะใภ้พักฟื้น
ทั้งยังสอนลูกสะใภ้นางทำขนมเพื่อให้มีรายได้ดีกว่ารับจ้างเย็บผ้าอีกด้วย
การทำดีได้รับการตอบแทนเมื่อสามีและลูกชายของนางกลับมาก็อาสาไปส่งที่ผู้เฒ่าเฉิงอยู่กับเป๋าเป่า
เมื่อไปถึงได้เจอเป๋าเป่าถูกรังแก ก็สามารถช่วยไว้ได้
จากนั้นนางก็เริ่มนึกถึงแสงสีขาวแห่งความดีอีกครั้ง เพราะดูเหมือนนางจะละเลยมานาน
จึงช่วยเด็กขอทานเอาไว้ สร้างโรงเรียนและร้านยา เริ่มทำความดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ไข่เป็ดดอกอวี้หลันก็ออกดอกมาขึ้นทุกที
จนหลัวซีตั้งท้องได้เจ็ดเดือนกลุ่มคนชุดดำก็มาหานาง
ผู้เฒ่าเก่อเล่าความจริงในตอนนั้นให้ฟังและบอกว่าอยากให้ท่านจอมมารพบนางเป็นครั้งสุดท้าย
พอหลัวซีเห็นชวนจิ่งอวี้ที่เป็นอย่างนี้นางก็เศร้าเสียใจ
ทุ่มเทดูแลชวนจิ่งอวี้จนอาการดีขึ้น แต่นางเองกลับจะเกือบแท้งขึ้นมา
ชวนจิ่งอวี้ที่ตัดใจไม่สนใจชีวิตก็เริ่มรู้สึกได้ ทะลวงจุดชีพจรตนเอง
ฟื้นฟูตนเองเช่นกันเพราะกลัวว่าจะเสียนางอันเป็นที่รักไป
และที่ไม่มีใครรู้คือสาปอสุรานั้นได้หลอมรวมตัวเองกับชวนจิ่งอวี้นานแล้ว
ในน้ำมีน้ำมัน ในน้ำมันก็มีน้ำ
จึงยิ่งเก่งขึ้นกว่าเดิมและฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
ในที่สุดก็ถึงตอนคลอด ผู้เฒ่าเก่อตั้งชื่อเด็กน้อยว่าชวนจิ่งเสวียน
ส่วนหลัวซีตั้งชื่อเล่นว่าเป้ยเป้ย เป๋าเป่ากับเป้ยเป้ย ช่างแตกต่างกับ
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบปี เด็กทั้งสองโตแล้วมีที่ทางเป็นของตัวเอง
เป๋าเป่าชอบช่วยเหลือคนมากมายมีกลิ่นอายของบัณฑิตแต่เด็ก ไปอยู่ที่เมืองหลวง
ส่วนเป้ยเป้ยพออายุสิบขวบก็กลับโลกันต์บูรพา
หลัวซีคิดว่าเด็กๆเมื่อโตขึ้นก็ต้องมีที่ทางเป็นของตัวเอง นางจึงเหลือแต่ดูแลท่านจอมมารชวนจิ่งอวี้ให้ดี
จนกระทั่งอีกสิบปีก็ผ่านไป
ผู้เฒ่าเก่อใกล้ตายยังจะมาบอกนางว่าท่านจอมมารจากไปนานแล้วที่อยู่กับนางคือสาปอสุรา
นางก็เริ่มระแวงในใจ แต่ยังไม่แน่ใจ หลัวซีเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสุราคะนึงหา
จึงนำมาให้ชวนจิ่งอวี้ดื่ม
ชวนจิ่งอวี้ก็คิดว่านี่คือยาพิษที่เขารู้มาตลอดว่าผู้เฒ่าเก่อแอบเอาให้นางก่อนตาย
เมื่อทั้งคู่ดื่มสุราคะนึงหาไปความในใจของคู่รักก็จะรู้ได้โดยพลันทำให้หลัวซีรู้ถึงความรักที่ชวนจิ่งอวี้มีให้นางตลอดมา
และที่ผู้เฒ่าเก่อหลอกใช้นางเพราะผู้เฒ่าเก่อเป็นเพียงผู้คุมกฎ
จอมมารจะมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น หลัวซีเสียใจมากที่เพิ่งรู้
แต่ก็ดีใจมากที่ตัวเองไม่ได้วางยาพิษชวนจิ่งอวี้ ระหว่างที่จะบอกว่ารัก
แสงสีขาวในตัวกลับลอยออกมาเพราะไข่เป็ดดอกอวี้หลันสะสมความดีจนเต็มแล้วนั่นเอง
และเห็นสีหน้าตกใจกลัวของชวนจิ่งอวี้ นั่นเป็นฉากสุดท้ายที่หลัวซีเห็นก่อนตื่นขึ้นมาในยุคปัจจุบัน
กลับมายุคปัจจุบันนางก็ยังทำความดีอยู่แต่ไม่ความสดใสเหลืออยู่
สามปีผ่านไปในที่สุดก็ได้พบคนที่ตามหามานาน เพราะน้าสาวที่ไม่หวังดี
แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้หากันเจอจนได้ ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้อยู่ด้วยกัน
หลังอ่านเล่ม3 :
เรื่องราวความรักที่ไม่เคยบอกใคร แต่ทั้งสองต้องใช้ใจสื่อใจ
รักแท้มีอยู่ในโลก
ในที่สุดคนเพียงคนเดียวบนโลกที่สำคัญที่สุดของจอมมารที่ไม่สนใจใคร ทั้งสองก็สามารถหากันจนเจอและได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุข
เป็นเล่มจบที่ทำให้ซาบซึ้งกับความรักของทั้งคู่ กับการอยู่ร่วมกันอีกครั้งจริงๆค่ะ
เนื้อเรื่อง :
หลัวซี หญิงสาวที่ทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กหญิงอายุสิบเอ็ดปี
มีไข่เป็ดอวี้หลันในครอบครอง ทำให้ต้องทำความดีเพื่อตัวเองจะได้ไม่เจ็บปวด
ชวนจิ่งอวี้ จอมมารแห่งโลกันต์บูรพา
มีสาปอสุราติดตัวมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
เป็นคนที่ประสาทสัมผัสทั้งห้าไวเหมือนงู หูดี จมูกดี ไม่ชอบกลิ่นเหม็น
เกลียดความสกปรก ไม่ชอบหนาว ไม่ชอบร้อน กินยาก ร่างกายผอมมากๆเพราะเบื่ออาหารกินอะไรก็ไม่ได้
หลัวซีที่บ้านเกิดน้ำท่วมทำให้ต้องอพยพ
ระหว่างทางแม่เลี้ยงที่ไม่ชอบลูกเลี้ยงก็หาทางกำจัดหลายครั้ง ทั้งให้อดอาหาร
แบกของหนัก แต่นางก็ไม่เป็นไร เพราะนางมีไข่เป็ดดอกอวี้หลัน ที่ไม่รู้มาจากไหน
นางเด็ดกลีบดอกมากิน เอาน้ำดอกอวี้หลันมาดื่มแก้กระหาย เรื่องพวกนี้เป็นความลับ
แต่แม่เลี้ยงก็แอบเห็นทั้งยังรู้ว่าพอไม่กี่วันแสงในไข่เป็ดหมด
นางต้องไปทำความดีไม่อย่างนั้นจะเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก
ตอนที่กินดอกอวี้หลันผิวนางก็จะนุ่งขึ้นจนกลายเป็นการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกทำให้มีความงามมากแต่โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็ช้ำ
เจ็บแทบตาย
พอตั้งหลักแหล่งได้บ้านอื่นเริ่มลงมือจับจองที่ดิน
แต่ท่านพ่อและแม่เลี้ยงของหลัวซีกลับคิดขายหลัวซีให้สวนร้อยบุปผา
หลัวซีจำต้องไปอยู่สวนร้อยบุปผาแต่นางก็ไม่สนใจศึกษาศาตร์ต่างๆ
เอาแต่ฝึกทำอาหารกับยาลูกกลอน เป็นเหตุให้ได้พบกับที่จอมมารแห่งโลกันต์บูรพาที่มายังห้าแคว้นเพื่อมางานโอสถสวรรค์
แต่กลับได้หลัวซีกลับไปแทน
หลัวซีต้องดูแลปรนนิบัติท่านจอมมาร ตอนแรกกลัวแทบตาย
แต่เพราะว่าบอกว่าให้มาทำยาลูกกลอนให้ท่านจอมมาร ต่อมาก็ให้ทำอาหาร
ซึ่งท่านจอมมารยอมกินเป็นที่ตกใจของพวกลูกน้องที่สุด และท่านจอมมารก็ยอมให้หลัวซีเข้าใกล้คนเดียวด้วย
เพราะเกลียดกลิ่นแป้งแต่ชอบกลิ่นที่ติดตัวหลัวซีมาก
ต่อมาท่านพ่อกับแม่เลี้ยงยังมาหาจะขอเงินอีก
นางมีที่ไหนทั้งยังทิ้งลูกที่เพิ่งคลอดเอาไว้
พออุ้มมาดูถึงได้รู้ว่าเด็กมีหกนิ้วถือเป็นเรื่องอัปมงคล ไม่มีใครรับเลี้ยง
สุดท้ายหลัวซีต้องไปขอร้องท่านจอมมาร ท่านจอมมารยอมแต่แลกกับการยอมให้จับหน้าอก
หนุ่มพรหมจรรย์ผู้ไม่เคยรู้จักความแตกต่างชาย หญิงเริ่มสนใจแล้ว หลัวซีเลยต้องดูแลทั้งท่านจอมมารและเป๋าเป่า
เมื่อไม่มียาที่ใช้รักษาได้อย่างนั้นก็กลับโลกันต์บูรพา
ระหว่างทางกลับยังพบเรื่องราวมากมาย ต้องผ่านด่านอันตรายมากมายทั้งทะเลทรายหนึ่งเส้นฟ้า
ถ้ำโจรกินเนื้อมนุษย์เรื่องพวกนี้ทำให้หลัวซีคิดได้ว่าไม่ควรดึงดันจะพาเป๋าเป่ามาด้วยเลย
จากนั้นจึงต้องส่งมอบเป๋าเป่าให้กับผู้เฒ่าเฉิงเลี้ยงดู ระหว่างทางท่านจอมมารดูแลหลัวซี
พอท่านจอมมารเกิดเรื่องก็เป็นหลัวซีที่ดูแลท่านจอมมารอย่างดีไม่ห่าง อย่างตอนที่อยู่ใต้หน้าผายอดเขาเทียนยวนหลัวซีก็ดูแลท่านจอมมารที่สาปอสุรากำเริบสลบไม่ได้สติเป็นอย่างดี
มีอะไรก็ให้กินก่อน แสดงออกถึงความรัก ความใส่ใจ ท่านจอมมารก็รับรู้ได้เช่นกัน
การเดินทางหลังจากนั้นก็ใกล้ถึงโลกันต์บูรพา
จนเมื่อถึงโลกันต์บูรพาท่านจอมมารที่ไม่รู้เรื่องชายหญิงเลย ก็ไม่ใช่หนุ่มโสดอีกต่อไป
ทั้งรัก ทั้งเอาใจหลัวซีอย่างมาก จนในที่สุดเรื่องราวไม่คาดฝันสำหรับหลัวซีก็เกิดขึ้นเมื่อชวนจิ่งอวี้แปลกไป
พอถามผู้เฒ่าเก่อก็ได้คำตอบว่าพิษสาปอสุรานั้นมีแค่ยาแก้จากจอมมารโลกันต์ทักษิณเท่านั้น
เรื่องพวกนี้หลัวซีทำใจยอมรับว่าจะเป็นเพียงแม่บ้านได้
แต่ท่านจอมมารกลับขับไล่นางไป ทำให้นางเสียใจมาก
เมื่อมารู้ภายหลังว่าตัวเองตั้งครรภ์ก็ออกจากโลกันต์บูรพาไปแล้ว การที่ต้องออกจากโลกันต์บูรพาเพราะท่านจอมมารไม่อยากให้หลัวซีเผชิญกับการบุกของสองโลกันต์จึงสร้างเรื่องราวไล่นางไป
การเดินทางที่สิ้นหวัง เคียดแค้นก็ตั้งใจดูแลตัวเองมากขึ้นเพราะตัวเองท้อง
และที่ห่างหายไปนานก็คือการทำความดี เพราะแสงสีขาวส่งสัญญาณเตือนว่าความดีที่สะสมไว้ใกล้หมดแล้ว
นางต้องรีบทำความดี กว่าจะเดินทางมาเจอเป๋าเป่ากับผู้เฒ่าเฉิงและปักหลักอยู่ด้วยกัน
ก็ต้องผ่านเรื่องราวดักปล้นมากมาย แต่นางก็ผ่านมาได้ ตอนนี้ก็ต้องเร่งทำความดี
ช่วยขอทานสร้างโรงเรียน ร้านขายยา จนกระทั่งเจ็ดเดือนผ่านไป ผู้เฒ่าเก่อก็พาท่านจอมมารมาหาบอกว่าพบกันเป็นครั้งสุดท้าย
หลัวซีก็ไม่ยอม ดูแลอย่างดี ทั้งๆที่ผู้เฒ่าเก่อถอดใจไปแล้วแต่นางไม่
ดูแลจนตัวเองเกือบจะแท้ง ท่านจอมมารเมื่อเห็นแบบนี้จึงยอมที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
ทะลวงเส้นชีพจรรักษาตนเองที่ภายในได้หลอมรวมกับสาปอสุราเป็นหนึ่งเดียวกัน
เก่งขึ้นอีกมากมาย
เมื่อหลัวซีคลอดให้ชื่อเล่นว่าเป้ยเป้ย ชื่อจริงเรียกว่าชวนจิ่งเสวียน
นางไม่รู้ว่าจอมมารโลกัยต์บูรพามีได้เพียงคนเดียว
เป็นนางที่เข้าใจไปเองว่าเด็กเมื่อเติบโตต้องไปใช้ชีวิตของตัวเอง
สิบปีต่อมาเป้ยเป้ยกลับโลกันต์บูรพา เป๋าเป่าเหมือนนางชอบทำความดี
และเป็นบัณฑิตที่มีความรู้อยู่ในเมืองหลวง
อีกสิบปีผ่านไปผู้เฒ่าเก่อก่อนตายได้ทิ้งความหวาดระแวงใว้ในใจหลัวซี
แต่เพราะหลัวซีรักชวนจิ่งอวี้มาก และมีสุราคะนึงหา
จึงดื่มด้วยกันทำให้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาชวนจิ่งอวี้รักนาง ดูแลนางแค่ไหน
ผู้เฒ่าเก่อเป็นเพียงผู้คุมกฎที่ต้องการทำตามกฎเท่านั้น
ส่วนชวนจิ่งอวี้ก็พร้อมที่จะตายแล้วในตอนนี้
แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นหลัวซีที่ไข่เป็ดดอกอวี้หลันบรรจุความดีจนเต็มพอดี
ทำให้วิญญาณของนางกลับมายังโลกปัจจุบัน
เมื่อกลับมานางไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมายี่สิบปีเป็นความจริงหรือความฝัน
จึงไปของร้องพระโพธิสัตว์กวนอิม
สามปีต่อมาก็ได้เจอกับชวนจิ่งอวี้ในร่างของคุณชายวังเทียนอวี่จอมเจ้าชู้
ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม นางได้เจอคนที่ตามหาท่ามกลางคนมากมายอีกครั้ง
รักแท้มีอยู่จริงในโลก
หลังอ่าน :
เรื่องราวที่เกิดขึ้นของหลัวซี
ที่ต้องทำความดีแต่นางทำความดีเพราะต้องการแสงสีขาวนะ นางไม่ใช่แม่พระนี่นา
แต่เมื่อทำความดีไปมากๆ ร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนไป
เมื่อมาเจอกับจอมมารชวนจิ่งอวี้ที่แสนจะเรื่องมากทุกอย่าง เพราะมีนิสัยอย่างงู
ลิ้นก็แสนจะดี จมูกก็ดี
สรุปประสาทสัมผัสทั้งห้าไวกว่าชาวบ้านเหมือนราชาอสรพิษที่สุด อะไรๆก็กินไม่ได้
นอนก็ไม่หลับ มาเจอนางเอกนี่สวรรค์ชัดๆ จากที่ไม่รู้เรื่องของผู้หญิงเลย
เพราะไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงมาก่อน รังเกียจกลิ่นแป้งอีก แม่ตายตั้งแต่เกิด
จะไปรู้อะไรได้ไง มาเจอนางเอกทำไมหอมน่าจับไปหมด จิ้มนู้น จับนี่ จนชิน
แต่ยังเป็นหนุ่มพรหมจรรย์จนนางเอกต้องค่อยๆสอน
ทั้งชีวิตมีเพียงนางเอกคนเดียวที่ใส่ใจ เพราะทดสอบมาหลายครั้งแล้วนี่นะ
ส่วนนางเอกก็เอาแต่เที่ยวทำความดีไปทั่ว
พระเอกที่นิ่งๆไม่พูดจาไม่บอกอะไรทุกอย่างเก็บไว้ในใจคนเดียว
พอวันนึงบอกว่าไสหัวไป นางเอกก็รับไม่ได้ พอรู้ว่าตัวเองท้องก็มีกำลังใจ
และยังมุ่งทำความดีต่อไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดพระเอกกลับมาพร้อมกับร่างที่ใกล้ตายนางเอกที่บ่นว่าเกลียดก็ดูแลเป็นอย่างดี
พระเอกเห็นนางเอกเป็นแบบนี้ นางก็รักของนางทำทุกอย่างลับๆเพื่อนางโดยไม่บอก
สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏกลับเป็นตอนที่นางเอกสะสมแสงสีขาวแห่งความดีจนครบแล้วได้จากไป
พระเอกที่เตรียมใจตายกลับไม่ตาย
นางเอกกลับยุคปัจจุบัน มุ่งทำความดีต่อไปจนในที่สุดก็ได้เจอพระเอกอีกครั้งที่จำได้เพราะบุคลิก
และแววตาที่จำได้ไม่ลืม ในที่สุดคนรักกันก็ได้อยู่ด้วยกัน
มีความสุขอย่างแท้จริงทั้งสองชาติภพ ตอนพิเศษตอนสุดท้ายกล่าวถึงชวนจิ่งเสวียน
ยิ่งสรุปว่าลูกชายที่เห็นแก่ตัว มองความรักไร้ค่า สุดท้ายก็เข้าใจความมรักของพ่อ
แม่ แต่ทำยังไงได้ ยิ่งสูงก็ยิ่งหวาน จงหลอกตัวเองต่อไป
อ่านเรื่องนี้แล้วต้องดูที่นางเอกเอาแต่นินทาลับหลังพระเอกว่าจอมมารงี่เง่า
แต่ยอมทำทุกอย่างให้ เพราะรักนั่นเอง
พระเอกทำอะไรต่างๆให้นางเอกมากมายโดยที่นางไม่รู้ เห็นการกระทำที่คนรักมีต่อกัน
ที่หญิงอื่นมองแล้วนางช่างเป็นหญิงขี้ประจบชั้นต่ำ
ดูตัวเองสูงส่งแต่กลับทำตัวไร้ค่าซะอย่างนั้น อย่างเสนอตัวให้พระเอก
แต่พระเอกจะเอาเหรอ บอกได้คำเดียวสกปรก เจอนางเอกยังรีบบอกให้เช็ดมือให้หน่อย
โอ้ยนางฮามากอะ แล้วก็คอยดูเมนูอาหารที่นางเอกทำให้ท่านจอมมารช่างมีมากมายทั้งนั้น
ก็จะยอมกินคำนึงนี่แทบจะอ้อนวอนกันทีเดียว ท่านจอมมารก็มีบุญเหมือนกันนะ คนนึงฆ่าคนไม่กระพริบตา
อีกคนชอบช่วยเหลือคนอื่นตลอด แต่ทั้งสองก็อยู่ด้วยกันได้อย่างดี พอบทซึ้งนี่น้ำตามาเลยทีเดียว
สงสารนางเอก กับพระเอก สนุกมากเลยค่ะ
ป.ล. ตอนพิเศษ ตอนที่ 4 ถ้าไม่มีเล่มเล็ก อ่านได้จากเวบห้องสมุดดอตคอมนะคะ