Tuesday, July 27, 2021

#ศาลคนกระดาษ #เล่มเดียวจบ #everY #นิยายแปลวายแนวปัจจุบัน #BL #สายเลือดมั่งคั่ง #เลี้ยงผี #คนกระดาษ

 Review 20/2564

เรื่อง : ศาลคนกระดาษ (เล่มเดียวจบ) #นิยายแปลวายแนวปัจจุบัน #BL #สายเลือดมั่งคั่ง #เลี้ยงผี #คนกระดาษ

ผู้แต่ง : สืออู่ (Shi Wu)

ผู้แปล : ธันวาตุลาคม

ภาพปก : Ooi Choon Liang

สำนักพิมพ์ : เอเวอร์วาย (แจ่มใส)

จำนวนหน้า 262 หน้า

พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2564



โปรยปกหลัง :

เมื่อคนตายยังคงวนเวียนอยู่กับคนเป็น เหมือนอย่างที่น้องสาวของ ‘กู้ไหวเจิน’

ตามหลอกหลอนเขาทั้งในความฝันและความเป็นจริง

ใครก็ช่วยเขาไม่ได้ แม้แต่ครอบครัวยังเห็นคนตายดีกว่าคนเป็น

แต่ในความอับจนยังไม่ไร้สิ้นหนทาง เมื่อความบังเอิญ หรือ ‘บางสิ่ง’

ชักนำให้เขาได้เยื้องย่างเข้าไปในสถานที่ลึกลับอันเต็มไปด้วยข้อกังขา

ซึ่งมอบความปลอดภัยอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากที่ไหน แม้แต่บ้านของตัวเอง

ทว่าต่อให้หยุดยั้งการคุกคามของวิญญาณน้องสาวได้สำเร็จ

แต่ใช่ว่าวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับเขา... จะมีเพียงดวงเดียว

และมันกำลังทวงคำสัญญาที่เขาต้องตอบแทนในฐานะเครื่องบูชายัญ!

เนื้อเรื่อง :

น้องสาวของกู้ไหวเจินที่ตายไปมาระราน เข้าฝันบอกว่าจะเอาโทรศัพท์ที่ใช้ได้ แม่ที่เลี้ยงดูก็ไม่เคยให้ความรัก จนกู้ไหวเจินชาชิน จนเพื่อนสนิทมาชวนไปงานเลี้ยงรุ่น กู้ไหวเจินได้เจอกับเพื่อนมัธยมปลายที่ไม่ได้เจออีกครั้ง คนนั้นคือสือจิ้งเจ๋อที่กู้ไหวเจิน และเพื่อนที่สนิทกันก็ยังจำชื่อไม่ได้ จำได้แต่เรียกว่าซอมบี้ และก็แนะนำให้ไปหาสือหมิงที่ศาลคนกระดาษ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่กู้ไหวเจินได้พบสือหมิง

ศาลคนกระดาษต้อนรับกู้ไหวเจิน สือหมิงมองออกว่ากู้ไหวเจินเป็นคนที่มีสายเลือดมั่งคั่ง สือหมิงทำอะไรให้กู้ไหวเจินมากมาย เริ่มแรกคือ โทรศัพท์ที่น้องสาวใช้ได้ หลังจากนั้นยังโดนตามทวง อยากได้กระเป๋า แอร์เมส น้องสาวเพื่อนโดนไปด้วย จนต้องเอามาส่งให้ สือหมิงก็ทำใบที่ใช้ได้ให้ และบอกว่าให้เอาเงินไปให้สือจิ้งเจ๋อ

ด้านอารามหลวงเจิ้งหลงก็ขาดเงินเพราะรุ่นที่สามบริหารไม่เก่ง ท่านเทพหาสปอนเซอร์ให้ก็คือให้สือจิ้งเจ๋อไปหากู้ไหวเจินที่มีสายเลือดมั่งคั่งนั่นเอง แต่คนที่จะผูกพันกับกู้ไหวเจินคือสือหมิง ที่ดูแลทุกอย่าง และกู้ไหวเจินก็รู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าอยู่บ้านตัวเอง

เรื่องราวดำเนินไป กู้ไหวเจินถูกพ่อ และแม่ส่งไปบ้านเก่า ได้รับการช่วยเหลือจากสือจิ้งเจ๋อที่ไปด้วยกัน ทำให้รู้ว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของผี ครอบครัวที่แท้จริงของตัวเองได้ให้น้า และน้าสะใภ้ที่ไม่รักเลี้ยงดู ตัวเองเป็นคนสายเลือดอันคนสุดท้าย

น้าสะใภ้ที่คิดว่าจะได้ลูกสาวคืน คิดจะส่งกู้ไหวเจินไปอีกครั้ง ทุกครั้งกู้ไหวเจินได้รับความช่วยเหลือจากคนกระดาษของสือหมิง และต้องกลับไปซ่อมแซม สือหมิงดูแลอย่างดี ให้ของติดตัวไว้ป้องกันตัว ครั้งนี้สือหมิงต้องมาช่วยด้วยตัวเอง ได้รู้เรื่องราวของตัวเองทั้งหมด ได้ผจญกับการต้องการตัวของผี และให้ยกเลิกสัญญาผีที่ผูกพันกู้ไหวเจินไว้ กู้ไหวเจินเป็นอิสระ และย้ายไปอยู่กับสือหมิง และหาทางช่วยเหลืออารามหลวงเจิ้งหลง และก็ได้สนิทกับเยี่ยหลัวและเสี่ยวเมิ่ง และได้รู้จักกับไอโม่ซิน เจ้าหน้าที่กองงานบุคคลกรมตำรวจด้วย

หลังอ่าน :

เรื่องราวของผีและคนที่แยกกันไม่ออก กับนายเอก กู้ไหวเจินที่ไม่เคยได้รับความรักในครอบครัวจนได้มาพบกับสือหมิง ที่ดูแล เอาใจใส่ทุกอย่าง ที่ศาลคนกระดาษทำเอานี่แหละคือบ้าน ศาลคนกระดาษก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด มันคือบ้านของสือหมิงและกู้ไหวเจิน

ได้รู้ถึงความรักของครอบครัว ของพ่อแม่ ทำไมแม่ไม่รักเพราะมันมีเหตุผล หนึ่งเล่มจบสั้นๆ แต่เรียกทั้งน้ำตา และรอยยิ้ม ผีที่กู้ไหวเจินเจอถึงแม้จะน่ากลัว แต่จิตใจคนน่ากลัวกว่าเยอะเลยทีเดียว


25/7/64

Wednesday, July 21, 2021

#หนิงอันคอมมิวนิตี้ ละแวกนี้ผีชุม #เล่มเดียวจบ #EverY #นิยายแปลวายแนวปัจจุบัน #BL #สืบสวน #ผี #แฟนตาซี #ฆาตกรต่อเนื่อง

 Review 19/2564

เรื่อง : หนิงอันคอมมิวนิตี้ ละแวกนี้ผีชุม (เล่มเดียวจบ) #นิยายแปลวายแนวปัจจุบัน #BL #สืบสวน #ผี #แฟนตาซี #ฆาตกรต่อเนื่อง

ผู้แต่ง : สืออู่ (Shi Wu)

ผู้แปล : ลูกหว้า

ภาพปก : Ooi Choon Liang

สำนักพิมพ์ : เอเวอร์วาย (แจ่มใส)

จำนวนหน้า 293 หน้า

พิมพ์ครั้งที่ 1 : มีนาคม 2563



โปรยปกหลัง :

บนชั้นหกอาคารบีของคอมมิวนิตี้หนิงอัน มีคนหนุ่มสองคนอาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ไม่ใช่พี่น้อง ไม่ใช่ญาติ และไม่ใช่เพื่อน ก็ไม่แปลกที่ชาวหนิงอันจะซุบซิบว่า ‘เยี่ยหลัว’ ที่เป็นเจ้าของห้องจะเลี้ยง ‘เมิ่งอวี่’ เด็กหนุ่มนั่นไว้ในฐานะ ‘พิเศษ’

ในความเป็นจริงเยี่ยหลัวก็เลี้ยงดูอีกฝ่ายนั่นล่ะ ทั้งหาข้าวหาน้ำ ซื้อเสื้อผ้า จ่ายค่าเทอม ให้ค่าขนม ฯลฯ แถมเป็นการเลี้ยงดูตลอดชีวิตอย่างเต็มใจเสียด้วย เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ก็เขาเป็นเจ้าของทั้งคอมมิวนิตี้เลยนี่นา

งานธุรการในหนิงอันเป็นแค่ฉากหน้า ปกติเยี่ยหลัวไม่ทำงานให้คน เพียงทำงานให้ผีเท่านั้น ส่วนเมิ่งอวี่ก็ธรรมดาน้อยกว่าเสียที่ไหน เพราะเขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของ ‘ยายเมิ่ง’ ผู้ทำหน้าที่แจกจ่ายน้ำแกงแก่เหล่าดวงวิญญาณในปรโลกก่อนไปเกิดใหม่

เมื่อชีวิตประจำวันแสนเรียบง่ายถูกรบกวน เหล่าดวงวิญญาณหญิงสาวมากมายต้องตายอย่างไม่เป็นธรรมโดยฝีมือฆาตกรคนเดียวกัน!ภูตผีที่น่ากลัวก็ยังไม่สู้มนุษย์เลวทราม เรื่องราวพัวพันมาถึงตัวทั้งคู่มากกว่าที่คิด อดีตที่ปรารถนาจะลืมถูกรื้อฟื้น ทว่าท่ามกลางความเจ็บปวด ความรู้สึกคลุมเครือระหว่างเยี่ยหลัวกับเมิ่งอวี่ก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เนื้อเรื่อง :

วิญญาณสาวที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมมากมาย อยากจะหาคนช่วยเหลือ วิญญาณดวงล่าสุดที่เพิ่งรู้ตัวว่าตายแล้ว ก็อยากจะแก้แค้นชายที่ทำให้ตัวเองตาย เพราะความแค้นทำให้ชายคนนั้นรู้สึกตัว และมีพลังศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มจนวิญญาณไม่อาจทำอะไรได้ จนวิญญาณไหม้ในลักษณะต่างๆ เมื่อกลุ่มวิญญาณเห็นวิญญาณดวงล่างสุดอ่อนแอ ก็บอกให้รอที่นี่เดี๋ยวก็มีคนมารับไป และตามไปเพื่อคอยล้างแค้นต่อไป

หนิงอันคอมมิวนิตี้ ที่มีเยี่ยหลัวเป็นผู้ดูแล เยี่ยหลัวรับงานเกี่ยวกับผี วิญญาณที่ได้รายได้ดีมาก และยังคอยเลี้ยงดูเมิ่งอวี่ หลานชายของยายเมิ่งที่ดูแลตอนวิญญาณข้ามสะพานอีกด้วย เพราะทำข้อตกลงกัน แต่เยี่ยหลัวก็ดูแลด้วยความรัก และมีความสุขกับการดูแล

เมิ่งอวี่เด็กวัยรุ่นอายุสิบเก้า ที่ไม่สนใจคนรอบข้างเพราะคิดว่าตัวเองไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ สักวันก็ต้องจากไป ไม่ทำความรู้จักกับใคร เพราะเมื่อคบกันไปสุดท้ายก็ต้องแยกจาก เพราะตัวเองดึงดูดวิญญาณต่างๆมา ทำให้คนนั้นจะดวงซวย

เพราะเยี่ยหลัวดูแลหนิงอัน และอยากให้เมิ่งอวี่คบเพื่อนบ้าง เลยให้ทำให้ทำหน้าที่เก็บดูแล ห้องห้าศูนย์ห้า มีนักศึกษาที่เป็นเพื่อนในคลาสเดียวกับเมิ่งอวี่อยู่ แต่รูมเมทของห้องกับเป็นคนที่ชอบสร้างปัญหา

เยี่ยหลัวมองเห็นวิญญาณ และสามารถเดินทางระหว่างสองที่ได้ ส่วนเมิ่งอวี่ก็ไปมาได้ทั้งสองที่ สองคนเลยเข้ากันได้ดี เมิ่งอวี่ไม่ค่อยสนใจอะไร ใช้ชีวิตเรียบง่าย มีเพียงเยี่ยหลัวที่ใส่ใจ และตอนนี้เมิ่งอวี่ก็สังเกตได้จากตัวของเพื่อนร่วมห้อง ว่าน่าจะติดอะไรมาจากที่เก่งที่เคยพักอาศัย เลยไปเยี่ยม

เรื่องราวดำเนินไป เมิ่งอวี่ได้พบวิญญาณไหม้ และพาไปส่ง ที่จริงเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หน้าที่แต่ก็ทำ วันต่อมาเยี่ยหลัวไปทำงานที่ได้จากวิญญาณ และเมิ่งอวี่ก็ไปด้วย ได้เจอวิญญาณไหม้อีกดวง นี่ไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญแล้ว แต่จุดประสงค์อยู่ที่เมิ่งอวี่หรือเยี่ยหลัวกันแน่

ในตู้จดหมายมีเอกสารที่ไม่ระบุที่มา ในนั้นมีหญิงสาวที่หายไป และมีชื่อที่สืบเอาไว้คือลู่ไป่หรง เมิ่งอวี่ไปถามกับเจ๊ติงที่เคยรู้จักกันตั้งแต่เด็ก และก็รู้ว่าเป็นเด็กในสังกัดหลายคน พี่หลี่ว์ที่เมิ่งอวี่อยู่ด้วยสิบปีทั้งยังคอยแบบผีน้อยให้อีกฝ่ายแทนก็พอมีเส้นสาย ทั้งสองคนไม่ให้เมิ่งอวี่ยุ่งเกี่ยว แต่เพราะเรื่องราวเกี่ยวพันกับเยี่ยหลัวในตอนนั้น ตัวเองก็ไม่อยากบอกเยี่ยหลัวเพราะเกี่ยวกับคนที่เยี่ยหลัวอยากลืมในอดีตสองคน เพราะใส่ใจ เป็นห่วง

จนเกิดเรื่องราว สุดท้ายก็เป็นเยี่ยหลัวที่ออกหน้าช่วยเหลือเพราะลู่ไป่หรงทำเกินเหตุมาทำร้ายเมิ่งอวี่ คุณยายก็ถึงคราวที่ต้องออกเดินทางเพราะอายุสองพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าปีแล้ว รออีกไม่ได้ คุณยายฝากเยี่ยหลัวดูแลเมิ่งอวี่ เยี่ยหลัวรับปากจะดูแลตลอดไป

สิ่งที่ทำให้ลู่ไป่หรงไม่เป็นไร เพราะสร้อยประคำที่มาจากเยี่ยหลัว ที่ตัวเองจำไม่ได้แล้ว และยังมีลายสลักของอาเล็ก สือหนิงอีก ด้วยความช่วยเหลือของสือหนิง และความช่วยเหลือจากเจียงเฉิงฟาง ที่ให้ไอโม่ซินคอยประสานงาน ลู่ไป่หรงที่มีความสุขมากจากการถูกจับ เพราะได้รับความสนใจ ถูกเมิ่งอวี่ที่เอาน้ำแกงให้กินจนลืมว่าตัวเองมีความสุขเพราะอะไร กลายเป็นบ้าไปทีเดียว ผีไม่น่ากลัว แต่เป็นคนมีชีวิตที่น่ากลัวกว่า

หลังอ่าน :

ดำเนินเรื่องได้ดีมากๆ ผี วิญญาณไม่น่ากลัวเท่ากับคนมีชีวิต ที่มีความโลภ ความบ้าที่แตกต่างกันไป เรื่องนี้ถึงแม้จะสั้นๆ แต่ได้ข้อคิดในการใช้ชีวิตมากมาย เหล่าผีรายรอบตัวเมิ่งอวี่ไม่มีความน่ากลัวเลยทีเดียว ทั้งยังมีเรื่องราวในจักรวาลเดียวกัน ให้ได้ตามต่อใน ศาลคนกระดาษ และคนสื่อวิญญาณ มาตามอ่านกันต่อในศาลคนกระดาษกันค่ะ

#EverYเล่มนี้แจ่ม #หนิงอันคอมมิวนิตี้ ละแวกนี้ผีชุม

Saturday, July 17, 2021

#รัตติกาลซ่อนกล #4เล่มจบ #มากกว่ารัก #นิยายแปลจีนโบราณ #องครักษ์เสื้อแพร #ราชสำนัก #การตามล่า #บุตรีขุนนางต้องโทษ #ยุทธภพ #ชาวหยวนเหนือ #ชาวอี๋ #ชาวเหมิงกู่

 Review 18/2564

เรื่อง : รัตติกาลซ่อนกล (4เล่มจบ) #นิยายแปลจีนโบราณ #องครักษ์เสื้อแพร #ราชสำนัก #การตามล่า #บุตรีขุนนางต้องโทษ #ยุทธภพ #ชาวหยวนเหนือ #ชาวอี๋ #ชาวเหมิงกู่

ผู้แต่ง : หนิงหล่ง

ผู้แปล : Singin’ in the Rain

ภาพประกอบ : Rong Jing

สำนักพิมพ์ : แจ่มใส (มากกว่ารัก)

จำนวนหน้า : 456 + 448 + 448 + 448 หน้า

เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 1 : เมษายน 2564

โปรยปกหลังเล่ม 1 :

‘ฟู่หลันหยา’ บุตรีราชเลขาธิการผู้เคยยิ่งใหญ่ในราชสำนัก

แม้อยู่ไกลถึงอวิ๋นหนานก็ไม่อาจพ้นเคราะห์ที่บิดาถูกใส่ความได้

ต้องกลายเป็น ‘บุตรีขุนนางต้องโทษ’ ออกเดินทางสู่เมืองหลวง

หากนางไม่อาจแก้ต่างให้บิดาได้ ก็จะมีกองสังคีตพร้อมสถานะ ‘ทาส’ รออยู่ที่ปลายทาง

 

‘ผิงอวี้’ ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเป็นผู้คุมตัวนางกลับ

เดิมทีฟู่หลันหยาคิดว่าเขาจะเอาเรื่องบาดหมางในอดีตที่บิดานางเคยเล่นงานครอบครัวเขามาลงกับนาง

ทว่านอกจากอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เห็นนางอยู่ใกล้บุรุษอื่นก็เอาแต่ทำหน้าตาบึ้งตึงเหมือนอยากจะกินหัวใครแล้ว

สำหรับเรื่องอื่นๆ เขาล้วนปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี

ยิ่งระหว่างทางพบเจอสำนักพรรคในยุทธภพลอบโจมตีนางไม่หยุดหย่อน

เขายังถึงกับปีนหน้าต่างเข้าห้องนอนมาเฝ้าคุ้มกันนางทุกค่ำคืน

คนที่แยก ‘ความรู้สึกส่วนตัว’ กับ ‘หน้าที่’ ได้ดีเพียงนี้ ช่างหาได้ยากนัก!

เล่ม 1 :

หวังหลิง วางแผนการเล่นงานฟู่ปิง โดยใช้หลิวไป่ทงที่เป็นศิษย์ในการกล่าวโทษ อีกทั้งหวังซื้อเจาหลายชายของหวังหลิงก็มีความรู้สึกต่อฟู่หลันหยา วางแผนจะจัดการนางที่อวิ๋นหนาน แต่กลับไม่เป็นดังใจเพราะฮ่องเต้ส่งผิงอวี้ที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรไปแทน

หนึ่งเดือนต่อมาทางอวิ๋นหนาน ฟู่หลันหยาฝันร้านทุกคืน คิดว่าต้องมีคนวางยาพิษ ตอนที่ให้แม่นมหลันไปเอาของที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้ เพื่อจะเอายาถอนพิษ ก็เกิดเหตุพลิกผัน เพราะไม่สามารถติดต่อท่านพ่อ และพี่ชายมาได้ตลอดหนึ่งเดือน ตอนนี้องครักษ์เสื้อแพรมาถึงที่ แปลว่าต้องเกิดเหตุ และคนที่น่าสงสัยที่สุดคือพ่อบ้านโจว ฟู่หลันหยาแม้เป็นเด็กสาวในห้องหอแต่ฉลาดเฉลียว จัดการสังเกต และตัดสินใจวางยาพ่อบ้านโจว คนที่คิดจะปิดปากคือหวังซื่อเจา ทุกสิ่งล้วนอยู่ในสายตาของผิงอวี้ ผิงอวี้ต้องการจับตัวการใหญ่ก็ใช้ฟู่หลันหยาเป็นตัวล่อ

ฟู่หลันหยาต้องเดินทางในฐานะบุตรีขุนนางต้องโทษ แต่นางก็ทำใจได้ และคิดว่าจะต้องให้ผิงอวี้คุ้มกันกลับเมืองหลวงไปหาบิดาการเดินทาง มีทั้งชาวอี๋ที่จะมาลักพาตัว ครั้งแรกฟู่หลันหยาก็ยังคิดว่าตำราโบราณที่ได้รับจากมารดา ครั้งนี้ทำให้เก็บเข็มพิษเอาไว้ป้องกันตัว

เมืองชวีถัวไม่สามารถพักโรงเตี๊ยมได้เพราะเกิดเหตุไฟไหม้ก่อนหน้า ทำให้ต้องพักที่วังมู่อ๋อง มู่อ๋องซื่อจื่อ มู่เฉิงปินให้พักที่วัง คืนนั้นก็เกิดเหตุเพลิงไหม้อีก ฟู่หลันหยาถูกจับตัวไปอีก ได้เข็มพิษของชาวอี๋ เลยรอดมาจนผิงอวี้มาช่วย ผิงอวี้ก็เก็บเข็มพิษไป คนร้ายใช้วิชาเรียกงูพิษ ฟู่หลันหยากลัวงูมาก ผิงอวี้แบกขึ้นหลังเพราะเท้าแพลงก่อนหน้า ทำเอารู้สึกถึงซาลาเปาสองลูก พอเห็นว่าปลอดภัยจะลงไม่ให้ลง พอตัวเองรู้สึกถึงข้างหลังกลับโยนคนลงไปเลย ทำเอาฟู่หลันหยาเป็นงง

กลับถึงวังมู่อ๋อง ผิงอวี้รู้ว่าเป็นคนของนิกายเจิ้นหมัว ตามสืบจนรู้ว่าเป็นหลันอี๋เหนียงที่เป็นผู้คุมกฎซ้ายนิกายเจิ้นหมัว กับน้องชายลอบวางเพลิงวางแผน ผู้คุมกฎซ้ายที่หายไปสิบปีมาปรากฎตัวอีกครั้ง ที่น่าแปลกคือแม่นมหลินกลับเคยเห็นหน้าเมื่อสิบปีก่อนอีกด้วย

ต่อมาเดินทางถึงเมืองลิ่วอัน ต้องเข้าพักในโรงเตี๊ยมที่เหมือนกับหอหลิวเปย ที่การจัดวางผังแปลกประหลาด มีคนร้ายบุกเข้ามาอีก ครั้งนี้ผิงอวี้สืบได้ว่าเป็นคนของพรรคตงเจียว ระหว่างที่คนร้ายเข้ามาคุณชายเติ้งอยากช่วยฟู่หลันหยาแต่ฟู่หลันหยาระแวง และหาทางออกจากประตูเป็นตายได้ กลายเป็นผิงอวี้อีกตามเคยที่ตามมาช่วย แต่ตอนที่กระโดดออกมากลับลงไปในอุโมงค์ที่ขึ้นไม่ได้ ผิงอวี้ต้องอุ้มขึ้นมา อาการไบโพล่ากำเริบ เพราะสัมผัสกับซาลาเปาสองลูกอีกแล้ว บอกให้เจ้าหันไป เพราะอะไรก็ไม่บอก ใต้เท้าผิงนี่ยังไงนะ ทำไมหน้าซีดไม่มีแรงซะแล้วล่ะ ฮาตลอด แล้วก็พาน้องขึ้นมาได้ มาอยู่ในสวนดอกไม้ ผิงอวี้ก็รู้สึกว่าฟู่หลันหยาไม่ได้กระโดดลงมาส่งเดช แต่ตั้งใจกระโดดออกมาเพื่อหาทางออก

ที่น่าแปลกคือที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ของสำนักบูรพาแต่ หวังซื่อเจากลับได้รับบาดเจ็บ ผิงอวี้เลยแปลกใจ ฟู่หลันหยาก็สังเกตเห็น ทำไมมีหลายกลุ่มต้องการตัว ต้องการไปทำไม ที่เมืองนี้ผิงอวี้ไปหาคุณชายใหญ่ฉิน แต่ที่ได้พบวันต่อมากลับเป็นฉินหย่ง คุณหนูใหญ่ที่แต่งกายเป็นชายที่อยากจะเดินทางติดตามไปด้วย คณะเดินทางเริ่มมีหลายกลุ่ม หลายคณะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้วนะเนี่ย

แม่นมเป็นปลื้มคุณชายเติ้ง เติ้งอันอี๋ แต่ฟู่หลันหยากลับมองออกถึงความผิดปกติ และบอกว่าทำไมวันนั้นไม่ดูแลน้องสาว แต่มาคอยช่วยพวกเรา ทำให้เริ่มคิดได้

ทั้งหมดเริ่มเดินทางอีกครั้ง มีสำนักฉินและสำนักสิงอี้มาร่วมด้วย สำนักฉินมีฉินหย่ง ฉินเยี่ยนซูสองพี่น้อง และผู้อาวุโส สำนักสิงอี้มีหลี่โหยวเจี่ยนเจ้าสำนักมาด้วย หวังซื่อเจาที่บาดเจ็บกลับหายดี และดูเหมือนจะแข็งแรงกว่าเดิมซะอีก ทำเอาหลี่หมิน และพวกองครักษ์เสื้อแพรตกใจ

การเดินทางเริ่มขึ้นไปหยุดพักที่ริมทะเลสาบ ยังมีคนของจวนหย่งอันโหวตามมาอีก ผิงอวี้ที่ดูเหมือนรำคาญฟู่หลันหยา แต่ก็คอยดูแลความเป็นอยู่อยู่ตลอด กลางคืนก็ต้องปีนหน้าต่างมาปกป้องคุ้มครอง นี่ก็เอายามาอุ่นร้อนให้ แล้วก็เจอกับเติ้งเหวินอิ๋งอดีตคู่หมั้นที่ไม่ยอมตัดใจ มาพูดบอกว่าฟู่หลันหยาเป็นปีศาจ แต่ผิงอวี้ก็ไม่สนใจ คนที่ตัดใจไม่ได้เสียใจก็คือเติ้งเหวินอิ๋ง  หวังซื่อเจาแสดงอาการของคนที่ฝึกวิชามารที่หายสาบสูญไปนานออกมา แล้วอ้างว่าตัวเองใช้พิษงูต้านพิษงู หลังจากได้พูดคุยกับฟู่หลันหยา เปิดเผยบางส่วนให้รู้ แล้วถามบางเรื่อง เรื่องที่พ่อบ้านโจวเป็นสายของหวังหลิง ทำให้ฟู่หลันหยาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ภายนอกผิงอวี้เย็นชากับฟู่หลันหยา ปากร้าย เพราะซีผิงโหวเคยเคราะห์ร้ายเพราะฟู่ปิง แต่ผิงอวี้ก็ชื่นชมความเฉลียวฉลาดช่างสังเกต อดทนของฟู่หลันหยาเหมือนกัน ใครมองเป็นต้องหน้าบึ้งไม่พอใจ ตอนนี้ก็เริ่มคิดได้ว่าหรือฟู่หลันหยาจะแอบซ่อนอะไรเอาไว้

คืนนั้นก็เกิดเหตุอีกจนได้มีค้างคาวมากมายออกมาโจมตี และต่อมายังมีค้างคาวปีกเขียวที่มีพิษ ทำให้ต้องหนีเอาตัวรอด ฟู่หลันหยาไปกับผิงอวี้ แม่นมได้รับการดูแลจากฉินเยี่ยนซู ผิงอวี้กับฟู่หลันหยาหลบเข้าโพรงดิน แนบชิดกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ผิงอวี้ไม่รู้สึกถึงซาลาเปาสองลูกเพราะฟู่หลันหยารีบแอบซ่อนตำราโบราณเอาไว้ ยังบอกให้ผิงอวี้ขยับดาบไปด้านข้าง จะจับอีก ผิงอวี้อยากจะบ้าตาย บอกว่าอย่าขยับตัวส่งเดช แล้วรีบจับแขนน้องชูขึ้นจนเห็นข้างในแล้วก็ของที่ซ่อนอยู่ กำลังคาดคั้น ก็มีคนเรียกเพราะปลอดภัยแล้ว

ออกมาจากโพรงดิน ดันทำตก ผิงอวี้ก็ไวกว่าเก็บไปได้แล้ว น้องฟู่โดนรังแกอย่างแรง แต่ความจริงอ่านไม่รู้เรื่องแต่ก็จำได้ทุกหน้าว่าตำราโบราณเขียนอะไรไว้บ้าง 

เมื่อคืนเกิดเหตุวุ่นวายแต่คนของจวนหย่งอันโหวไม่บาดเจ็บไม่เป็นอะไรเลย หลังจากปรึกษากันพบว่าผู้คุมกฎซ้ายต้องบาดเจ็บเพราะใช้อาคมเรียกค้างคาวปีกเขียว ส่วนผู้คุมกฎขวาของนิกายเจิ้นหมัวที่ถนัดการเรียกงูที่หายหน้าไปนานก็ถ่ายทอดวิชาไว้ให้คนมากมาย ตอนนี้เดินทางต่อผิงอวี้บอกว่าต้องไปพักที่ตัวเองจัดการเท่านั้น

ถึงเมืองต้งหยาง เข้าพักที่คฤหาสน์ ผิงอวี้กับหลี่หมินรอพี่รองของหลี่หมิน ที่เป็นสหายของผิงอวี้ และที่นี่ผู้คุมกฎซ้ายก็ได้พบกับคุณชายเติ้ง ที่แท้คุณชายเติ้งตัวจริงตายไปแล้ว นี่เป็นคนของนิกายเจิ้นหมัว และยังหมายปองเติ้งเหวินอิ๋ง เหตุที่นางไม่ได้แต่งงานน่าจะเป็นเพราะเติ้งอันอี๋ตัวปลอมนี่เอง

หลี่โยวมาถึงได้ฟังเรื่องราว และทั้งหมดก็เตรียมแผนรับมือกับนิกายเจิ้นหมัวที่จะบุกมา ผู้คุมกฎซ้ายวางแผนโดนใช้ยาเสน่ห์ และยังปลอมเป็นฟู่หลันหยา ผิงอวี้รับมือได้ ตอนแรกเกือบหลงกล แต่เพราะรูปร่าง ร่างกายผิงอวี้ก็จัดการได้ หลี่โยวก็ไม่เป็นไร หวังซื่อเจาแสดงอาการสุดๆ

ที่เกิดเหตุคือฉินเยี่ยนซูที่ถูกพิษ ฟู่หลันหยาเกือบถูกจับ แต่ทุกคนมาต้านไว้ได้ จนผู้คุมกฎซ้ายเผยโฉมหน้า ทำให้แม่นมหลินจำได้ว่าเคยเห็นเมื่อสิบปีก่อน ฟู่หลันหยาถามว่ารู้จักกับท่านแม่หรือ ผู้คุมกฎซ้ายก็บอกว่ารู้จักกัน สุดท้ายผู้คุมกฎซ้ายถูกจับ ฟู่หลันหยาเอายาแก้พิษที่ท่านแม่ให้ไว้มาช่วยฉินเยี่ยนซู

เรื่องยังไม่จบ มีพวกชุดดำมาเป็นคนของหวังหลิง และยังมีผู้คุมกฎขวาใช้อาคมงูมาอีก สุดท้ายผู้คุมกฎซ้ายถูกชิงตัวไป ทั้งที่สูญเสียวรยุทธไปแล้ว

ผิงอวี้ที่เห็นฟู่หลันหยาช่วยคน เกิดอาการหึง ทั้งเอาผ้าห่มมาให้กลัวไม่สบายหึงหนัก ฉินหย่งจะมาพูดเรื่องยาแก้พิษของฟู่หลันหยา ผิงอวี้ยิ่งโกรธ บุกไปหาฟู่หลันหยา ต่อว่าด้วยความหึงโดยไม่รู้ตัวสินะ ใต้เท้าผิงเริ่มมีความรักแล้ว

หลังอ่านเล่ม 1 :

ผิงอวี้หัวหน้าผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ที่มีอดีตเกี่ยวกับสตรี มาเจอฟู่หลันหยา จากที่เกลียดผู้หญิง ก็ต้องเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย สาเหตุฟู่หลันหยาที่ทั้งฉลาด ทั้งใสซื่อ แล้วการเดินทางคุมตัวบุตรีของขุนนางต้องโทษก็เจอเรื่องราววุ่นวาย โดนชิงตัวกลางดึกบ่อยๆ สาเหตุก็ต้องมาจากฟู่หลันหยา มาสืบหากันว่าฟู่หลันหยามีอะไร ที่ทำให้ใครต่อใครต้องการตัว เหยื่อล่อซ้อนเหยื่อล่อนี้จะจบลงยังไง ต้องติดตามค่ะ

เส้นเรื่องคือการเดินทางคุมตัวฟู่หลันหยากลับเมืองหลวง ระหว่างทางเกิดเรื่องราวชิงตัว ตามล่ามากมาย ทั้งชาวยุทธ์ ทั้งสำนักบูรพา ผิงอวี้ก็ต้องสืบ ฟู่หลันหยาที่เป็นสตรีในห้องหอ แต่ฉลาดเฉลียวก็คอยสังเกต สิ่งต่างๆรอบตัว สังเกตคนว่ามาดี มาร้าย จับคู่ได้ลงตัวทีเดียว มาติดตามการเดินทางของฟู่หลันหยา ที่ต้องกลับเมืองหลวงไปกับใต้เท้าผิงกันค่ะ

เล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 1 : เมษายน 2564

โปรยปกหลังเล่ม 2 :

‘ฟู่หลันหยา’ บุตรีราชเลขาธิการผู้เคยยิ่งใหญ่ในราชสำนัก

แม้อยู่ไกลถึงอวิ๋นหนานก็ไม่อาจพ้นเคราะห์ที่บิดาถูกใส่ความได้

ต้องกลายเป็น ‘บุตรีขุนนางต้องโทษ’ ออกเดินทางสู่เมืองหลวง

หากนางไม่อาจแก้ต่างให้บิดาได้ ก็จะมีกองสังคีตพร้อมสถานะ ‘ทาส’ รออยู่ที่ปลายทาง

 

‘ผิงอวี้’ ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเป็นผู้คุมตัวนางกลับ

เดิมทีฟู่หลันหยาคิดว่าเขาจะเอาเรื่องบาดหมางในอดีตที่บิดานางเคยเล่นงานครอบครัวเขามาลงกับนาง

ทว่านอกจากอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เห็นนางอยู่ใกล้บุรุษอื่นก็เอาแต่ทำหน้าตาบึ้งตึงเหมือนอยากจะกินหัวใครแล้ว

สำหรับเรื่องอื่นๆ เขาล้วนปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี

ยิ่งระหว่างทางพบเจอสำนักพรรคในยุทธภพลอบโจมตีนางไม่หยุดหย่อน

เขายังถึงกับปีนหน้าต่างเข้าห้องนอนมาเฝ้าคุ้มกันนางทุกค่ำคืน

คนที่แยก ‘ความรู้สึกส่วนตัว’ กับ ‘หน้าที่’ ได้ดีเพียงนี้ ช่างหาได้ยากนัก!

เล่ม 2 :

ผิงอวี้ที่ทั้งโกรธ ทั้งหึง ยังไม่เข้าใจอารมณ์ตัวเองกำลังเดือดจัด แต่เพราะฟู่หลันหยาบอกว่าไม่รู้ว่ายาแก้พิษได้จริงหรือไม่ เป็นใครก็ต้องช่วย แล้วจะตายอยู่แล้วยังเอายาแก้ข้อเท้าแพลงมาให้ทำไมไม่ใช่ เพราะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นนอกจากผิงอวี้ เท่านี้อารมณ์โกรธก็กลายเป็นอารมณ์ดี ตัวเองยังไม่รู้อีกนะ ว่าหลงน้องฟู่เข้าให้แล้ว เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายสุดๆจริงๆ

กลับมาคุยกับหลี่โยว และคนที่ไปสอบสวนผู้คุมกฎซ้ายได้ความว่าฟู่หลันหยาเป็นตัวเร่งยา ที่สำคัญของของสิ่งนั้นที่แบ่งออกเป็นห้าส่วน หวังหลิงก็มีส่วนหนึ่ง ให้ไปถามเอากับหวังหลิง

พวกฉินหย่งก็จะมาขอบคุณเรื่องยาแก้พิษ ทำให้ผิงอวี้นึกได้ ว่าต้องคุยเรื่องนี้กันอีก หลังจากจัดการเรียบร้อยก็ต้องไปคุยกับฟู่หลันหยา ครั้งนี้ทั้งสองคุยกันด้วยดี ผิงอวี้บอกว่านี่คือภาษาต๋าต๋า เพราะว่าตัวเองเคยเห็นในศาลเจ้าโบราณ และเรื่องหมอผีที่ตัวเองไม่อยากจำแต่ก็ไม่ลืม ฟู่หลันหยาได้รู้เรื่องมากขึ้น กำลังจะบอกเรื่องที่แม่นมเคยเห็นท่านพ่อคุยกับผู้คุมกฎซ้ายและท่านแม่ที่ออกไปหลายครั้งที่เมืองหลวง หลี่หมินก็มาพอดี ทำเอาผิงอวี้ต้องไปซ่อน จากนั้นก็นอนพัก การเดินทางจะเริ่มในอีกสองวันให้รักษาขาให้ดี

ออกเดินทาง เติ้งอันอี๋มาอีกแล้ว และเข้าไปในรถม้าที่มีผู้คุมกฎซ้ายที่สองวันก่อนยังงดงามตอนนี้กลับแก่ชราไปมาก วรยุทธ์ก็ถูกทำลาย เพราะก่อนหน้านี้โดนทำร้ายจากพวกของหวังหลิงสำนักบูรพาที่นางเรียกว่าปู้รื่อกู่เต๋อ ของล้ำค่าสิ่งนั้นที่เจ้านิกายผู้เฒ่าให้ไว้ก่อนตายก็โดนเติ้งอันอี๋ชิงไป ทั้งยังวางแผนจัดการพวกผิงอวี้ที่หูหนาน โดยใช้สำนักหนานซิงที่เก่งเรื่องฉีเหมินตุ้นจย่า

เดินทางถึงหูหนานหลี่โยว ผิงอวี้ก็ได้ข่าวสำนักหนานซิงกันแล้ว และวางแผนรับมือ ในการเดินทาง สำนักหนานซิงวางแผนค่ายกล ฉินหย่งเข้าใจผิด แต่ผิงอวี้เห็นความแตกต่าง และพาฟู่หลันหยาหนีออกมาได้ โดนโยนแม่นมให้เป็นภาระของฉินเยี่ยนซู ในค่ายกลมีทั้งหมอกพิษ และยาสลบ เพื่อจะได้หาตัวฟู่หลันหยาได้ง่าย ฟู่หลันหยาที่หนาวเพราะไม่มีกำลังภายใน กำลังจำสลบ แต่ก่อนหน้านั้นนางก็ได้บอกว่านี่เป็นค่ายกลดารา เหมือนกับที่ผิงอวี้คิด พอสลบก็หนาว ผิงอวี้ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ทั้งกอด ทั้งลูบหน้า เกือบจะได้จูบแล้วแต่ฟู่หลันหยาฟื้นซะก่อน

ทั้งสองหาทางออกด้วยกัน ฟู่หลันหยาก็คิดได้ ตอนที่ได้ยินเสียงของเติ้งอันอี๋กับเติ้งเหวินอิ๋ง ที่เหมือนอยู่ใกล้ ทั้งสองตัดสินใจทางเดียวกัน ออกมาจากค่ายกล โดยไม่บาดเจ็บ เท่ากับหนีรอดมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังส่งสัญญาให้คนอื่นรู้อีกด้วย

เข้าที่พักจุดพักม้าแม่นมที่โดนพิษไอเย็น ได้ยาลูกกลอนของฉินหย่ง ทั้งผิงอวี้ยังให้หลี่หมินไปเชิญหมอมารักษา แม่นมถึงได้อาการดีขึ้น เดินทางต่อไปได้

การเดินทางผิงอวี้มาเขียนค่ายกลต่างๆที่เป็นประโยชน์ที่ห้องของฟู่หลันหยา ฟู่หลันหยาจะช่วยก็โดนผิงอวี้ปฏิเสธ ตอนนี้ผิงอวี้ยังตัดสินใจไม่ได้ คิดถึงความลำบากของบิดามารดา แต่ก็ไม่อาจตัดใจได้ ทำให้เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย หลี่หมินที่ไปตามหมอที่เมืองจูเฉิงได้ยินข่าวลือว่าลู่จื่อเชียนตามหาฟู่หลันหยา ยังมีข่าวลือระคายหูมากมายก็รายงานทั้งหมด

เดินทางมาเมืองจูเฉิง ผิงอวี้ที่สังเกตว่าฟู่หลันหยาไม่มีเสื้อผ้ามากนักก็ไปซื้อมาให้โดยอ้างว่าได้มาจากฮูหยินของเจ้าเมือง ที่เป็นคนของหวังหลิง แต่ฟุหลันหยาไม่รู้ ทั้งยังซื้อขนมที่ฟู่หลันหยาอยากกิน แล้วก็อ้างว่ามาจากประมุขฉิน ทั้งที่ตัวเองเป็นคนซื้อมา ทำดีแต่เอาชื่อคนอื่นมาอ้างตลอด แล้วถามว่ารู้จักคนชื่อหลินจือเฉิงหรือไม่ คือเจ้าสำนักหนานซิง บอกว่าเคยเห็นชื่อที่ตำราในห้องพี่ชายเป็นตำราค่ายกล แล้วก็สืบถามความเป็นมาในอดีต แต่ฟู่หลันหยาจะถามข้อมูลกลับนั้นไม่ง่ายเลย

ฉินหย่งจะมาพูดคุยกับผิงอวี้ก็ได้ยินเสียงพิณดังมา เท่ากับว่าหลินจือเฉิงมาหาถึงที่แล้ว เสียงพิณทำให้กำลังภายในได้รับบาดเจ็บ แล้วก็มีเสียงขลุ่ยตี๋มาแก้สถานการณ์จากผู้อาวุโสอวี๋ จนผู้อาวุโสอวี๋สู้ไม่ไหว เป็นผิงอวี้ไปเป่าขลุ่ยแทน แต่ด้วยไม่ชำนาญ เสียงเพลงผิดเพี้ยน ทำให้เสียงพิณก็เริ่มไม่เป็นไปตามแผน แสดงว่าหลินจือเฉิงเป็นพวกชอบความสมบูรณ์แบบ พอเป็นแบบนี้ก็ขัดใจ ผิงอวี้จับทางได้ สุดท้ายส่งต่อให้ฉินเยี่ยนซูเป่าขลุ่ยต่อ ตัวเองไปหาฟู่หลันหยา

เวลานั้นเอง ลู่จื่อเชียนก็ได้พบกับเติ้งอันอี๋ เติ้งเหวินอิ๋งเห็นก็รีบวางแผนทำเป็นบอกว่าฟู่หลันหยาอยู่ที่เมืองจู่เฉิง แถมยังลำบากมาก ลู่จื่อเชียนเลยรีบไปหา พร้อมด้วยประมุขหง เจ้าสำนักปากว้า ที่ลู่จื่อเชียนสามารถเชิญมาช่วยเหลือได้

ผิงอวี้ไปช่วยฟู่หลันหยา เพราะฟู่หลันหยาไม่มีกำลังภายในเลยไม่เป็นไร คิดว่าแค่ปิดหูก็ใช้ได้ ก็เอาชายเสื้อฉีกมาปิดหูให้ผิงอวี้ ส่วนแม่นมโดนโยนให้คนอื่นดูแลอีกแล้ว ตอนนี้คนของสำนักฉินมีไส้ศึก ผิงอวี้กับฟู่หลันหยาแยกตัวไปก่อน หลี่หมินที่ผิงอวี้คอยสั่งสอนก็ไหวพริบดี จัดการได้ดี เลยได้รับคำชมไป ช่วงที่แยกไปกันสองคนผิงอวี้ที่จิตใจโดนรบกวน ก็เกือบต้านทางจิตใจไม่ไหว เกือบจะจูบฟู่หลันหยาอยู่แล้ว แต่เพราะหลี่หมินมาก่อนเลยรู้สึกตัว เกือบล่ะๆ แถมยังเลือดกำเดาไหลอีก โอ้ยใต้เท้าผิงช่างฮาจริงๆ

ทั้งหมดเดินทางไปคฤหาสน์ต่างเมืองของตระกูลฉิน แต่เพราะฟู่หลันหยาไม่รู้เรื่องว่าอุดหูไปก็ไม่มีประโยชน์และเห็นหลี่หมินกับเฉินเอ่อร์เซิงรีบปิดหู เลยรีบบอกให้ผิงอวี้ปิดหูด้วยความเป็นห่วง คนอื่นมองเห็นคือขำแต่ทำเป็นมองไม่เห็น

ฉินหย่งกับผู้อาวุโสไป๋ เห็นการเดินของผิงอวี้ก็รู้ว่าภายในได้รับบาดเจ็บ เลยให้จัดหายาให้ แต่เพราะยานี้กินแล้วต้องจิตใจสงบ ไม่งั้นจะเกิดไข้ขึ้นสูง

ฟู่หลันหยาแอบออกมาจากห้องเพื่อฟังประมุขหงเจิ้นถิงเล่าเรื่องราว จนรู้ว่าตัวเองเป็นตัวเร่งยาของวิชาคืนชีพ กลับไปนอน

ผิงอวี้หาข้ออ้างกินข้าวกับฟู่หลันหยา ก็โดนเฉินเอ่อร์เซิงที่ซื่อจนไม่รู้เรื่องราวมาขัด แล้วผิงอวี้ก็ยังเอาหนังสือที่ตัวเองเอามาจากห้องหนังสือให้นางไว้อ่านเล่นแก้เบื่อ

ทั้งหมดปรึกษากันเรื่องหวังซื่อเจาฝึกวิชามาร และขอให้ประมุขหงสอนวิชาเพื่อต้านเพลงพิณของหลินจือเฉิง

ลู่จื่อเชียนมองออกว่าผิงอวี้มีใจให้ฟู่หลันหยา ตัวเองที่โดนทางบ้านจัดฉาก ก็ยังไม่ยอม พูดเรื่องบุญคุณความแค้นสองตระกูลกับผิงอวี้ ทำเองผิงอวี้คิดมากไข้ขึ้นสูง

ตอนดึกก็รับรู้ว่าผิงอวี้มานอนที่ตั่งแถมไข้ขึ้นสูง จะให้กินน้ำกลับจูบอย่างที่ตั้งใจจนได้ จนโดนฟู่หลันหยากัดนั่นแหละ แล้วหลี่หมินก็มาถามถึงได้สติ

ผิงอวี้แก้ตัวกับทุกคนว่าชนจนปากแตก แต่ฉินหย่งกับหลี่โยวก็ยังรู้อยู่ ฉินหย่งดูเหมือนมีใจให้ผิงอวี้ แต่ก็ตัดใจได้

เฉินเอ่อร์เซิงยังทักเรื่องแผลที่ปากอีก ผิงอวี้นี่อยากจะส่งเจ้าคนซื่อนี่กลับเมืองหลวงซะจริงๆ

ออกจากเมืองจูเฉิงมุ่งหน้าเมืองเยวี่ยโจว ยังเจอเติ้งอันอี๋อีกแล้ว ตามติดจริงๆ  กินอาหารประจำถิ่งในรถม้าแล้วหลี่หมินก็บอกว่าให้ไปเดินเล่นในป่าด้านหลัง ความจริงคือจะล่อหลินจื่อเฉิงออกมา แล้วลู่จื่อเชียนก็มองออกว่าค่ายกลที่ล้อมรอบฟู่หลันหยามีปัญหาส่งเสียงเตือนตอนนั้น ฟู่หลันหยาก็เรียกให้ผิงอวี้มาหาพอดี ฟู่หลันหยาตกลงไป ผิงอวี้เห็นองครักษ์ลับที่ทำค่ายกลผิดพลาด ได้แต่ตะโกนบอกและตามฟู่หลันหยาลงไป คนด้านล่างไม่คิดว่าจะมีคนตามลงมา ผิงอวี้สามารถช่วยฟู่หลันหยาได้ และพาไปยังตาค่ายกล ที่นั้นหลินจือเฉิงรออยู่ ฟู่หลันหยาหนีไปได้ ทั้งที่โดนสกัดจุดใบ้ ก็เจอพวกหลี่โยว เลยสามารถพากลับมาที่ผิงอวี้ต่อสู้ได้ทัน

ผิงอวี้บาดเจ็บภายในและอยู่ดูแลฟู่หลันหยา ส่วนหลินจือเฉิงสุดท้ายก็โดนจับ

ผิงอวี้ป้องกันสำนักบูรพามาชิงตัว และในที่สุดก็พูดจนหลินจือเฉิงยอมร่วมมือด้วย สาเหตุเพราะต้องการแก้แค้นหวังหลิน ที่ทำให้บุตรธิดาตายในตอนนั้น และจะได้รับการอภัยจากหลินฮูหยิน ฟู่หลันหยา แอบมาฟังเรื่องราวจาหหลินจือเฉิงในอดีต จนรู้ว่าเป็นเพราะตัวเองทำให้ท่านแม่ถูกหวังหลิงหาพบ ต่อมาท่านแม่ก็ตายโดยยังไม่ได้สั่งเสีย ตอนนี้ท่านพ่อและพี่ชายยังโดนตั้งข้อหา ฟู่หลันหยาเสียใจมาก จากที่เข้มแข็งมาตลอดก็ล้มป่วยลง

ผิงอวี้กลัวว่าฟู่หลันหยาจะตาย หลังจากพามารักษาแต่เป็นเรื่องของจิตใจ ในที่สุดก็พูดจนทำให้ฟู่หลันหยาเข้มแข็งเพื่อสืบเรื่องราวในตอนนั้น และช่วยท่านพ่อและพี่ชาย สุดท้ายผิงอวี้ก็คิดได้ว่าไม่อาจตัดใจจากฟู่หลันหยา อยากให้นางอยู่อย่างเป็นสุข

ตอนนี้ผิงอวี้บอกเรื่องราว ไข่มุกถ่านเอ่อร์ที่แบ่งออกเป็นห้าส่วน ฟู่หลันหยาคิดถึงตำราโบราณ และบอกว่าน่าจะเกี่ยวกับเขาลูกนั้นในภาพ ส่วนที่ห้ายังไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ไหน แต่น่าจะอยู่กับพรรคมาร

เดินทางมาถึงจินหลิงทั้งสองก็ปรึกษากันถึงภาพวาด ผิงอวี้บอกว่าภูเขานั้นชื่อทัวทัวมู่เอ่อร์ที่อยู่ใกล้ศาลเจ้าโบราณ แต่ไม่อยากจะไปคิดถึงหมอผีที่จับตัวไปตอนนั้น

แล้วก็มีคนพบศพของคนนิกายเจาเยวี่ย แต่ที่เดากันน่าจะถูกคนอื่นฆ่าปิดปากเพราะรู้ความลับที่ไม่อยากให้รู้ ผิงอวี้ หลี่โยวคิดถึงเติ้งอันอี๋กันทั้งคู่

จวนบัญชาการทัพฝ่ายซ้ายเขตเจียงหนิง ลู่จื่อเชียนที่คิดว่าตัวเองไม่มีโอกาสอีกแล้วกลับมาหา พี่ใหญ่ของผิงอวี้ ผิงเฮ่อ

หลังอ่านเล่ม 2 :

เรื่องราวซับซ้อนตอนนี้คลี่คลายไปได้มากมาย จากการได้เบาะแสต่างๆ จากหลายคน หลายกลุ่ม ในที่สุดก็จะสาวได้ถึงต้อนตอ

ส่วนผิงอวี้ ใต้เท้าผิง หลังจากที่เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ จะรุกละนะ พี่จะดูแลเจ้าเอง ในที่สุดจริงๆ ฉากตอนผิงอวี้กับฟู่หลันหยาคือฮา และน่ารักมาก โดยมีแม่นมหลินเป็นคนที่รับรู้อยู่ข้างๆ แบบโดนโยนไปมาตลอด แต่รอดตายมารู้เหตุการณ์ทุกอย่าง มาอ่านต่อเล่ม 3 เลยค่ะ กำลังสนุก เข้มข้นทีเดียวเลย ห้ามพลาดเลยค่ะ

เล่ม 3 พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤษภาคม 2564

โปรยปกหลังเล่ม 3 :

หลังถูกผู้คนจากสำนักพรรคต่างๆ จู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่า

ปริศนาที่เลือนรางในคราแรกก็เริ่มกระจ่างชัด

แท้ที่จริงในยุทธภพมีข่าวลือถึง ‘สิ่งล้ำค่า’ ที่สามารถฟื้นคืนชีพคนตายได้

และ ‘ฟู่หลันหยา’ ก็ถูกลือว่าเป็นตัวเร่งยาที่จะทำให้สิ่งล้ำค่านั้นสัมฤทธิผล

การจู่โจมจึงเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า... โชคดีที่นางได้ ‘ผิงอวี้’ คอยคุ้มครองเป็นอย่างดี

 

สำหรับผิงอวี้แล้ว ยิ่งอยู่ใกล้ฟู่หลันหยามากเพียงไร

เขาก็ยิ่งรู้สึกหลงใหลต่อนางมากขึ้นเท่านั้น

ไม่ว่านางจะนิ่วหน้าหรือแย้มยิ้มล้วนดึงดูดใจเขาไว้ทุกชั่วขณะ

ลืมเลือนกระทั่งความแค้นเก่าก่อนของครอบครัว ทำให้เขารู้สึกละอายใจต่อบิดามารดายิ่งยวด

ทว่า... เรื่องละอายใจก็ส่วนเรื่องละอายใจ ในเมื่อเขาหวังมีนางเป็นภรรยาแล้ว

จะคู่หมั้นเก่าของนาง หรือเจ้าหนุ่มจากสำนักฉิน ก็อย่าได้หวังมาใกล้นางเด็ดขาด

คนที่แยก ‘ความรัก’ กับ ‘ความแค้น’ ได้ดีเพียงนี้ ช่างหาได้ยากนัก!

เล่ม 3 :

หวังซื่อเจา แอบตามหลี่โหยวเจี่ยนออกไป ผิงอวี้จัดการธุระต่างๆเรียบร้อยกำลังจะไปหาฟู่หลันหยา ก็โดนเรียกว่าพี่ชายใหญ่กลับมา ให้ตามตัว ออกมาก็ยังเจอเติ้งอันอี๋ แต่ก็ทำเป็นไม่เห็น ไปหาพี่ใหญ่ที่จวนผู้บัญชาการทัพ ผิงเฮ่อพูดเรื่องที่หวังหลิงพยายามจะให้ฝ่าบาทยกทัพทำศึกด้วยตัวเองต้อวหาทางทัดทาน กับเอาของที่ลู่จื่อเชียนฝากมาให้ผิงอวี้ พอผิงอวี้เห็นเป็นผ้าเช็ดหน้าปักกลอน ทั้งยังมีกลิ่นหอมที่ติดกายฟู่หลันหยาก็หึงอีก

กลับจวนคิดจะถามไม่ถาม สุดท้ายก็ทนไม่ไหว พอเอาออกมาให้ฟู่หลันหยาดู ฟู่หลันหยาก็โกรธ แล้วก็ปรับความเข้าใจกัน ตอนนี้ผิงอวี้อะไรก็ชอบจูบ ชอบอยู่กับฟู่หลันหยา

ผิงอวี้มาซื้อเสื้อผ้าให้ฟู่หลันหยา ทั้งยังซื้อไปเผื่อแม่นมด้วย แต่ของฟู่หลันหยาเลือกเองทั้งหมด ที่ไหนได้คือที่ร้านน้ำชาตรงข้ามมีคนมองอยู่ ก็คือจินหรูกุยเจ้าสำนักเจาเยวี่ยที่เป็นชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิง แต่ผิงอวี้ก็รู้ตัว

ผิงอวี้พาฟู่หลันหยาไปดูพระจันทร์ และพลอดรักกัน แต่เพราะเอะใจเรื่องเกี่ยวกับหลินฮูหยินที่ได้ยินก่อนหน้านี้ ว่ามาเร็วเกินไป พอส่งฟู่หลันหยากลับห้องก็ไปจัดการตรวจดู

จินหรูกุยบุกมาที่จวนโดยปลอมเป็นหลินฮูหยิน เพราะอยากจะทวงถามถึงศิษย์สำนักของตัวเองที่ตายไป ที่มีฐานะเป็นผู้รับบัญชา และยังถูกใจหน้าตาท่าทางของผิงอวี้อย่างมาก แต่ที่จริงคือมีคนปล่อยข่าวล่อให้มาที่นี่ ตอนนี้บุกเข้ามาก็เผชิญหน้ากับสำนักฉินและสำนักสิงอี้ ส่วนประมุขหงออกไปหาเหวินอี้หมิง เจ้าสำนักวั่นเหมยที่จะจัดงานชุมนุมชาวยุทธที่เจียงหนาน ยังส่งเทียบเชิญมาให้ผิงอวี้ด้วย

ตอนนี้ที่สำคัญคือพาฟู่หลันหยาไปที่ห้องลับในห้องหนังสือ แต่ตอนที่มาพาตัวไปต่อสู้กับจินหรูกุยและหลบไม่พ้นดาบติดปลายเท้าที่มีพิษ ตอนที่จะส่งฟู่หลันหยาเข้าห้องลับทำให้ฟู่หลันหยาสังเกตเห็นและเอายาแก้พิษให้กิน ห้องลับที่เข้าไปเป็นแค่พื้นที่เล็กๆหลังประตู เพราะไปที่ห้องลับใหญ่ไม่ทัน ทำให้ฟู่หลันหยาต้องนั่งตักผิงอวี้ ด้านนอกสู้กันครึกโครม ผิงอวี้ก็ยังคิดเรื่องที่ทำให้ด้ามดาบของตัวเองปรากฎออกมาอีกแล้ว คราวนี้หลบไปพ้น ฟู่หลันหยาคว้าหมับ ฮามาก ในที่สุดก็รู้ว่าไม่ใช่ด้ามดาบ หลังจากที่สงสัยมานาน ยาแก้พิษของฟู่หลันหยา ทำให้ผิงอวี้กำลังภายในเพิ่มขึ้น เพราะคิดถึงถ้าไม่มีใครปกป้องฟู่หลันหยาจะทำยังไง ยิ่งเปิดจุดชีพจรได้ดี

แล้วระหว่างนั้นประมุขหง พร้อมด้วยเหวินอี้หมิงกับเหวินเจิง บุตรชายก็ตามมาช่วยเหลือ ทั้งหมดช่วยกันจับจินหรูกุย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจับได้

เหวินอี้หมิงเสนอให้ใช้ฟู่หลันหยาเป็นเหยื่อล่อจินหรูกุยให้ออกมาในงานชุมนุมชาวยุทธ ผิงอวี้โกรธแต่ใช้ปากของหวังซื่อเจาปฏิเสธไป เหวินอี้หมิงก็ยังพยายามจะให้แผนนี้สำเร็จ

ฟู่หลันหยาคิดวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ว่าใครที่ควรมีไข่มุกถ่านเอ๋อร์

หลินฮูหยินตัวจริงมาถึง หลินจื่อเฉิงทำตามสัญญาเล่าเรื่องราวในตอนนั้นให้ฟัง ผิงอวี้ให้ฟู่หลันหยาแอบฟังได้ เรื่องราวในตอนนั้นเผยออกมา ทำให้รู้ว่าในเหตุการณ์มีทั้งฟู่ปิงที่โดนพิษ ท่านแม่น่าจะช่วยเอาไว้ ยังมีซีผิงโหวผู้เฒ่านำทัพมาปราบ แต่ก็ไม่รู้ว่าไข่มุกถ่านเอ๋อร์ส่วนที่ห้าอยู่ที่ใคร

วันชุมนุมชาวยุทธมาถึง ผิงอวี้วางแผนการเอาไว้ ว่าจะจัดการจินหรูกุยในงานชุมนุมชาวยุทธ ทั้งให้พี่ใหญ่ช่วยเหลือ ทั้งหมดเป็นไปตามแผนการ แต่ก็โดนขัดขวางอยู่ตลอด สุดท้ายเพราะเติ้งอันอี๋ที่พยายามมาอยู่ใกล้โลงศพของศิษย์สำนักเจาเยวี่ย ทำให้จินหรูกุยรู้ตัว เห็นฟู่หลันหยาตัวปลอม แต่เพราะต้องแสดงละคร ผิงอวี้เลยต้องตามน้ำ หันไปสนใจ เพราะมีพี่ใหญ่คุ้มกันอยู่

ทั้งนี้ยังได้รู้ความจริงเรื่องคนที่ลอบสังหารสาวกนิกายเจาเยวี่ยก็คือเหวินอี้หมิงเอง ผิงอวี้นึกว่าทุกเรื่องวันนี้จะเปิดเผยทั้งหมด รวมทั้งเรื่องคนที่ครอบครองไข่มุกถ่านเอ๋อร์ส่วนที่ห้าด้วย

แต่เพราะมีอยู่ช่วงที่ไม่ทันระวัง ในที่สุดจินหรูกุยก็รู้ตัว จับสังเกตได้ ใช้ระเบิดเพลิงโยนเข้าไปในโถงจัดงาน ทำให้ผิงอวี้ต้องรีบไปช่วยฟู่หลันหยา ตอนสู้กันก็โดนยาจินเซียวของนิกายเจาเยวี่ย ที่ถ้าไม่ปลดปล่อยจะตายได้ ถ้าได้ร่วมอภิรมย์กำลังภายในจะยิ่งเพิ่มพูน

ผิงอวี้อดทนจนถึงที่สุด สุดท้ายทนไม่ไหว ฟู่หลันหยาที่อยู่กับผิงอวี้ตลอดคิดว่าจะใช้ยาแก้พิษได้ แต่ครั้งนี้ไม่มีผล อีกทั้งผิงอวี้ช่วยตัวเองก็แล้วยังไม่สามารถแก้พิษได้ ฟู่หลันหยาที่ทั้งกลัว ทั้งตกใจจนต้องยอมผิงอวี้ ผิงอวี้ก็สามารถปลดปล่อย พอเสร็จยังหาข้ออ้างเพื่อจะได้มีอะไรกันอีก พอได้ใกล้ชิดกันแล้วยิ่งติดใจเข้าไปใหญ่ ในที่สุดความหน้าหนาของผิงอวี้ก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของฟู่หลันหยา จนถึงขนาดว่าเรื่องอย่างว่านี่ช่ำชองมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผิงอวี้ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงมาก่อน โดนเข้าใจผิดอย่างแรง  

ด้านนอกเพลิงลามไปทั่ว ทั้งยังคงต่อสู้กันอยู่ คราวนี้ผิงอวี้เรียกระดมผู้ใต้บังคับบัญชาองครักษ์เสื้อแพร และถามหาผงที่ทำให้ปากชา จะได้ปิดปากจินหรูกุย เฉิงเอ่อร์เซิงส่งให้ แถมยังถามว่าจะเอาไปปิดปากผู้ใดอีก ซื่อก็ซื่อ ฉลาดก็ฉลาดนะเนี่ย ทำเอาผิงอวี้อยากไล่อีกแล้ว

แล้วผิงอวี้ก็จัดการปิดปากจินหรูกุยไม่ให้พูดเรื่องยาเม็ดจินเซียวได้ ฟู่หลันหยาจะได้ไม่เสียชื่อเสียง ทั้งยังใช้คำพูดชี้นำจนทำให้จินหรูกุยรู้ว่าคนที่บงการเบื้องหลังคือใคร ก็มุ่งไปเล่นงานเติ้งอันอี๋ โดนการโยนระเบิดเพลิงใส่ ทำให้เติ้งอันอี๋และพวกองครักษ์ต้องหนีลงน้ำ กระบวนท่าที่เติ้งอันอี๋ใช้เป็นแนวทางของนิกายเจิ้นหมัว ที่สำนักฉินและสำนักสิงอี้ล้วนดูออก เวลานี้ทุกคนก็พอคาดเดาฐานะของเติ้งอันอี๋ได้แล้ว

เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่อง ลู่จื่อเชียนที่อยู่ในงานพอเห็นฟู่หลันหยาปลอดภัยก็จะเข้ามาหา จินหรูกุยกระโดดถีบแต่โดนของที่อยู่ตรงหน้าอกช่วยชีวิตไว้ ทุกคนรู้แล้วว่าไข่มุกถ่านเอ๋อร์ชิ้นสุดท้ายอยู่ที่ใคร ผิงอวี้ก็รีบไปช่วยฟู่หลันหยา แทงจินหรูกุยจากด้านหลัง ฟู่หลันหยาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ตกใจจนสลบไป

ฟื้นขึ้นมาก็ได้ผิงอวี้พามาหาหมอหญิงตรวจรักษา หลังจากพลอดรักกัน ผิงอวี้หน้าหนาทายาให้แล้วก็กลับคฤหาสน์

เรื่องราวในตอนนั้นฟู่หลันหยาค่อยมารู้ว่าจินหรูกุยยังไม่ตายแต่พิการ แต่มีเรื่องใหญ่กว่านั้น คือฮ่องเต้จะนำทัพไปปราบหยวนเหนือ นำทัพขึ้นเมืองเซวียนฝู่

ผิงอวี้วางแผนให้ลู่จื่อเชียนเผยไข่มุกถ่านเอ๋อร์ออกมา และปลาก็ฮุบเหยี่อเรียบร้อย

หลังอ่านเล่ม 3 :

เล่มนี้เรียกได้ว่าเดินเรื่องได้เร็ว ความจริงที่ซ่อนอยู่คลี่คลายมากมาย ผิงอวี้ในที่สุดก็ได้หวานกับฟู่หลันหยา และอีกเรื่องก็คือ ยังมีปริศนาสุดท้าย ศึกสุดท้ายให้ต้องเผชิญ อยู่ที่นอกด่านนั้นเอง เรื่องราวจะลงเอยยังไง ต้องติดตามในเล่มจบค่ะ

เล่มนี้เรียกได้ว่า บทหวานเยอะมาก ฟู่หลันหยาได้รู้ซะทีว่าด้ามดาบคืออะไร แล้วใช้เพื่ออะไร ทั้งเขินทั้งอายทีเดียวค่ะ 

เล่ม 4 พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤษภาคม 2564

โปรยปกหลังเล่ม 4 :

หลังถูกผู้คนจากสำนักพรรคต่างๆ จู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่า

ปริศนาที่เลือนรางในคราแรกก็เริ่มกระจ่างชัด

แท้ที่จริงในยุทธภพมีข่าวลือถึง ‘สิ่งล้ำค่า’ ที่สามารถฟื้นคืนชีพคนตายได้

และ ‘ฟู่หลันหยา’ ก็ถูกลือว่าเป็นตัวเร่งยาที่จะทำให้สิ่งล้ำค่านั้นสัมฤทธิผล

การจู่โจมจึงเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า... โชคดีที่นางได้ ‘ผิงอวี้’ คอยคุ้มครองเป็นอย่างดี

 

สำหรับผิงอวี้แล้ว ยิ่งอยู่ใกล้ฟู่หลันหยามากเพียงไร

เขาก็ยิ่งรู้สึกหลงใหลต่อนางมากขึ้นเท่านั้น

ไม่ว่านางจะนิ่วหน้าหรือแย้มยิ้มล้วนดึงดูดใจเขาไว้ทุกชั่วขณะ

ลืมเลือนกระทั่งความแค้นเก่าก่อนของครอบครัว ทำให้เขารู้สึกละอายใจต่อบิดามารดายิ่งยวด

ทว่า... เรื่องละอายใจก็ส่วนเรื่องละอายใจ ในเมื่อเขาหวังมีนางเป็นภรรยาแล้ว

จะคู่หมั้นเก่าของนาง หรือเจ้าหนุ่มจากสำนักฉิน ก็อย่าได้หวังมาใกล้นางเด็ดขาด

เล่ม 4 :

ในที่สุดก็ได้รู้เรื่องราวจากลู่จื่อเชียน ส่วนอื่นๆก็เอามารวมกัน แต่ที่ผิงอวี้คิดคือ ตอนนั้นผู้คุมกฎขวาจ้องมาที่จวนซีผิงโหว แล้วได้ทำอะไรไว้หรือไม่ เรื่องราวทั้งหมดรวมกัน และก็ต้องเตรียมเดินทางเพื่อไปทำศึก ครั้งนี้มีพวกชาวยุทธ์ตามไปด้วยเพื่อปกป้องรากฐานของแผ่นดิน ผิงอวี้วางแผนอย่างดี

พอออกเดินทาง ก็ได้พบการดักรอของหวังซื่อเจาและขันทีคนสนิทของหวังหลิง เพื่อจะชิงไข่มุกถ่านเอ๋อร์ทั้งหมด แต่สุดท้ายก็แพ้ไปทั้งหมด ศพทั้งหนึ่งร้อยแปดของขันทีเป็นการทำเพื่อแม่ทัพที่พลีชีพอยู่แนวหน้า

ผิงอวี้เดินทางอ้อม เพราะฮ่องเต้ถูกปิดล้อม รอเพียงข่าวเดียว และยังได้พี่ใหญ่กับแม่ทัพหรงมาช่วย ทั้งหมดจะไปรอหวังหลิงร่วมกัน ระหว่างทางผิงอวี้พยายามไม่พบหน้าฟู่หลันหยา แต่พอมีโอกาส เป็นต้องวางยาแม่นมหลิน และมาพลอดรักกัน มีคนที่สังเกตได้และหึงคือองครักษ์ลับหญิงเยี่ยเจินเจิน ที่โดนไล่ไปตั้งแต่ครั้งปลอมตัวเป็นฟู่หลันหยา และเติ้งเหวินอิ๋งที่ยังไม่ยอมตัดใจ องครักษ์ลับหญิง พูดหน้ากระโจมจนทำให้ฟู่หลันหยารู้เรื่องว่าผิงอวี้เคยหมั้นกับเติ้งเหวินอิ๋ง แต่ที่โกรธคือไม่บอกเรื่องในอดีตเลย

ฟู่หลันหยาออกมาตามที่ผิงอวี้จัดการ แต่เพราะผิงอวี้รู้เรื่องที่เยี่ยเจินเจิน ใส่ไฟเอาไว้แล้ว จากการบอกเล่าของหลี่หมินและเฉินเอ่อร์เซิง ที่ฟู่หลันหยาโกรธคือไม่รู้ว่าที่ผิงอวี้ชำนาญด้านนี้ที่บ้านมีใครอีก ไม่เคยบอกเลย เรื่องของเติ้นเหวินอิ๋งยังเข้าใจได้ เพราะนิสัยของผิงอวี้ที่ขอแต่งงานย่อมไม่ทำอะไรที่ไม่แน่ใจเด็ดขาด พอรู้เรื่องที่จะมีนางคนเดียว หลังจากนี้ก็ไม่มีใครอื่นฟู่หลันหยาก็สบายใจ และยังโดนผิงอวี้จัดการอีกครั้ง คราวนี้ดีกว่าครั้งก่อน แถมผิงอวี้ยังมีกำลังภายในเพิ่มแต่ไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อย

หวังหลิงได้ข่าวของขันทีคนสนิท และรู้ว่าพวกผิงอวี้เดินทางไปริมแม่น้ำเสวียนฮั่น เพื่อหาทางเข้าศาลเจ้าโบราณ หวังหลิงก็แสร้งทำเป็นตามทัพที่แตกพ่ายของถ่านปู้ข่านตามมาอย่างเร็ว ระหว่างทางหวังซื่อเจามาสมทบ และได้บอกเล่าสถานการณ์ของผิงอวี้ ทำให้หวังหลิงเอาชื่อของฟู่หลันหยาไปพูดต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ให้พระองค์เกิดความลุ่มหลง

พวกผิงอวี้เดินทางมาถึงริมแม่น้ำเสวียนฮั่นในจุดที่คิดว่าใช่ เพราะด้านหลังมีภูเขาทัวทัวมู่เอ๋อร์ตามภาพ แต่หายังไงก็ไม่เจอค่ายกลที่ทำให้ศาลเจ้าโบราณปรากฏ เป็นฟู่หลันหยาที่เอาตำราโบราณของท่านแม่ออกมาดู แล้วเห็นจุดน่าสนใจ เลยเรียกผิงอวี้มา ผิงอวี้ที่กำลังสำรวจพอได้เห็นภาพก็คิดออก

ศาลเจ้าโบราณปรากฏขึ้นมา หวังหลิงรีบตามมาแล้วกล่าวหาว่าเป็นทัพกบฏ ส่วนผิงอวี้ที่สำรวจด้านในจนรู้ว่าชั้นล่างมีศพของข่านที่รวบรวมแผ่นดินเมื่อร้อยปีก่อนอยู่ และได้เห็นภาพวาดที่เค้าหน้าคล้ายหวังหลิง ก็รู้ว่าคือบรรพบุรุษของหวังหลิง แต่ฟู่หลันหยากลับจับจุดสังเกตได้

ผิงอวี้ออกมายับยั้งว่าจะเผาศาลโบราณเพื่อทำลายศพข่านด้านใน ความจริงหวังหลิงไม่มีความสนใจเพราะตัวเองแอบอ้าง แต่ต้องยืมกำลังพลเหมิงกู่เพื่อก่อกบฏยังไงก็ทำไม่ได้ หวังหลิงโดนเปิดโปงว่าไม่ใช่ชาวฮั่น เป็นชาวต๋าจื่อ พอเรื่องเปิดเผยทุกอย่างก็ลงตัว หวังหลิงรีบจับตัวฮ่องเต้เป็นตัวประกันหวังจะฝ่าวงล้อม มีผิงอวี้กับฉินเยี่ยนซูไล่ตามเพราะได้กินยาชื่ออวิ๋นที่เป็นดาวพิฆาตวิชาเบญจพิษ หวังซื่อเจาก็ได้ยินว่าคนฝึกวิชาเบญจพิษจะกลายเป็นคนไร้สามารถด้านบุรุษเพศก็ทำเอาบ้าดีเดือด อยากจัดการหวังหลิงอีกคน

ผิงอวี้สังเกตการณ์เคลื่อนไหวของหวังหลิงรู้ว่ากองกำลังเหมิงกู่ที่สวามิภักดิ์จะก่อกบฏก็ได้เตรียมการไว้ ทำทุกอย่างขัดขวางแผนของหวังหลิงได้ตลอด จนชิงตัวฮ่องเต้กลับมาได้ ทหารเหมิงกู่เตรียมระเบิดฆ่าตัวตายพร้อมทุกคน แต่ฟู่หลันหยาได้ส่งคนมาบอกว่าภาพวาดปลอมทั้งวิธีพิสูจน์ ในที่สุดก็เปิดโปงแผนการอีกอย่างได้

ผิงอวี้ ฉินเยี่ยนซู ช่วยกันจับตัวหวังหลิง มีหลินจือเฉิงคอยบอกจุดอ่อนอยู่ไม่ห่าง สุดท้ายหวังหลิงก็เสียท่าจนได้ ยังมีช่วงเวลาที่หวังหวังถูกจับแล้ว ผิงอวี้ไปช่วยฉินเยี่ยนซูที่อ่อนแรง ทำให้หวังหลิงหลุดออกมา เกือบจะไปกัดกินเลืดของหลินจือเฉิงที่อยู่ใกล้ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่หลินจือเฉิงพร้อมแล้ว เสียอย่างเดียวคือฮูหยินกลับมาเห็น ดีที่ผิงอวี้มาช่วยไว้ได้ทัน ทั้งสองสามีภรรยาได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง

หวังหลิงถูกจับ ธาตุไฟเข้าแทรก ต้องกินเลือดเท่านั้นจึงหาย ผิงอวี้เลยสามารถสอบสวนจนได้รู้ว่าถ่านปู้ข่านวางกำลังอยู่ไหน และได้รู้ความจริงในอดีตทั้งหมด โดยมีฟู่หลันหยาร่วมรับฟังอยู่ด้วย ทำให้รู้ความจริงตอนนั้นว่ามารดาถูกคุณไสยของนิกายเจิ้นหมัว เลยฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้บุตรทั้งสองโดนคุณไสยไปด้วย เรื่องนี้สะเทือนใจฟู่หลันหยามาก และเพราะหวังหลิงถ่วงเวลา กว่าจะรู้ตัวหวังหลิงคิดจะให้ทุกคนตายไปพร้อมกับศาลเจ้าที่พังถล่ม แต่ผิงอวี้รู้ทัน หนีออกมาได้ทันเวลา

เติ้งอันอี๋รู้ว่าจะเสียเวลาอีกไม่ได้ เลยส่งเติ้งเหวินอิ๋งมาที่ค่ายของผิงอวี้ ตัวเองวางแผนจะช่วงชิงทีเผลอ สุดท้ายก็ยังถูกจับกุม

เยี่ยเจินเจินที่ถูกจับตามอง ได้พบฮ่องเต้ที่ริมแม่น้ำ เพราะการบอกเล่าของหวังหลิงก่อนหน้านี้ทำให้ เยี่ยเจินเจินต้องตาฮ่องเต้มากจนได้ไปปรนนิบัติฮ่องเต้ ทั้งตัวเองยังมีแผนการร้าย อยากกำจัดฟู่หลันหยา ยังคอยกระซิบเรื่องที่ตัวเองมีรูปร่างเหมือนฟู่หลันหยา

ทัพหมิงออกไปสู้กับถ่านปู้ข่านได้รับชัยชนะ ผิงอวี้สังเกตเห็นอาการของฮ่องเต้คิดอยากใช้ยาของฟู่หลันหยาในการรักษา และไปสอบสวนผู้คุมกฎซ้ายที่ตอนนี้หยงอันโหวรู้แล้วว่าเติ้งอันอี๋เป็นตัวปลอม

ผู้คุมกฎขวาไม่ยอมบอกว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของจวนซีผิงโหวในตอนนั้นอย่างไร แต่ก็เดาได้

ในตอนที่ฮ่องเต้อยู่ตามลำพังกับเยี่ยเจินเจิน มีงูพิษบุกเข้ามา มีช่วงเวลาหนึ่งที่เยี่ยเจินเจินคิดหนีเอาตัวรอด ฮ่องเต้ก็สังเกตเห็น จากนั้นผิงอวี้ก็บุกมาช่วย สกัดงูพิษไว้ แต่ยังมีตัวหนึ่งที่กัดฮ่องเต้ได้ ผิงอวี้คิดว่าเป็นโอกาสที่จะใช้ยาแก้พิษของฟู่หลันหยา เพื่อช่วยฟู่ปิงและบุตรชายไปด้วย

กำลังจะส่งคนไปขอยา ก็เกิดเหตุทางด้านผิงเฮ่อ ทำให้มีสองชีวิตที่ต้องช่วย ดีที่เหลือยาสองเม็ด ฟู่หลันหยาตัดสินใจได้ทันที และได้รู้ในภายหลังว่าคือฮ่องเต้และผิงเฮ่อ

หลังฮ่องเต้ฟื้น อาการปวดหัวก็หายไปด้วย ทำให้รู้ว่าตัวเองโดนวางยา และนึกชังเยี่ยเจินเจิน ตอนแรกอยากพบหน้าฟู่หลันหยา แต่พอคิดถึงเยี่ยเจินเจินเลยเปลี่ยนใจ ซึ่งตรงใจผิงอวี้พอดี คดีของฟู่ปิงได้รับการสะสางใหม่

กลับเมืองหลวงพร้องชัยชนะ ผิงอวี้จัดการทุกอย่าง หลอกฟู่หลันหยาเรื่องฟู่ปิง แต่ความจริงได้ให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า

ผิงอวี้ได้รับตำแหน่งโหว และได้สมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ สกุลเติ้งตกต่ำ ในที่สุดก็ได้แต่งงานกับฟู่หลันหยา คืนก่อนแต่งงาน ฟู่หลันหยาถามเรื่องคาใจที่แม่นมหลินจำผู้คุมกฎซ้ายได้ว่าเห็นเข้าร้านเครื่องประดับกับบิดา ฟู่หลันหยาเอาเรื่องที่บิดาเล่ามารวมกับเรื่องทั้งหมดก็ได้ความว่าท่านแม่รู้ความจริงเรื่องคุณไสยเลยหาทางแก้โดยไม่ให้ใครรู้

หลังแต่งงาน ฟู่หลันหยาตัดสินใจ ให้ผิงอวี้พาไปทิ้งไข่มุกถ่านเอ๋อร์ไม่ให้มีใครพบเห็นอีก

แปดปีให้หลังบุตรของทั้งคู่ แข็งแรงตัวใหญ่ พลังมากกว่าเด็กทั่วไป ในที่สุดก็ได้พบสหายเก่าจากการปราบปรามวอเค่อ และได้รู้ข่าวจากฉินหย่งว่าหลินจือเฉิงหลังคืนดีกับฮูหยินก็มีบุตรคนหนึ่ง และฟื้นฟู่สำนักขึ้นมาใหม่ ลูกของฉินเยี่ยนซูก็ตัวใหญ่เหมือนสามพี่น้อง

หลังอ่านเล่ม 4 :

เรื่องราวถึงบทสรุปสุดท้าย ปมเรื่องทั้งหมดเฉลยออกมา เรื่องนี้เล่าได้ดีที่ไม่มีการเผยเรื่องราวออกมาก่อน แต่เป็นการรู้จากความทรงจำ รายละเอียดต่างๆ ปมเรื่องต่างๆจะค่อยๆเปิดเผยออกมากเรื่อยๆ

เส้นเรื่องอยู่ที่การเดินทางของฟู่หลันหยาและผิงอวี้ ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน จนเกิดเป็นความรักที่ไม่อาจพรากจาก ตัวละครมีพัฒนาการในทุกด้าน จากการบรรยายของนักเขียน ต้องอ่านเก็บรายละเอียดให้ดี จะพบว่าสอดแทรกอยู่ตลอดเรื่องราวค่ะ

พออ่านจบรู้สึกว่าพระเอกอี้ที่รักหน้าหนามากๆๆๆๆ เหล่าองครักษ์คนสนิทก็ไม่ได้ซื่อนะคะ แต่ละคนฉลาดมากล่ะ มีทั้งบทซึ้ง ฮา ขำ แนะนำให้อ่านค่ะ

เนื้อเรื่อง :

หวังหลิงขันทีข้างพระวรกายฮ่องเต้ วางแผนกำจัดฟู่ปิงด้วยเหตุผลบางอย่างที่มีจุดประสงค์อยู่ที่ฟู่หลันหยาบุตรีของฟู่หลันหยา เมื่อต้องทำการตรวจยึดทรัพย์และคุ้มกันผู้ตรวจการอวิ๋นหนานคนใหม่ แผนการที่วางไว้ว่าจะให้ หวังซื่อเจา ที่เป็นรองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ที่เป็นหลานนอกไส้ และสนใจในตัวฟู่หลันหยา เกิดความรู้สึกผิดหวัง เพราะฮ่องเต้ได้มอบหมายให้ผิงอวี้ที่เป็นผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรเป็นหัวหน้าในการจัดการ ถึงจะแค้นแต่หวังซื่อเจาก็ไม่ผิดหวังเท่าไหร่ เพราะรู้มาว่าตอนที่ผิงอวี้ และคนจวนซีผิงโหวถูกเนรเทศไปเซวียนฝู่เป็นเพราะฟู่ปิง และผิงอวี้ยังมีอดีตที่ไม่น่าจดจำเกี่ยวกับสตรี เพราะหมอผีนอกด่านอีก

ฟู่หลันหยารู้สึกว่าที่บิดาเดินทางเข้าเมืองหลวงผิดปกติ เพราะตัวเองฝันร้ายตลอด ทั้งข่าวสารถูกปิดกั้นคืนนั้นเลยให้แม่นมหลินนำของที่มารดาทิ้งไว้ให้ออกมามียาพิษ ยาแก้พิษและตำราโบราณ และก็เป็นตอนที่เหล่าองครักษ์เสื้อแพรมาบุกยึดทรัพย์ และนำตัวบุตรีขุนนางต้องโทษกลับเมืองหลวงพอดี ฟู่หลันหยา คิดวิเคราะห์จนรู้ว่าพ่อบ้านต้องโดนซื้อตัวแต่ไม่รู้ว่าใคร เพื่อไม่ให้ก่อความวุ่นวายจึงวางยา

ผิงอวี้เห็นและรู้ แต่เพราะความอคติที่มีต่อฟู่ปิง จึงไม่ใส่ใจ การเดินทางเริ่มขึ้น ในราชสำนักมีการเปลี่ยนแปลง คนของสำนักบูรพาของหวังหลิงคอยติดตาม ผิงอวี้คอยจับตามอง เพื่อหาจุดอ่อนเล่นงานหวังหลิงอยู่แล้ว

การเดินทาง ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะมีสำนักพรรคมารต่างๆเข้ามาบุกหาเพื่อชิงตัวเร่งยา และไข่มุกถ่านเอ๋อร์ การเดินทางจากอวิ๋นหนานขึ้นเหนือไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องเผชิญกับเรื่องราวมากมาย

หนึ่งในนั้นคือท่าทีของพระเอก ผิงอวี้ที่เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เพราะตัดใจไม่ได้ ปล่อยวางความแค้นไม่ได้ แต่ก็ประทับใจในตัวฟู่หลันหยา

เรื่องราวไม่จบง่ายๆเพราะหวังหลิงไม่เพียงทำให้ยุ่ง ยังยุให้ฮ่องเต้นำทัพออกมาสู้ศึก เป็นเรื่องให้ผิงอวี้ต้องเดินทางไปช่วย และเรื่องราวก็คลี่คลายได้ที่นอกด่าน

ทั้งเรื่องเป็นการเดินทาง ต่อสู้ ของผิงอวี้และฟู่หลันหยา ที่มีเหล่าชาวยุทธ์ และพรรคมารหมายแย่งชิงของสำคัญอย่างไข่มุกถ่านเอ๋อร์ มาร่วมติดตามว่าไข่มุกถ่านเอ๋อร์ใช้ทำอะไร อยู่ที่ใครบ้าง และสุดท้ายจะอยู่กับใคร และผิงอวี้กับฟู่หลันหยาจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาด้วยกันขนาดนี้

หลังอ่าน :

เส้นเรื่องคือการเดินทางของฟู่หลันหยาและผิงอวี้ เรื่องราวต่างๆจะเผยออกมาในแง่ของความทรงจำจากบุคคลต่างๆในเรื่อง ทิ้งเป็นเบาะแสไปถึงปมเรื่อง ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะอะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

ฟู่หลันหยาฉลาด ช่างคิด แต่ติดตรงที่นางช่างสงสัยในด้ามดาบที่เผลอโดนหลายครั้ง

ผิงอวี้ต้องต่อสู้กับตัวเองจนปล่อยวาง ตัดสินใจได้ในที่สุด

เรื่องนี้มีทั้งขำ ฮา ซาบซึ้ง และบอกให้รู้ถึงการปล่อยวางเพื่อเริ่มต้นใหม่ เรื่องราวไม่ได้เฉลยง่ายๆ แต่ต้องสังเกตจากความคิดของบุคคลรอบข้างที่จะเฉลยปมเล็กๆออกมา เล่ม 1 เล่ม 2 หวานน้อย มาชดเชยที่เล่ม 3 เล่ม 4 ที่จัดเต็มมากๆ เป็นเรื่องที่น่าอ่านเรื่องหนึ่งเลยค่ะ #รัตติกาลซ่อนกล #มากกว่ารักเล่มนี้แจ่ม

16/7/64