Monday, May 20, 2019

#เต้าหู้ไซซี #3เล่มจบ #สนพ.ห้องสมุดดอตคอม


Review 12/2562
เรื่อง : เต้าหู้ไซซี
ผู้แต่ง : YiDuJunHua
ผู้แปล : ทีมห้องสมุด
พิมพ์ครั้งที่1 : มกราคม 2560
สนพ. ห้องสมุดดอตคอม

โปรยปก :
นางเป็นเพียงลูกสาวบ้านตระกูลกัว ร้ายขายเต้าหู้เล็กๆ ในอำเภอห่างไกลที่ใครๆ ก็ไม่คาดว่าวันหนึ่งจะมีวาสนาเอื้อมถึงตำแหน่งชายาอ๋อง ซวิ่นอ๋องมู่หรงลี่ ผู้นำกองทัพนักรบปีศาจแห่งแคว้นต้าเอี้ยนไม่คาดคิดมาก่อนว่าสตรีที่ตนเก็บตกได้ระหว่างออกรบจะเป็นชิ้นส่วนที่มาเติมเต็มหัวใจอันว่างเปล่า สตรีผู้นี้เป็นเพียงสาวชาวบ้าน นิสัยเรียบง่าย หัวอ่อน พูดน้อย นางมีทุกอย่างที่ตรงข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิง แต่กลับเป็น ยอดพรูหนึ่งเดียวที่ทำให้นักรบอย่างเขารู้สึกอยากวางอาวุธในมือ แล้วกลับบ้าน นี่เป็นเรื่องราวของซินเดอเรลล่าในยุคจีนโบราณ เป็นเรื่องของสาวน้อยยากจนกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ต่างกันที่เจ้าชายของเรื่องนี้ ดุ เหี้ยม ปากร้าย และไม่ไว้หน้าใคร ส่วนสาวน้อยเองก็ดื้อเงียบจนเจ้าชายต้องโบกธงยอมแพ้

คำนำสนพ. :
บุรุษหลายคนใฝ่ฝันอยากจะมีชีวิตคู่ที่เรียบง่าย อบอุ่น และมีความสุข บ้านควรจะเป็นที่ที่เขากลับไปแล้วรู้สึกได้พักผ่อน ยามจากก็อาวรณ์ถึง ด้วยเหตุนี้ผู้หญิงของพวกเขาอาจไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งมากจนเกินไป อาจไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญเฉลียวฉลาดไปเสียทุกด้าน หรืออาจไม่จำเป็นต้องเอาชนะศัตรูด้วยความเก่งกล้าสามารถ แค่ดำรงไว้ซึ่งความเป็น "ผู้หญิง" ที่ครบถ้วนในทุกรูปแบบและทุกความหมาย ก็คงจะเพียงพอแล้ว เซียงเซียง ตัวเองของ "เต้าหู้ไซซี" ก็เป็นเช่นนั้น เต้าหู้ไซซีเป็นเรื่องระหว่างคู่รักที่ไม่ได้รักกันแต่แรกพบ มีเพียงความถูกตาต้องใจและสถานการณ์ภายนอกที่บังคับให้จำต้องอยู่ด้วยกัน เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ฝ่ายหญิงเป็นแค่บุตรสาวร้านขายเต้าหู้ ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ "ความเรียบง่าย" ของตนกุมหัวใจบุรุษที่ห้าวหาญที่สุดในแผ่นดินได้ นางเอกเรื่องนี้มีนิสัยของผู้หญิงโบราณเต็มร้อย นางเป็นช้างเท้าหลัง พูดน้อย ขี้เกรงใจ ส่วนพระเอกก็มีนิสัยผู้ชายสมัยก่อนเต็มร้อยเหมือนกัน ทั้งเด็ดขาด ใจแข็ง ปากจัด รักหน้าที่ ความแตกต่างของทั้งคู่ไม่ได้อยู่เพียงแค่ฐานะและนิสัยของทั้งสองฝ่าย ยังรวมถึงสิ่งแวดล้อมและครอบครัวที่หล่อหลอมทั้งคู่ขึ้นมาด้วย เนื้อเรื่องดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไป เหมือนหงายไพ่ทีละใบ เผยให้เห็นที่มาที่ไปของนิสัยตัวเอกทั้งคู่ก่อนที่ทั้งสองจะมาร่วมชีวิตกัน นับเป็นเรื่องราวที่น่ารักมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว


เล่ม1 :

กัวเซียงเซียงเป็นบุตรสาวร้านขายเต้าหู้แห่งอำเภอลิ่งจือ ถูกโจรจับตัวมาจากบ้านเกิด ในเวลาเดียวกัน กองทัพซวิ่นอ๋องมู่หรงลี่ก็มาปราบปรามคนกลุ่มนี้เข้าพอดีเป็นเผ่าถูเหอ เหตุการณ์ต่างๆจึงเริ่มขึ้น เพราะเซียงเซียงพูดภาษาที่พวกนี้จับมาไม่ได้ ทำให้หนีไปไหนไม่ได้ จนกระทั่งถูกทหารมาพบ จะนำตัวไปแก้ขัด ผู้ที่มาพบคือโจวจั๋วพากลับค่ายทหาร หานซวี่ก็มาขัดขวางบอกไม่สู้ลองถามท่านอ๋องดูก่อน และเล่าเรื่องราวเมื่อแปดปีก่อนให้ฟัง มู่หรงลี่เห็นเซียงเซียงก็คิดถึงเรื่องราวเมื่อแปดปีก่อนที่เป็นบาดแผลในใจของมู่หรงลี่ ก็สั่งให้ส่งไปที่กระโจม เซียงเซียงที่เป็นสาวน้อยชาวบ้านธรรมดามาโดนแบบนี้ทั้งหวาดกลัว ทั้งตกใจ มู่หรงลี่ก็พูดแต่ชื่อหลันโย่ว พอเสร็จก็ถามว่ากลัวมากหรือ หลันโย่วไม่เคยกลัวสตรีผู้นี้ไม่ใช่หลันโย่ว อนุผู้นั้นของเขา เซียงเซียงไม่ค่อยพูด นั่งเงียบๆ จนคืนหนึ่งกลุ่มโจรบุกมาอีก เซียงเซียงมีความคิดที่จะหนี แต่สุดท้ายก็ได้มู่หรงลี่ช่วยไว้อีกครั้ง ตอนกลับเซียงเซียงขอให้ส่งกลับบ้าน มู่หรงลี่ก็ขี่ม้าไปส่งจริงๆ แต่เพราะเซียงเซียงเป็นหญิงมู่หรงลี่ส่งลงจากหลังม้าก็ยืนไม่อยู่ เหมือนถูกโยนลงมา ชาวบ้านต่างเห็นก็บอกว่านี่เต้าหู้ไซซีกลับมาแล้ว แต่ไม่มีใครที่คิดแง่ดีกับนางอีกเลย กัวเถียนบิดาเซียงเซียงดีใจมากที่บุตรสาวกลับมา และคิดถึงเรื่องที่เคยหมั้นหมายไว้ แต่ตระกูลอวี๋กลับปฏิเสธกัวเถียนเลยขอถอนหมั้นเอง เซียงเซียงเป็นคนมีฝีมือในการทำอาหาร กลับมาบ้านก็ช่วยทำน้ำปรุงรสเช่นเดิม แต่ก็ยังมีคนอยากแต่งกับเซียงเซียงคือหม่าจิ้งซานเป็นพ่อค้าพ่อม่ายลูกติดเมียตาย ในที่สุดเรื่องราวก็ตกลงกันได้ 
ส่วนมู่หรงลี่กลับเมืองหลวงจิ้นหยางก็ก่อเรื่องทุกวัน จนเอี้ยนอ๋องต้องส่งให้มาปราบเผ่าซานหยงที่ก่อเหตุวุ่นวายขึ้นที่อำเภอเหลียวซี และมีบัญชาให้หานซวี่ โจวจั๋ว และเหยียนชิงตามไปเพราะกลัวมู่หรงลี่จะไปก่อเรื่องที่เหลียวซีอีก มาถึงเหลียวซี ทั้งสามแม่ทัพที่ถือเป็นพี่น้องของมู่หรงลี่ก็ชวนกันไปกินเต้าฮวยที่ร้านของเซียงเซียง พอไปกับได้ยินว่าเซียงเซียงแต่งงานแล้ว มู่หรงลี่ไม่ชอบกองบัญชาการมาพักที่อำเภอลิ่งจือ ตอนนี้กำลังกินข้าวเห็นหานซวี่ส่งสายตากับเหยียนชิง เหยียนชิงที่เป็นคนไม่รู้สถานการณ์ที่สุดดันชวนไปกินเต้าฮวยซะนี่ อยากตายใช่ไหม บื้อมาก แล้วก็ไปกันจริงๆ พอไปถึงตอนแรกเซียงเซียงเห็นก็ตกใจรีบหนีไป แต่พอคิดได้ว่ามู่หรงลี่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา กลัวพ่อแม่ น้องชายไปยั่วโทสะแล้วถูกฆ่าเลยออกมาใหม่ มู่หรงลี่ก็ถามว่าจะหนีไปไหน หานซวี่บอกมู่หรงลี่ว่านางแต่งงานแล้ว มู่หรงลี่โมโหจัดบอกให้ไปถามมาว่าแต่งกับใครจะได้ฆ่าไม่ผิดตัว หานซวี่กับมาบอกว่าตนเข้าใจผิด แต่จริงๆมาบอกกับพี่น้องว่าแบบนี้ดีกว่าที่พวกเราจะหัวหลุดจากบ่า แล้วก็ไปเกลี้ยกล่อมเซียงเซียง ในที่สุดเซียงเซียงก็ยอมตกลง กัวเถียนมาหาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เซียงเซียงก็บอกว่าข้าเต็มใจ ออกไปปราบโจรมู่หรงลี่พาเซียงเซียงไปด้วย เซียงเซียงอยู่ว่างไม่ได้ก็ไปช่วยทำอาหาร มู่หรงลี่พบว่าอาหารอร่อยขึ้นทั้งๆที่เขาลิ้นจระเข้กินอะไรก็ได้ยังรู้สึก กลางคืนออกมายังเจอคำพูดของทหารทำให้เสียใจ เลยคิดฆ่าตัวตาย หานซวี่ช่วยเอาไว้ แต่มู่หรงลี่ไม่ยอมจับเซียงเซียงกดน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
หานซวี่เกลี้ยกล่อมให้เซียงเซียงอยู่กับท่านอ๋อง เพราะอยู่กับใครก็ต้องปรนนิบัติเหมือนกัน  ในที่สุดเซียงเซียงก็ตัดสินใจได้ แต่ก็ยังมีความคิดไว้ในใจคิดจะยกให้ใครก็ยกให้ เป็นแค่ของเล่นเท่านั้น แต่ก็ยอมอยู่กับมู่หรงลี่ พอกลับเข้าเมือง สุดท้ายมู่หรงลี่ยอมตบแต่งเซียงเซียงเป็นอนุภรรยา เรื่องนี้เป็นที่เล่าลือไปทั้งอำเภอ และก็พาเซียงเซียงกลับจิ้นหยางไปด้วย ตอนลงจากม้ามู่หรงลี่รู้แล้วว่าต้องค่อยๆวางเซียงเซียงลง ไม่งั้นนางจะล้มไปกับพื้น คนภายนอกเห็นกิริยาของซวิ้นอ๋องก็เดาความสำคัญของเซียงเซียงได้ แต่เซียงเซียงเองก็ยังไม่รู้ตัว เซียงขอทำครัวเองมู่หรงลี่อนุญาตคิดว่าเรื่องแค่นี้ก็ต้องมาบอกด้วย เพราะเขาเป็นคนไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย แล้วเซียงเซียงก็ค่อยๆรู้เรื่องของหลันโย่ว เซียงเซียงดูแลอาหารการกิน เรื่องในชีวิตประจำวันให้มู่หรงลี่ ทำอาหารกลางวันไปให้ถ้ารู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่เป็นอาหารที่ชาวบ้านกินกัน เพราะยังไม่รู้จักวัตถุดิบที่คนชั้นสูงกินกัน มู่หรงลี่บอกว่าจะไปตรวจดูที่ด่านผิงตู้กวน ไม่คิดว่าบอกจะไปก็ไปทันที แล้วใครจะไปเตรียมอะไรทัน เซียงเซียงส่งจดหมายและข้าวของเครื่องใช้ อาหารแห้งที่ทำเองไปให้ทุกเดือน แต่ไม่เคยได้รับจดหมายตอบเลย จนถึงปลายเดือนสิบเอ็ดเซียงเซียงเริ่มนอนเก่ง กินได้น้อยก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเพราะไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ที่แท้นางตั้งครรภ์แล้วนั้นเอง กว่านอวี้บอกให้เซียงเซียงเขียนจดหมายหาท่านอ๋อง ซูเฟยคิดว่าเซียงเซียงอยู่ในจวนคนเดียวไม่มีคนดูแลจึงรับมาอยู่ด้วย เซียงเซียงไม่อยากไปเขียนจดหมายหามู่หรงลี่หลายครั้งก็ไม่ได้คำตอบ ในที่สุดต้องเข้าวัง ที่นางไม่รู้จักใคร และยังมีอิ๋นจือลูกสาวนางกำนัลที่ซูเฟยดูแลเหมือนลูกมาคอยกลั่นแกล้งทำให้เซียงเซียงเกือบจะไม่รอด โชคดีที่ช่วยได้ทัน แต่ทั้งหมดสุดท้ายล้วนเป็นแผนการทั้งสิ้นเพราะมู่หรงลี่มีอำนาจทหารในมือ ใครก็อยากได้ไว้เป็นพวก ในที่สุดเซียงเซียงก็ได้กลับจวน กว่านอวี้เห็นแล้วท่าจะไม่ดีจึงรับนางกัวเฉินซื่อมาดูแลเซียงเซียง ในที่สุดเซียงเซียงก็คลอดลูกสาวออกมาได้สำเร็จ
พอมู่หรงลี่กลับมาถึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีลูกแล้ว ไปดูก็บอกว่าท่านอ๋องน้อยอยู่ที่ไหน ทำให้เซียงเซียงรู้ว่าที่แท้เขาไม่เคยอ่านจดหมายของนางเลย อนุภรรยาเป็นเพียงอนุภรรยาจะนับเป็นครอบครัวได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่เซียงเซียงคิด ที่มู่หรงลี่ทำคือเค้านึกว่าไม่มีอะไรก็ไม่เปิดอ่านที่อ่านมีแต่สารทางทหารของเอี้ยนอ๋อง ผ่านไปนานคนที่ส่งสารจึงเก็บเอาไว้ไม่ได้เอาออกมามอบให้ เซียงเซียงเริ่มคิดได้ เห็นมู่หรงลี่ไม่สนใจลูกก็คิดว่าไม่รักลูกอีก เพราะเค้ายังตั้งตัวไม่ทันมาถึงก็รู้ว่ามีลูกแล้ว ความรู้สึกช้าก็อย่างนี้แหละนะท่านอ๋อง มู่หรงลี่เข้าวังเอี้ยนอ๋องก็ถามว่าตั้งชื่อลูกว่าอะไร มู่หรงลี่ตอบว่า มู่หรงเจี๋ย เอี้ยนอ๋องคิดนี่มันชื่อเด็กผู้หญิงตรงไหน เลยบอกว่าให้ชื่อมู่หรงเซวียน มู่หรงลี่ตกลง คิดในใจคิดไว้แล้วจะมาถามทำไม เอี้ยนอ๋องรำคาญไล่กลับไป แต่พอมู่หรงลี่ไปเหลือบเห็นเส้นผมสีเทาปนขาวก็รู้สึกกลัดกลุ้มอย่างประหลาด เพราะในครอบครัวเขารักแค่เสด็จพ่อ แม่เลี้ยงซูเฟย และนับมู่หรงป๋อพี่ใหญ่เป็นพี่ชายเท่านั้น คนที่ยอมลงให้มีเพียงเสด็จพ่อและเสด็จแม่ กลับถึงจวนเซียงเซียงก็ดูแลปรนนิบัติมู่หรงลี่และไปดูแลลูกต่อ ตอนเช้ามู่หรงเชียนพี่สามมาเยียนถามหาหลานสาว ทั้งสองคุยกัน แล้วก็ไปจวนโจวไท่เวยโดยอุ้มลูกสาวติดมือไปด้วย พอกลับบ้านดันลืมลูกไว้อีก บัญชีนี้เซียงเซียงจดไว้แล้ว คิดในใจว่ามู่หรงลี่ไม่รักเราแม่ลูก เดี๋ยวมีเมียใหม่ลูกใหม่ก็ลืมนางและลูกไปเอง  
ตอนนี้เป็นการช่วงชิงอำนาจของรัชทายาทกับมู่หรงป๋อ ตระกูลเซวน่าจะมีประโยชน์ที่สุด มู่หรงลี่ตัดสินใจทันทีจะแต่งพระชายาหลานสาวคนโตใต้เท้าเซว เหวินติ้งโหว เซวเส้าเฉิง ที่หน้าจวนมีคนแปลกหน้าอยู่ มู่หรงลี่จัดการทั้งหมด วันนั้นมู่หรงป๋อมาเยียนที่จวนบอกว่าต้องออกจากจิ้นหยาง บอกจะไปก็ไป อุ้นลูกไปด้วย เอาอีกแล้ว ระหว่างทางต้องฝากลูกและลูกของมู่หรงป๋อไว้กับครอบครัวชาวนาแล้วเดินทางต่อ แต่มีกับดัก มู่หรงลี่ตัดสินใจเร็ว พาพระชายาซูจิงของมู่หรงป๋อไปส่วนเซียงเซียงทิ้งไว้ให้หลบหนีเข้าไปในป่าเอง เซียงเซียงจดบัญชีนี้ไว้อีกแล้ว ว่าไม่คิดเหลียวแลนางเลย จะทิ้งก็ทิ้งง่ายๆ พอไปถึงจุดนัดพบ หานซวี่รออยู่พอรู้ว่าเซียงเซียงถูกทิ้งอยู่กลางทางมู่หลงลี่จะให้ทหารที่ไม่รู้จักไปรับตัว หานซวี่ก็ขอไปรับเอง มู่หรงลี่ไม่อนุญาต แต่สุดท้ายหานซวี่ก็ขัดคำสั่งไปรับเซียงเซียง เซียงเซียงยังหนีรอดได้ รอจนได้เจอหานซวี่ แต่ออกจากเมืองไม่ได้ ระหว่างทางทำให้ทั้งสองเกิดความรู้สึกดีๆต่อกัน แต่ทั้งสองก็คิดไปเองฝ่ายเดียวทั้งคู่ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นทั้งสิ้น ออกจากเมืองได้ไปพบกับหร่านหวินโจวคนสนิทของมู่หรงลี่อีกคน บอกว่าหานซวี่ขัดคำสั่งกองทัพน่าจะมีโทษให้เซียงเซียงช่วยพูด พอเจอหน้ามู่หรงลี่จะทำโทษหานซวี่เซียเซียงจึงออกหน้าบอกว่า คนเช่นข้า ต่อให้ควักหัวใจออกมา ก็คงไม่มีค่าพอให้ท่านหันกลับมามองสินะ มู่หรงลี่บอกไสหัวไปเซียงเซียงจะออกจากค่าย โกรธอีก บิดาให้เจ้าใส่หัวไป เจ้ากล้าไสหัวไปข้างนอก ไสหัวกลับไปที่กระโจม ใครจะไปรู้ก็นึกว่าไม่ต้องการจริงๆนี่ ไม่บอกใครก็ไม่เข้าใจหรอกนะท่านอ๋อง เซียงเซียงใจลอย มู่หรงลี่สังเกตได้ หานซวี่ก็แปลกไป มู่หรงลี่ก็เห็นแต่ยังไม่ได้คิดอะไร จนตอนที่มู่หรงลี่ มู่หรงป๋อต้องยกทัพไปเมืองต้าจี้ ให้หานซวี่ดูแลด่านผิงตู้กวน ซีจิ้งแอบมาสอดแนม มู่หรงลี่จึงกลับไปที่ด่านผิงตู้กวน แต่ตอนไปถึงกระโจมมืดค่ำเซียงเซียงนอนอยู่ในใจไม่ปกติก็เลยร้องออกมาว่าไม่ได้ หาน กำลังจะเอ่ยชื่อออกมาแต่แก้ทัน เท่านั้นมู่หรงลี่ก็รู้แล้วโกรธ นึกว่ามีชู้แต่ไม่แสดงออก จะทำยังไงดีเนี่ย พอเปิดศึกเซียงเซียงก็ตัดสินใจได้แล้วว่าต้องติดตามมู่หรงลี่เพราะทหารใช้เลือดเนื้อเป็นกำแพงต่อต้านข้าศึก พอเสร็จศึกมู่หรงลี่ไม่มาหาเซียงเซียงแต่กลับไปนอนที่หอนางโลมแล้วจากไปอีกครั้ง สงครามกำลังจะปะทุที่จิ้นหยางแต่มู่หรงเชียนมาบอกว่าเอี้ยนอ๋องฟื้นแล้ว มู่หรงป๋อยอมเข้าไปพบ ตอนนั้นรัชทายาทมู่หรงเซิ้นลอบส่งทหารออกมาไล่ล่ามู่หรงลี่ มู่หรงลี่โกรธจัดเลยสั่งให้บุกเมือง ทหารบุกเข้าไป ด้านในเตรียมหน้าไม้ยักษ์ไว้ยิงมู่หรงลี่ไม่หลบเพราะถ้าหลบคนที่ตายคือหานซวี่จึงแค่เบี่ยงจุดตาย และบุกต่อ จนได้เจอเสด็จพ่อจึงยอมกลับไปรักษาตัวที่จวน เซียงเซียงกลับมารู้ข่าวก็มาดูแลเพราะไม่มีใครเข้าหน้าทนอารมณ์ของมู่หรงลี่ได้ แต่เซียงเซียงใช้ลูกตื้อและแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทนไปจนป้อนข้าวป้อนน้ำเช็ดตัวให้ เพราะเห็นว่าลุกขึ้นมาอาละวาดไม่ได้จริงๆ
เล่ม1:
เรื่องราวของเซียงเซียงที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกับซวิ้นอ๋องมู่หรงลี่ และได้อยู่ด้วยกัน กับนิสัยที่คนหนึ่งเป็นทหารทำอะไรก็รวดเร็ว ไม่สนใจใครหน้าไหน ไม่ใส่ใจใคร กับเซียงเซียงหญิงสาวจากครอบครัวธรรมดาจะสามารถอยู่กับท่านอ๋องได้หรือไม่ต้องตามอ่านในเล่มต่อไป  


เล่ม2 :
มู่หรงลี่ยอมให้เซียงเซียงดูแล หมอหลวงจางและคนอื่นๆไม่สามารถทำให้ท่านอ๋องกินข้าวกินยาได้ แต่เซียงเซียงทำได้ ทุกคนจึงเห็นเซียงเซียงเป็นที่พึ่ง เซียงเซียงอุ้มลูกสาวมาให้มู่หรงลี่ดู ชายหนุ่มไม่เคยเลี้ยงเด็ก อยู่กับเด็กเล็ก พอเห็นลูกร้องก็คิดในใจว่าเด็กเล็กนี่เลี้ยงยากจริง แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่ตัวเองคิดว่าธรรมดา แต่คนอื่นฟังแล้วคือการตะคอก รำคาญแบบดุๆ ว่าอุ้มออกไป เซียงเซียงก็คิดว่าขนาดลูกตัวเองก็รำคาญอย่างนั้นก็ให้อยู่ห่างๆหน่อยจะดีกว่า นึกว่าท่านอ๋องคงไม่รักลูก เพราะท่านอ๋องแสดงออกไม่เป็นนี่สิ เซียงเซียงรู้ว่ามู่หรงลี่เป็นสามีของนาง นางไม่ตั้งความหวังว่ามู่หรงลี่จะมอบความรักให้เพราะนางเป็นเพียงลูกสาวชาวบ้านเลยต้องระมัดระวังตลอดเวลา กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาดไป เซียงเซียงไม่เกลียดมู่หรงลี่แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์รัก ความรักของเขามีไว้ให้หลันโยว ไม่เกลียดแต่ก็รักไม่ได้ นางเฝ้าแต่คิดเช่นนี้
ปลายเดือนสิบสองเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของเอี้ยนอ๋อง มู่หรงลี่พาเซียงเซียงเข้าวังมาด้วย ระหว่างทางมู่หรงลี่ยังได้เจอรัชทายาท มู่หรงเซิ่น ความจริงแล้วยังไงมู่หรงลี่ก็จะต้องแก้แค้นที่โดนทำร้ายที่ประตูเมืองให้ได้ แต่โดนเซียงเซียงขัดขวางไว้เพราะว่าหมอหลวงจางบอกว่าห้ามเคลื่อนไหวมา มู่หรงลี่กระชากมือที่จับห้ามอย่างลืมตัวออกแต่แค่นี้ก็ทำให้เซียงเซียงล้มลงแล้ว มู่หรงลี่ก็เลยเปลี่ยนใจ เอี้ยนอ๋องพูดกับมู่หรงป๋อบอกเป็นนัยเรื่องที่ให้ชิงบัลลังก์กับรัชทายาทได้ ตอนกลับจวนยังมีเรื่องเกิดขึ้นมีมือสังหารของรัชทายาทมาลอบฆ่ามู่หรงลี่ เซียงเซียงก็ไปตามคนมาช่วยเอาไว้ได้ หลังจากเกิดเรื่องกบฏขึ้นตระกูลเซวก็มาทวงสัญญาอีกครั้ง แต่ผู้ที่ถูกส่งมาแต่งเป็นพระชายาคือหลานสาวคนเล็กที่ถูกยกฐานะให้เป็นบุตรภรรยาเอก ในวันแต่งมู่หรงลี่ไม่ได้คิดมากแต่งก็แต่งไป สุดท้ายกลับกลายเป็นเซวจิ่นผิงเด็กอายุสิบสองปีที่ยังไม่โตคนหนึ่งที่หนีออกจากเรือนพักของตัวเองมาที่เรือนของเซียงเซียงเพราะกลัวและหิว อยู่ที่จวนอ๋องเซวจิ่นผิงอยู่ในจวนฐานะพระชายาแต่กลับกลัวมู่หรงลี่เหมือนหนูกลัวแมว มู่หรงลี่ก็ไม่ชอบเซวจิ่นผิงชอบไล่ให้กลับเรือนอยู่เรื่อย ไม่อยากเห็นหน้านางเหมือนกัน
เทศกาลตรุษจีนมาถึงหานซวี่กลับมาเยี่ยมบ้าน แวะมารายงานท่านอ๋อง แต่ดันอ้อมมาที่เรือนของเซียงเซียงพูดคุยกันเสร็จมีคนมามากมาย แทนที่ตัวเองจะออกไปกลับหลบเข้าห้องเซียงเซียง จนตอนดึกที่มู่หรงลี่กลับมา เซวจิ่นผิงนอนอยู่กับเซียงเซียง ก็โดนไล่กลับไป พอทำเรื่องอย่างว่าชายหญิงเสร็จกลับพบหานซวี่หลบอยู่ในห้อง มู่หรงลี่ไม่ฟังอะไรก็มีคำสั่งลงโทษหานซวี่และ กักบริเวณเซียงเซียง เอาเซวียนเซวียนน้อยไปให้ซูเฟยเลี้ยง เซวจิ่นผิงไม่ยอมไปต่อว่าในที่สุดมู่หรงลี่ก็คิดได้ว่ามีพิรุธ ควรเรียกทุกคนในเหตุการณ์มาถาม ก็ได้ความตรงกันว่าเซียงเซียงไม่รู้เรื่องเป็นหานซวี่ที่แอบไปหลบอยู่ในห้องเซียงเซียงเอง
พอได้ลูกสาวกลับมาอยู่ข้างกายเซียงเซียงก็กลัวว่ามู่หรงลี่จะไม่ชอบลูกสาว แต่ความจริงคือเลี้ยงเด็กไม่เป็น พอลูกร้องไห้ เซียงเซียงจะอุ้มไปแอบ มู่หรงลี่เลยเอามาอุ้มบอกจะพาไปขี่ม้า เซวียนเซวียนก็เงียบทันที มู่หรงลี่คิดในใจที่แท้เลี้ยงเด็กก็ไม่ยากอย่างที่คิด เป็นครั้งแรกที่มู่หรงลี่เห็นว่าแค่เล่นกับลูกเซียงเซียงก็ดีใจถึงเพียงนี้ ผู้หญิงคนนี้อยู่ใกล้เขาขนาดนี้เลย มู่หรงป๋อบอกให้มู่หรงลี่แต่งตั้งเซียงเซียงเป็นชายารอง จริงๆแล้วมู่หรงลี่ไม่คิดอะไร เพราะผู้หญิงของเขาอยู่ในตำแหน่งไหนก็เหมือนกัน แต่คนภายนอกมองต่างกันนี่สิ และตัวเซียงเซียงเองก็รู้ว่าอนุภรรยากับชายาต่างกัน นางไม่มีสิทธิ์อะไร ไม่เคยเรียกร้อง และรู้ว่าทุกอย่างเป็นเพราะมู่หรงลี่มอบให้เท่านั้น มู่หรงลี่บอกให้เซียงเซียงคลอดลูกชายให้อีกคนแล้วจะตั้งเป็นชายารอง ตอนกินข้าวเซียงเซียงขอให้ไปเรียกเซวจิ่นผิงมาด้วย มู่หรงลี่คิดว่านี่คือครั้งแรกที่รู้สึกว่านี่คือบ้านของเขา
เรื่องของหานซวี่ที่มู่หรงลี่ไม่เรียกใช้ ก็ไม่มีใครในกองทัพเรียกใช้ พี่น้องต่างเป็นกังวล เซียงเซียงก็ขอร้องด้วย แต่พูดเหตุผลกับมู่หรงลี่ไม่ได้ก็ใช้การร้องไห้ กับยอมรับทุกอย่างไปซะเลย มู่หรงป๋อก็มาช่วยพูด บอกว่าที่รู้โกรธนี่เพราะ กลัวว่าเคยรักกันหรือเคยนอนด้วยกัน มู่หรงลี่คิดไม่ตกสุดท้ายก็คิดได้ว่าเคยรักกันหรือเคยนอนด้วยกันก็ไม่ได้ทั้งสองอย่าง ที่แท้คำตอบง่ายๆมีอะไรให้ลำบากใจกัน
มู่หรงลี่เรียกที่ปรึกษามาถามว่าควรทำยังไงกับผู้หญิง ทุกคนก็กลัวมู่หรงลี่ทั้งนั้น พอรู้เรื่องก็บอกว่าให้พาไปเที่ยว มู่หรงลี่พอฟังก็ไปบอกเซียงเซียง แต่การไปเที่ยวของมู่หรงลี่ไม่เหมือนใคร ตื่นมาก็พาขี่ม้าไปเลย เร็วจนตามไม่ทัน ขี่ม้าก็เร็วมากนั่งอยู่หลังม้าหนาวสุดๆ ท่านอ๋องทำอะไรรวดเร็วพอมาถึงวัดก็บอกจะไปกินเจ อาหารเจยังไม่เตรียมก็เป็นของที่พระฉันตามปกติแต่ละวันบอกว่านี่นะอร่อยออกจะธรรมดา ตัวเองกินเสร็จก็จะไปอีก เซียงเซียงยังไม่ได้กินเลย แต่เรื่องนี้เจอหลายครั้งละ ตั้งแต่ตอนหนีออกจากเมือง จากนั้นก็จะพาไปดูน้ำตกก็เดินเร็วสุดๆ ไปถึงยังไม่หายเหนื่อยจะกลับล่ะ พอบอกว่าจะไปจุดธูปไหว้พระ เซียงเซียงเลยรีบบอกว่าข้าไม่นับถือไม่ต้องไปก็ได้ คือตามไม่ไหวแล้วท่านอ๋องยังไม่รู้นึกว่าเรื่องปกติอีก กลับมาที่จวน สาวใช้ถามสนุกไหมเซียงเซียงตอบไม่รู้สิก็ไม่เห็นอะไรเลยนี่ ส่วนที่ปรึกษามาถึงก็ถามว่าจะไปเมื่อไหร่ ท่านอ๋องกลับบอกว่าไปมาแล้ว เป็นใครจะไม่ตกใจ นี่แค่ครึ่งเช้าไปเที่ยวชมธรรมชาติมาแล้ว แน่ใจนะ เร็วไปไหม เลยต้องเอาใหม่คราวนี้วางแผนไปเที่ยวป่ามรกตพันปี คราวนี้เซียงเซียงเตรียมตัวมาดี แต่ก็ยังไม่ไว้ใจท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็ทำตามทุกขั้นตอน ตื่นนอนสาย ขี่ม้าต้องทำยังไง ขึ้นไปนั่งในรถม้าเซียงเซียงยังระแวงไม่รู้ต้องทำตัวยังไง พี่แกก็เอาทวนยาวมาเช็ดซะนี่ รังสีอำมหิตออกขนาดนั้นใครจะไม่กลัว พอออกไปถามว่าต้องทำยังไง เซียงเซียงก็ทำใจกล้าบอกให้เข้ามานั่งเป็นเพื่อน พี่แกยังบอกว่ายังไม่ว่างเพราะตัวเองกำลังฟังคำแนะนำของที่ปรึกษาวิธีจีบสาว สุดยอดจริงๆท่านอ๋อง ฮามากล่ะ พอไปถึงนึกว่าจะได้ชมป่าเหมยมู่หรงลี่กลับบอกว่าเตรียมตัวให้ดี ยังมีธุระ ธุระที่ว่าก็คือ รัชทายาทจะส่งคนมาลอบสังหารทุกทีอยู่ในเมืองไม่มีโอกาสมาขนาดนี้ต้องจัดแน่ๆ และก็เป็นไปตามคาด มีนักฆ่ามาจริงๆ เซียงเซียงยังพอไหวแต่อนุภรรยาของที่ปรึกษานี่สิกลัวจนสลบ แต่เซียงเซียงเห็นคนตายแบบผ่าศพต่อหน้าก็ตกใจเหมือนกันนะ ฝันร้ายเลยทีเดียว มู่หรงลี่กลับจะให้ไปเที่ยวต่อเพราะยังไม่ได้ไป แล้วเสื้อผ้าโดนหิมะซะเปียกขนาดนั้น ท่านอ๋องนี่ไม่รู้เรื่องรู้ราวจริงๆ สุดท้ายเซียงเซียงป่วยนอนฝันร้าย ขอกลับบ้าน มู่หรงลี่ก็ยอมพากลับบ้านที่อำเภอลิ่งจือ
นางไม่ได้พาลูกสาวกลับมาด้วยเพราะกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วที่ถูกทิ้งอีก มาถึงก็มาพักที่บ้านตระกูลกัว เซียงเซียงขอพักที่บ้านท่านอ๋องก็พักด้วย แล้วก็คิดว่ากัวเถียนท่านพ่อตานี่พูดมากจริงๆ คนที่เขายอมฟังมีเพียงเสด็จพ่อเสด็จแม่นะ มาอยู่ที่บ้านของเซียงเซียงมู่หรงลี่เปิดใจพูดกับเซียงเซียงเป็นครั้งแรกบอกว่าให้บอกให้รู้ว่าอยากได้อะไร ให้หรือไม่ให้เป็นเรื่องของข้า ก็บอกให้รู้ได้ เค้าไม่เคยพูดเปิดใจอะไรแบบนี้มาก่อน มันน่าอายชะมัด พี่สาวน้องชายชวนไปดูงิ้วเซียงเซียงก็ไป ตอนดูบอกให้สาวใช้ตกรางวัลนักแสดง สาวใช้โยนทองคำไปก้อนหนึ่ง ที่โรงงิ้วอวี๋ชิ่งได้เห็นเซียงเซียงก็เกิดความคิดริษยาขึ้น ของๆตนเมื่อก่อนเป็นลูกสาวร้านเต้าหู้ ตอนนี้อยู่สูงเกินเอื้อม ส่วนเซียงเซียงได้ฟังท่านพ่อบอกเรื่องใช้จ่ายเงินการให้รางวัลก็เริ่มกังวล พอบอกท่านอ๋อง ท่านอ๋องกลับบอกว่าผู้หญิงของข้าจะตกรางวัลให้ใครจะให้น้อยได้อย่างไร คิดกันได้คนละอย่างสุดขั้วเลยจริงๆท่านอ๋องกับคนทั่วไปนี่ จากครั้งนี้อวี๋ชิ่งสร้างข่าวลือให้เซียงเซียงเสียชื่อเสียง เซียงเซียงไปบอกท่านอ๋อง ท่านอ๋องไปจัดการทันที มาถึงก็ดึงลิ้นตัดลิ้น ไม่ถามเหตุผล ทำก่อนผิดค่อยหาตัวคนใหม่ตรรกะสุดยอดมาก ในบางแง่ก็ไว้ใจท่านอ๋องได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกนี่ท่านอ๋องไม่ผ่านอย่างแรง เด็กน้อยมากอะ ไม่รู้เรื่องกับใครเค้าเล้ยจริงๆ  จบเรื่องเซียงเซียงอารมณ์ดีจริงๆเพราะท่านอ๋องเชื่อใจนาง
กลับจวนเซวจิ่นผิงอายุครบสิบสามไปแล้วสามารถเข้าหอได้ แต่เรื่องนี้ไม่สบอารมณ์ท่านอ๋องอย่างแรง พูดกับเซียงเซียงซะแรงว่าไม่ต้องยุ่ง แต่คำพูดมันเหมือนแบ่งชั้นว่าอนุภรรยาไม่ต้องยุ่งเรื่องของพระชายา ทั้งๆที่ในใจท่านอ๋องไม่ได้คิดอะไรนอกจากเซวจิ่นผิงยังไงก็เป็นเด็ก ยังมีเรื่องที่แม่นมพาท่านหญิงน้อยไปเล่นที่เรือนของหลันโย่วแล้วทำของเสียหาย มู่หรงลี่โวยวายเซียงเซียงเห็นก็นึกว่าท่าทางแบบนี้คือจะโยนลูกทิ้ง จะทำร้ายลูก ท่านอ๋องเห็นก็เศร้าใจแล้วก็คิดได้ว่านางไม่เคยไว้ใจข้าเลยตั้งแต่ตอนที่ทิ้งไว้กลางป่า เลยอธิบายให้ฟังว่าที่ทิ้งไว้เพราะจะได้หนีไปได้ง่ายกว่าถ้าไม่อยู่เฉยๆเป็นเป้านิ่ง เป้าที่ต้องการก็คือตน ม้าแบกสามคนไม่ไหวไม่รอดอย่างแน่นอน และถามว่ายอมอยู่ด้วยกันด้วยความจริงใจหรือไม่ เซียงเซียงยอมอยู่ด้วยในที่สุด
ปลายเดือนห้า ตงหูบุกมาโจมตีด่านอวี้โหวกวน กำแพงที่ก่อสร้างถูกทำลาย มู่หรงลี่ถูกส่งให้ไปคุมการก่อสร้าง ในที่สุดก็ได้เจอหลันโย่ว แต่นางมีลูกชายมู่หรงลี่ขอร้องให้กลับไปด้วยกัน หลันโย่วบอกให้รับลูกนางไปอยู่ด้วย มู่หรงลี่ตกลง พอการก่อสร้างกำแพงเสร็จกลับมา มู่หรงลี่ดูแลหลันเคอที่เปลี่ยนชื่อเป็นมู่หรงเค่อ ไม่สนใจเซวียนเซวียนตอนกลับจวน และหลันโย่วก็ใช้ให้เซียงเซียงทำปลาแห้ง จากนั้นมู่หรงลี่รับหลันโย่วเป็นชายารอง เอาชื่อมู่หรงเคอเข้าทำเนียบตระกูล แต่ไม่ให้หลันโย่วยุ่งกับเซียงเซียง หลันโย่วก็คอยก่อกวนทั้งเรียกร้องว่าจะให้มู่หรงลี่มอบความรักให้ตนคนเดียว ให้เลือกระหว่างเซียงเซียงกับตน สุดท้ายมู่หรงลี่ส่งเซียงเซียงออกนอกจวนบอกว่าให้ไปอยู่สองสามวัน ไม่ได้บอกเหตุผลเป็นใครก็คิดว่าโดนไล่ออกไปแล้ว แต่มู่หรงลี่กลับคิดว่าให้ไปอยู่สองสามวันรอเกลี้ยกล่อมหลันโย่วได้จะรับกลับมา แล้วก็เกิดเรื่องท่านหญิงน้อยหายไป พอเซียงเซียงรู้ก็ตกใจจนเป็นลม มู่หรงลี่กลับจวนไปหาสุดท้ายเจอที่เรือนเซวจิ่นผิง และไปบอกหลันโย่วว่าเด็กต้องการแม่ หลันโย่วยอมบอกความจริงว่าจริงๆบิดาของมู่หรงเค่อแซ่ตวนมู่ วันนั้นก็อยู่ในบ้านแค่บอกว่าจะมาเที่ยวจิ้นหยางสักพัก บอกว่าเมื่อเก้าปีก่อนตนไม่ได้จมน้ำเพราะว่ายน้ำเป็นที่จากมาเพราะอยากมาด้วยความรู้สึกดีๆในตอนนั้น ไม่ต้องเสียใจในเรื่องเมื่อก่อนอีกแล้ว เพราะตอนนี้ต่างก็มีคนของตัวเองแล้ว ทั้งสองพูดคุยกัน พอเช้ามู่หรงลี่กลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งอะไร ทั้งยังคิดว่าอุตส่าห์นั่งฟังตั้งนานยังเป็นเรื่องหาสาระไม่ได้ มู่หรงลี่ส่งคนมารับเซียงเซียงกลับพบว่าเซียงเซียงหนีไปแล้วลูกก็ไม่สนใจ เพราะเซียงเซียงคิดว่าอะไรก็ไม่ได้เป็นของตนพอไม่ต้องการก็โดนไล่ออกมา ตัดใจตอนนี้ยังจะดีเสียกว่า เซียงเซียงแอบหนีไปตอนดึกหลังจากรู้ว่าหาลูกเจอแล้ว ไปที่เมืองต้าจี้ที่รู้จักเพียงแห่งเดียวแต่บ้านเช่าแพงเลยไปที่เสี่ยวจี้แทน ตำบลอี้สุ่ยและได้ดำเนินการขายเต้าฮวยเพื่อเลี้ยงชีพ มู่หรงลี่ตามหาเซียงเซียงระหว่างนี้ไปที่บ้านเกิดนางและรับกัวหยางมาฝึกยุทธ์เอง มู่หรงลี่เป็นคนสอนให้แต่มู่หรงลี่เป็นคนที่เห็นแล้วเป็นเลยอาจารย์สอนครั้งเดียวก็จำได้ ไม่เหมือนคนอื่นที่นึกว่าจะเหมือนกัน แต่ก็ยอมสอนกัวหยาง ตอนฝึกมีประดาบแต่มีคนลอบเปลี่ยนกระบี่ของกัวหยางในนั้นมีควันพิษ มู่หรงลี่ก็เลือกจะช่วยกัวหยางก่อน ยาพิษเป็นอันตรายที่ปอด  เซียงเซียงมาขายเต้าฮวยก็เริ่มมีคนมาก่อกวนลวนลามจะเป็นยังไงต่อติดตามได้ต่อที่เล่มจบ

หลังอ่าน :
ความสัมพันธ์ของมู่หรงลี่กับเซียงเซียงที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆต้องมีอันที่จะสะดุดลงเพราะหลันโย่วกลับมา และมู่หรงลี่ที่ยังไม่รู้ใจตัวเอง แต่ตัวเองน่ะรักเค้าอยู่แล้วผู้หญิงของข้านี่จะทำยังไง เซียงเซียงจะทำยังไงต่อไป มู่หรงลี่จะคิดได้เมื่อไหร่ว่ารักเซียงเซียงที่สุด ต้องติดตามในเล่มจบ

เล่ม3 :    
ผ่านไปหลายวันอาการของมู่หรงลี่ดีขึ้น ก็เรียกให้กัวหยางมาชี้ตัว ถึงจะรู้ว่าที่จวนอ๋องไม่เหมือนกับร้านเต้าหู้นะ ทำผิดถูกเชือดง่ายๆ ฆ่าผิดตัวยังดีกว่าไม่จัดการ ทางด้านเซียงเซียงถึงแม้นางจะหนี แต่ก็มายังเขตอิทธิพลของมู่หรงลี่ไม่ใช่ไปที่อื่น เพราะไม่อยากเป็นภาระของมู่หรงลี่ หานซวี่ก็หาเซียงเซียงเจอแล้ว ให้คนไปส่งข่าวบอกท่านอ๋องก็พบว่าคนขับรถม้าฝูเฟิง ก็อยู่ดูแลเซียงเซียงแล้ว แต่แค่ดูเท่านั้น แล้วตอนนั้นเองที่คนขายผลไม้หยางซุ่นฟาที่มีปัญหาก็มางัดบ้าน เซียงเซียงก็ได้จัดการซะเลยเพราะนึกว่าลิ่วเหนียงถูกฆ่าตายแล้ว คนขับรถม้ากับหานซวี่เห็นต่างประหลาดใจก็ไม่คิดว่าคนอย่างเซียงเซียงพอถึงคราวคับขันจะกล้าหาญได้ขนาดนี้ เซียงเซียงกลัว แต่ไม่เสียใจ นางคิดไว้หมดแล้วว่าจะจัดการศพยังไง หั่นศพออก เอาเนื้อให้สุนัขกิน กระดูกเอาไปเผาไฟ แค่นี้ก็ไร้หลักฐาน แต่พอจะทำจริงๆกลับทำไม่ได้ มู่หรงลี่มาถึงก็บอกว่าทำไม่เป็นข้าจะสอนให้ สอนวิธีหัน สอนทุกอย่างอย่างใจเย็น เป็นเรื่องง่ายๆ มู่หรงลี่ยังคิดว่านานๆจะได้สอนในเรื่องที่ตัวเองถนัด แต่บอกไปบอกว่า ไปบอกทางการว่าเป็นอนุคนโปรดไม่ง่ายกว่าเหรอ เสร็จแล้วก็เรียกคนมาเอาศพออกไปถ้าไม่อยากเรียน สารถียอมรับนับถือเซียงเซียงจากใจจริงทั้งๆที่นางกลัวแต่ก็ยังอยู่มาได้ถึงสองวัน ทำทุกอย่างตามปกติ มู่หรงลี่ไม่ได้ว่าเรื่องที่เซียงเซียงออกไปขายเต้าฮวยเพราะคิดว่านางชอบก็ปล่อยให้นางเล่นขายของไป ไม่คิดว่านางหนีมาไม่มีเงินหรอกนะ ท่านอ๋องนี่ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ ลิ่วเหนียงคิดจะเป็นแม่สื่อให้เซียงเซียงท่านอ๋องมาได้ยินว่าอยู่ข้างนอกเซียงเซียงบอกว่าตัวเองเป็นหญิงม่าย เลยจัดหนักให้เลย การดึกหายใจไม่ออก ต้องออกมาหาหมอแล้วก็บอกว่าคิดยาแก้แล้วก็คิดวิธีปรุงควันพิษด้วยต้องให้พี่รองได้ลองสูดดูบ้าง แล้วเซียงเซียงก็ได้รู้ว่ามู่หรงลี่ไม่สบายอีกแล้ว และไม่ยอมกินยา นางจึงต้องเป็นคนดูแลเหมือนเคย เซียงเซียงรู้ว่ามู่หรงลี่ไม่สบายก็ถามว่าทำไมไม่อยู่ที่จวน แล้วก็คิดได้ว่าเพราะมาตามหาตัวเอง ส่วนมู่หรงลี่ได้ฟังก็อารมณ์เสีย ดุว่าให้อยู่ข้างนอกก็หนีมา หนีมายังบอกคนอื่นว่าเป็นหญิงม่าย ยิ่งคิดยิ่งโมโห พอเห็นเซียงเซียงร้องไห้ก็หายโกรธ ถามว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่ เซียงเซียงก็ไม่ตอบ มู่หรงลี่ไปเล่นกับสุนัขที่เซียงเซียงซื้อมา ก็คิดว่าซื้อไม่เป็นตัวโตอย่างเดียวสั่งให้ลูกน้องไปเอาสุนัขดีๆมาให้เซียงเซียง เซียงเซียงกลับมากลัวแทบตายเพราะเจอหมาดุที่กินไก่สดๆทั้งตัวเป็นอาหาร เป็นใครจะไม่กลัวล่ะ แต่มู่หรงลี่กลับมาเห็นกลับพอใจเพราะเป็นหมาที่เลี้ยงเอาไว้ล่าสัตว์ และมันก็จำกลิ่นมู่หรงลี่ที่ติดอยู่บนตัวเซียงเซียงได้ ก็เข้ามาเลีย ฮาได้อีกท่านอ๋อง บอกว่าให้พวกมันอยู่เป็นเพื่อนจะได้ไม่กลัวอีก เซียงเซียงออกไปขายเต้าฮวยทุกวัน จนมีชายแปลกหน้าเอาปิ่นของพี่สาวมาให้บอกให้ไปหาที่ร้านเครื่องสำอาง พอไปถึงก็บอกให้เปลี่ยนยาท่านอ๋อง เซียงเซียงไม่รับปากบอกขอเจอพี่สาวก่อน แต่คนขายก็ห่อแป้งทาหน้ามาให้ พอกลับมาถึงไม่น่าเชื่อว่ามู่หรงลี่จะสังเกตเห็น ถามว่าเงินพอใช้ไหม เซียงเซียงคิดก็บอกว่าไม่พอใช้ จากนั้นตอนที่หมอมามู่หรงลี่ก็ถามเรื่องแป้งทาหน้าว่าเท่าไหร่ ท่านหมอสงสัยเอาไปดมดูถึงรู้ว่ามีส่วนผสมที่ต้านกับยาที่รักษาทำให้ตายได้ รัชทายาทช่างกัดไม่ปล่อย มู่หรงลี่เลยสั่งให้คนสืบหาคนของรัชทายาทออกมาทั้งหมด แล้วจัดการ เซียงเซียงก็เล่าว่าไม่คิดจะทำ มู่หรงลี่ก็คิดในใจมันก็แน่นอนอยู่แล้ว แต่พอบอกเรื่องพี่สาว มู่หรงลี่ก็ให้คนไปสืบทันที พอเซียงเซียงมองมากๆตัวเองยังคิดอีกว่าต้องให้ข้าไปสืบเองใช่ไหม แหมท่านอ๋องนี่ไม่เข้าใจความคิดคนอื่นเลยจริงๆ แล้วมู่หรงลี่ก็สืบหูตาทั้งหมดของรัชทายาทออกมาได้ มู่หรงป๋อมาไม่ได้ก็ส่งเว่ยปินที่ปรึกษามาแทน แนะนำให้ก่อกบฏ ปลายเดือนสิบพิษในตัวมู่หรงลี่ถูกกำจัดออกไปหมด หูตารัชทายาทก็ถูกกำจัดหมด
ที่เมืองหลวงรัชทายาทก็ได้รับกล่องที่มีควันพิษเช่นกัน แต่ก็เอาเรื่องไม่ได้ เพราะพิษมาจากจวนตัวเองจริงๆ จากนั้นจึงร่วมมือกับฮองเฮาวางยาฮ่องเต้ และจับตัวซูเฟยไปแล้วก็จะจัดการมู่หรงป๋อ มู่หรงลี่แต่ว่าไม่ทันเพราะทุกคนออกจากเมืองไปแล้ว ส่วนมู่หรงลี่ก็ยกทัพมาที่จิ้นหยาง รัชทายาทต้องหนีไปอวี๋หยางตอนนี้ทุกอย่างวุ่นวายแต่เซียงเซียงกลับนึกว่าท่านอ๋องออกไปข้างนอกไม่กลับมาซักทีจนได้ยินข่าวลือด้านนอกถึงรู้ว่ามู่หรงลี่ยกทัพไปทำศึกแล้ว ข่าวต่างๆฟังมาจากชาวบ้านทั้งสิ้น จนถึงตอนหลังที่รัชทายาทไปทำสัญญากับชาวตงหูและซีจิ้งชักศึกเข้าบ้าน เรื่องราวบานปลาย ชาวตงหูบุกทำลายบ้านเรือนและราษฎร มู่หรงลี่แอบไปช่วยเอี้ยนอ๋องและซูเฟย และซ้อนแผนรัชทายาทแต่กลับมีคนปล่อยข่าวออกมาว่ามู่หรงลี่ตายแล้วพร้อมเอี้ยนอ๋อง ซูเฟย และทหารที่ไปช่วยทั้งหมด เรื่องราวสับสน ทางด้านเซียงเซียงก็ตั้งท้องอีกครั้งระหว่างที่มู่หรงลี่ไม่อยู่ และเพราะรัชทายาทแค้นมู่หรงลี่รู้ว่าเซียงเซียงสำคัญกับมู่หรงลี่จึงคิดจะมาจับเซียงเซียงแต่เซียงเซียงหนีรอดไปได้เพราะได้องค์รักษ์ที่มู่หรงลี่ทิ้งไว้พาหนีพ้นแต่ตัวเองกลับต้องสละชีวิตเพื่อปกป้อง หลังจากเสร็จศึกทุกอย่างแก้ไขได้แล้ว ก็เป็นเวลาหลายเดือน พอกลับมามู่หรงลี่ถึงรู้ว่าเซียงเซียงไม่ได้มาอยู่ที่ด่านกับลูกๆ พอฟังรายงานจึงรีบกลับไปอำเภออี้สุ่ยเพื่อค้นหา ส่วนเซียงเซียงที่หนีไปบนเขาก็เจอกระท่อมร้างของพรานป่าก็พยายามสะสมอาหาร จนวันหนึ่งพบว่ามีคนติดอยู่ในหลุมดักสัตว์ที่ถล่มพอช่วยขึ้นมากลับพบว่าเป็นชาวตงหู นางจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อรักษาตัวรอด คอยทำอาหาร ซักผ้าให้ คนที่เป็นหัวหน้าในกลุ่มนั้นคือข่านเถี่ยมู่เจี๋ยของตงหูจนกระทั่งเซียงเซียงคลอดลูกชาย พวกชาวตงหูจะให้เซียงเซียงไปด้วยคืนนั้นเลี้ยงสุราอาหาร เซียงเซียงจึงใช้เห็ดพิษที่เก็บเอาไว้มาผสมน้ำจิ้มแล้วฆ่าทุกคน จากนั้นก็หลบหนีลงจากเขา ส่วนมู่หรงลี่พอมาถึงอำเภออี้สุ่ยก็ตามหาเซียงเซียงมาตลอดจนถึงเขาที่เซียงเซียงหลบหนี ได้พาสุนัขที่เซียงเซียงเลี้ยงไว้มาด้วยพวกมันได้กลิ่น มู่หรงลี่จึงคิดว่าเซียงเซียงต้องอยู่แถวนี้จนเจอกระท่อมและศพชาวตงหูทั้งหมด ในที่สุดก็พบเซียงเซียงที่อุ้มลูกอยู่กับอก เซียงเซียงขอกลับไปอยู่บ้านที่ลิ่งจื่อ มู่หรงลี่กลับไปจัดการเรื่องรัชทายาท เอี้ยนอ๋องเปลี่ยนตัวรัชทายาท ลบชื่อองค์ชายสามและองค์ชายหก จากนั้นพอมู่หรงลี่ตามมาเลยบอกว่าขอให้มู่หรงลี่เขียนใบหย่า ท่านอ๋องไม่ยอมแต่ก็เขียนอยู่ดี พอกลับจวนก็คิดถึงเซียงเซียง คิดได้ว่ายังไม่เคยอ่านจดหมายก็ไปหามาอ่าน ถึงเพิ่งรู้ว่านางก็เคยขอร้อง ขอความช่วยเหลือ มู่หรงลี่เรียกที่ปรึกษามาหาเพื่อให้คิดแผนการให้เซียงเซียงกลับมาหาตน ในที่สุดก็คิดแผนยอมเจ็บตัว ให้คนไปส่งข่าวว่าได้รับบาดเจ็บจากการไปจับโจรให้มาดูแล เซียงเซียงก็ต้องมาอยู่แล้ว แต่คนแจ้งข่าวกลับพามาที่บ้านในอำเภออี้สุ่ย ทุกอย่างจัดเก็บหมดแต่ไม่ใช่ของเดิม เซียงเซียงดูแลมู่หรงลี่ ตอนนี้เป็นช่วงง้อเมียแบบไม่รู้ควรทำยังไงต้องถามที่ปรึกษาตลอด มู่หรงลี่ถามความผิดของตนจะได้ปรับปรุง เซียงเซียงก็บอกออกมาเป็นข้อ ไม่อ่านจดหมาย กลับบ้านไม่อุ้มลูก ทิ้งไว้ตรงทางระหว่างหุบเขา กินข้าวเสร็จไม่รอ จนมู่หรงลี่คิดในใจว่าเหมือนวิญญาณอาฆาตเรื่องเล็กน้อยก็ยังจำได้  จนหลายวัน มู่หรงป๋อมาหาเซียงเซียงทำอาหารให้ และกินเหล้าด้วยแต่เพียงนิดเดียวก็เมาแล้วคราวนี้มู่หรงลี่หลอกถามเซียงเซียงได้ นางบอกว่าข้าไม่อยากเป็นอนุภรรยาอีกแล้ว คราวนี่ล่ะรู้ความจริงมู่หรงลี่กลับจิ้นหยางไปจัดการหย่าเซวจิ่นผิงรับเป็นน้องบุญธรรมแล้วตั้งเป็นองค์หญิง ส่วนหลันโย่วก็ให้ตัดสินใจเอาเองว่าจะกลับบ้านกับตวนมู่เจิ้งหยางหรืออยู่ต่อ ตัวเองส่งสินสอดไปสู่ขอเซียงเซียงในฐานะพระชายา ด่านอวี้โหวกวนผลัดกำลังทหารเลยส่งทหารเดินสารมา ทหารขอร้องให้เซียงเซียงเขียนจดหมายตอบกลับอย่างน้อย ห้าร้อยตัวอักษรทั้งหมดเจ็ดฉบับเดือนละสองครั้ง วันที่ยี่สิบสองเดือนสามก็เป็นวันแต่งงาน เข้าหอเสร็จยังให้ของขวัญเป็นแท่งหยกอีกนะ บอกเอาไว้ใช้เวลาคิดถึง คือพี่แกคิดแต่เรื่องนี้เลยนะ ท่านอ๋องนี่ เดี๋ยวก็บอกนี่เจ้ากินไม่อิ่มหรือ แค่ข้าคนเดียวไม่พอหรือ อย่างฮา
ต้นเดือนห้าเอี้ยนอ๋องมู่หรงเซวียนสละบัลลังก์ให้มู่หรงป๋อ มู่หรงลี่ได้เป็นปิ้งเจียนอ๋อง ช่วงนี้ครอบครัวอยู่กับพร้อมหน้า เซวียนเซียนน้อยร่าเริงสดใส ชอบขี่ม้า ยิงธนู เล่นเหมือนเด็กผู้ชาย ส่วนมู่หรงเจี๋ย เสี่ยวเจี๋ยติดเซียงเซียงที่สุด และกลัวมู่หรงลี่ที่สุด นิสัยเรียบร้อย ชอบนั่งเงียบๆ ค่อยๆทดลองสิ่งต่างๆ ดูแล้วขัดตาขัดใจมู่หรงลี่ตลอดเวลา
ครั้งนี้มีชาวบ้านรุกฮือที่เหลียวซีนึกว่าจัดการง่ายๆ พอไปถึงกลับเป็นกลุ่มชาวบ้านที่โดนขุนนางกักตุนเสบียงรวมตัวกันต่อสู้โดยมีบัณฑิตสอบตกเป็นผู้นำ ที่คิดว่าตัวเองแน่ แต่พอเจอทหารจริงก็ต้องแพ้ และหนีมาฟ้องร้องที่จิ้นหยาง ฝ่านขุนนางก็อยากจะจัดการมู่หรงลี่ มู่หรงป๋อมีคำสั่งให้ริบยศและมารายงานที่เมืองหลวง ข่าวหลังจากนั้นก็หายไป เซียงเซียงกังวลใจมากจึงคิดแผนการกินยาพิษฆ่าตัวตายเวลานั้นมู่หรงป๋อตกใจมาก เพราะถ้าเซียงเซียงตายไปจริงๆตนไม่มีทหารในมือต้องโดนมู่หรงลี่กบฏแน่นอน จึงไปปรึกษาอดีตเอี้ยนอ๋อง มู่หรงเซวียนก็บอกว่าให้ดินแดนเค้าไปปกครองเอง ด่านอวี้โหวกวนเค้าจะปกป้องอย่างดี ส่วนขณะนี้มู่หรงลี่ไปลอบชิงตัวองค์หญิงแคว้นซีจิ้งที่จะไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์มา จึงต้องปิดข่าว พอกลับถึงจวนก็ไปหาเซียงเซียงแต่เซียงเซียงเห็นหญิงสาวแต่งชุดเจ้าสาวก็เริ่มคิดอีกครั้ง เหมือนตอนหลันโย่วเลย มู่หรงลี่ก็คิดว่าตอนนี้ยังคิดถึงหานซวี่อีก ไม่รู้เรื่องเลยท่านอ๋อง พอเสร็จเลยลากองค์หญิงอวี้โหรวเข้าวังไปแล้วบอกว่าให้แต่งกับหานซวี่ แล้วก็ได้ราชโองการให้ย้ายไปอยู่ชายแดน องค์หญิงอวี้โหรวยังสำคัญตัวผิดคิดว่าตัวเองเป็นองค์หญิง แอบชอบท่านอ๋อง ทั้งๆที่ท่านอ๋องรักแต่เซียงเซียงเลยคิดจะปีนขึ้นเตียง ท่านอ๋องโกรธจัด สั่งให้เป็นโสเภณีประจำค่าย ยังนึกว่าล้อเล่นจนสุดท้ายรู้ว่าตนไม่มีความสำคัญจริงๆถึงได้คิดได้ ส่วนมู่หรงลี่ส่งฏีกาให้มู่หรงป๋อที่ได้ข่าวจากชายแดนว่าตงหูอาจสมคบกับแคว้นอื่นช่วยรัชทายาท มู่หรงป๋อเลยสั่งให่มู่หรงลี่ไปจัดการ ช่วงนี้เซียงเซียงตั้งครรภ์อีกแล้ว มู่หรงลี่บอกว่ายังไงข้าก็แซ่มู่หรง ไปครั้งนี้มู่หรงลี่ติดกับเพราะช่วยกัวหยาง และหายตัวไป ผ่านไปนานไม่ได้ข่าว ในที่สุดเซียงเซียงก็รู้เรื่องหลังคลอดลูกแล้วก็ตามไปค้นหามู่หรงลี่ด้วย สุดท้ายก็ได้พบกัน ทัพซีจิ้งแพ้ยอมทำสัญญาสงบศึก มู่หรงลี่ส่งต่ออำนาจทางทหารให้หานซวี่ มาใช้ชีวิตกับลูกเมีย
เล่ม3 :
มู่หรงลี่เข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าตัวเองรักเซียงเซียง ส่วนเซียงเซียงก็ไม่อยากเป็นอนุภรรยาอีกแล้วจะเป็นยังไง ติดตามได้ในเล่มจบที่มีทั้งการศึกที่ต้องติดตาม และเรื่องราวความรักของมู่หรงลี่และเซียงเซียง อีกทั้งคนรอบข้างจะมีบทลงเอยแบบไหน ทุกคนล้วนมีบทสรุปของตัวเอง


หลังอ่าน :
เซียงเซียง สาวน้อยที่บ้านขายเต้าหู้ ถูกโจรจับมาและถูกขายต่อมาแถวเขาอีหลู พูดภาษาต่างเผ่าไม่ได้ เงียบ เรียบร้อย ชอบทำอาหาร งานบ้าน ขยันขันแข็ง
มู่หรงลี่ ซวิ้นอ๋องที่อารมณ์ร้อน เก่งในด้านการทำสงคราม แต่เรื่องอารมณ์ ความรู้สึกนี่ไม่รู้เรื่องกับใครเค้าเลยทีเดียว
เซียงเซียงถูกช่วยจากพวกโจรป่าเพราะมู่หรงลี่นำทหารมาปราบโจรพอดี แต่พวกทหารก็รู้กันว่าอดอยากปากแห้ง พอเจอผู้หญิงก็ขอจัดการซะหน่อย จากนายทหาร ไปถึงโจวจั๋ว หานซวี่รู้เรื่องเลยมาขอให้ท่านอ๋องเผื่อจะชอบ ท่านอ๋องก็ดันชอบเพราะคิดถึงหลันโย่วอนุภรรยาของตนที่ตายไปเมื่อแปดปีก่อน พอกลับเข้าเมืองท่านอ๋องก็พาเซียงเซียงมาส่งที่บ้าน แต่ชาวบ้านปากมากจะตาย เซียงเซียงมีคู่หมั้นอยู่ก็ต้องถอนหมั้น เรื่องฉาวโฉ่ใครก็ไม่อยากแต่งด้วยแต่มีพ่อม่ายลูกติดมาสู่ขอก็เลยตกลง ส่วนท่านอ๋องก็ได้รับบัญชาให้มาปราบโจรแถวอำเภอลิ่งจือ พวกลูกน้องรู้ดีก็เสนอให้ไปร้านเต้าหู้ พอรู้ว่าเซียงเซียงแต่งงานแล้วแบบเข้าใจผิดก็ให้จัดการคนนั้นไปซะ หานซวี่เลยบอกว่าตนเข้าใจผิด ยังไม่ได้แต่งงาน และบอกให้เซียงเซียงยอมตามท่านอ๋องไป เซียงเซียงยอมตามไปอีกครั้ง แต่ในค่ายทหาร พวกทหารไม่มีเรื่องอะไรก็พูดแต่เรื่องอย่างว่า และเซียงเซียงก็ได้ยินว่าท่านอ๋องจะยกนางให้พวกทหารเหมือนอนุคนก่อน เซียงเซียงทำใจไม่ได้ก็เลยเดินลงน้ำ แต่ไม่ตายเพราะหานซวี่ช่วยไว้แต่ท่านอ๋องมาเห็นก็โกรธจับนางกดน้ำอยู่อย่างนั้น ในที่สุดก็ถามว่าทำไมเซียงเซียงก็เล่าให้ฟัง ท่านอ๋องก็บอกว่าไม่ทำหรอก แล้วก็รับเป็นอนุภรรยา ช่วงแรกๆ เรื่องยังดำเนินไปควบคู่กับค่อยๆเผยนิสัยของตัวละครออกมา ตอนมู่หรงลี่ไปดูแลทหารผลัดเปลี่ยนกำลังคนแล้วเซียงเซียงท้องส่งจดหมายเท่าไหร่ก็ไม่ได้รับคำตอบเพราะไม่เคยเปิดอ่าน มารู้ตอนหลังนางก็ไม่ทำอีก ตอนที่ต้องหนีออกจากเมืองหลวงเพราะรัชทายาทไล่ฆ่า มู่หรงลี่เลือกทิ้งเซียงเซียงไว้ระหว่างทางแต่ช่วยพี่สะใภ้ไป เรื่องพวกนี้เซียงเซียงจดจำไว้ในใจ แต่มู่หรงลี่คิดแต่การทหารไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยรอบตัว คนนึงน้อยใจที่เป็นเพียงลูกสาวร้านเต้าหู้ คนนึงเป็นทหารเป็นท่านอ๋อง ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่คิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย คนนึงไม่พูด เก็บทุกอย่างไว้ในใจ กับอีกคนคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน มาเจอกัน ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันเริ่มผูกพัน มีความรักต่อกัน กว่าจะรู้ใจตัวเองต้องผ่านเหตุการณ์มากมาย เซียงเซียงแสดงถึงความเข้มแข็งไม่เหมือนใครให้เห็นอยู่หลายครั้ง กว่าท่านอ๋องจะคิดได้ว่าคนที่ตัวเองรักอยู่ใกล้ตัวที่สุดก็เกือบสายไป ต้องชิงกลับมาให้ได้ อ่านเรื่องนี้ไปมีทั้งอารมณ์ที่ต้องเศร้าแทนเซียงเซียงในหลายๆครั้ง ข้าไม่รักหรอกเพราะรักไม่ได้ เป็นแค่อนุภรรยา เป็นแค่สาวชาวบ้าน แต่นางเป็นนักสู้จริงๆ ขำท่านอ๋องที่คิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน กินไม่ทันก็บอกสิ แล้วใครมันจะกล้าบอกท่าทางน่ากลัวขนาดนั้น ขี้ม้าเร็วจะพาไปเที่ยวนี่นะ จะเห็นถึงพัฒนาการเลยว่าพอเจอการอบรมชุดใหญ่ไปแล้วท่านอ๋องรักเมีย ดูแลเมียดีขึ้นมากแค่ไหน เทียบกับตอนแรกนี่ฟ้ากับดินเลยทีเดียว เป็นเรื่องราวของหญิงสาวธรรมดาที่ไม่ธรรมดาอย่างที่ใครๆคิด และสุดท้ายปมปัญหาทุกเรื่องที่ทิ้งไว้ได้เฉลยหมด ไม่มีเรื่องที่ทิ้มปมคาใจแน่นอน ต้องลองอ่านดู         

Thursday, May 9, 2019

#มธุรสหวานล้ำสลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง #2เล่มจบ #สนพ.ห้องสมุดดอตคอม


Review 11/2562
เรื่อง : มธุรสหวานล้ำสลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง (2 เล่มจบ)
ผู้แต่ง : เตี้ยนเสี้ยน
ผู้แปล : ทีมงานห้องสมุด
พิมพ์ครั้งที่1 : กันยายน 2557
สนพ. ห้องสมุดดอตคอม

โปรยปก:
นางคือองุ่นน้อยลูกหนึ่ง ถูกปกป้องไว้ในที่ที่ ปลอดภัยที่สุด มีความสุขที่สุด สงบและร่มเย็นที่สุด นางไม่รู้จักความงาม ไม่รู้จักความหลงใหล ไม่เคยร้องไห้... และไม่รู้จักรัก เพราะเจอเขาโลกของนางถึง เปลี่ยนไป... เพราะเจอเขา นางจึงรู้ว่าความรักนั้นมีรูปร่างเป็นสิ่งใดก็ได้  เป็นผีเสื้อที่ขยับปีกโบย บิน เป็นหมึกที่ซึมลงไปในกระดาษฟาง เป็นเม็ดทรายที่ปลิวไปตามสายลม เป็นสิ่งใดก็ได้ที่เล็ก กระจ้อยร่อยพอจะแทรกเข้าไปอยู่ในสายตาและอกอุ่นของเขา คนนั้น
เล่ม1 :
จิ่นมี่ถือกำเนิดจากเทพธิดาบุปผาช่วงวันปักษ์น้ำค้างแข็ง เมื่อถือกำเนิดก็ถูกป้อนยาเม็ดดาวตก ทำให้ไม่มีความรู้สึกรัก ทั้งห้ามแต่งตั้งนางเป็นเทพธิดาบุปผา ให้เป็นเทพพเนจร อาศัยอยู่ในปราการแก้วเป็นเวลาหมื่นปี เพื่อช่วยหลบเลี่ยงด่านทดสอบรัก
สี่พันปีผ่านไปภูตองุ่นน้อยจิ่นมี่อาศัยอยู่แต่ในปราการแก้ว คิดแต่จะหาทางออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก และการเพิ่มพลังเซียนของตนเท่านั้น เหลียนเฉียวเพื่อนภูตบุปผาที่ชอบเก็บของมาให้จิ่นมี่เก็บของจากสวนหลังบ้านจิ่นมี่ได้ จิ่นมี่บอกว่าคืออีกาที่ใกล้ตาย เอาไปฝังทำปุ๋ยให้ดอกไม้เถอะ จิ่มมี่เอาไปฝัง แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าอีกาตัวนี้ฝ่าเขตอาคมปราการแก้วเข้ามาได้ คงจะเป็นอีกาที่บำเพ็ญเพียรเพื่อเป็นเซียน เอามาตุ๋นกินเพิ่มพลังเซียนดีกว่า จึงช่วยชีวิตมันไว้ด้วยการป้อนน้ำหวานต่อลมหายใจ อีกากลับกลายร่างเป็นมนุษย์ กำลังคิดว่าอีกาซ่อนน่ายตานจินย่วนไว้ที่ไหน เลยลองหาดูจนไปถึงบริเวณท้องน้อย ลองบีบดู คิดถึงตัวเองว่าไม่มีสิ่งนี้งั้นนี่ต้องเป็นน่ายตานจินย่วนแน่ๆ จิ่นมี่ช่างใสซื่อไม่รู้รูปร่างลักษณะ ความแตกต่างภายนอกของชายหญิงโดยแท้ นี่มันตลกมากๆ นางจะเอาส่วนนั้นมาต้มกินนะ ทันใดก็ได้ยินเสียงทันใด บังอาจนัก จิ่นมี่ตกใจมาก รูปลักษณ์ปัจจุบันของจิ่นมี่ยังเทียบได้กับเด็กสิบขวบแดนมนุษย์อยู่เลย จิ่นมี่ก็รีบแก้ตัวว่าตัวเองเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเอาน้ำหวานให้กิน ก็ได้รับการถามว่าแล้วที่เอามีดมากวัดแกว่งตรงหน้าล่ะ ก็แก้ตัวว่าเห็นบนร่างมีติ่งเนื้อแปลกประหลาดเมื่อช่วยแล้วก็จะช่วยให้ถึงที่สุดจะตัดออกให้ อีกาทำสีหน้าประหลาดบอกเจ้าเป็นสตรี ไม่รู้ความแตกต่างของหญิงชายหรอกหรือ จิ่นมี่ไม่รู้จริงๆนั้นแหละ น่าสับสนยิ่งนัก แถมยังเสกให้จิ่นมี่กลับร่างจริง พอตื่นก็ใช้ให้จิ่นมี่ไปหาอาหารมาให้ จิ่นมี่ไปหาไส้เดือนมาให้แล้วถามว่าอีกาไม่กินไส้เดือนหรอกหรือ ใครว่าข้าเป็นอีกา หรือเป็นนกสาลิกาปากดำ ก็โดนสายตาเหยียดหยาม แล้วก็ไม่สนใจจิ่นมี่ ถามว่าแถวนี้มีน้ำพุหรือไม่ จิ่นมี่พาไป อีกาตักน้ำพุมากิน บอกหวานชุ่มคอ แต่จิ่นมี่เอาเท้าแกว่งน้ำเล่น ต่อหน้าเลยนะ อีกาเลยถามว่าน้ำพุนี่ไว้ทำอะไร เลยได้คำตอบว่าเอาไว้ ล้างเท้า ซักผ้า อาบน้ำ โอ้ยแทบจะกระอักอยู่แล้วจ้า ความกวนของจิ่นมี่ ความใสซื่อของนาง ตอนนี้บอกว่าสกปรกโสโครก นางไม่เข้าใจ เมื่อกี้บอกหวานชุ่มคอ ตอนนี้บอกสกปรกโสโครก นกเป็นสัตว์อารมณ์แปรปรวนเข้าใจยากจริงๆ จากนั้นก็ไม่สนใจจิ่นมี่เตรียมจากไป จิ่นมี่เลยบอกให้ตอบแทนบุญคุณโดยพาไปแดนสวรรค์ จิ่นมี่โดนเสกให้เข้าไปอยู่ในแขนเสื้อแล้วก็พาไปเลย พอถึงแดนสวรรค์จิ่นมี่ถึงได้รู้ว่าที่พาตนมาสวรรค์คือองค์ชายรอง เทพอัคคีวิหคเฟิ่งหวง จิ่นมี่อยู่ในวังซีอู๋ของเฟิ่งหวง เดินสำรวจในสวน ได้พบกับสุนัขจิ้งจอกขนสีแดง ที่แท้ก็เป็นท่านอาของเฟิ่งหวง เซียนจิ้งจอก จากนั้นจิ่นมี่ได้ไปพักอยู่ที่วังยินหยวน ของเซียนจิ้งจอกที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องจับคู่ ดูแลเฉพาะเรื่องรักของมนุษย์และปีศาจ ไม่เกี่ยวข้องกับเซียน คอยผูกด้ายแดงให้กับมนุษย์  จิ่นมี่ไม่รู้เรื่องความรักแม้แต่น้อย เซียนจิ้งจอกเอาหนังสือภาพชุนกงมาสอนให้จิ่นมี่ จิ่นมี่เข้าใจดีถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง และข้อดีของการเสพสังวาสตามที่เซียนจิ้งจอกกล่าว สามารถใช้ธาตุหยินหล่อเลี้ยงธาตุหยาง และรับธาตุหยางมาเสริมธาตุหยินได้ แต่ที่จิ่นมี่ฟังเข้าใจคือการที่ นางจะเพิ่มพลังปราณเซียนก็หาลองหาใครมาผสมหยินหยางดู ดูเหมือนจิ่นมี่จะคิดเรื่องเดียวคือเพิ่มพลังเซียน เรื่องอื่นไม่รู้เรื่องไปหมด ใสซื่อที่สุด คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น พวกเทพเซียนมาขอด้ายแดงเสริมสิริมงคลเท่านั้น แต่พอได้ยินเซียนจิ้งจอกบอกว่า อนาคตจิ่นมี่กับซวี่เฟิ่งจะตัดแขนเสื้อก็พากันโกรธ จิ่นมี่ไม่รู้เรื่องเลย แถมเฟิ่งหวงก็ไม่บอกใครว่าจิ่นมี่เป็นหญิง ท่านอาเซียนจิ้งจอกและทุกคนที่พบก็นึกว่าจิ่นมี่เป็นชายที่หน้าตาดีมาก จิ่นมี่สามารถเสกดอกไม้ได้ก็มีคนมากำนัลของให้ ที่ดีที่สุดคือไข่นกจาบปีกอ่อนของตำหนักเฟิ่งหวง พอจิ่นมี่เอาไปต้มกิน ก็มีความร้อนราวกับอยู่ในน้ำมันเดือด เซียนจิ้งจอกเลยให้เฟิ่งหวงมาช่วย เพราะร่างกายจิ่นมี่ประกอบด้วยธาตุเย็น นกจาบปีกอ่อนมีคุณสมบัติเป็นไฟ คงได้สลายเป็นกลุ่มควัน พอจบเรื่องจิ่นมี่พลังเซียนลดลงกว่าครึ่งเลยไปขอให้เฟิ่งหวงถ่ายทอดพลังปราณเซียน เฟิ่งหวงไม่ยอม จิ่นมี่ไปขอร้องใหม่ เฟิ่งหวงรับปากจะสอนวิธีบำเพ็ญตบะให้แก่นาง จิ่นมี่อยู่กับเฟิ่งหวงตลอด จิ่นมี่ก็หน้าตาดี จนมีเทพธิดามาชอบ จิ่นมี่ก็ยังนึกว่ามาชอบเฟิ่งหวงก็ทำหน้าที่ส่งจดหมายให้เหมือนเดิม ที่ไหนได้ เป็นจดหมายของตน จิ่นมี่ไม่ได้รู้สึกอะไรแค่วิจารณ์ไปโดยไม่คิดอะไร ที่ไหนได้กลับมีเทพมาสู่ขอจิ่นมี่ เฟิ่งหวงต้องปฏิเสธไปเพราะว่าจิ่นมี่ก็เป็นสตรี แล้วก็ดึงปิ่นสะกดวิญญาณที่จิ่นมี่ปักไว้ออกให้ดู ร่างจริงของจิ่นมี่ ทำเอาคนตกใจกันหมด
หลังจากวันนั้นจิ่นมี่เห็นว่าเฟิ่งหวงไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย สายตาบ่งบอกถึงความครุ่นคิด หรือเค้าจะริษยานาง ที่มีเทพธิดามาหลงรัก รอดบ่วงเสน่ห์ของเขาไปได้ จิ่นมี่เลยเก็บปิ่นสะกดวิญญาณปักเถาองุ่นแทน เซียนรับใช้ในวังซีอู๋ก็บอกกับจิ่นมี่ว่า จิ่นมี่เจ้ามันช่างมีหน้าตาหลอกล่อเหล่าภมรเสียจริง จิ่นมี่ก็บอกว่ามันเป็นหน้าที่ของนางอยู่แล้ว ก็นางเป็นองุ่นนี่นะ เฟิ่งหวงให้จิ่นมี่ปักปิ่นสะกดวิญญาณเหมือนเดิม จิ่นมี่ก็ว่าข้าไม่ได้ตั้งใจจะหน้าตาดีกว่าท่านนะ เรื่องเยว่เป้ยมันเป็นเรื่องบังเอิญ จนเฟิ่งหวงต้องบอกว่าเจ้ามันช่าง ซื่อบื้อ จิ่นมี่ก็หาว่าเป็นอารมณ์แปรปรวนของสัตว์มีปีกอีก ไม่รู้เลยว่าเค้าไม่อยากให้คนอื่นเห็นหน้าจริงของตัวเอง จิ่นมี่นี่สุดๆแล้ว เซียนจิ้งจอกเรียกจิ่นมี่ไปหา จิ่นมี่เหาะไม่ได้ต้องเดินไประหว่างทางได้พบกับ เซียนปลาน้อย ชมว่าหางสุดยอด เลี้ยงกวาง จะส่งไปห้องครัวไหน ที่แท้เป็นเทพรัตติกาลลุ่นอวี้ จากนั้นจิ่นมี่ก็นึกได้ว่าต้องไปหา เซียนจิ้งจอก ไปถึงดูละคร และก็ได้พบเหล่าหู ที่เลี้ยงดูจิ่นมี่มา และได้ฟังเรื่องราวว่าเทพธิดาทั้งยี่สิบสี่นางตามหาจิ่นมี่ไปทั่ว ให้กลับไปกับตน จิ่นมี่ต้องไปขออนุญาตเฟิ่งหวง พอเจอเฟิ่งหวงก็บอกว่าต้องไปทำธุระที่ แดนปีศาจพอดี จิ่นมี่ก็อยากตามไปด้วยเลยขอเก็ยข้าวของก่อนแล้วแอบตามไปในเสื้อคลุมของเฟิ่งหวง เฟิ่งหวงก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องแต่ก็ยอมให้ตามไป ไปถึงแดนปีศาจต้องทำตัวเป็นสาวใช้ของเฟิ่งหวง จิ่นมี่คิดว่ามันก็เหมือนเดิมกับตอนอยู่บนสวรรค์ มาแดนปีศาจจิ่นมี่ เฟิ่งหวง พบลุ่นอวี้ จิ่นมี่ทักทายในที่สุดก็รู้ว่าคือเทพมังกรรัตติกาล ทุกคนจะต้องถูกจิ่นมี่มองผิดไปหมด อัคคีวิหคกลายเป็นอีกา มังกรกลายเป็นปลา พอมองอีกแง่จิ่นมี่มีนิสัยเรียบง่าย ใสซื่อจริงๆ มาแดนปีศาจจับปีศาจฉงฉี ตอนไปจับปีศาจฉงฉี เฟิ่งหวงกับเทพรัตติกาลเสกให้จิ่นมี่ตัวแข็งอยู่ในโรงเตี๊ยม จิ่นมี่ก็พลาดเรื่องสนุกไปเลย พอจับกลับมาจิ่นมี่แอบปล่อยเพราะคิดว่าจะชิงน่ายตานจิงยวน เฟิ่งหวงได้ช่วยจิ่นมี่ไว้และถูกเข็มพิษของปีศาจฉงฉี สิ่งที่จะช่วยรักษาพิษกาฬโรคของปีศาจฉงฉีได้คือเห็ดหลินจือ องค์หญิงหลิวอิงจะไปขอจากแดนบุปผาแต่จิ่นมี่บอกว่าจะเสกให้ ถ้าเสกได้ให้เฟิ่งหวงมอบตบะสามร้อยปีให้เป็นการตอบแทน ในที่สุดก็เสกได้ เฟิ่งหวงถามว่าเจ้าเป็นใครทำไมถึงเสกเห็ดหลินจือได้ จิ่นมี่ไม่ได้ตอบแต่ทำให้เฟิ่งหวงสลบและให้กินยา จิ่นมี่เฝ้าเฟิ่งหวงจนหลับไป ตื่นขึ้นมาก็พบว่าเฟิ่งหวงฟื้นแล้ว ทั้งหัวหน้าเทพธิดาบุปผาก็มาแล้ว จากกันหนึ่งร้อยปีจิ่นมี่ดีใจยิ่งนักส่งยิ้มให้ แต่พวกนางไม่ยิ้มตอบเลย จิ่นมี่ถูกกักอยู่ในปราการแก้วอีกครา ครั้งนี้ลุ่นอวี้มาพาจิ่นมี่ออกไป ได้ไปซ่อนตัวในโลกมนุษย์ ได้รู้เรื่องราวสนุกๆของโลกมนุษย์ เจ้าที่ที่ช่วยดูแลจิ่นมี่ บอกจิ่นมี่ว่ามีสิ่งบันเทิงเริงรมย์ของมนุษย์ที่ไม่ควรพลาดคือ การกิน การดื่ม การพนัน การเที่ยวผู้หญิง  กิน กับดื่มแล้ว ต่อไปการพนัน จากนั้นก็เที่ยวผู้หญิงไปหอนางโลม แต่เปลี่ยนเป็นหอบำเรอชายเพราะจิ่นมี่ได้ยินเสียงเรียกมู่ตาน เฟิ่งหวงตามมาเจอ จนได้และเผาหอบำเรอชายซะวอดวาย ดีที่ได้เทพวารีมาช่วยดับไฟและสั่งสอน จิ่นมี่กล่าวว่าเฟิ่งหวงจะเผานางไม่ได้จะเผาผู้คน เฟิ่งหวงยังกล่าวว่าให้เผาข้ายังดีกว่าเผาเจ้า จากนั้นก็ต่อว่าจิ่นมี่ที่มาสถานที่อย่างนี้ดีที่แก่นเซียนไม่หายไป จิ่นมี่ให้เฟิ่งหวงและเทพรัตติกาลดื่มสุราดอกไม้ของตัวเอง ทั้งคู่ดื่มจนเมา จิ่นมี่ดูแลเฟิ่งหวงและทวงตบะเซียน เฟิ่งหวงถามว่ากี่ปีจิ่นมี่บอกว่าหกร้อยปี แล้วก็คิดถึงการเสพสังวาสที่เพิ่มพลังเซียน จิ่นมี่คิดถึงแต่เรื่องการเพิ่มพลังอย่างเดียวเลย เฟิ่งหวงจูบตอบก่อนที่จะรู้ตัวบอกว่าผิดแล้ว ยุ่งแล้ว เฟิ่งหวงสารภาพว่ารู้ว่าจิ่นมี่รักตน และตนก็รักจิ่นมี่แต่ว่าไม่อาจคู่กันได้ จะต้องโทษอาญาสวรรค์ สลายกลายเป็นผุยผง ยิ่งฟังจิ่นมี่ยิ่งงง ตื่นขึ้นมาจิ่นมี่พบขนนกอัคคีวิหคของเฟิ่งหวงก็เอามาปักแทนปิ่น ลุ่นอวี้มาหา พอเห้นก็บอกว่าจิ่นมี่ปักเถาองุ่นดีว่า จิ่นมี่เลยให้เถาองุ่นลุ่นอวี้ไปด้วย ดูไปเหมือนบังเอิญแต่ลุ่นอวี้มาแผนการ ไม่ได้เปิดเผยจริงใจเหมือนเฟิ่งหวงเลย จิ่นมี่ไม่รู้เรื่องคบเป็นเพื่อนกับทุกคนไม่มีความรู้สึกแบบชายหญิงกับใคร จิ่นมี่ถามลุ่นอวี้ว่าเฟิ่งหวงไปไหน ลุ่นอวี้บอกว่าไปงานฉลองวันเกิดของฮองเฮา มารดาของเฟิ่งหวง จิ่นมี่เพิ่งได้พลังจากเฟิ่งหวงมาอยากจะอวดเลยจะเสกเม็ดหมากเป็นซาลาเปากลับกลายเป็นลูกเห็บ จิ่นมี่ผิดหวัง แต่ลุ่นอวี้น่าจะคาดเดาความเป็นมาของจิ่นมี่ได้ส่วนหนึ่ง จากเรื่องนี้ ทั้งอยู่กินข้าวด้วยกัน ตอนพาไปกินข้าวจิ่นมี่จะสั่งอาหารเห็นคนก่อนหน้าเรียกเสี่ยวเอ้อ ถึงตานางควรเรียกเสี่ยวซาน ซึ่งเป็นคำด่าในโลกมนุษย์จิ่นมี่ไม่เข้าใจ เพราะนางใสซื่อมากที่สุด สั่งซาลาเปาน้ำซุปไส้ปู กัดคำโตแล้วมีน้ำพุ่งออกมา ลุ่นอวี้ไม่ว่าอะไร เซียนปลาน้อยอะไรก็ดี จะไปงานเลี้ยงยังใช้อาคมกักจิ่นมี่ไว้อีก จิ่นมี่ท่องคาถาบทสวด ตบะทอง ตบะไม้ จนมาถึงตบะน้ำเป็นคาถาสุดท้ายในที่สุดก็ได้ผล อาคมแตกสลายเป็นไอน้ำปกคลุม จากนั้นใช้คาถาเรียกเจ้าที่มานำทาง กลับเป็นท่านขำก๊าก ณ มุมหนึ่งในร้านอาหารเช้านั่นเอง ท่านขำก๊ากพาจิ่นมี่ไปแดนสวรรค์และเข้างานได้เพราะขนอัคคีวิหคของเฟิ่งหวงนั่นเอง ในงานมีเทพเซียนมากมาย ในงานเมื่อถึงตอนสำคัญอยู่ดีๆก็มีงูออกมาทำให้จิ่นมี่ตกใจ เป็นจุดสนใจของทุกคน เพราะองุ่นกลัวงูเป็นที่สุด เมื่อฮองเฮาเห็นก็ว่าเป็นเซียนมาจากไหนทำไมปกปิดรูปโฉมจริง จิ่นมี่ไม่คิดอะไรก็คืนร่างเดิม ทุกคนเห็นก็ตกใจเพราะว่าหน้าตาเหมือนกับเทพธิดาบุปผาองค์ก่อนจื่อเฟิน  ทุกคนทั้งเง็กเซียนฮ่องเต้ เทพวารี ฮองเฮา สนใจจิ่นมี่ถามว่าอยู่ที่ไหนจิ่นมี่บอกว่าอยู่ในปราการแก้ว จิ่นมี่ไม่สนใจอะไร พอเห็นซุยเหอเซียนนกยูงนั่งข้างเฟิ่งหวงกับที่ฟังพวกเซียนคุยกันก่อนหน้านี้ที่บอกว่าฮองเฮาจะจับคู่ให้เฟิ่งหวง จิ่นมี่ก็พูดขึ้นมาว่า เฟิ่งหวงและเซียนนกยูงนัดกันมาฝึกวิชาเสพสังวาสนี่เอง เพราะในหัวของจิ่นมี่มีเพียงเรื่องเดียวที่สนใจนั่นคือการเพิ่มพลังเซียนการเสพสังวาสเป็นการเพิ่มพลังเซียนรูปแบบหนึ่ง ช่างไร้เดียงสาจริงๆเลย เรื่องนี้ทำให้ฮองเฮาโกรธมากจะจับจิ่นมี่มาลงโทษ แต่มีเสียงห้าเสียงประสานขึ้นว่าไม่ได้ นั่นคือ เฟิ่งหวง ลุ่นอวี้ เทพวารี เง็กเซียนฮ่องเต้และเซียนจิ้งจอก ระหว่างช่วงคับขันฮองเฮาคิดกำจัดจิ่นมี่เขี้ยงปิ่นออกไป แต่ไปปะทะกับปราการป้องกันของฮวนตี้ขนอัคคีวิหคที่เฟิ่งหวงมอบให้จิ่นมี่ ช่วงฉุกละหุกท่านขำก๊ากได้พาจิ่นมี่หลบหนีไป ที่ป้อมปราการน้ำซีเจี่ยวของตน และชวนมาเป็นชายา ให้กำเนิดบุตร จิ่นมี่คิดไปไกลมากว่าลูกจะออกมาเป็นอะไร บอกว่าไม่ให้กำเนิดบุตรแต่เสพสังวาสได้ เพราะคิดแล้วคงเพิ่มปราณเซียนได้ เอาเรื่องเดียวจริงๆเลยจิ่นมี่ เยี่ยนโย่วได้ฟังก็ดีใจมาก เฟิ่งหวงตามมาบอกว่านึกว่าท่านเยี่ยนโย่ว จะแค่เบื่อการเป็นเทพเซียนบนสวรรค์ ถึงได้หนีมาเป็นภูตพรายในโลกมนุษย์ ตอนนี้แม้แต่ภูตพรายก็ไม่อยากเป็นแล้ว จะเป็นเถ้าธุลีแทน แล้วก็จะทำน้ำเดือดให้ปลาตาย เยี่ยนโย่วจำต้องปล่อยจิ่นมี่ จิ่นมี่สัญญากับเฟิ่งหวงว่าต่อไปไม่กล้าอีกแล้ว จิ่นมี่ไม่เข้าใจเรื่องราวความรักจริงๆ นี่เฟิ่งหวงกำลังหึงอยู่นะยังไม่รู้อีก นึกว่าอารมณ์แปรปรวน ตอนนี้เฟิ่งหวงกำลังคิดว่าตัวเองกับจิ่นมี่มีบิดาคนเดียวกันอยู่ จากนั้นก็มีเทพจะมาจับจิ่นมี่ไปลงโทษตามบัญชาฮองเฮาแต่เฟิ่งหวงขวางไว้ ลุ่นอวี้ก็มา หัวหน้าเทพธิดาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ในเรื่องที่เฟิ่งหวงกล่าว จิ่นมี่บอกว่าชอบหมดทุกคน จิ่นมี่ถูกขังในปราการแก้วและเทพธิดาบุปผาเฝ้าไว้ แต่คืนนั้นเง็กเซียนฮ่องเต้เรียกวิญญาณจิ่นมี่มาหาทั้งยังบอกว่าจิ่นมี่เป็นบุตรสาวตน จิ่นมี่ไม่คิดอะไรอยากได้แต่พลังเซียนอย่างเดียว อยู่ดีๆก็ได้พลังเซียนห้าปี จิ่นมี่ไม่ฟังอะไรอีก ตื่นมาตอนเช้าไปเฝ้าสุสานเทพธิดาบุปผาขอโทษที่แอบอ้างเป็นลูกก็เจอเทพวารีมาหา ตอนนั้นจิ่นมี่กำลังอยากอวดพลังห้าพันปีเลยเรียกท่านขำก๊ากมา เทพวารีเห็นก็ถามว่าจิ่นมี่ใช้คาถาอะไรเรียกเยี่ยนโย่ว เทพวารีถามว่าจิ่นมี่เรียกฝนได้หรือไม่จิ่นมี่ไม่เคยลอง จึงลองดู ตอนแรกไม่เกิดอะไร สุดได้มีเกล็ดหิมะตกลงมาตอนที่หัวหน้าเทพธิดาบุปผามาถึงแล้ว ระหว่างนั้นจิ่นมี่ก็เป็นลมไปเพราะพลังเซียนห้าพันปีที่ได้รับขัดกับร่างกายตน เทพวารีจึงถามที่มาของจิ่นมี่ธิดาบุปผาไม่สามารถบอกได้เพราะสาบานไว้แล้ว เหล่าหูจึงเล่าเรื่องราวครั้งนั้นแทน สาเหตุเพราะความเจ้าชู้ของเง็กเซียนฮ่องเต้และฮองเฮาที่อยากกำจัดเทพธิดาบุปผาทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆตามมา เมื่อรู้ความจริงเทพวารีก็แค้นนัก จากนั้นก็จะไปหาเง็กเซียนฮ่องเต้เพื่อให้ดึงพลังคืน ที่ประตูสวรรค์ลุ่นอวี้ทำเป็นมองไม่เห็นเทพวารีเข้ามาทักและสารภาพรักกับจิ่นมี่ จิ่นมี่ไม่ทันเล่ห์ก็ตอบไปกลับไปว่าข้าก็ชอบท่านเช่นกัน เมื่อไปเจอเง็กเซียนฮ่องเต้ และบอกความจริงเฟิ่งหวงก็อยู่ด้วย ตอนแรกดีใจที่รู้ว่าจิ่นมี่ไม่ใช่พี่น้องกับตน แล้วก็เป็นว่าที่ชายาของลุ่นอวี้แทนเพราะสัญญาหมั้นหมายในกาลก่อน ลุ่นอวี้จะเอาขนอัคคีวิหคคืนให้เฟิ่งหวง เฟิ่งหวงบอกว่าของที่มอบให้แล้วไม่รับคืน จิ่นมี่คิดถึงตัวเองเพิ่งเสียพลังห้าพันปี จะไม่ยอมเสียอีกหกร้อยปีเลยบอกว่าไม่คืนให้ซักอย่าง  เฟิ่งหวงนัดจิ่นมี่ไปเจอ พอเจอจิ่นมี่เลยบอกว่าแต่งงานจะได้สลายความแค้น และเล่าเรื่องราวให้ฟังในครั้งนั้น เทพวารีพาจิ่นมี่ไปพบพระยูไลเพื่อแก้ยันต์ผู้พิทักษ์ พระยูไลกล่าวว่าผู้ที่ใกล้ตาย จะแก้ยันต์ผู้พิทักษ์ออกหรือไม่ มีค่าเท่ากัน


หลังอ่านเล่ม1 :

จิ่นมี่ที่นึกว่าตนเป็นเพียงภูตองุ่นตัวเล็กๆมีตบะพลังเซียนไม่มาก จะทำทุกอย่างเพื่อเพิ่มพลังเซียนของตน จิตใจใสสะอาด ไม่รู้จักความรักเพราะตอนเกิดมาได้กินยาไร้รักทำให้ไม่รู้จักความรัก ไม่เข้าใจ อารมณ์ในเล่มนี้เฟิ่งหวงจะคอยดูแลจิ่นมี่ ตั้งแต่แรก ให้อยู่ใกล้ พอมีคนรู้ว่าจิ่นมี่หน้าตาดีก็จะไม่พอใจ แต่จิ่นมี่เอาแต่คิดว่าเฟิ่งหวงอารมณ์แปรปรวนแบบสัตว์ปีก ตอนใกล้จบของเล่มในที่สุดจิ่นมี่ก็รู้ชาติกำเนิดของตัวเองแล้วจากนั้นจะเป็นยังไงต้องตามอ่านต่อในเล่มจบ

โปรยปกเล่ม2 :
เขา คือพญาวิหคเพลิงผู้หยิ่งยโส เขาไม่ เคยมองสิ่งใดที่มีค่าเล็กน้อย... แต่เขากลับรักองุ่นน้อยลูกหนึ่ง รักมาก จนยากจะหายาแก้ รักเรื้อรังจนยอมสละแล้วซึ่งทุกสิ่งแม้กระทั่งตำแหน่งที่สูงที่สุดบนสรวงสวรรค์ รักจน ยอมลงนรกอเวจี รักจนกระทั่งโดนเสียบแทงทะลุหัวใจก็ยังตัดใจไม่ขาด ครั้ง หนึ่งเขาเคยลั่นวาจาว่า ‘หากเจ้าบอกว่ารักข้า ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้-- พูดครั้งหนึ่งลงดาบครั้งหนึ่ง’ เพราะ เขารู้ดีว่า หากนางพูดออกมาจริงๆ เขาคงไม่อาจตัดใจปล่อยนางไปได้
เล่ม2 :
พระยูไลกล่าวว่าโชคชะตาตนเองเป็นผู้กำหนด รูปลักษณ์เกิดจากจิตใจ ใจนิ่งเสียสรรพสิ่งก็จักนิ่ง พระยูไลวางขี้ธูปลงบนกำมือจิ่นมี่แล้วกล่าว ความรักเป็นสาเหตุให้เกิดความทุกข์ ความรักเป็นสาเหตุให้เกิดความกลัว หากหลีกหนีความรักได้ ก็จักไม่ทุกข์แล้วก็ไม่กลัว หวังว่าธูปนี้จะช่วยให้เจ้าพ้นเคราะห์กรรม จิ่นมี่ไม่เข้าใจที่พระยูไลกล่าว พอกลับมาก็ยังเจอกับเฟิ่งหวงที่อารมณ์แปรปรวน จิ่นมี่ไม่เข้าใจว่านั้นคือการงอน ส่วนเฟิ่งหวงก็ใช้ซุ่ยเหอคิดจะทำให้จิ่นมี่หึง แต่จิ่นมี่จะไปรู้เรื่องอะไร ในเมื่อตอนนี้จิ่นมี่ไม่รู้จักความรัก แต่พอได้ยินว่าเฟิ่งหวงบาดเจ็บ การกระทำก็ไวกว่าความคิด รีบไปหา และรู้สึกเหมือนมีเพลี้ยกัดกินจิตใจ จิ่นมี่ไม่รู้เลยว่านี่คือความรู้สึกของเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่รักบาดเจ็บ จิ่นมี่ดูแลเฟิ่งหวงทั้งคืน จนตอนเช้าเฟิ่งหวงก็กล่าวว่า ที่จริงแล้วในใจของเจ้าก็มีข้าอยู่ใช่ไหมล่ะ
ส่วนเซียนปลาน้อยก็รอคอยการมาของจิ่นมี่พร้อมกับมารฝัน ที่จิ่นมี่สอนให้แกล้งตาย วิชาเอาตัวรอดของนางเอง สรวงสวรรค์กำหนดวันแต่งงานของจิ่นมี่กับเซียนปลาน้อยลุ่นอวี้แล้วคือวันที่แปดเดือนสาม คืนนั้นจิ่นมี่ไปหาเฟิ่งหวง และได้ร่วมคืนวสันต์ด้วยกัน
เหตุการณ์นี้ลุ่นอวี้ก็รู้เพราะมารฝัน แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ก็เป็นอีกข้อที่แตกต่างของเฟิ่งหวงกับลุ่นอวี้ ที่มีแผนการมากมาย จิ่นมี่ที่ไม่ทันใครจะไปเข้าใจอะไรได้ เฟิ่งหวงแสดงความจริงใจ แต่จิ่นมี่ก็ไม่เข้าใจอันนั้นต้องใช้เวลา เพราะมันอยู่ในใจอยู่แล้ว เรื่องราวจะค่อยๆเผยออกมาในภายหลัง ตอนนี้เซียนปลาน้อยได้รู้แล้วก็บอกกับจิ่นมี่ถึงเรื่องราวของตัวเองในอดีต ว่าตัวเองแตกต่างจากฝูงปลาไน แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้กลมกลืน จนกระทั่งรู้ความจริงว่าตัวเองเป็นมังกรขาวที่อยากเป็นปลา จิ่นมี่บอกว่านางก็เหมือนกัน คิดว่าเป็นองุ่นจริงๆแล้วเป็นเกล็ดน้ำค้างแข็ง เซียนปลาน้อยขอจิ่นมี่เพียงรักข้าน้อยข้าไม่ว่า แต่ขอให้รักข้าไปนานๆ
เฟิ่งหวงมาหาจิ่นมี่ ในเมื่อจิ่นมี่ไม่เข้าใจในรัก ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ไม่เข้าใจคำพูดขอทุกคน เฟิ่งหวงก็บอกว่าไม่ยอมให้จิ่นมี่แต่งงาน จิ่นมี่กลับบอกว่าทำลายงานแต่งงานต้องตกนรก เหมือนพูดกันคนละเรื่องซึ่งก็ใช่จริงๆ จากนั้นจิ่นมี่ก็ถูกฮองเฮาหลอกไปฆ่า เพราะทั้งหมดล้วนไปฟังธรรมเทศนาของพระยูไล จิ่นมี่ก็ไป กว่าจะรู้ตัวก็เกือบถูกฮองเฮาฆ่าไปแล้ว จากนั้นจึงแกล้งตาย คนที่มาช่วยจิ่นมี่เป็นคนแรกก็คือเฟิ่งหวง จากนั้นเทพวารี เซียนปลาน้อย เง็กเซียนฮ่องเต้ก็มา ทั้งที่รู้ว่าจิ่นมี่แกล้งตายแต่เซียนปลาน้อยไม่บอกใคร คิดจะใช้เทพวารีกำจัดฮองเฮา แต่เฟิ่งหวงรับเอาไว้แทน ทำให้ผิดแผนแต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่พอใจ เง็กเซียนฮ่องเต้รู้ความจริงว่าฮองเฮากำจัดเทพธิดาบุปผาองค์ก่อน ก็เลยสั่งขังถอดยศฮองเฮา เฟิ่งหวงบาดเจ็บ จิ่นมี่รักษาตัวอยู่และได้เทพวารีดูแล และได้มอบดาบใบหลิวที่หลอมรวมตบะครึ่งหนึ่งเอาไว้ให้จิ่นมี่ป้องกันตัว จิ่นมี่คิดถึงเฟิ่งหวง จึงไปเยี่ยม แต่แทนที่จะเจอกลับพบกับซุ่ยเหอเฝ้าอยู่ เฟิ่งหวงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจิ่นมี่ ซุ่ยเหอก็แอบอ้างตนเอง ภาพนั้นทำให้จิ่นมี่กลับไปด้วยความสับสน ต่อมาเฟิ่งหวงยังมาบอกว่ารู้ว่าจิ่นมี่มาหาตน แปลว่าเฟิ่งหวงเข้าใจผิดตอนที่จูบกับซุ่ยเหอ จากนั้นท่านขำก๊ากก็มาหาจิ่นมี่และบอกไม่ให้แต่งงานกับเทพรัตติกาล แต่จิ่นมี่ก็ไม่ได้แต่งงานในวันที่แปดเดือนสาม เพราะการจากไปของเทพวารี เง็กเซียนฮ่องเต้แต่งตั้งให้จิ่นมี่เป็นเทพวารีสืบต่อจากท่านพ่อและไว้ทุกข์สามปี เฟิ่งหวงและลุ่นอวี้บอกว่าจะหาตัวคนร้ายมาให้ได้ จิ่นมี่เฝ้าสุสานที่แดนบุปผา ทั้งวันอ่านกลอนรักที่นำมาจากท่านกามเทพ และหัดคักอักษรจากกลอนเหล่านั้น เฟิ่งหวงมาเยี่ยม พอเห็นนึกว่าเขียนกลอนรักหาใคร จิ่นมี่ไม่เข้าใจ แค่บอกว่ากระดาษดี เฟิ่งหวงขอก็มอบให้ เฟิ่งหวงดีใจมาก จิ่นมี่ขอให้เฟิ่งหวงไม่แต่งกับซุ่ยเหอ เฟิ่งหวงรับปาก พอถามถึงคนอื่น จิ่นมี่ก็บอกว่าไม่ดี เอ่ยชื่อใครก็บอกว่าไม่ดี เฟิ่งหวงดีใจมากบอกว่าจะแต่งกับนางคนเดียวแต่จิ่นมี่ฟังไม่เข้าใจหลอกนะ ส่วนเซียนปลาน้อยก็ยุ่งมาก จิ่นมี่เห็นเซียนปลาน้อยทำดีกับทุกคน เฟิ่งหวงรักจิ่นมี่ก็คอยมาเยี่ยมนางเสมอ จิ่นมี่มีความสุขแต่ตัวเองไม่รู้ตัว สามปีผ่านไป วันที่เจ็ดเดือนสามคืนก่อนวันแต่งงาน จิ่นมี่ตัดปลายผมฝากหิ่งห้อยนำไปมอบให้เฟิ่งหวง ตัดแล้วซึ่งเส้นผมสีนิล สายใยแห่งความรัก เพราะจิ่นมี่สัญญาว่าจะกตัญญูต่อท่านพ่อ ที่แท้ในงานแต่งงานเซียนปลาน้อยคิดก่อกบฏ เฟิ่งหวงรู้มานานจึงเตรียมการป้องกัน และปกป้องจิ่นมี่ แต่จิ่นมี่ผู้ไม่รู้เรื่องอะไร หลังจากได้ฟังความในใจของเซียนปลาน้อย ที่บอกว่าตนกตัญญูต่อมารดาที่ตายไป ที่โดนฮองเฮาฆ่าตาย พอจิ่นมี่ได้ยินคำพูดก็คิดถึงท่านพ่อ ที่ตนเข้าใจว่าตายด้วยน้ำมือของเฟิ่งหวงเพราะไฟกรกชโลกันตร์ที่มีเพี่ยวเฟิ่งหวงและฮองเฮาที่ใช้ได้ ไม่คิดว่ามีผู้อื่นใช้เป็น จิ่นมี่จึงแทงกริชที่เทพวารีเคยให้ไว้ไปที่เฟิ่งหวง เฟิ่งหวงถามเพียงคำเดียวว่าทำไม เจ้าเคยรักข้านี่ จิ่นมี่ตอบว่าไม่เคย พอเห็นเฟิ่งหวงสลายไปต่อหน้า จึงกระอักไข่มุกสีดำออกมาก่อนที่มันจะสลายไป และสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เฟิ่งหวงตายแล้ว เซียนปลาน้อยเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ ส่วนจิ่นมี่หลับไปครึ่งปี เมื่อนางคิดได้ว่าเฟิ่งหวงตายแล้ว ก็เจ็บที่อกอย่างประหลาด บอกว่าใจข้าหล่นหาย ข้าทำมันหายไปแล้ว จิ่นมี่คิดว่าตนต้องมนตร์คุณไสย พอตื่นอีกทีก็เป็นฤดูใบไม้ผลิแล้ว จิ่นมี่มาหาท่านไท่ซ่างเหล่าจวินขอยาเม็ดสีทองที่ช่วยยืดอายุของเทพ ไท่ซ่างเหล่าจวินขอคิดดูก่อนเพราะกว่าจะกลั่นยาออกมาได้สามเม็ดใช้เวลาสามพันหกร้อยปี เซียนปลาน้อยรู้เรื่องก็บอกจะไปพูดให้  พอกลับมาท่านไท่ซ่างเหล่าจวินบอกว่าจะมอบให้ถ้าจิ่นมี่เอาพลังหกส่วนของตัวเองมาแลก จิ่นมี่ตกลงทันที หลังจากได้ยาเม็ดสีทองจิ่นมีก็ไปที่แม่น้ำลืมอดีต นางคิดเสมอว่าเฟิ่งหวงยังอยู่ พอท่านปู่พายเรือบอกว่าไม่เคยเจอเฟิ่งหวง จิ่นมี่ไม่ละความพยายามลุยลงในแม่น้ำเพื่อมองหาดวงวิญญาณของเฟิ่งหวง จนเซียนปลาน้อยมาพาไปก่อนที่แม่น้ำลืมอดีตจะกลืนกินดวงวิญญาณของนางไปด้วย จิ่นมี่พูดเพียงว่า ขอเพียงเขาฟื้นคืนมาก็สามารถแก้มนตร์นี้ได้  สิบปีผ่านไปนอกจากการไปแม่น้ำลืมอดีต จิ่นมี่อยู่ในห้องวาดภาพเฟิ่งหวงทั้งหมดหมื่นแผ่น จนกระทั่งมาที่แม่น้ำลืมอดีตอีกครั้ง ครั้งนี้ท่านปู่บอกว่าช่วงนี้มีคนแต่งกายโดดเด่น พอเอ่ยมาจิ่นมี่ก็รู้ว่าเป็น ซุ่ยเหอ คราวนี้จิ่นมี่ตามซุ่ยเหอไป ในที่สุดก็รู้ว่าซุ่ยเหอและเปี้ยนเฉิงอ๋องที่หก ได้เก็บวิญญาณของเฟิ่งหวงไว้ได้ เพราะเฟิ่งหวงเป็นวิหคเพลิง จิ่นมี่จึงเอายาเม็ดสีทองมาช่วยเฟิ่งหวง แต่พอเฟิ่งหวงฟื้นซุ่ยเหอก็มารับความชอบไปว่าตนเป็นคนช่วยเฟิ่งหวง อีกครั้งแล้วสินะ คราวนี้จิ่นมี่ก็จะแอบหนีมาดูเฟิ่งหวงที่แดนปีศาจ เฟิ่งหวงตั้งตนเป็นจอมมาร ตอนที่จิ่นมี่แอบหนีมาที่แดนปีศาจจะปลอมตัวเป็นกระต่าย คอยแอบมอง นึกว่าคนไม่รู้แต่จริงๆแล้วทุกคนเห็นแต่ไม่สนใจ ทุกคนบอกว่าจิ่นมี่รักเฟิ่งหวงแต่จิ่นมี่ไม่เข้าใจ ในที่สุดก็รู้ความจริงว่ารักคืออะไร และทำไมตนถึงไม่มีความรู้สึก จิ่นมี่ต้องการพิสูจน์จึงไปที่แดนปีศาจเห็นเฟิ่งหวงกำลังเมา ก็คิดถึงครั้งที่เฟิ่งหวงเมาว่าจะจำไม่ได้ เฟิ่งหวงเอาแต่บอกว่าน้ำดื่ม จิ่นมี่ป้อนน้ำแต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นตกเป็นของเฟิ่งหวงอีกครั้ง พอเฟิ่งหวงเอ่ยว่าซุ่ยเหอ จิ่นมี่จึงรู้ว่าตนเข้าใจผิดไปเอง เพราะเรื่องนี้ทำให้จิ่นมี่เสียใจมีน้ำตา เดินมาเรื่อยเปื่อยจนถึงแดนบุปผาหน้าสุสานของเทพวารี เหล่าหูและท่านกามเทพมาเจอ ในที่สุดก็บอกว่าจิ่นมีจะมีความรู้สึกได้ยังไง และเล่าเรื่องยาเม็ดดาวตก ยาไร้รักให้จิ่นมี่ฟัง พอรู้ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร เขาสังหารท่านพ่อ นางสังหารเขา จิ่นมี่ไม่มีที่ไปต้องกลับสวรรค์ ในที่สุดก็รับปากแต่งงานกับเซียนปลาน้อย ระหว่างที่เดินเรื่อยเปื่อยไปเจอท่านขำก๊ากที่ประตูสวรรค์ จิ่นมี่เห็นซุ่ยเหอ จึงตัดสินใจตามไปดู ที่แท้ ความจริงแล้ว เซียนปลาน้อยรู้ว่าซุ่ยเหอสังหารท่านพ่อแต่ปิดบัง ให้จิ่นมี่คิดว่าเป็นเฟิ่งหวง ส่วนเรื่องเฟิ่งหวงแม้จะฟื้นคืนมา แต่ในตัวยาเม็ดสีทองเซียนปลาน้อยได้ใส่ตัวยาเพิ่มเข้าไป ทำให้พลังสะท้อนกลับ ในที่สุดจิ่นมี่ก็รู้เรื่องทั้งหมด จึงได้ไปขอโทษเฟิ่งหวง และบอกความจริง เฟิ่งหวงไม่ฟังหาว่าจิ่นมี่แกล้งทำ จิ่นมี่บอกว่ารักเฟิ่งหวง จากนั้น เซียนปลาน้อยก็ยกทหารสวรรค์มา จิ่นมี่รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ ทำให้คิดถึงคำพูดของพระยูไล ตอนนั้นเองที่จิ่นมี่คิดได้ว่าเซียนปลาน้อยทำอะไรกับยาของเฟิ่งหวงและได้บอกไป ทำให้เซียนปลาน้อยคิดกำจัดเฟิ่งหวง จิ่นมี่เห็นเอาตัวมาบังตอนนั้นเฟิ่งหวงก็ปล่อยพลังเข้าใส่เซียนปลาน้อยเช่นกัน ทำให้ทั้งสองคนไม่เป็นอะไรแต่จิ่นมี่เป็นคนที่สลายไปพร้อมกับที่มือมีแสงสีทองเกิดขึ้น จิ่นมี่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน จำไม่ได้ รู้แต่ว่าอยู่ในดวงตาของชายผู้หนึ่งที่เรียกว่าจอมมาร เห็นทุกสิ่งที่เขามอง ฟังแต่ไม่เข้าใจ ในที่สุดก็รู้ว่าจริงๆแล้วเฟิ่งหวงรู้ทุกอย่างแต่แก้ทำเป็นไม่สนใจจิ่นมี่ แต่มาตอนนี้ก็สายไปแล้ว เฟิ่งหวงไปหาพระยูไล พระยูไลเข้าใจทันใด กล่าวว่าอยู่ใกล้แค่ตา ที่ที่ดวงตาทอดไปถึง หัวใจก็มองเห็น สิ่งที่เจ้ามองเห็นก็คือสิ่งที่นางจ้องอยู่  เซียนปลาน้อยมาหาเฟิ่งหวงเอากระดาษที่จิ่นมี่วาดไว้มาให้ในที่สุดทั้งสองก็กล่าวว่าไม่จองเวรต่อกัน จิ่นมี่สบายใจยิ่งนัก เพราะได้ยินทุกสิ่ง เห็นทุกอย่าง เมื่อเฟิ่งหวงเห็นสิ่งที่จิ่นมี่วาดไว้ก็พูดความในใจออกมาทั้งหมด สุดท้ายก็หลั่งน้ำตา ทำให้จิ่นมี่ที่เป็นน้ำตาร่วงหล่นลงมา ห้าพันปีต่อมาในที่สุดจิ่นมี่ก็ได้มาเกิดอีกครั้ง และครั้งนี้เฟิ่งหวงก็มารับนางไปอยู่ด้วยกัน เมื่ออยู่ด้วยกัน เฟิ่งหวงจะต้องรอให้จิ่นมี่ขอตบะ เพื่อดูว่านางรักเขา ส่วนจิ่นมี่จะร้องขอตบะเพื่อพิสูจน์ว่าเขารักนาง ในบางครั้งคำว่ารักก็เรียบง่ายเพียงนี้


หลังอ่านเล่ม2 :
จะเห็นว่าจิ่นมี่ที่ไม่รู้เรื่องราวของความรัก ที่ดำเนินชีวิตเรื่อยมา ถึงที่สุดแล้วก็ต้องรู้ว่าจริงๆแล้วนางก็รู้จักความรัก และความเสียใจ เนื้อเรื่องเข้มข้นมากกว่าเล่มหนึ่ง มีทุกอารมณ์รัก เศร้า ผิดหวัง โกรธ อ่านจนจบเรื่องจะเข้าใจทั้งเฟิ่งหวงและจิ่นมี่อย่างแท้จริง



หลังอ่าน :
จิ่นมี่ –ภูตองุ่น ร่างแท้จริงคือเกล็ดน้ำค้างแข็งที่อาศัยอยู่ในปราการแก้วแดนบุปผา ในชีวิตสี่พันปีที่กำเนิดมา ไม่เคยรู้จักเรื่องราวความรัก ความรู้สึกรัก นิสัยจึงซื่อตรง คิดถึงแต่การเพิ่มตบะเพื่อเป็นเซียนเท่านั้นทุกเรื่องที่เกิดขึ้นคือการเพิ่มตบะทั้งสิ่น แต่เพราะชะตาฟ้าลิขิตยากจะฝ่าฝืนยังไงก็ยังมีบททดสอบมาให้นางได้พบ ได้รู้จักเรื่องราวของความรักจนได้

เฟิ่งหวง ซวี่เฟิ่ง – เทพอัคคีวิหค เพราะการเป็นอัคคีวิหคทำให้ต้องเข้าสู้สังสารวัฏ เพราะการนี้จึงได้พบกับจิ่นมี่และเกิดเรื่องราวต่อเนื่องมามากมาย เฟิ่งหวงเทพอัคคีที่มีหน้าตางดงาม เป็นหวงเพียงจิ่นมี่เท่านั้น แต่จิ่นมี่กับไม่รู้ว่านั้นคือสิ่งใด คิดว่านี่คืออารมณ์แปรปรวนแบบสัตว์ปีก  

จากเล่มแรกที่จิ่นมี่ ได้กินยาเม็ดดาวตกไม่เข้าใจเรื่องราวความรักในโลก พูดตามความรู้สึกของตนเองที่เห็นว่าการเพิ่มตบะเซียนนั้นสำคัญที่สุด ทุกสิ่งที่คิดถึงก็คือการเพิ่มตบะเซียน แม้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ที่มีความรู้สึกทางกายผสานรวมด้วย นางก็ไม่เคยคิดถึง การเสพสังวาสความหมายเดียวของจิ่นมี่คือการเพิ่มตบะเซียนล้วนๆ ทุกคนไม่เข้าใจ ก็ใครละจะเข้าใจว่านางไม่มีความรู้สึกเรื่องความรัก แต่เนื้อเรื่องจะเผยออกมาเรื่อยๆอย่างตอนที่เฟิ่งหวงแกล้งป่วย จิ่นมี่จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหมือนมีเพลี้ยกัดกิน ก็ยังไม่รู้ตัวว่าตนเป็นอะไร และอื่นๆอีกหลายครั้ง เวลามีความสุข จิ่นมี่ก็ยังไม่รู้ว่านั้นคือความสุขจากความรัก ทั้งๆที่เทพธิดาบุปผาตั้งใจดี ป้องกันไว้ก่อน แต่ลิขิตสวรรค์ยากจะหลีกพ้น จนในที่สุด ที่ความเข้าใจผิดทำให้จิ่นมี่ทำร้ายเฟิ่งหวง พอฟื้นขึ้นมายังคิดว่าตัวเองทำใจหล่นหาย ต้องมนตร์คุณไสยอีก เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆโดยมีจิ่นมี่เป็นตัวเอก เซียนปลาน้อยเจ้าแผนการ จากความที่มีบุคลิกนิ่งเงียบน่านับถือ ทำให้ทุกคนเชื่อใจ เฟิ่งหวงที่รักจิ่นมี่แต่ถูกจิ่นมี่เข้าใจผิด จากเล่มแรกที่เนื้อเรื่องสนุก ขำ ฮา กับความไม่รู้ในหลายๆเรื่องของจิ่นมี่ กลายเป็นเรื่องราวที่มีทั้งอารมณ์เศร้า ซึ้ง ผิดหวัง เสียใจ ทุกอย่างใส่มาหมด ทำให้ต้องคอยตามว่าสุดท้าย จิ่นมี่จะรู้ความจริงหรือไม่ว่าตนรักเฟิ่งหวง และเฟิ่งหวงจะบอกให้จิ่นมี่เข้าใจได้อย่างไรว่าตั้งแต่แรกไม่มีใครแทนที่จิ่นมี่ได้ รวมทั้งบทส่งท้าย และตอนพิเศษที่บอกสรุปเรื่องราวทั้งหมด ของความรักระหว่าจิ่นมี่และเฟิ่งหวง ซวี่เฟิ่ง ต้องลองอ่านความรักแท้ที่เกิดขึ้นหลายพันปีของเทพอัคคีและองุ่นน้อย หรือที่ร่างจริงจะเป็นเกล็ดน้ำแข็งค้างของจิ่นมี่กัน เพราะมีทุกรสชาติ ทุกอารมณ์จริงๆ เหมือนตอนจบของเรื่องที่เขียนไว้ว่า ในบางครั้งคำว่ารักก็เรียบง่ายเพียงนี้เอง