Tuesday, June 15, 2021

#ผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า...คือข้าผู้เดียว #7เล่มจบ #มากกว่ารัก #นิยายแปลจีนแนวโบราณ #เทพเซียน #สัตว์อสูร #ฝึกยุทธ์ #ตระกูลสิบแปดมงกุฎ

 Review 16/2564

เรื่อง : ผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า...คือข้าผู้เดียว (7 เล่มจบ) #นิยายแปลจีนแนวโบราณ #เทพเซียน #สัตว์อสูร #ฝึกยุทธ์ #ตระกูลสิบแปดมงกุฎ #ตระกูลนักปกครอง

ผู้แต่ง : เอ๋อเหมย

ผู้แปล : ถังเจวียน

สำนักพิมพ์ : แจ่มใส (มากกว่ารัก)

จำนวนหน้า : 464 + 448 + 448 + 456 + 456 + 448 + 544 หน้า

เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2564

โปรยปกหลังเล่ม 1 :

สกุลซูแห่งถ้ำพันจิ้งจอกคือตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งในแวดวงสิบแปดมงกุฎ

เมื่อซูเพียนจื่อต้องกลายเป็นคนสกุลนี้แต่มิอาจฝึกวิชาได้ นางจึงเป็นเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้น

ทว่าใครจะคิดว่าวันหนึ่งขยะไร้ค่ากลับเฉิดฉันเป็นที่หนึ่งในดินแดน

มิหนำซ้ำนางยังได้ชื่อว่าเป็นเนื้อคู่ตามดวงชะตาของบุรุษผู้เป็นทายาทฝ่ายธรรมะอีกด้วย

 

เจิ้งเฮ่าอี้ไม่มีทางเชื่อคำทำนายที่ตนจะมีคู่ครองเป็นนักต้มตุ๋นเช่นนี้

เนื้อคู่ของเขาจะต้องมาร่วมกอบกู้หายนะวันสิ้นพิภพร่วมกับเขามิใช่หรือ

จะมาจากตระกูลที่เป็นเจ้าของวิชากลลวงล้ำเลิศไปได้อย่างไรกัน

 

แต่ภารกิจที่ซูเพียนจื่อได้พบเจอกลับทำให้เขาและนางได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

นี่ก็คือลิขิตของสวรรค์เบื้องบน ทว่าให้ฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรมมาอยู่ร่วมกันเช่นนี้

เฮอะ คงมีแต่ต้องพังพินาศไปข้างหนึ่งเสียมากกว่ากระมัง!

เล่ม 1 :

ดินแดนพันเมฆา มีปราชญ์หยั่งรู้นับไม่ถ้วน ตำหนักลิขิตฟ้า ปู่เฉินอวี่ ทายาทรุ่นที่สามสิบหกของตระกูลเทวพยากรณ์ เรียกสหายสนิท เจิ้งเฮ่าอี้ ตระกูลนักปกครองมาพบ เพราะมีเรื่องจะบอก ว่าวันสิ้นพิภพกำลังจะมาถึงขอเพียงเจิ้งเฮ่าอี้เดินทางไปทางตะวันตกสามร้อยหลี่ จะพบเนื้อคู่ตามดวงชะตา เพราะเป็นเพื่อนสนิท ทั้งสองคนเลยมองกันออก คนหนึ่งหลอกให้หลงเชื่อ อีกคนก็มองเล่ห์กลออก แต่สุดท้ายก็ยังยอมไปตามคำบอกของสหาย

เวลาเดียวกัน อีกมิติเวลาหนึ่ง ซูเพียนจื่อปีนข้ามอารามเต๋ามายังสระขอพร เพราะตอนกลางวันทำสร้อยคอจี้ไม้แกะสลักที่เป็นของที่ระลึกหนึ่งเดียวถึงพ่อแม่ตกลงไป ตอนนี้ถึงได้เข้ามาเอาคืน เพราะเป็นเด็กกำพร้าจึงโดนมองเป็นขยะ และไม่มีความน่าเชื่อถือ ตอนนี้ได้แต่แอบกลับมาเอาเอง ระหว่างที่เก็บจี้ไม้แกะ ถูกพบเห็น ตอนนั้นเองพลันมีรัศมีสีม่วงห่อหุ้มเอาไว้

พอฟื้นขึ้นมาสิ่งที่แตกต่างคือเส้นผมที่ยาวขึ้น แล้วก็พบม้ามีปีก คนแต่งชุดโบราณ บอกว่าที่นี่คือดินแดนพันเมฆา บอกว่าซูเพียนจื่อคือชาวสวรรค์ ขอดูแขนซ้าย พอเห็นว่าเป็นรูปเมฆมงคลที่ไม่มีสี ก็บอกว่าเป็นชาวสวรรค์ที่ถูกริบคุณสมบัติไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ เป็นได้แค่ขยะ คำนี้ซูเพียนจื่อได้ยินบ่อยจนชินแล้ว คนทั้งกลุ่มจากไป ต่อมายังมีหนุ่มน้อยชุดดำ คือเจิ้งเฮ่าอี้ที่แอบดูอยู่ออกมา แต่แค่รูปลักษณ์ของเจิ้งเฮ่าอี้ก็ทำเอาซูเพียนจื่อตะลึง ส่วนเจิ้งเฮ่าอี้ก็มีภาพจำว่าซูเพียนจื่อเป็นพวกคนคลั่งบุรุษ

เจิ้งเฮ่าอี้ที่แอบดู ขอดูแขนขวาของซูเพียนจื่อ พอเห็นก็มีแต่ความเยียบเย็น บอกว่าวันหน้าถ้ารู้ว่ากระทำผิดคิดชั่ว ข้าจะไม่ละเว้นเจ้าอีก แล้วก็สะบัดหน้าจากไป ทำเอาสาวน้อยโมโห

แล้วก็มีม้าบินที่สีตุ่น เนื้อตัวสีเหลืองโคลนปรากฏตัว เป็นม้าที่ขี้เหร่มาก แต่ดวงตาดำขลับกระจ่างใส มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง มาถึงก็บอกว่าตัวเองเป็นอาชาเทพ และบอกว่าจะพากลับบ้าน ที่แท้สิ่งที่เจิ้งเฮ่าอี้เห็นคือสัญลักษณ์สกุลซูแห่งถ้ำพันจิ้งจอก แล้วก็ได้รู้เรื่องราวของดินแดนพันเมฆา ได้รู้ว่าตัวเองเป็นคุณหนูเจ็ดที่หายไปจากจี้ไม้ที่มีอยู่ แล้วก็รู้ว่าสกุลซูคือตระกูล สิบแปดมงกุฎ บอกว่าบิดาคือบุตรชายคนเล็กของประมุขซู ซูหู่หลี่ แล้วก็ว่าตามกลับถ้ำพันจิ้งจอกก็จะพบเอง แล้วก็ให้เอามือขวามา กัดเพื่อสาบานรับเป็นนาย ให้ตั้งชื่อให้ ซูเพียนจื่อ ตั้งชื่อให้ว่าฝูอวิ๋น

ฝูอวิ๋นพาซูเพียนจื่อกลับถ้ำพัยจิ้งจอก ระหว่างทางยังได้ช่วยสองพี่น้องเด็ดกำพร้าเอาไว้จากสัตว์อสูรที่มาบุกอำเภอเล็กๆที่มาเข้าพักด้วย

ในที่สุดก็กลับมาถึงถ้ำพันจิ้งจอก ได้พบท่านประมุข ที่เป็นท่านปู่ นาม ซูถิงหยวน ผู้อาวุโสใหญ่หาน และได้บอกว่าที่แขนตัวเองไม่มีสีสัน เท่ากับไม่มีพรสวรรค์เชิงยุทธ์

มาถึงซูเพียนจื่อก็ได้เพื่อนสนิทหนึ่งคนคือ ซูเจินเจิน แล้วก็โดนคนหมายเล่นงานหาว่าเป็นขยะก็คือซูม่านม่าน ศิษย์ระดับมีการสอบย่อยยี่สิบสนาม สิบห้าสนามล้วนเป็นการท่องจำตามตำรา ซูเพียนจื่อที่เป็นเด็กนักเรียนต้องท่องตำรา แค่สนามสอบแรกก็ได้คะแนนเต็ม สิ่งที่ซูเพียนจื่อต้องทำคือเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ระดับสูงเพื่อตามหาของสำคัญชิ้นที่สามของสกุลซู ที่มีอานุภาพที่สุดลึกลับที่สุด ที่บิดาใช้ในการปิดผนึกพรสวรรค์ของซูเพียนจื่อ คนสกุลซูเรียกมันว่า ไร้นาม

ซูป๋ออวิ๋น ศิษย์คนโตของผู้อาวุโสใหญ่หาน ที่มีความสามารถเชิงยุทธ์ เห็นอาจารย์ให้ความสนใจซูเพียนจื่อ และรู้ว่าเป็นบุตรสาวของซูหู่หลี่ก็สนใจ

สนามสอบที่สิบห้า ซูเพียนจื่อได้พบซูเทียนหวาเป็นครั้งแรก แรกก็ทำให้ซูเทียนหวาไม่ได้อันดับหนึ่งอีก ทำให้เกิดความริษยา ซูม่านม่านที่สนิทกันออกความคิด ให้หาทางกำจัดซูเพียนจื่อจากคนข้างเคียง เลยไปเล่นงานเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว ซูเจินเจินผิดใจกับซูเพียนจื่อ แต่ซูเพียนจื่อก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ยังเดินหน้าสอบต่อไป จนถึงสนามที่ยี่สิบ

ผู้อาวุโสสาม สี่ ห้า กลับมาพร้อมเรื่องราวภายนอก ประมุขสกุลซูเล่าเรื่องราว ที่อายุขัยเหลือไม่มากเพราะใช้ของวิเศษ ตอนแรกจะตามหาซูหู่หลี่และภรรยา แต่กลับไม่เห็น เห็นหายนะของสกุล และยังมีทางรอด แต่ก็มองไม่ชัด เลยตัดสินใจให้ศิษย์ระดับกลาง และระดับสูง เจข้าคลังสมบัติ เอาสมบัติออกมาได้หนึ่งชิ้น แล้วให้ไปทำภารกิจหลอกเอาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายธรรมะ ถ้าสำเร็จจะได้รับคันฉ่องมายาจันทร์เทพ คทาเทพลวง แล้วก็ตำแหน่งประมุข เรื่องแค่นี้ยังไม่ได้บังคับให้ได้รับการยอมรับจากไร้นามวัตถุศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูล แต่ซูเพียนจื่อสิที่ต้องการตามหาไร้นามมากมาตลอด

ด้านซูเพียนจื่อที่สนามสอบที่ยี่สิบ ซูม่านม่านยังวางแผนให้ผู้เข้าสอบคนหนึ่งคือ หลี่เฮ่าใช้แผนสกปรกลอบสังหารซูเพียนจื่อ ซูเพียนจื่อศึกษาในป่าร้อยสัตว์ด้านหลังเป็นอย่างดี เลยคิดจะไปหาหมีสีน้ำตาลขนทองเพื่อหลบซ้อนอาศัยบารมี ในถ้ำหมี นางยังค้นพบดอกซวีหมี ที่เป็นของวิเศษเก็บทรัพย์ ซูเพียนจื่อได้ดอกซวีหมี ทั้งยังเก็บหมีสีน้ำตาลขนทองทั้งสองตัวมาด้วย

ซูเพียนจื่อได้คะแนนเต็มจากทุกสนามสอบ เป็นคนแรกที่ทำคะแนนเต็มในการสอบย่อยของศิษย์ระดับต้นได้ทั้งยี่สิบสนาม แล้วก็ได้ข่าวดีว่าอีกสามวันศิษย์ระดับกลางและระดับสูงจะได้เข้าคลังสมบัติ

ซูเพียนจื่อเข้าคลังสมบัติเป็นกลุ่มสุดท้าย ซูป๋ออวิ๋นก็สลับกลุ่มมาอยู่กับซูเพียนจื่อ พอเข้าไปเสียงเรียกร้องที่ได้ยินมาตลอดก็หยุดเมื่อซูเพียนจื่อหยิบกำไลแขนเจ็ดดารา ผู้มีวาสนาย่อมได้ครอง ซูป๋ออวิ๋นดูแล้ว แต่เหมือนของวิเศษระดับสูงที่ชำรุดมากกว่า แต่ยังไงซูเพียนจื่อก็ตัดใจวางไม่ลง ซูป๋ออวิ๋นไปหาของวิเศษตามที่อาจารย์ของตนบอก กระบี่เกล็ดน้ำพุใส ซูเพียนจื่อดูแล้วเหมือนไม่ค่อยเหมาะกับซูป๋ออวิ๋น ทั้งสองเดินดูกัน จนซูเพียนจื่อไปพบ กระบี่สระลึก แล้วก็เหมาะกับตัวเองมากกว่า เวลาจะหมดแล้ว แต่ซูเพียนจื่อยังไม่แน่ใจว่าหาไร้นามเจอ จนเจอมีสั้นเล่มหนึ่ง ที่ซูป๋ออวิ๋นบอกว่าเนื้อสัมผัสคลายคันฉ่องมายาจันทร์ม่วงมาก แถมยังไม่มีชื่อ ซูเพียนจื่อตัดสินใจ จนสุดท้ายก็ยังเลือก กำไลแขนเจ็ดดารา

ผู้อาวุโสหานที่มารอด้านนอกพอรู้ว่าซูเพียนจื่อเลือกอะไร ก็รีบเอามาดู และพากลับที่พัก ซึ่งได้พบกับประมุขสกุลซูอยู่ ทั้งสามรู้ดีว่าสิ่งนี้คือไร้นาม แล้วผู้อาวุโสหานก็รับหน้าที่เล่าเรื่องราวเมื่อรู้ว่าซูป๋ออวิ๋นเลือกกระบี่สระลึกมา นั่นคือเทพเจ้าแห่งกลลวงสมัยบรรพกาล คือสมญานามของเซียนไร้จริง จัดเป็นสามอันดับแรกในหมู่เซียน

เซียนไร้จริงมีสุดยอดของวิเศษอยู่สามชิ้น ไร้นามเป็นอันดับหนึ่ง อีกสองชิ้นคือคันฉ่องมายาจันทร์ม่วงกับคทาเทพลวงหรือคทาแปรสภาพ

เซียนไร้จริงมีเซียนบริวารผู้พิทักษ์ซ้ายขวา พวกเขาถือครองของวิเศษที่เซียนไร้จริงประทานให้ ซึ่งก็คือ สระลึก ซึ่งอยู่ในมือของซูป๋ออวิ๋นและร่องวารี ที่เป็นพู่กันด้ามหนึ่ง ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะปรากฏตัวออกมาอย่างไร

ประมุขซูเล่าเรื่องอายุขัยและเรื่องส่งมอบตำแหน่ง ซูเพียนจื่อไม่สนใจ จึงต้องเอาเรื่องพลังสะกดทางสายโลหิตมาบอก แปลว่ายังไงก็ต้องเป็นประมุขเท่านั้น

ซูเพียนจื่อกลับไปศึกษาไร้นาม ที่ตอนนี้คือกำไลเจ็ดดารา ให้ไร้นามยอมรับ ปลดผนึก พรสวรรค์เชิงยุทธ์ของซูเพียนจื่อจัดอยู่ในธาตุไม้ กายทิพย์ไม้วัฒนะ ซูเพียนจื่อสงสัยเรื่องที่ฝูอวิ๋นรู้เรื่องราวมากมาย จึงบอกว่าที่จริงพ่อของตัวเองคืออาญาเทพของพ่อซูเพียนจื่อ ได้บอกเรื่องราวก่อนที่จะตาย แต่ยังไงก็ไม่บอกว่าซูหู่หลี่อยู่ที่ไหน  ซูเพียนจื่อบอกว่าเคล็ดลับฝึกปรือของไร้นามคือการหลอกคน จำนวนคนที่ถูกหลอกมากพลังวัตรก็จะสูงขึ้น

ขั้นแรกซูเพียนจื่อหลอกทีเดียวสิบคน ได้พลังวัตรขั้นถอดรูป อยู่อันดับเก้าในจารึกหยกทำเนียบขั้นถอดรูปเลยทีเดียว แซงหน้าเจิ้งเฮ่าอี้ที่ได้อันดับสิบสองด้วย แล้วซูเพียนจื่อก็รู้ว่าทำไมซูม่านม่านถึงไม่ชอบตัวเองเพราะความแค้นของคนรุ่นก่อน ตอนนี้ต้องคืนดีกับซูเจินเจินและหาทางแก้แค้นคืนซูม่านม่าน

แผนการลุล่วง ดอกซวีหมีที่ปิดผนึกทำให้หมีสีน้ำตาลขนทองกลายเป็นอสูรขั้นหนึ่ง ซูเพียนจื่อวางแผนจับสัตว์อสูร เพื่อแผนการแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ติดทำเนียบอันดับหนึ่งไปแล้ว

ซูเพียนจื่อท้าสู้เป็นตายกับซูม่านม่าน ซูม่านม่านสู้ไม่ได้ ทั้งยังคิดอยากเอาชีวิตซูเพียนจื่อ ถ้าไม่ได้บรรดาสัตว์อสูรปกป้องจนตัวตาย คงตายไปแล้ว สุดท้ายซูหู่ลู่ต้องมาห้าม แต่จนด้วยพยานหลักฐาน ซูเพียนจื่อเรียกร้องของวิเศษสามชิ้น ซูเทียนหวายอมเอาหน้ากากภูตพันหน้าออกมาให้ ซูหู่ลู่เอามุกรัศมีเทวะที่คิดจะให้ซูม่านม่านมาให้ ชิ้นสุดท้ายซูหู่ลู่ไม่ยอมตัดใจ เป็นซูเทียนหวาเอาแส้ปัดที่ได้จากคลังสมบัติให้

ผู้อาวุโสหานให้ซูป๋ออวิ๋นไปขอแส้ปัดคืนให้ซูเทียนหวา ซูเพียนจื่อให้ซูป๋ออวิ๋นตัดแส้ปัดให้สั้นลง ซึ่งมันจะมีลักษณะคล้ายพู่กัน ตอนส่งคืนไม่ต้องบอกอะไรให้ตัดสินใจเอง

การล้างแค้นสำเร็จ ตอนนี้หาทางหลอกคน มีตลาดนัด ซูเพียนจื่อ ซูเจินเจินไปชมความคึกคัก ซูเพียนจื่อมองศิลาวิเศษที่มีผีเสื้อด้านในเหมือนหินผลึกก้อนหนึ่งที่มีปราณแฝงอยู่ไม่ออก เฉินอี้ที่มาหาเรื่องก็โดนซูเพียนจื่อหลอกจนหัวเสียไป ซูเพียนจื่อได้ศิลาวิเศษมาไว้ ซูเจินเจินเอาเชือกที่ถักจากไหมขนเงินมาร้อยไว้ให้ที่ข้างเอว แล้วซูเพียนจื่อก็พบว่าตัวเองสัมผัสปราณวิเศษตามธรรมชาติ ที่คนอื่นสัมผัสได้ง่ายไม่ได้เลย

แล้วก็คิดวิธีหลอกคนหาเงินได้ เพราะตัวเองมีกำไลเจ็ดดาราทำให้มองของวิเศษออก เลยหาเงินจนกระทั่งขนที่ย้อมตัวซูถ่าหลุด

วันทดสอบรวม ซูเพียนจื่อรู้อยู่แล้วว่าจะต้องไปทำภารกิจอะไร แต่ก็แกล้งทำตามคนอื่นไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต แต่เพราะเผลอไปทำให้ซูถิงหยวนรู้ว่าตอนนี้ซูเพียนจื่อสามารถฝึกวิชาได้ มีกายทิพย์ไม้วัฒนะ แล้วก็เตือนเรื่องซูหู่ลู่

ซูเพียนจื่อออกจากถ้ำพันจิ้งจอกพร้อมฝูอวิ๋นก็มาแปลงกายกันก่อน

ซูหู่ลู่ที่ไม่ยอมถอดใจ แค้นซูเพียนจื่อ หลังจากพูดคุยกับซูม่านม่าน และบอกว่าภารกิจที่จะได้เป็นประมุขคือการหลอกของวิเศษสามอย่างจากสามตระกูลใหญ่ ซูเทียนหวาก็ไม่น่าจะได้ภารกิจนี้ เพราะทำหน้าแปลกพิกล ในที่สุดก็คิดถึงซูเพียนจื่อแล้วก็คิดว่าต้องกำจัดให้ได้

ซูเพียนจื่อออกจากถ้ำพันจิ้งจอก อย่างแรกคือต้องการไปหลอกคน แล้วก็หาของวิเศษมาปิดผนึกในดวงดาวที่สอง ทั้งอยากเที่ยวชม และอยากไปตระกูลแพทย์ของมารดาด้วย

ซูเพียนจื่อกับฝูอวิ๋นมาถึงตัวอำเภอ ยังใช้มุกเดิมกับครั้งก่อนที่ว่าเห็นปราณบริเวณนี้ คาดไม่ถึงว่าจากนั้นก็มีหนุ่มน้อยสามคนมา และใช้คำพูดเดียวกัน พอเห็นเส้นผมของซูเพียนจื่อก็ดูถูก แนะนำว่าตัวเองเป็นศิษย์ตระกูลเซียนมือปราบ เถี่ยอิง เติ้งกัง หวังเฟยหยาง ซูเพียนจื่อบอกว่าตัวเองอาจารย์เป็นศิษย์ตระกูลนักกำราบสัตว์ ชื่อเซี่ยงอวี่

แล้วครั้งนี้ก็มีปราณวิเศษจริงๆ แต่สามคนตระกูลมือปราบออกจะซื่อบื้อ ต้องให้ซูเพียนจื่อคอยเตือนหลายเรื่อง ถ้ำที่ไปหาพืชที่คิดว่ามีปราณวิเศษ ก็พบตะขาบสีดำตัวใหญ่สัตว์อสูรขั้นสอง หลังจากวิเคราะห์แล้วคิดว่าน่าจะมีอะไรเลยกลับไปอีกครั้ง แล้วก็เป็นซูเพียนจื่อที่สามารถเก็บหญ้าผสานลูกกลอน เอาไว้ให้ฝูอวิ๋นได้ แล้วก็รู้ว่าสองตัวที่อยู่ในถ้ำคือไหมอสูรร้อยขา กับเตียวหิมะเนตรทิพย์ ไหมอสูรร้อยขากินยาผิดไปกินหญ้าเสวียนอู่ทำให้ตัวดำ แล้วเตียวหิมะก็โดนพิษไปด้วยคิดว่าหญ้าผสานลูกกลอนจะช่วยแก้พิษได้ แต่ซูเพียนจื่อที่ศึกษาสมุนไพรมาอย่างดีบอกว่าสิ่งที่แก้พิษได้จะบอกให้เมื่อช่วยงานก่อน ทั้งสองตกลง ซูเพียนจื่อเตรียมแผนเอาไว้หลอกคน และจัดการนายอำเภอหลิวต้าฟาที่ทำตัวเป็นฮ่องเต้เจ้าถิ่นไปพร้อมกันเลย

หลังอ่านเล่ม 1 :

ซูเพียนจื่อไม่เหมือนนางเอกทั่วไป ตั้งแต่ตระกูลที่ตัวเองอยู่ ก็เป็นตระกูลสิบแปดมงกุฎ หลอกคนอยู่แล้ว พอเห็นการพัฒนาของนางที่ก้าวหน้าเพราะการหลอกคน ดูเป็นจอมโฉดมาก ถึงกับหัวเราะหึๆ แต่ก็เป็นบุคลิกที่มีสีสันดี เป็นนางเอกที่เก่งไม่ยอมแพ้ แม้ตอนแรกจะไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ เพราะได้การหล่อหลอมตั้งแต่เด็ก

มาดูการเดินทางเป็นอันดับหนึ่งในการฝึกยุทธ์ที่ก้าวหน้าเร็วกว่าใครในดินแดนพันเมฆา และปมปริศนา การตามหาบิดามารดา ของซูเพียนจื่อกันต่อในเล่ม 2 ค่ะ สนุกมาก อ่านแล้วฮา เอ๋อเหมยเขียนผูกเรื่องราวได้ดี และแปลกมากๆสำหรับอาชีพนางเอก ยังไงก็แนะนำให้อ่านต่อเลยค่ะ

เล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2564

โปรยปกหลังเล่ม 2 :

ม่านราตรีปกคลุม เหล่าสัตว์อสูรข่มขู่ผู้คนจนขวัญกระเจิง

มีเพียง ‘นาง’ ที่จะหยุดความเคราะห์ร้ายหมายเอาชีวิตของทุกคนไว้ได้!

แต่ใครจะคาดคิดว่า...ซูเพียนจื่อนี่เองคือผู้ชักใยอยู่หลังม่านในเหตุการณ์นี้

จงอย่าได้ลืมว่านางคือบุตรหลานตระกูลสิบแปดมงกุฎ

จงอย่าได้ลืมว่าการหลอกลวงคืองานถนัด และเป็นการเพิ่มพลังวัตรแก่ตัวนางทั้งสิ้น

ทว่าในช่วงเวลาที่นางกำลังจะเลื่อนขั้นนั้น ดันมีผู้หมายเอาชีวิตนาง!

ความแค้นที่เขาสะสมมานานปีทำให้เขาพร้อมจะช่วงชิงลมหายใจสุดท้ายของนางไปได้ทุกเมื่อ

 

ด้านเจิ้งเฮ่าอี้ ความรู้สึกที่มีต่อซูเพียนจื่อมีเพียงคิดว่านางคือ ‘สตรีคลั่งบุรุษ’

ทว่าความรู้สึกที่เขามีต่อ ‘หลิ่วเชียนหวง’ใบหน้าและฐานะใหม่ของนางกลับเป็นความชื่นชม

หากเขารู้ว่าสตรีที่ปรากฏในตระกูลแพทย์ผู้นี้กับสตรีในตระกูลสิบแปดมงกุฎคือคนเดียวกัน

ฮึ!จะใช่อกแตกตาย หรือกลับตระกูลไม่ถูกไปเลยรึไม่หนอ

เล่ม 2 :

ซูเพียนจื่อให้เจ้าหิมะ เจ้าเจิดจ้า ช่วยเหลือในการหลอกคนในตำบลจนสำเร็จ แล้วถึงบอกว่าจะขจัดฤทธิ์หญ้าเสวียนอู่ต้องใช้ผลหงส์ชาด หนึ่งไหมหนึ่งเตียวขอให้ซูเพียนจื่อไปนำผลหงส์ชาดมาให้ เพราะกลัวจะตายซะก่อน ซูเพียนจื่อตกลงแต่ต้องช่วยอีกครั้ง คราวนี้ไปหลอกอำเภอเล็กๆละแวกนี้

เก็บสะสมจนลมปราณในร่างจะทะลวงฝ่าได้ทุกเมื่อ แล้วก็เจอกับผู้แข่งแกร่งขั้นเปลี่ยนเส้นลมปราณ พอเปิดเผยโฉมหน้าคือซูหู่ลู่ ซูเพียนจื่อก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายตามมาได้ยังไง หนีรอดด้วยการเอามุกรัศมีเทวะที่เอามาจากซูหู่ลู่ ทำลายเป็นระเบิดแสง หนีเข้าตัวอำเภอที่เตรียมจะไปหลอกคนก่อนหน้านี้ ฝูอวิ๋นพาซูเพียนจื่อหนี แล้วตัวเองก็คิดจะปกป้องซูเพียนจื่อจนตัวตาย แต่ซูเพียนจื่อรู้ดีรีบเก็บฝูอวิ๋นเข้าไปในดอกซวีหมี ทำให้ซูหู่ลู่รู้ตัว การต่อสู้ที่ต่างขั้นกันเกิดขึ้น แต่ซูเพียนจื่อก็มีความคิดที่จะใช้คนปิดผนึก แต่ตอนนั้นตัวเองกลับทำศิลาวิเศษแตก ตอนผนึกเรียบร้อยยังไม่รู้อะไร แต่ก็เห็นซูหู่ลู่ยังแทงมีดเข้ามาสุดท้ายก็ผ่านเลยไป แล้วตัวเองก็สามารถเอามีดแทงข้างหลังได้ เหตุการณ์นี้ทำเอาซูหู่ลู่ตกใจจนหนีไป เพราะเห็นความสามารถของซูเพียนจื่อ

ซูเพียนจื่อที่กำลังจะเลื่อนขั้นต้องหาที่ปลอดภัย ตอนหลังถึงรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองผนึกคือผีเสื้อซ่อนฟ้า ที่เป็นสัตว์เทพยุคบรรพกาล ทำให้ล่องหนและเมินเฉยต่อการโจมตีเฉพาะจุด

ที่บรรพตหมื่นหลี่ รายชื่อของซูเพียนจื่อเปลี่ยนมาอยู่ที่ทำเนียบขั้นเปลี่ยนกระดูก อันดับที่หกสิบห้าสูงกว่าอัฉจริยะอย่างเจิ้งเฮ่าอี้ที่ติดอันดับเจ็ดสิบแปด และซูหู่หลี่ที่ติดอันดับเก้าสิบเอ็ด

เจิ้งเฮ่าอี้ที่ได้ยินข่าวนี้ก็ทำเอาขยันขึ้นโดยไม่รู้ตัว และมองซูเพียนจื่อเป็นคู่แข่งไปซะแล้ว ทั้งที่จำรูปลักษณ์ไม่ค่อยได้ นอกจากเส้นผมยาวกว่าผู้อื่นและคลั่งบุรุษนิดๆ จากขั้นถอดรูปเป็นขั้นเปลี่ยนกระดูกรูปโฉมจะเปลี่ยนไปบางส่วน

ซูเพียนจื่อที่เปลี่ยนจากขั้นถอดรูปมาเป็นขั้นเปลี่ยนกระดูก รูปโฉมเปลี่ยนไปจริงๆ เป็นเหมือนมารดามากขึ้น ฝูอวิ๋นที่เห็นยังคิดถึงมารดาของซูเพียนจื่อเลย ฝูอวิ๋นดูแล้วเหมือนจะเป็นบิดาของซูเพียนจื่อกลายเป็นอาชาเทพเลย (จากลักษณะการพูด ท่าทางคิดถึง คหสต. รอดูกันต่อไป)

ซูเพียนจื่อไปซื้อยาให้เจ้าหิมะ เจ้าเจิดจ้า แต่ก่อนอื่นต้องเอามีดที่ได้มาจากซูหูลู่ไปเปลี่ยนเป็นเงินก่อน ทำให้ไปร้านสกุลเป้ย เปิดอยู่ข้างร้านยาสกุลอวิ๋น ส่วนร้านหมอสกุลหลิ่วของสกุลมารดาที่อยากจะซื้อผลหงส์ชาดช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

ร้านค้าสกุลเป้ย ซูเพียนจื่อเห็นราคาของที่อยู่ระดับชั้นเดียวกัน ก็รู้ว่าควรขายราคาเท่าไหร่ แต่กลับพบคุณชายพ่อค้าหน้าเลือด ซูเพียนจื่อก็ไม่ยอมเสียที ได้มาราคาสมเหตุสมผล

พอไปที่ร้านหมดสกุลอวิ๋น ที่ร้านทั้งไม่เอากำไร บอกวิธีใช้ ถ้าใช้ไม่หมดให้เอามาคืน จากนั้นก็ได้ยินท่านปู่ที่กลับมาพูดถึงสกุลอวิ๋น ซูเพียนจื่อกลัวว่าสหายจะเกิดเรื่องจึงรีบกลับไป

เจ้าเจิดจ้าโดนคนสกุลอวิ๋นพบและเกือบถูกฆ่าตายดีที่ได้ซูเพียนจื่อช่วยไว้ และได้ปู่หลานสกุลหลิ่วมารักษา ได้พาเจ้าเจิดจ้าเข้าไปในดอกซวีหมี และเจ้าหิมะก็อยากอยู่กับซูเพียนจื่อ พอรู้ว่าจะได้เลื่อนขั้นไปด้วยกันยิ่งดีใจ ซูเพียนจื่อยิ่งมีความรู้สุกดีกับสกุลมารดา แล้วก็คิดว่าแปลงโฉมบ่อยๆไม่ค่อยดี น่าจะหาฐานะใหม่ ลองให้ผีเสื้อซ่อนฟ้ามาปิดตราประจำตระกูล ทำให้เห็นตราประจำตระกูลแพทย์ด้านใต้ เมื่อถามผีเสื้อซ่อนฟ้าจึงรู้ว่าปิดหนึ่งชั้นด้านใต้ยังมีตราอีกชั้น ซูเพียนจื่อตั้งชื่อให้ตัวเองว่าเชียนหวง ที่ใกล้เคียงกับเชียนหวังที่แปลว่าสิบแปดมงกุฎ

จนวันรุ่งขึ้นไปปรากฏตัวที่ร้านหมอสกุลหลิ่วก็พอดีมีคนมาหาเรื่อง ซูเพียนจื่อที่ทนไม่ไหว ตอนนี้ปิดบังใบหน้า ไม่แปลงโฉมเป็นผู้ชายแล้วออกหน้าจัดการ จากนั้นยังมีเป้ยกังสือก็มาช่วย ที่แท้ชายชราชื่อหลิ่วถาน หลานสาวชื่อหลิ่วหมิงเยวี่ย ส่วนซูเพียนจื่อบอกว่าตัวเองชื่อเชียนหวง หลังจากเห็นหน้าตาหลิ่วถานก็คิดถึงคุณหนูฉิงซินทันที รู้ได้ว่าเป็นคนสกุลหลิ่วแน่นอน

เป้ยกังสือเป็นท่านอาห้าของเป้ยหยวนหมิง คุณชายเป้ย พ่อค้าหน้าเลือดเมื่อวานนี้

หลิ่วถานตัดสินใจพาซูเพียนจื่อไปภูเขาซิ่งหลิน โดยขอให้เป้ยกังสือไปเป็นเพื่อน ระหว่างทางทั้งหลิ่วถานและเป้นกังสือเห็นความสามารถในการเข้าในเนื้อหา และกระบวนท่าที่สอนอย่างรวดเร็ว ความเร็วระดับอัจฉริยะ

ระหว่างทางต้องบอกความจริงเรื่องของวิเศษเก็บทรัพย์เพื่อให้เจ้าหมียักษ์สองตัวกับเจิดจ้าไปหาอาหาร เจ้าหิมะบอกว่าพบคนเจ็บ หลิ่วถานกับซูเพียนจื่อได้ช่วยเอาไว้ พอเห็นที่แขนซ้ายถึงกับเป็นสัญลักษณ์กายทิพย์ดินศักดิ์สิทธิ์ เหมือนห้ายอดกายทิพย์จะหายากทำไมถึงพบเจอติดๆกัน เจิ้งเฮ่าอี้ก็มีกายทิพย์ทองนภา แล้วก็เห็นสัญลักษณ์บนแขนขวาถึงกับเป็นสกุลจอมโจร คนเจ็บผู้นี้นามว่าฉินเฝ่ยไม่คิดว่าจะมีคนช่วย เห็นหน้าของซูเพีนจื่อก่อนจะหมดสติไป และได้ยินเรียกชื่อว่าเชียนหวง

ไปถึงภูเขาซิ่งหลิน สกุลหลิ่วที่เรียบง่ายรักสงบก็เกิดเรื่องเพราะสกุลอวิ๋นมาหาเรื่อง อยากแย่งชิงน้ำพุชีพไป ดีที่ซูเพียนจื่อ ที่ตอนนี้เป็นหลิ่วเชียนหวงมาทันเวลาพอดี ทำให้ได้พบอวิ๋นชิงอิ่งเจ้าของวัตถุศักดิ์ศิทธิ์ศิลาร้อยสมุนไพร ที่เซียนแพทย์ประทานให้เซียนโอสถ แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ได้พบกับเจิ้งเฮ่าอี้เจ้าของวัตถุศักดิ์สิทธิ์มงกุฎเที่ยงธรรมทั้งสองอย่างที่มาพร้อมกับเจิ้งหมิ่นผู้อาวุโสของตระกูลนักปกครองญาติผู้น้องของเจิ้งเทียนกัง

แล้วซูเพียนจื่อก็รู้ว่าเจิ้งเฮ่าอี้คือ คนเดียวกับที่วันแรกที่มาดินแดนพันเมฆาได้พบเจอนั่นเอง แต่ตอนนี้พอเจิ้งเฮ่าอี้เห็นรูปลักษณ์ของซูเพียนจื่อแค่คิดว่าคุ้นตา ทั้งที่แขนยังมีสัญลักษณ์กายทิพย์ไม้วัฒนะ กับสัญลักษณ์ตระกูลแพทย์น่าจะเป็นคนละคน แต่ก็รู้สึกคุ้นเคย

ท่านตาน้อยหลิ่วถัวประมุขสกุลหลิ่วเห็นซูเพียนจื่อก็คิดถึงมารดาทันที แต่ตอนนี้ซุเพียนจื่อจะเรียกท่านตาน้อยไม่ได้ต้องปิดบังความจริง และเรียกว่าท่านปู่แทน แล้วก็บอกว่าน้ำพุชีพเลือกสายของธาตุพรสวรรค์มีเพียงธาตุน้ำ และธาตุทองที่เคยเป็นเจ้าของ แต่ซูเพียนจื่อก็คิดได้ ปิดผนึกน้ำพูชีพในดาวดวงที่สามก็ใช้ได้แล้ว

ซูเพียนจื่อต้องคิดกลลวงที่ไม่ทำร้ายพวกเขา ไม่ชื่อเสียงตัวเอง ทั้งยังต้องหลอกได้ลึกซึ้ง ชั่วขณะยังคิดไม่ออก แต่พอคิดได้ ก็คิดถึงเซียนใจประเสริฐที่ตัวเองอุปโลกน์ขึ้น ทำให้ผู้คนหลงเชื่อจนมาเป็นสาวก พลังวัตรก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ

แล้วเจ้าหิมะก็พบกับสัตว์อสูร กำลังไล่ทำร้ายคน ซูเพียนจื่อกำลังต้องการกองทัพสัตว์อสูรเลยได้เวลาช่วยคน จับสัตว์อสูร เรื่องนี้ทำให้จับเจ้าหมาป่ามารหิมะ กับตัวเกราะเหล็กขั้นสองได้ และเจ้าหิมะก็บอกว่าพบแต้มหลังคอ ทำให้รู้วิธีทำลายพันธะเจ้านายกัน แต่สองตัวนี้ยังมีประโยชน์เพราะจะได้รู้ว่าในรังมีสัตว์อสูรอะไรอีก

ฝูอวิ๋นบอกว่าคนที่ช่วยไว้มีคนที่รู้จัก ก็คือพี่ชายน้องสาวที่เคยช่วยไว้ตอนแรก ผู้ฝึกวิชาที่ช่วยไว้คือถงอี้หมิง น้องชายกับน้องสาวชื่อถงซวงเฉวียน ถงซานซิน ตอนนี้เลยด้านผู้ช่วยเผยแผ่ลัทธิเซียนใจประเสริฐที่ภูเขาซิ่งหลิน ตัวเองก็จะได้ไปเรียนที่วังศาสตร์ได้อย่างดี

พอได้ข้อมูล ซูเพียนจื่อก็จับอินทรีปีกมายามาอีกสามตัว ตัวที่สามอยู่ในภาวะหลับลึกไม่สามารถควบคุมได้

แล้วซูเพียนจื่อที่เก็บพลังไว้สามร้อยแรงช้างสารก็เลื่อนขั้นชำระไขกระดูก ฝูอวิ๋นดูออก ท่านตาน้อยดูออก ถึงเวลาปิดผนึกตาน้ำพุชีพแล้ว ผู้อาวุโสประชุมกันสุดท้ายก็ยอมรับ ทั้งหมดไปที่เขตหวงห้าม ตาน้ำพุอยู่ที่รูปปั้นเซียนแพทย์ ตอนที่ซุเพียนจื่อทำพิธีปิดผนึกดาวเทียนจี ได้ยินเสียงถอนหายใจของชายชราบอกว่ายายหนูนี่แก่นแก้วเสียจริง

แล้วพอทดสอบการรักษากับเจ้าเจิดจ้าดู ก็มีเงาร่างของเซียนแพทย์ปรากฏให้เห็นด้วย

ทิศทางของดินแดนพันเมฆาลมกำลังเปลี่ยนทิศแล้ว

หลังจากฝากฝังการเผยแผ่ลัทธิซูเพียนจื่อก็ออกเดินทางมุ่งตะวันออกสู่วังศาสตร์ แต่ก่อนหน้านั้นยังต้องจับสัตว์อสูรขั้นห้าเพื่อมาเลื่อนขั้นให้ฝูอวิ๋น หนึ่งเดียวที่บินได้คือค้างคาวมารสลายกระดูก หลังจากวางแผนการ และจับได้ฝูอวิ๋นก็ได้เลื่อยขั้นเป็นอาชาเทพขั้นสาม ทวงเวลาที่เสียไปคืนมา เดินทางถึงเมืองอู่เยวี่ยในรวดเดียว

เมืองอู่เยวี่ย ยังได้พบกับเป้ยหยวนหมิง เพราะค้าของสกุลเป้ย ที่เป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนลูกกลอนโลหิตมังกรคืนวิญญาณกับหยกสุคนธ์ไขกระดูกมังกร เรื่องนี้ทำให้เหล่าสัตว์อสูรที่เขาขวงโซ่วบุกมาทวงของคืน เจ้าเมืองเจิ้งคือที่ปู่รองของเจิ้งเฮ่าอี้

เมื่อเอาหยกสุคนธ์ไขกระดูกมังกรคืนไปได้ เหมาฮุย สกุลอวิ๋นก็จะไม่ให้ลูกกลอนโลหิตมังกรคืนวิญญาณ ซูเพียนจื่อเลยจะช่วย โดยการใช้น้ำพุชีพแทน 

คนที่จะต้องช่วยคือคนตระกูลเซียนขโมยสุสานหาน ต้องไปที่ยอดเขาพันมือ คนที่จะต้องช่วยคือประมุขสกุลหานอี้ ซุเพียนจื่อเรียกน้ำพุชีพออกมา ใช้จนพลังปราณหมดสลบไป แล้วก็ได้ของตอบแทนเป็นถุงเก็บทรัพย์สามใบ ถุงใบแรกเป็นลูกกลอนหลอมกระดูก ใบที่สองเป็นสมุนไพร ซูเพียนจื่อเลยส่งกลับไปให้ท่านตาน้อย และบอกความจริง ใบที่สามเป็นแหวนสัญลักษณ์และสิ่งล้ำค่าหายากที่ตอนนี้ยังไม่รู้จะทำยังไง

แล้วก็เดินทางมาถึงริมทะเลสาบดาวเดือนที่ตั้งของวังศาสตร์ ได้ช่วยซูถงและมารดาตอนอยู่บนเรือเพื่อข้ามไปยังวังศาสตร์ ท่านครูมู่พาซูเพียนจื่อไปพบจ้าววังศาสตร์ แค่คุยกันจ้าววังก็รู้แล้วว่าเด็กน้อยเก็บความในใจ จิตใจระแวงผู้อื่น

มาเยี่ยมท่านครูโจวซู่เวิ่น ที่มาจากตระกูลแพทย์ และบอกให้ป้าซูไปพักกับตัวเอง ที่เรือนพักได้พบกับหลิ่วมู่ หลิ่วเวิน กับเฉินหลิง ซูเพียนจื่อเตรียมสอบสามวัน หลังจากรู้ว่าเจิ้งเฮ่าอี้ตอบได้ห้าวิชาตัวเองก็มีเป้าหมาย

วันสอบ ซูเพียนจื่อทำสอบไปเจ็ดวิชา ตอนสอบบู๊ หลังจากเลือกวิชาฝ่ามือ หลังจากอ่านทำความเข้าใจและออกฝ่ามือ พอหมดเวลาก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นระดับเจ็ด ทำเอาศิษย์ใหม่เคอเหา หลินเฟิงที่สอบพร้อมกันทั้งที่ไม่แย่ แต่ก็แตกต่างมากเกินไป ทำเอาไม่ได้เกิดไปเลย

ท่านครูมู่พาไปพบจ้าววัง จ้าววังบอกว่าซูเพียนจื่ออยากแข่งกับเจิ้งเฮ่าอี้จะได้สร้างชื่อให้ตระกูลแพทย์ แต่ก็ดีจะได้ให้เจิ้งเฮ่าอี้มุมานะ จ้าววังให้ซูเพียนจื่ออ่านตำราหมัดมวย แต่มันคือนิทาน ซูเพียนจื่ออ่านแล้วก็คิดถึงหลักกลศาสตร์ในวิชาฟิสิกส์ กับจุดเด่นบางอย่างของมวยไท้เก๊ก แล้วจ้าววังก็ชี้แนะทักษะการต่อสู้ให้ซูเพียนจื่อเอง  สุดท้ายเด็กที่มีพรสรรค์อย่างนี้ไม่รับเป็นศิษย์ไม่ได้แล้ว รับเป็นศิษย์สายตรงทันที

ฝูอวิ๋นที่รอซูเพียนจื่ออยู่ได้ฟังข่าวดี และบอกว่าเห็นคนรู้จัก ก็คือซูเทียนหวากับซูป๋ออวิ๋น ผู้พิทักษ์สองคนยังไง

หลังอ่านเล่ม 2 :

ซูเพียนจื่อได้ก้าวไปอีกขั้น ไปทำความรู้จักกับครอบครัวมารดา ด้วยรูปลักษณ์ของหลิ่วเชียนหวง เทคนิคการหลอกคน ให้เป็นสาวกของเซียนใจประเสริฐ ก็เป็นการทำความดีนะ

ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาที่วังศาสตร์มาสร้างความตื่นตะลึงครั้งใหม่กันแล้ว สนุกมาก ฮามาก แก็งค์สัตว์อสูรน่ารักมาก อ่านต่อเล่ม 3 เลยค่ะ 

เล่ม 3 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2564

โปรยปกหลังเล่ม 3 :

หลิ่วเชียนหวงอยู่ในวังศาสตร์ได้ไม่นานก็สร้างปรากฏการณ์สะเทือนเลื่อนลั่น

นางถึงกับทำคะแนนเต็มได้เจ็ดวิชารวด ท่ามกลางสายตาสงสัยว่านางยังใช่มนุษย์อยู่หรือไม่

มิหนำซ้ำชื่อเสียงของนางยังเพิ่มพูนจากการช่วยชีวิตศิษย์วังศาสตร์อย่าง ‘ไม่ห่วงชีวิตตนเอง’

รูปโฉมงาม น้ำใจดีเลิศ ทั้งยังเก่งกาจเช่นนี้ ใครจะคาดคิดว่านางคือสิบแปดมงกุฏได้ลงเล่า

ทว่ายังมิทันจะได้เชิดหน้าชูตาตนเองต่อไปเท่าใดก็มีเรื่องราวมากมายให้นางต้องวิ่งวุ่น

ตระกูลไสยเวทย์ตัวร้ายคล้ายกับกำลังเตรียมการชั่วช้าอะไรบางอย่างอยู่

หากสำเร็จล่ะก็มิเพียงนางเท่านั้นที่เดือดร้อน ต่อให้เป็นเจิ้งเฮ่าอี้หรือจ้าววังก็ยากจะมีชีวิตอยู่ต่อได้

นางไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็ต้องยุ่งเกี่ยวแล้ว

ตระกูลไสยเวทย์นี่ร้ายกาจนักใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็จะได้เห็นดีกันสักครา

เล่ม 3 :

ซูเพียนจื่อทำข้อสอบเชิงบุ๋นเจ็ดวิชา ทำเอาคนสกุลอวิ๋นไปพูดดูถูก แต่เคอเหาที่สอบร่วมกันช่วยแก้หน้า พอผลออกมาคือคะแนนเต็มทั้งเจ็ดวิชา ที่เฉิงหลิงสังเกตได้คือทั้งเจ็ดวิชาไม่มีวิชาแพทย์ ทำเอาท่านครูโจวซู่เวิ่นโกรธ แต่ซูเพียนจื่อก็พูดจนอีกฝ่ายคิดเป็นอีกแบบได้ เพราะต้องการเยียวยาจิตใจ นู้นนี่นั้น

บอกพวกหลิ่วมู่ถึงเรื่องสัตว์อสูร และอยากสอนว่ายน้ำ ให้จับปลาเป็นอาหาร และอยากรู้จักท่านครูจากตระกูลนักกำราบสัตว์ เฉินหลิงบอกว่าท่านครูค่อนข้างประหลาดชื่อ ฝูเทียนหลง ไม่ต้องตามหา เดี๋ยวก็มาเอง แล้วก็มาจริงๆ เป็นเหมือนเฒ่าลามก ลวนลามเจ้าทองเล็ก ที่จริงคือตรวจสอบลักษณะ แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นหมีสีน้ำตาลขนทอง ทั้งสองทำการแลกเปลี่ยนกัน ซูเพียนจื่อถามว่ามีเคล็ดวิชาที่สัตว์อสูรดูดซับปราณวิเศษมาได้หรือไม่ ฝูเทียนหลงบอกว่าที่เขาขวงโซ่ว มีเคล็ดวิชาแปรปราณ อยู่ในมืออ๋องมังกรผู้เฒ่า แล้วซูเพียนจื่อก็บอกว่าพวกนี้เป็นสาวกของเซียนใจประเสริฐ เหล่าสาวกคลั่งแต่ละตัวทำเอาท่านครูมึนทันที ฝูเทียนหลงบอกว่าไปเรียนวิชาสัตววิทยาได้ทุกเวลา เพราะเรียกเจ้าพวกนี้ว่าสหาย ไม่เหมือนคนอื่น

ซูเพียนจื่อคิดจะหาซื้อพวกสัตว์เป็นๆให้เจ้าพวกนี้กิน เลยออกไปที่ท่าน้ำ พบร้านค้าสกุลเป้ย ได้เจอหลงจู๊ มู่หลัน ร้านค้าสาขาใหญ่ส่งมอบกำไรพลอยขวัญม่วง เอาไว้ยืมเงินได้ทุกสาขา

แล้วซูเพียนจื่อก็ได้พบกับอวิ๋นชิงอิ่งที่กลับมา เห็นซูเพียนจื่อสนใจศิลาเมฆรุ้งก็จะแย่ง แต่เพราะนางจองอยู่แล้ว หลังจากนึกว่าชนะกลับเป็นฝ่ายที่โกรธเคืองซะเอง แล้วอวิ๋นชิงอิ่งก็ได้รู้ข่าวของหลิ่วเชียนหวงมากมาย จนอิจฉาริษยาสุดๆ

ส่วนซูเพียนจื่อก็โดนท่านครูทั้งเจ็ดวิชาแย่งชิงตัวกัน สุดท้ายขอเรียนทุกวิชาเป็นวิชาหลัก แต่ตอนนี้ขอเรียนวิชาเกษตร โยธา และปราชญ์ก่อน ทำให้ท่านครูทุกคนยอมรับได้ ศิษย์ดีเด่นแบบนี้ใครก็อยากแย่งชิง

แล้วเพราะอยากให้สัตว์อสูรของตัวเองเรียนรู้ไปด้วยทั้งการเกษตร โยธา ทำให้ต้องไปหาท่านครูฝู สุดท้ายเลยต้องเรียนวิชาหลักเพิ่มอีกวิชาคือสัตววิทยา

ท่านครูหนิวเหลียงจงปลื้มกับศิษย์เอกเป็นที่สุด พอเข้าวิชาเกษตร ถามว่าทำไมถึงอยากเรียนก็ตอบตรงใจ สอบย่อยก็ได้คะแนนเต็ม

ปู่เฉินอวี่กลับมาถึงวังศาสตร์แล้ว และก็อยากไปทำความรู้จักกับหลิ่วเชียนหวง ตอนที่เจอกันคนไม่รู้ยังไม่คิดว่าสองคนนี้ยังไง แต่จริงๆคือการเจอกันของผู้วิเศษกำมะลอโดยกำเนิดปะทะ กับสิบแปดมงกุฎที่เตรียมตัวเป็นผู้วิเศษกำมะลอแต่ละคนเสแสร้งกันสุดๆ ถูกฝีมือการแสดงอันลึกล้ำของฝ่ายตรงข้ามหลอกต้มสุดๆ ไม่คิดเลยว่าเป็นสหายร่วมวงการ

ซูเพียนจื่อพาสัตว์อสูรของตัวเองไปฝึกฝีมือที่เกาะเล็กรอบทะเลสาบดาวเดือน แล้วก็ได้เผลอฆ่าปลามารดำบึงโคลนตัวที่เป็นลูกของประมุขปลามารดำบึงโคลนขั้นห้า พวกสัตงว์อสูรของตัวเองบอกว่ามีคนอยากร่วมมือ พอไปเจอถึงกับเป็นฉินเฝ่ยที่เคยช่วยเหลือเอาไว้ ตอนนี้ก็กำลังหาปลามารดำบึงโคลน พอบอกลักษณะก็คือตัวที่นางเพิ่งฆ่าไป พอพาไปเอาลูกกลอนปราณถึงรู้ว่าได้ฆ่าตัวยุ่งยากเข้าให้แล้ว

ตอนนี้ทั้งสองต้องร่วมมือกันเพื่อกำจัดปลามารดำบึงโคลนเฒ่า ซูเพียนจื่อออกอุบายให้ฉินเฝ่ยหาสัตว์อสูรขั้นสี่เอามาช่วยพาออกจากเกาะ ฉินเฝ่ยจับกบย่ำคลื่นขั้นสี่ได้ ส่วนซูเพียนจื่อก็ใช้เลือดเนื้อปลามารดำบึงโคลนทำลายหลักฐาน ป้ายความผิดให้สัตว์อสูรที่หนีภัยออกจากเกาะเบี่ยงเบนความสนใจ

ฉินเฝ่ยบอกว่าแถวนี้มีผู้อาวุโสเร้นกายฝึกวิชาอยู่เลยมุ่งหน้าไปหา พอขึ้นเกาะได้ก็ได้รับการช่วยเหลือจากเตียวเจ๋อ ผู้อาวุโสตระกูลนักฆ่า แต่ต้องหาทางกำจัดกันเอาเองเพราะจะกักตนในอีกสามวัน ซูเพียนจื่อกับฉินเฝ่ยร่วมมือกันกำจัดปลามารดำบึงโคลนเฒ่า และก็ได้รู้ว่าฉินเฝ่ยคือศิษย์คนโตของจ้าววัง ก็คือศิษย์พี่ของนางนั่นเอง ฉินเฝ่ยใช้วัตถุศักดิ์สิทธิ์กงล้อช่วงชิงฟ้าดูดธาตุน้ำ ทำให้กำจัดปลามารดำบึงโคลนเฒ่าได้ตามแผนการของซูเพียนจื่อ และใช้น้ำพุชีพชำระล้างลูกกลอนปราณให้ ทั้งสองกลับเกาะเดือนเพ็ญ ฉินเฝ่ยไปหาอาจารย์ให้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ

ซูเพียนจื่อต้องเข้าเรียนหลังจากหยุดไปหลายวัน วันนี้ต้องเรียนวิชาเกษตร ต้องลงแปลงนา แล้วก็ได้พบเจิ้งเฮ่าอี้กับปู่เฉินอวี่ และยังได้พบอวิ๋นชิงอิ๋งอีกด้วย

วิชาเกษตรวันนี้จะปรับหน้าดิน ตรงค่ายกลร้อยเซียน ซูเพียนจื่อมีความร็สึกพิเศษกับพวกเสาหินที่ขนลงมาว่าต้องมีของวิเศษแน่นอน เดี๋ยวต้องมาตรวจสอบ แล้วก็เกิดเรื่องกับศิษย์ขั้นถอดรูปนามซุนเจี้ยน เพราะถูกหนอนพิษสถิตวิญญาณกัด ท่านครูหนิวให้เชิญท่านครูโจว ท่านครูอวิ๋นและอวิ๋นชิงอิ่งมา อวิ๋นชิงอิ่งไม่ยอมใช้ศิลาร้อยสมุนไพรช่วยคน กลับเป็นซุเพียนจื่อที่ถามว่าน้ำพุชีพช่วยได้หรือไม่พอรู้ว่าได้ ก็ใช้ช่วยทันที จนทำให้พลังปราณในร่างหมด เพื่อให้คนรู้ว่านางช่วยคนจนพลังปราณไม่เหลือทำให้ไม่ติดอันดับ ส่วนอวิ๋นชิงอิ่งก็ยิ่งแค้นซูเพียนจื่อ

อวิ๋นชิงอิ่งมีอวิ๋นสืออู่ ท่านอาสิบห้าคอยให้ท้ายทำให้นิสัยเอาแต่ใจเห็นแก่ตัว ตอนนี้อวิ๋นสืออู่บอกว่าจะจัดการหลิ่วเชียนหวงตัวเองยังไม่ห้ามปราม กลับดีใจ ที่จะกำจัดศัตรูไปได้ ช่างเป็นคนที่ใจดำอำมหิต

แล้วซูเพียนจื่อก็ได้ซุนเจี้ยนเป็นสาวกคนสำคัญอีกหนึ่งคนจนได้ ที่น่าตกใจคือพวกท่านครูพบไข่หนอนพิษสถิตวิญญาณจำนวนมาก เพราะเป็นบ่าวและทูตผู้ภักดีของมารฟ้า เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการหลอมรวมกันของจิตอาฆาต สิ่งชั่วร้าย เมื่อดูดซับปราณมารฟ้าก็จะแปรสภาพเป็นไข่หนอน

ซูเพียนจื่อยังสนใจพวกเสาหิน แอบออกไป กลับได้พบกับจ้าววัง และเจิ้งเทียนกัง กับ ทังเซิน

วันนี้วันหยุด ซูเพียนจื่อตัดสินใจไปเยี่ยมบ้านของซูถง กลับได้พบเจิ้งเฮ่าอี้กับทังเซิ่งหยาง ที่หนีบิดามาทั้งคู่ ตามมาด้วย แล้วตัดสินใจไปบ้านซูถงกัน ที่บ้านซูถงทำเหมืองหิน แต่ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านโดนเบี้ยวค่าแรง ซูถงเลยตามไปดู อีกสามคนก็ตามได้ด้วย ทำให้ซูเพียนจื่อพบความผิดปกติ เจิ้งเฮ่าอี้ก็คิดออกในเวลาไม่นาน แยกย้ายกันไปสืบกับทังเซิ่งหยาง ส่วนซูเพียนจื่อเริ่มทำการช่วยเหลือชาวบ้านให้เปลี่ยนอาชีพ และกล่าวอ้างถึงเซียนใจประเสริฐ เริ่มดึงดูดสาวก

ทั้งหมดมารวมกัน ที่เหมืองหินมีปัญหาจริง เพราะเกี่ยวข้องกับตระกูลไสยเวท ให้คนงานขุดพลอยมารศพ นี่เป็นเรื่องใหญ่ เจิ้งเฮ่าอี้กับทังเซิ่งหยางและซูเพียนจื่อเลยไปแจ้งอาจารย์ทันที วันนั้นเลยมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ได้พลอยมารศพจำนวนมากกลับมา

ฉินเฝ่ยหายดี มาเป็นครูผู้ช่วยของวังศาสตร์แล้วก็ตามติดซูเพียนจื่อ เจิ้งเฮ่าอี้มาเตือนเชียนหวงว่าอีกไม่กี่วันถึงวันสอบเชิงยุทธ์ไม่ให้ออกไปไหน เพราะเรื่องพลอยมารศพ ปู่เฉินอวี่ชอบพูดอะไรกำกวม จนซูเพียนจื่อตกใจ แต่ฝูอวิ๋นมองออกบอกว่าพวกนี้สนใจซูเพียนจื่อ แต่พอซูเพียนจื่อพูดถึงตระกูลไสยเวท ฝูอวิ๋นก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง บอกว่าตระกูลไสยเวทไม่ใช่ชนรุ่นหลังของเซียน แต่เป็นชนรุ่นหลังของมารฟ้า

วันสอบเชิงยุทธ์ของวังศาสตร์ถึงแม้ซูเพียนจื่อจะไม่ได้ร่วมสอบ แต่ก็ต้องมาดู ซูเทียนหวาหรือที่เรียกว่าฮว่าเทียนทำได้ดี จนได้อันดับสามของขั้นเปลี่ยนกระดูก ซูเพียนจื่อโดนอาจารย์ให้ทดสอบมุกวัดพลัง พลังไม่ลดลงกลับเพิ่มขึ้นอีก

การขึ้นเวทีประลองของศิษย์ขั้นชำระไขกระดูก ปู่เฉินอวี่กับทังเซิ่งหยางยังเล่นละครกันอีก เพราะมีผู้อาวุโสของตระกูลมาดู ทังเซิ่งหยางอัดจริงๆไม่ได้ หลังรอบการประลองจบ มีเสียงดังเกิดบริเวณแปลงนาเกษตร จ้าววังประกาศหยุดการสอบ ซูเพียนจื่อห่วงเสาหิน

ที่จริงเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำ ด้านนั้นมีอินกุ่ย หยางเหริน ด้านสนามฝึกมีคนขึ้นไปจับศิษย์ไว้แปดคนหนึ่งในนั้นที่โดนจับคือซูป๋ออวิ๋น ที่ใช้ชื่อว่าอวี่ป๋ออวิ๋น พวกท่านครูแยกกลับมาวางค่ายกล ปู่เฉินอวี่บุกขึ้นไปช่วยคน เหลือสองคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ช่วยก็ถูกซัดลงมา โดยอูสิงที่ตอนหลังถึงรู้ว่าเป็นใคร ซุเพียนจื่อบอกอาจารย์ว่าจะเปลี่ยนตัวไปกับซูป๋ออวิ๋นแล้วช่วยออกมาเอง

แล้วอูสิงก็ยังคุยแผนการกับอินกุ่ยต่อหน้าซูเพียนจื่อเรื่องเสาหินที่นางเฝ้าจับตา บอกว่าปิดผนึกมารฟ้าอยู่ตนหนึ่ง

หลังอ่านเล่ม 3 :

เรื่องราวยิ่งสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ซูเพียนจื่อมาที่วังศาสตร์แล้ว ลัทธิเซียนใจประเสริฐก็ต้องเผยแผ่ สาวกก็ต้องมี แล้วยังมีเรื่องของมารฟ้าโผล่มาอีก มาร่วมลุ้นไปกับซูเพียนจื่อกันค่ะ

เนื้อเรื่องสนุก แล้วก็ฮาตามสไตล์เอ๋อเหมย ที่ควรต้องติดตามต่อกันยาวๆ มาต่อกันเล่มสี่ มาร่วมลุ้นกับซูเพียนจื่อว่านางจะเอาตัวรอดในสถานการณ์นี้ยังไงกันค่ะ

เล่ม 4 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มีนาคม 2564

โปรยปกหลังเล่ม 4 :

มารฟ้าที่แท้จริงตนหนึ่งเข้าร่วมกับพวกตระกูลไสยเวท

หายนะวันสิ้นพิภพคืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที!

เพื่อช่วยซูป๋ออวิ๋นแล้วซูเพียนจื่อถึงกับยอมแสดงตัวในฐานะจริง

ทว่าราวกับสวรรค์ยังติงว่าเรื่องราววุ่นวายไม่พอ จึงส่งหน่วยยอดพิฆาตคู่หนึ่งมาสังหารนาง

มิหนำซ้ำยังมีศัตรู ‘ใกล้ชิด’ กระหายความตายของนางอยู่ทุกลมหายใจ

ซูเพียนจื่ออยากจะรักษาชีวิตไว้ก็นับว่ายากแล้ว

ยังมีเรื่องบุรุษมาสารภาพความในใจยามนี้ให้ต้องว้าวุ่นขึ้นไปอีก

เรื่องเจิ้งเฮ่าอี้เป็นบุรุษที่ดีที่หนึ่งนั้นนางไม่เถียง

แต่ความอ่อนโยน จิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น... เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่นางเสแสร้งทั้งสิ้น

หากไม่ได้รักใคร่กันด้วยตัวตนที่แท้จริง ก็ร่วมกันกอบกู้หายนะแล้วแยกย้ายกันไปเสียเถิด!

เล่ม 4 :

ซูเพียนจื่อบอกกับซูป๋ออวิ๋นแล้วว่าตัวเองคือใคร แล้วก็บอกแผนการกัน ส่วนพวกอินกุ่ย หยางเหรินก็มีแผนการอยากกำจัดอูสิงประมุขตระกูลไสยเวท เพื่อตัวเองจะขึ้นเป็นใหญ่เอง ตอนที่จ้าววังอาจารย์มาถึง พวกอูสิงวางแผนกำจัดจ้าววัง เหวินเจินหราน โดยใช้คันฉ่องห้าธาตุนภากาศของปลอม กักกันเอาไว้แล้วช่วยกันโจมตี แต่สุดท้ายกับลอบทำร้ายอูสิง ส่วนซูเพียนจื่อก็แอบไปเก็บกำไลเก็บทรัพย์ที่มีเสาหินและช่วยซูป๋ออวิ๋นเข้าไปในดอกซวีหมี ซูป๋ออวิ๋นไม่สลบ ทั้งยังขนย้ายของด้านในกับบรรดาสัตว์อสูร แล้วก็โยนกำไลว่างเปล่าไปทางอินกุ่ย เท่ากับโยนความผิดไปได้

ตอนกลับเกาะเดือนเพ็ญซูเพียนจื่อบอกให้ซูป๋ออวิ๋นอย่าเพิ่งบอกซูเทียนหวา เจิ้งเฮ่าอี้ที่แน่ใจในตัวเองสารภาพกับปู่เฉินอวี่เรื่องชอบหลิ่วเชียนหวง ปู่เฉินอวี่ไม่คิดมาก ที่กังวลคือฉินเฝ่ย ยังจะบอกว่าเนื้อคู่ตามดวงชะตาคือซูเพียนจื่ออีกนะ

ซูเพียนจื่อมาดูสมบัติที่เก็บได้ และบอกให้เจ้าพวกหิมะประกอบเสาหิน คิดว่าจะปิดผนึกมารฟ้าในดาวเทียนเฉวียนดวงที่สี่ของกำไลแขนเจ็ดดารา

เจิ้งเฮ่าอี้มาตามซูเพียนจื่อไปพบอาจารย์ ระหว่างทางซูเพียนจื่อคุยกับเจิ้งเฮ่าอี้ถามเรื่องปู่เฉินอวี่มีวัตถุศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูลคุ้มครองทำให้โดนอูสิงซัดก็ไม่เป็นไร เพราะว่ามันคือเกราะฮุ่นตุ้น เต่านิล  แล้วซูเพียนจื่อก็บอกเจิ้งเฮ่าอี้ว่าอย่าทำให้เข้าใจผิด เรื่องที่ดูเหมือนมีใจมาชอบนาง สรุปเจิ้งเฮ่าอี้บอกว่าชอบนางจริงๆ

จ้าววังเล่าให้ทั้งสามฟังถึงปู้จื้อ ประมุขตระกูลเทวพยากรณ์รุ่นก่อนทำนายเรื่องวันสิ้นพิภพ ในอีกร้อยปีให้หลัง ทำเอาเจิ้งเฮ่าอี้ทำหน้าพิลึกเพราะบอกว่าปู่เฉินอวี่เคยบอกไว้เมื่อหนึ่งปีกว่า ทั้งจ้าววัง และเจิ้งเฮ่าอี้รู้ว่าปู่เฉินอวี่พิลึก ขนาดเดาสุ่มยังเดาถูก ผิดกับซูเพียนจื่อกับฉินเฝ่ยที่ไม่รู้เรื่อง จ้าววังบอกเล่าต่อว่าเพราะลอบดูลิขิตฟ้า ก่อนสิ้นลมได้บอกว่าบนดินแดนพันเมฆาจะปรากฏหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์ขั้นกายทิพย์พร้อมกันทั้งห้าคน ของเพียงร่วมมือกัน จะพลิกผันรูปการณ์เลวร้ายได้ ตอนนี้ขาดแค่กายทิพย์น้ำพิสุทธิ์ กับกายทิพย์เพลิงแท้ ทำให้จ้าววังจะออกเดินทางตามหาหลังจัดการเรื่องหนอนพิษสถิตวิญญาณกับพลอยมารศพเรียบร้อย ให้ทั้งสามอยู่ฝึกวิชาดีๆ

สนามสอบวิชายุทธ์ที่จ้าววังให้ทำการสอบต่อ ซูป๋ออวิ๋นได้รับคำชมเชย เจิ้งเฮ่าอี้ก็เอาชนะจินเยี่ยนกับเถี่ยฉางคงได้ เพราะการชี้แนะจากอาจารย์ที่ได้แรงบันดาลใจจากซูเพียนจื่อ นางจึงบอกว่าเป็นจังหวะและมุมในการออกแรง

อวิ๋นผิงไห่ ประมุขตระกูลเทวโอสถใช้ยาสมุนไพรจำนวนมาก จนทำให้สลายพลังของพลอยมารศพกลับมาใช้การได้เป็นศิลาวิเศษ ซูเพียนจื่อได้รับจากอาจารย์ถึงหนึ่งในสิบเป็นรางวัลที่นางเป็นคนพบ และเตือน แต่ซูเพียนจื่อก็ไม่ได้นำไปใช้เอง นำไปให้เหล่าสาวกซูถง ซุนเจี้ยน และยังเอาให้ซูป๋ออวิ๋นกับซูเทียนหวา และเก็บให้พวกหลิ่วมู่

อวิ๋นผิงไห่เป็นประมุขที่ดี กลับไม่ได้ดูแลอวิ๋นชิงอิ่งจนตอนนี้สายเกินเยียวยา ไปสนิทเข้าพวกกับอวิ๋นสืออู่ ที่เป็นพวกแนวคิดใช้ความรุนแรงในตระกูลเทวโอสถ

แล้วอวิ๋นสืออู่ก็วางแผนกับอวิ๋นชิงอิ่งจะกำจัด ซูเพียนจื่อจากปากของพยานในการทำลายหนอนสถิตวิญญาณกับพลอยมารศพในครั้งนี้

ส่วนซูเพียนจื่อเอาศิลาวิเศษเจ็ดส่วนมอบให้ท่านตาน้อยเอากลับภูเขาซิ่งหลิน และบอกถึงเซียนใจประเสริฐ ท่านปู่ถัวถึงกลับคิดว่าครั้งนี้จะกลับไปช่วยเผยแผ่ด้วยอีกแรง

จ้าววังส่งตระกูลโบราณจากไป ตัวเองก็จากไปด้วย คราวนี้ซูเพียนจื่อก็สบาย คนที่ตามติดซูเพียนจื่อคือปู่เฉินอวี่ ซูเพียนจื่อเริ่มล้างสมองปู่เฉินอวี่เป็นคนแรก ปู่เฉินอวี่ก็ไปเล่าให้เจิ้งเฮ่าอี้ฟัง ทั้งยังเอาคำสอนไปให้อ่าน ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกจากให้ทำดี เจิ้งเฮ่าอี้ถึงกับยึดไปเลย

วันนี้ซูเพียนจื่อก็จะออกไปที่หมู่บ้าน ปู่เฉินอวี่บอกว่าเชียนหวงจะพบความยุ่งยาก การพูดมั่วของปู่เฉินอวี่ถูกอีกครั้ง เพราะชี้มั่วๆไปในทะเลสาบ ซุนเจี้ยนก็ยิ่งระวังความปลอดภัยให้ซูเพียนจื่อ เลยระวังคนแก่และเด็กไปด้วย นั่นก็คือนักฆ่าที่ถูกจ้างวานมา

เจิ้งเฮ่าอี้ได้รับจดหมายจากจ้าววังว่าข่าวเรื่องซูเพียนจื่อเป็นผู้บอกเบาะแสเปิดเผยให้อยู่แต่ในเกาะเดือนเพ็ญ ฉินเฝ่ยได้รับจดหมายจากกบย่ำคลื่นที่มาจากเตียวเจ๋อว่าหน่วยยอดพิฆาตรับการค้า ฆ่าหลิ่วเชียนหวง ทั้งสองจึงมาเจอกัน และไปพบซูเพียนจื่อ ซูเพียนจื่อไม่กลับแต่จะกำจัดนักฆ่าทั้งสอง

ตามแผนซูเพียนจื่อเก็บนักฆ่าเด็กหมายเลขห้าสิบเอ็ดไปได้แล้ว นักฆ่าแก่หมายเลขสามทั้งสี่คนร่วมมือกันก็กำจัดได้ ตอนนั้นเองที่มีคนซุ่มรอโอกาส เผยตัวออกมาเป็นเจิ้งเฮ่าอี้ที่มองออกว่าเป็นใคร คือหลัวซา ฝีมือขั้นพ้นโลกิยะ คิดจะแทนที่ทั้งสอง เจิ้งเฮ่าอี้เลยตัดสินใจใช้มงกุฎเที่ยงธรรมก่อนเวลา ขับไล่หลัวซาไปได้ อันดับของเจิ้งเฮ่าอี้กลายเป็นอันดับหนึ่งในขั้นเปลี่ยนเส้นลมปราณ

ซูเพียนจื่อเสียใจมากที่เพราะแผนของตัวเองทำให้เจิ้งเฮ่าอี้เดือดร้อน มาขอโทษ เจิ้งเฮ่าอี้ไม่ว่าอะไร ให้ซูเพียนจื่อเรียกตัวเองว่าพี่เฮ่าอี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองกระชับขึ้นอีกขั้น แล้วเจิ้งเฮ่าอี้ก็รู้ว่ายังไงก็ต้องปกป้องซูเพียนจื่อเอาไว้

ใกล้วันปิดเรียน ซูเพียนจื่อคิดจะออกจากวังศาสตร์ทุกคนก็คิดว่านี่เป็นการล้างแค้นของตระกูลไสยเวท แต่พอฝูอวิ๋นได้ฟังก็รู้ว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะตระกูลไสยเวททำอะไรตรงไปตรงมา ซูเพียนจื่อก็คิดออก ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปได้ คอยจับตาก็รู้ว่าเป็นอวิ๋นสืออู่กับอวิ๋นชิงอิ่งสองอาหลานร่วมมือกัน

หมายเลขห้าสิบเอ็ดที่ซูเพียนจื่อจับเป็นได้ ส่งมอบให้ผู้อาวุโสวังศาสตร์ ต่อมาฉินเฝ่ยถึงมาบอกว่าเป็นญาติผู้น้องของตัวเอง ที่โดนลักพาตัวไปแต่เล็กกลายเป็นหน่วยยอดพิฆาต ความจริงมีชื่อว่าเตียวเสวี่ยเยียน อาจารย์อยากฝากไว้ในความดูแลของซูเพียนจื่อ ตอนนี้โดนเตียวเฟิงปิดผนึกพลังวัตรไปแล้ว ซูเพียนจื่อรับปาก บอกว่าจะกลับภูเขาซิ่งหลิน แต่ช่วยเก็บเป็นความลับ

อวิ๋นชิงอิ่งสืบได้ความว่าครั้งนี้ซูเพียนจื่อจะอยู่ที่วังศาสตร์ แต่ความจริงซูเพียนจื่อออกจากวังศาสตร์ไปแล้ว อวิ๋นสืออู่ยังไม่ถอดใจ ใช้มุกดารารายกับจานเข็มทิศกับสัตว์อสูรของซูเพียนจื่อ ตอนนี้ซูเพียนจื่อหาสถานที่เลื่อนขั้น และคิดไปที่เขาขวงโซ่ว พวกสัตว์อสูรสำรวจสถานที่หาได้ที่ภูเขาหมี ซูเพียนจื่อเข้าไป แล้วทะลุไปถึงที่อยู่ของอ๋องมังกรผู้เฒ่า ระหว่างการเลื่อนขั้นผ่านไปได้ดี โดยไม่รู้ว่าด้านนอกหน่วยยอดพิฆาตตามมาอีกแล้ว ครั้งนี้ปล่อยเตียวเสวี่ยเยี่ยนออกมาทำให้รู้ว่ามีหน่วยยอดพิฆาตตามมา ซูเพียนจื่อเลยคิดแผนการยืมมือให้อ๋องมังกรผู้เฒ่ากำจัดหลัวซาซะเลย

ซูเพียนจื่อจัดการเรียบร้อยก็กลับภูเขาซิ่งหลิน หลังจากนั้นหมีขั้นหกสยงต๋าก็มาตามให้ไปรักษาอ๋องมังกรผู้เฒ่า ครั้งนี้ซูเพียนจื่อสามารถช่วยเหลืออ๋องมังกรผู้เฒ่าเอาไว้ได้ และได้บอกว่าครั้งที่แล้วตัวเองมีส่วนทำให้หยกสุคนธ์ไขกระดูกมังกรเสียหาย พูดก่อนที่ทางอ๋องมังกรผู้เฒ่าจะสืบพบความจริงเอง และชี้ไปทางตระกูลเทวโอสถ คราวนี้เลยได้ยืมมืออ๋องมังกรผู้เฒ่าจัดการกับสกุลอวิ๋น

ตอนนี้ก็ใกล้เปิดเรียนที่วังศาสตร์ ซูเพียนจื่อไม่อยากแสดงฝีมือเลยเลื่อนวันกลับเรียน ทั้งยังถือโอกาสต่อเสาหิน ได้ยินเสียงมารฟ้าที่อยู่ภายในแผนการผนึกมารฟ้าเป็นขั้นตอนใกล้เรียบร้อย ได้เวลากลับวังศาสตร์แล้ว

หลังอ่านเล่ม 4 :

ซูเพียนจื่อทำความดี พลังวัตรก็เลื่อนจนจะฉุดไม่อยู่ ใครร้ายมาก็ต้องแก้แค้นกลับคืน นี่คือคติประจำใจ ไม่ใช่นางเอกแสนดีซะหน่อย ตอนนี้พลังวัตรก้าวหน้าเลื่อนขั้นอีกครั้ง แล้วแผนการผนึกมารฟ้าจะเป็นยังไง ตามอ่านเล่ม 5 เลยค่ะ ทั้งลุ้น ทั้งฮา รีบเปิดอ่านเล่มต่อไปกันเร็ว

เล่ม 5 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มีนาคม 2564

โปรยปกหลังเล่ม 5 :

ซูเพียนจื่อมั่นใจมาตลอดว่าจะไม่มีใครในสกุลซูลงมือทำภารกิจได้สำเร็จ

จนกระทั่งวันที่พบซูม่านม่านในวังศาสตร์... หากนางยังช้าไปหนึ่งก้าวก็ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว!

แต่การจะให้นางตัดสินใจขโมยวัตถุศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูลของ ‘สหาย’ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ไหนนางยังจะต้องเข้าร่วมการศึกระหว่างมนุษย์กับอสูรทะเลอีก

คนเดียวหัวเดียวแต่ต้องคิดเรื่องนับร้อยเช่นนี้ ช่างมิใช่เรื่องง่ายดายเลย

ยังโชคดีที่มีพวกเจิ้งเฮ่าอี้ซึ่งเรียกได้ว่า ‘คอยอยู่เคียงข้าง’

และกองทัพสัตว์อสูรของนางที่พึ่งพาได้เสมอคอยช่วยเหลือ

ซูเพียนจื่อจึงเกือบจะอยู่รอดปลอดภัยอย่างสบายใจแล้ว

ทว่าในวันที่นางพบศพของศิษย์วังศาสตร์ผู้นั้นก็ทำให้นางเสียใจยิ่ง

รู้ทั้งรู้ว่าพวกเขามีพลังฝีมือไม่เพียงพอ นางกลับปล่อยให้พวกเขาไปเผชิญชะตากรรม

ผู้คนต้องล้มตายมากมายเช่นนี้เป็นเพราะนางใช่หรือไม่!

เล่ม 5 :

วันเปิดเรียนที่วังศาสตร์ซูเพียนจื่อกลับมาพร้อมพาเตียวเสวี่ยเยี่ยนกลับมาด้วย อัจฉริยะในวังศาสตร์แต่ละคนฝีมือก็รุดหน้า ครั้งนี้ซูเพียนจื่อยังรู้ว่าซูม่านม่านมาร่มเป็นศิษย์ใหม่วังศาสตร์และยังไปตีสนิทกับอวิ๋นชิงอิ่งอีก

ซูเพียนจื่อปิดผนึกมารฟ้าได้ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดเพราะมารฟ้าที่ปิดผนึกช่างเป็นมารฟ้าอ่อนแอ ของด้อยคุณภาพซะจริงๆ ดีที่เป็นสาวกของเซียนไร้นามเลยทำใจได้ แต่ซูเพียนจื่อรู้สึกขาดทุนย่อยยับ

อาจารย์กับเจิ้งเฮ่าอี้กลับมา เตียวเสวี่ยเยี่ยนไม่ชอบซูเพียนจื่อหาว่าเสแสร้ง จะเปิดโปงความจริง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเชื่อ จ้าววังฟังคำพูดของซูเพียนจื่อ และก็บอกว่าระหว่างที่มาได้ปะทะกับราชาอสูรทะเล ทำให้เปิดผนึกพื้นที่เซียนมารทำศึกกัน จะคัดเลือกฝ่ายละหนึ่งร้อยคนเข้าร่วมภารกิจ ใครชนะจะเป็นผลดีกับชาวบ้านนับพันหมื่น ผลพลอยได้คือสมบัติที่อยู่ด้านใน

วันเปิดศึกศิษย์ทั้งสามของจ้าววังต้องเข้าร่วมอยู่แล้ว และรวมศิษย์เก่า ที่อายุไม่ถึงสามสิบ ก่อนเข้าไปในเขตแดนทางอสูรทะเลมีการร้องเพลง ที่แปลกมาก มารู้ทีหลังคือเป็นมนตร์ไสยเวท ที่มารฝันบอก ศิษย์ที่ขั้นต่ำทั้งหกสิบห้าคนสลบไปหมด มารฝันบอกว่าจะฟื้นเองราวครึ่งเดือน ระหว่างนี้ ซูเพียนจื่อเลยอาสาดูแล และให้ซูป๋ออวิ๋นอยู่ด้วย เพื่อจะได้เข้าไปเอาสมบัติที่สามารถฟื้นฟูมารฝันได้ ต้องเข้าไปใจการสนามรบ ที่นั้นปราณมารเข้มข้น ระหว่างทางซูเพียนจื่อได้เล่ารายละเอียดต่างๆให้ซูป๋ออวิ๋นฟัง และซูเพียนจื่อเป็นคนวางแผนเก็บสมบัติต่างๆมาให้มารฟ้าของตน จนครบก็ออกมา จากนั้นก็ได้ช่วยพวกศิษย์พี่

แต่ก็ยังมีคนที่ต้องสละชีพ กลุ่มย่อยของทังเซิ่งหยาง ซูเทียนหวา อวิ๋นชิงอิ่งเจออสูรทะเลขั้นหก ทังเซิ่งหยางบาดเจ็บถึงฐานรากเพื่อช่วยพวกพ้องให้หลบหนี อวิ๋นชิงอวิ๋งก็ยังเห็นแก่ตัวเช่นเดิม ซูเทียนหวาเดาฐานะของซูเพียนจื่อออก แต่ก็ให้ซูเทียนหวาเลือกเอง

ทั้งหมดมารวมตัวกัน แต่อสูรทะเลก็ร้ายกาจ ล่อหลอกให้สัตว์อสูรวิหคอสูรมาไล่ล่าทำให้ซูเพียนจื่อต้องเก็บคนทั้งหมดเหลือเจิ้งเฮ่าอี้กับฉินเฝ่ย แล้วทั้งสามก็ร่วมกันฝ่าออกไป ซูเพียนจื่อเป็นคนคิดแผนการหนี หลอกล่อจนในที่สุดวิหคอสูรทั้งสามก็ตายอนาถ แต่ทั้งสามที่ร่วมมือกันก็สูญเสียพลังปราณไปมาก หนีจนเข้าไปถึงใจกลางสนามรบ ซูเพียนจื่อเลยให้เจ้าหิมะชักนำไปที่โครงกระดูกของฉยงฉีที่เคยมาก่อนหน้านี้

ทั้งเจิ้งเฮ่าอี้และฉินเฝ่ยต้องฟื้นฟูลมปราณ ทำให้เรียกสัตว์อสูรมามากมาย ซูเพียนจื่อให้มารฝันวางค่ายกลมายา พอทั้งสองฟื้นฟูลมปราณฉินเฝ่ยก็เสนอให้หนีลงใต้ดิน ทำให้เจอกับตำหนักทองเหล็กกล้า ด้านในมีของวิเศษคือติ่งห้าธาตุผลาญมาร มารฝันกลัวมาก แต่ก็บอกวิธีเป็นเจ้าของให้เจิ้งเฮ่าอี้กับฉินเฝ่ย ที่บอกว่าติ่งห้าธาตุรับแค่บางส่วนต้องรวมมือกันทั้งห้าคน ตอนนี้ก็เก็บไปก่อน ที่ด้านใต้มีก้อนทองที่หนักมาก มารฝันให้ซูเพียนจื่อเก็บไปอีก สิ่งนี้คือบรรพตห้าอเวจี พอออกไปก็เจอกับวิญญาณมารฉยงฉี แต่มารฝันก็จัดการได้ และให้ซูเพียนจื่อหลอกเข้ามาในบรรพตห้าอเจวีเป็นวิญญาณวัตถุ เรื่องหลอกคนนี่ง่ายดายมาก เข้ามาครั้งนี้คนที่ได้กำไรที่สุดก็คือซูเพียนจื่อนี่แหละ

เมื่อกลับออกไป ซูเพียนจื่ออาสาขอรออยู่ พวกเจิ้งเฮ่าอี้กลับไปจัดการอสูรทะเล แต่ความจริงซูเพียนจื่ออยากทดลองความสามารถของบรรพตห้าอเวจีที่ได้มาใหม่ ให้พวกเจ้าสองไปล่ออสูรทะเลมา และให้มารฝันวางค่ายกลมายาเอาไว้ พออสูรทะเลมาก็พูดจนคนที่เหลือต้องกลับเข้าดอกซวีหมี ตัวเองหาโอกาสจัดการอสูรทะเลขั้นหก ที่ใช้พิษร้ายตัวนั้น แต่อสูรทะเลก็ร้ายมากเอาศิษย์ร่วมสำนักออกมาล่อ

หลังอ่านเล่ม 5 :

เล่มนี้อยู่ที่สนามรบเก่าเซียนมาร การต่อสู้กันระหว่างอสูรทะเลและฝั่งผู้ฝึกยุทธ์วังศาสตร์ มีคนบาดเจ็บล้มตาย แต่ซูเพียนจื่อที่เก่งเหนือใครก็ยังออกทำการคนเดียว ความลับมากมายที่ยังไม่เปิดเผยให้รู้ก็มีคนร่วมรับรู้เพิ่มขึ้น ครั้งนี้ก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากอีกเช่นเดิม ก็นางเป็นใคร เป็นตระกูลสิบแปดมงกุฎเชียวนะ

อ่านไปลุ้นไป ฮาไปอีกตามเคย มาร่วมลุ้นกันต่อในเล่ม 6 ใกล้จบแล้ว ยังสนุกมากๆอยู่เลยค่ะ

เล่ม 6 พิมพ์ครั้งที่ 1 : เมษายน 2564

โปรยปกหลังเล่ม 6 :

ฝ่าฟันออกจากสนามรบเก่าว่ายากเย็นแล้ว

การจะกลับไปเป็นประมุขสกุลซูยิ่งยากเย็นกว่า!

 

ซูเพียนจื่อต้องการเป็นประมุข เพื่อหลุดพ้นจากพลังสะกดทางสายโลหิต

ได้กุมชะตาชีวิตตนเอง อยู่หรือตายไม่ต้องรอให้ผู้อื่นมาสั่ง

ทว่ากว่านางจะตัดใจขโมยวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งก็สายเกินไปเสียแล้ว

ศิลาร้อยสมุนไพรของอวิ๋นชิงอิ่งถูกขโมยไปซะก่อน

 

ในยามที่นางต้องตัดสินใจขโมยมงกุฎเที่ยงธรรมกับเกอพันทัพไร้พ่าย

เจ้าปากอีกาปู่เฉินอวี่ก็ดันสัมผัสได้ถึงท่าทีที่แปลกไปของนาง

เจิ้งเฮ่าอี้จะรับได้หรือไม่หากนางเป็นบุตรหลานตระกูลฝ่ายอธรรม

วันคืนแห่งความเปลี่ยนผันในที่สุดก็มาถึงแล้ว

เล่ม 6 :

ซูเพียนจื่อข่มความโกรธจนถึงที่สุดก็ใช้ค่ายกลมายาโจมตี แต่ก็สูญเสียพลังปราณเรื่อยๆ จนสุดท้ายจะบุกเข้าไป เกือบเสียท่าได้เจ้าเหล็กเป็นโล่เนื้อป้องกัน เจ้าเหล็กก็เกือบตาย ทุกอย่างจัดการเรียบร้อย ซูเพียนจื่อเก็บกวาดสถานที่ และย้ายไปได้ของวิเศษจากตัวกุ่ยหมั่ง อสูรทะเลขั้นหกที่กำจัดได้ และก็รู้ว่าตัวเองเกือบตายเพราะมุกปราณคลื่นสมุทรก่อนตาย เจ้าครามน้อยขอกับซูเพียนจื่อว่าอยากปลุกสายเลือดมังกรวารีในตัวโดยการกลืนกินกุ่ยหมั่ง ซูเพียนจื่ออนุญาตแต่ก็ต้องรับความทรมานกว่าจะผ่านมาได้ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่

พวกเจิ้งเฮ่าอี้ได้ยินจากเฉียนหลงว่ากุ่ยหมั่งมาจัดการซูเพียนจื่อก็เป็นห่วงรีบจัดการ รีบกลับไปดู แต่ซูเพียนจื่อกลับปิดบังไม่บอกความจริง ปู่เฉินอวี่กลับรู้ว่าซูเพียนจื่อปะทะกับกุ่ยหมั่งแน่นอน ได้ทิ้งร่องรอยใหญ่ไว้อีกครั้ง

ช่องทางเปิด ฝ่ายวังศาสตร์กลับไปด้วยจำนวนคนมากถึงแปดสิบแปดคน ทางด้านอสูรทะเลเหลือเพียงห้าคน ราชาอสูรทะเลต้องยอมรับความพ่ายแพ้ตามสัญญา พวกอินกุ่ยหยางเหรินไปหาราชาอสูรทะเลไม่รู้ตกลงอะไรกัน

พวกซูเพียนจื่อไปพักที่เมืองเทียนปอ พวกอินกุ่ยหยางเหรินมาปล่อยพิษกู่โรคระบาด ทำให้ชาวเมืองติดโรค นี่จึงเป็นการร่วมมือกันของผู้วิเศษกำมะลอกับสุดยอดสิบแปดมงกุฎครั้งแรกของปู่เฉินอวี่กับซูเพียนจื่อ เรียกความความรพต่อเซียนใจประเสริฐได้อย่างเต็มเปี่ยม ใช้นำพุชีพจนตาน้ำจะแห้งหลังจากพักฟื้น ในที่สุดก็กลับวังศาสตร์

จ้าววัง อาจารย์ได้บอกเรื่องที่จะเดินทางไปถ้ำพันจิ้งจอก ตระกูลซูเพื่อเตือนว่ามีคนร่วมมือกับตระกูลไสยเวท  และฝากให้ซูเพียนจื่อช่วยพาเตียวเสวี่ยเยี่ยนมาหาทังเซิ่งหยางด้วย  

อวิ๋นชิงอิ่งรีบตัดสัมพันธ์กับทังเซิ่งหยางทันทีที่รู้ว่า ทังเซิ่งหยางไม่มีพลังวัตรแล้ว แต่เตียวเสวี่ยเยี่ยนกลับคอยต่อสู้เป็นเพื่อน และทั้งสองก็ตัดสินใจมาหาซูเพียนจื่อเพื่อให้ซูเพียนจื่อช่วยรักษา ขั้นตอนการรักษาเพราะเพลิงแท้ทำให้ทรมาน ถึงกับต้องถูกเนื้อต้องตัวกัน เสื้อผ้าก็เผาไหม้ไปทั้งหมด แต่ผลลัพธ์ที่ได้ ทังเซิ่งหยางถึงกลับเลื่อยขั้นเป็นกายทิพย์เพลิงแท้ และด้วยความที่ซูเพียนจื่อกลัวว่าตัวเองจะโดนคนอื่นอยากอาศัยน้ำพุชีพในการเลื่อนขั้นพรสวรรค์เลยต้องหาข้ออ้างดีๆ เมื่อปรึกษามารฝันจนรู้เรื่องราวของเซียนบรรพชนสองตระกูลเลยได้ไอเดียให้ท่านครูโจวเป็นคนพูด

ซูม่านม่านถูกซูเทียนหวาปฏิเสธในการหลอกเอาศิลาร้อยสมุนไพรของอวิ๋นชิงอิ่ง แล้วก็คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆจนนึกถึงร่องวารีขึ้นมา และรู้ว่าซูเทียนหวาต้องช่วยซูเพียนจื่อแน่นอน อวิ๋นชิงอิ่งที่กลับมาก็มาตามตื้อทังเซิ่งหยางแต่ครั้งนี้ถูกทังเซิ่งหยางปฏิเสธ ทำให้ถูกซูม่านม่านหลอกเอาได้ ด้วยความโง่ของตัวเองเลยโดนเอาศิลาร้อยสมุนไพรไปจากมือ และก่อนที่ซูม่านม่านจะหนีไปยังทิ้งเรื่องให้ซูป๋ออวิ๋นกับซูเทียนหวาเป็นแพะรับบาป ซูเพียนจื่อที่เพิ่งคิดจะชิงศิลาร้อยสมุนไพรกลับช้าไปก้าวหนึ่ง ครั้งนี้เรื่องวุ่นวายต้องช่วยซูเทียนหวากับซูป๋ออวิ๋นออกจากคราวคับขัน แต่ความจริงก็ไม่มีใครเชื่อว่าสองคนนี้จะเป็นคนทำ ทั้งซูเพียนจื่อยังให้ซูป๋ออวิ๋นกับซูเทียนหวานัดแนะกันดีๆ

ตอนที่คนของตระกูลเซียนมือปราบ กับตระกูลนักปกครองมาได้ฟังเรื่องราว ซูเทียนหวาได้พูดถึงซูม่านม่านว่าถูกบังคับจากตระกูลไสยเวทให้ลงมือ เมื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุกับพบร่องรอยของตระกูลไสยเวทจริงๆ เพราะซูม่านม่าน กับซุหู่ลู่ได้ร่วมมือกับตระกูลไสยเวทจริง

ซูเพียนจื่อต้องชิงมงกุฎเที่ยงธรรม กับเกอพันทัพไร้พ่ายของเจิ้งเฮ่าอี้กับทังเซิ่งหยาง แผนการกำหนดขึ้น วันที่ลงมือมีปู่เฉินอวี่ตามมาด้วย และรู้สึกว่าในน้ำชามียาสลบ และยังมีค่ายกลมายา หลังจากที่ซูเพียนจื่อส่งมงกุฎเที่ยงธรรมกับเกอพันทัพไร้พ่ายคืน ปู่เฉินอวี่เป็นคนที่รู้สึกว่าเวลาไม่ถูกต้อง ให้เจิ้งเฮ่าอี้ตรวจดู ซูเพียนจื่อไม่รู้ว่ามงกุฎเที่ยงธรรมมีความสามารถในการบันทึกเหตุการณ์เหมือนกับการบันทึกวิดีโอ สามคนได้ดูถึงกับตกใจที่รู้ว่าหลิ่วเชียนหวงคือซูเพียนจื่อ และนางก็ไม่ได้ขโมยวัตถุวิเศษสองอย่างไปแต่แค่เอามาดูต้นแบบเพื่อทำของเลียนแบบ อย่างนี้ถึงเรียกว่าสิบแปดมงกุฎที่แท้จริง การหลอกคนจริงๆเป็นยังไง แล้วปู่เฉินอวี่ก็บอกว่าตัวเองทำนายแม่นมาก ถึงกับบอกว่าน้องเชียนหวงเป็นของเจ้าได้ยังไง คราวนี้ปริศนาในตัวหลิ่วเชียนหวงที่เจิ้งเฮ่าอี้คิดไม่ตกก็ได้รับการแก้ไขทุกอย่าง ว่ามีที่มาที่ไป ตอนเจอกันครั้งแรกตัวเองทำให้ซูเพียนจื่อมีอคตินี่เอง แล้วก็ดีใจสุดๆที่ซูเพียนจื่อเป็นเนื้อคู่ตามดวงชะตาของตัวเอง ตอนนี้ก็คิดได้แล้วว่าซูเพียนจื่อต้องกลับไปชิงตำแหน่งประมุขที่ถ้ำพันจิ้งจอก

ซูเพียนจื่อออกเดินทางหลังซูม่านม่าน แต่เพราะว่าเลื่อนขั้นพลังวัตรแล้วการเดินทางเลยถึงพร้อมกัน และลอบเข้าถ้ำพันจิ้งจอกพร้อมกับสี่ประมุขตระกูลฝ่ายอธรรมที่ผู้อาวุโสซูซูอี้เชิญมาเป็นพวก เพื่อหนุนหลังซูม่านม่าน แต่ท่านปู่ซุถิงหยวนรู้การมาถึงของซูเพียนจื่อ และไม่กลัวการกดดันนี้ ตอนแรกสามประมุขทั้งเตียวเฟิง ฉินเหล่ย หานอี้ก็ยังไม่แสดงทีท่าอะไร แต่พอรู้ว่าซูเพียนจื่อคือหลิ่วเชียนหวง แต่ละคนก็แปรพรรคทันที กลับสนับสนุนซูเพียนจื่อกันทั้งนั้น สุดท้ายซูเพียนจื่อก็ได้ตำแหน่งประมุข และสามารถเก็บศิลาร้อยสมุนไพรมาได้ด้วย เพราะบอกว่าเป็นการลงโทษซูม่านม่านกับซูหู่ลู่ที่ทรยศ

ซูเพียนจื่อรู้ว่าท่านปู่อยู่ได้อีกไม่นาน ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน ส่วนซูหู่ลู่ให้ซูม่านม่านไปที่ตระกูลไสยเวท ที่นั้นสามารถเปลี่ยนสายเลือดได้ เท่ากับเหลือทางรอดให้ตัวเอง

เจิ้งเฮ่าอี้อยากมาช่วยซูเพียนจื่อกลับโดยเรียกตัวซะก่อน ทำให้รู้ว่าตระกูลอวิ๋นจะไปทวงศิลาร้อยสมุนไพรที่ถ้ำพันจิ้งจอก เรียกร้องให้ตระกูลใหญ่ฝ่ายธรรมะช่วยเหลือ ซูเพียนจื่อถือโอกาสให้ศิลาร้อยสมุนไพรยอมรับเป็นเจ้าของ ทั้งอนุภาพที่ได้รับยังมากกว่าตอนที่อวิ๋นชิงอิ่งเป็นเจ้าของเองอีกด้วย

สามตระกูลใหญ่มาบุกถ้ำพันจิ้งจอก แต่ถ้ำพันจิ้งจอกไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้เพราะซูหู่ลู่ลอบเล่นงาน ซูเพียนจื่อออกไปต้านรับคนเดียว เพื่อให้มารฝันจัดการกับซูหู่ลู่และย้ายสถานที่ถ้ำพันจิ้งจอกไปก่อน

เจิ้งเฮ่าอี้ออกมารับหน้าแทนผู้อาวุโวสกุลอวิ๋น พอซูเพียนจื่อเห็นเลยซ้อมซะเลย แต่เจิ้งเฮ่าอี้ก็ยอม และก็บอกว่าตัวเองรู้แล้วว่าซูเพียนจื่อคือใคร ซูเพียนจื่อเองก็สบายใจที่พอเจิ้งเฮ่าอี้รู้ความจริงไม่ได้รังเกียจสายเลือดของตน ยังแสดงท่าทีเหมือนเดิมและมากกว่า และหาทางช่วยคลายสถานการณ์ ทั้งยังนัดหมายจะพบกัน

เจ้าหิมะเป็นคนที่เจอจดหมายของเจิ้งเฮ่าอี้ ครั้งนี้เจิ้งเฮ่าอี้เลยได้ปรับความเข้าใจกับซูเพียนจื่อ และได้แสดงความรักกันอย่างเปิดเผย และบอกว่าเจอกันอีกครั้งที่วังศาสตร์

ซูเพียนจื่อขึ้นรับตำแหน่งประมุขสกุลซู และอยู่เป็นเพื่อนท่านปู่จนช่วงสุดท้าย เพื่อให้ซูเพียนจื่อคลายเศร้าเหล่าสัตว์อสูรเลยบอกว่าอยากแกะของขวัญที่ได้รับ จนมาถึงชิ้นสุดท้ายที่ไม่มีที่มา และโดยไม่ทันระวังเสียงมารฝันเตือน ซูเพียนจื่อก็สลบไป

หลังอ่านเล่ม 6 :

เรื่องราวเริ่มคลี่คลายมากขึ้นเรื่อยๆ ซูเพียนจื่อเฉลยตัวเองให้ฝ่ายอธรรมรู้แล้ว แถมพวกศิษย์พี่เฮ่าอี้ ศิษย์พี่ทัง ศิษย์พี่เฉินอวี่ก็รู้แล้ว แต่ทุกคนก็ยังเหมือนเดิม ทำให้นางรู้สึกสบายใจ คราวนี้ยิ่งเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

มารไสยภพโลหิต ลาสบอสก็ออกแล้ว เรื่องราวต่างๆเฉลยปมมากมาย ดูแล้วที่จะทำให้เกิดวันสิ้นพิภพก็คือมารฟ้าตนนี้สินะ ตามอ่านเล่มสุดท้าย เพื่อปิดบทสรุปกันค่ะ

เล่ม 7 พิมพ์ครั้งที่ 1 : เมษายน 2564

โปรยปกหลังเล่ม 7 :

หมอกเมฆดำเคลื่อนย้าย แสงสว่างเริ่มปรากฏชัด

ผู้คนทั้งดินแดนพันเมฆาเริ่มมีความหวังในการต่อสู้กับหายนะวันสิ้นพิภพมากขึ้น

ทว่าซูเพียนจื่อเพิ่งสืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูลได้ไม่นานก็ถูกยันต์โลหิตของมารฟ้าเข้าร่าง

นาง เจิ้งเฮ่าอี้ และปู่เฉินอวี่กลายเป็นเพียงหมากในกระดานของอูสิงเท่านั้น

ผู้ที่จะกอบกู้กลายเป็นผู้ทำลายเสียเองแบบนี้

ใครจะช่วยนางและผู้คนในดินแดนแห่งนี้ได้อีกเล่า

ด้านความรักแม้จะลึกซึ้งเพียงใดก็ต้องมีชีวิตต่อไปจึงจะลึกซึ้งได้

หากต้องตายกันหมดทั้งดินแดนเช่นนี้แล้วจะมีความหมายใด

แต่ก็อย่าได้ลืมว่าตั้งแต่ต้นจนจบซูเพียนจื่อมิใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ

เช่นนั้นเหล่ามารทั้งหลายจงจดจำไว้เถิดว่าผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า... คือนางผู้เดียว

ต่อให้มีสิ่งใดมาล่อหลอกหรือล่อลวงจิตใจ นางก็จะไม่หวั่นไหวเป็นแน่!

เล่ม 7 :

ซูเพียนจื่อให้มารฝันตรวจสอบก็ยังไม่รู้ว่ายันต์สีแดงที่เข้าร่างมาคืออะไร แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แล้วก็ได้เวลากลับเกาะเดือนเพ็ญ เวลากักตนเลื่อนขั้นก็ผ่านไป เจิ้งเฮ่าอี้ก็มาหา และตอนนี้เองที่คนตระกูลปู่รีบมาหาซูเพียนจื่อบอกว่าปู่เฉินอวี่เกิดเรื่องอยู่ที่หุบเขาฉางชุน เจิ้งเฮ่าอี้เลยไปด้วยเพราะรู้ว่าซูเพียนจื่อไม่ถูกกับพวกตระกูลเทวโอสถ

ตอนที่ซูเพียนจื่อเข้าไปตรวจอาการของปู่เฉินอวี่ที่โดนลอบทำร้ายที่บริเวณหุบเขาฉางชุนโดยพวกตระกูลไสยเวท เจิ้งเฮ่าอี้ ซูเพียนจื่อก็รู้ว่ามีเงื่อนงำแล้ว แต่ก็ต้องไป ตอนนี้เจิ้งเฮ่าอี้ให้ผู้อาวุโสของสกุลปู่ ปู่เสวียนที่ปู่เฉินอวี่เอาตัวมาบังทำนาย ซูเพียนจื่อ ผลคือไม่ดีมากๆ

ด้านประมุขอวิ๋น ก็ได้รับรายงานว่าคนที่เฝ้าอวิ๋นชิงอิ่งเกิดเรื่องเลยไม่ได้มาหาทางด้านเจิ้งเฮ่าอี้ แต่ไม่ดูทางอวิ๋นชิงอิ่งก่อนทำให้ถูกลอบทำร้าย แทงข้างหลัง คนที่แทงก็คืออูสิง ที่ร่วมมือกับอวิ๋นสืออู่และอวิ๋นชิงอิ่ง

ปู่เฉินอวี่ที่โดนพิษกู่ จับซูเพียนจื่อเพราะโดนสะกดให้ใส่ทารกมารลงในศิษย์มาร ตอนนั้นเองที่มารฝันกับฝูอวิ๋นช่วยสกัดทารกมารเอาไว้ได้ ซูเพียนจื่อถูกมารไสยภพโลหิตหมายตาตั้งแต่เด็ก เลือดปนไปด้วยเลือดมาร ตอนนี้ถูกล่อลวงให้ทำความชั่วในห้วงความคิด แต่เพราะท่านพ่อท่านแม่ที่ยังเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณอยู่คอยปกป้อง ในที่สุดซูเพียนจื่อก็รู้ตัวแต่ขยับตัวไม่ได้

เจิ้งเฮ่าอี้ขัดขวางอูสิงกับอวิ๋นสืออู่ อวิ๋นชิงอิ่งไม่ให้เข้าไปในเขตหวงห้าม และโดนทำร้ายแต่ก็ผ่ายค่ายกลกักกันมาด้วยกัน เจิ้งเฮ่าอี้ปกป้องซูเพียนจื่อไม่ให้อูสิงเข้าใกล้

ซูเพียนจื่อใช้หญ้าฉางชุน ช่วยจับอูสิง อูสิงหนีรอดโดยนการจับตัวอวิ๋นชิงอิ่งกับอวิ๋นสืออู่และสูบพลังปราณของทั้งสองจนแห้งเหี่ยว

เจิ้งเฮ่าอี้สามารถพูดจนกลายเป็นเพราะซูเพียนจื่อปลุกศิลาร้อยสมุนไพรทำให้ ช่วยเหลือคนทั้งหมดได้ ประมุขอวิ๋นที่ร่อแร่ ก็มาบอกว่าขอให้เสร็จศึกวันสิ้นพิภพแล้วค่อยคืน และก็มอบตำแหน่งให้ประมุขคนต่อไปก่อนที่จะถูกชิงตราประมุขไป

ซูเพียนจื่อให้เจิ้งเฮ่าอี้ช่วยเพื่อตัวเองจะขับเลือดมารออกจากตัวโดยใช้น้ำพุชีพกับศิลาร้อยสมุนไพรช่วย ก่อนจะสำเร็จต้องพบกับความทรมานแต่ก็สามารถผ่านมาได้ หลังจากนั้นก็รักษาปู่เฉินอวี่ เพราะใช้น้ำพุชีพกับมีเกราะฮุ้นตุ้นทำให้ปู่เฉินอวี่ก็คือกายทิพย์น้ำพิสุทธ์ คนสุดท้ายที่อาจารย์ตามหานั้นเอง

ซูเพียนจื่อ ขอให้เจิ้งเฮ่าอี้กับฉินเฝ่ยกำจัดทองเหล็กกล้าออกจากบรรพตห้าอเวจี และก็เก็บเข้ากำไลเจ็ดดาราสำเร็จ พอเรื่องนี้ทำให้ซูเพียนจื่อได้รู้เรื่องของท่านพ่อที่ฝูอวิ๋นฝากเอาไว้ ว่าเรื่องราวในอดีตเป็นยังไง และซูเพียนจื่อจะหาทางรวบรวมวิญญาณให้ท่านพ่อท่านแม่ให้ได้

ทั้งหมดต้องออกฝึกวิชา ซูเพียนจื่อต้องไปแผยแผ่เซียนใจประเสริฐ ส่วนเจิ้งเฮ่าอี้กับฉินเฝ่ยไปที่สนามรบเก่าของเซียนและมาร

ระหว่างการฝึกซูเพียนจื่อยังได้เห็นซากศพของอสูรทะเลที่โดนมารฟ้าดูดปราณไป เป็นล้านเพื่อเพิ่มพลังวัตรให้สาวกของตน พอถึงช่วงที่จะเลื่อนสู่ขั้นโลกิยะซูเพียนจื่อก็กลับไปที่ถ้ำพันจิ้งจอก และยังได้จัดการกับผู้แข็งแกร่งขั้งทรงฤทธาห้าคนที่รวมอวิ๋นชิงอิ่งและซูม่านม่าน ที่สุดท้ายโดยจับเป็น ซูม่านม่านโดนกฎตระกูลประหาร ส่วนอวิ๋นชิงอิ่งยังคงมีชีวิตอยู่

จ้าววัง อาจารย์นัดหมายทุกคนไปรวมตัวกันที่บรรพตเซียน เพื่อร่วมกันฝึกการใช้ติ่งห้าธาตุผลาญมาร จนปู่เฉินอวี่ปากอีกาบอกว่าไม่อยากฝึกแล้ว ตอนนั้นก็ไม่ต้องฝึกอีกเพราะว่ามารไสยภพโลหิตมาแล้วเหมือนกัน ซูเพียนจื่อ เจิ้งเฮ่าอี้ ฉินเฝ่ยอยู่ช่วงพ้นโลกิยะ ระหว่างต่อสู้ เจิ้งเฮ่าอี้ปลุกพลังมงกุฎเที่ยงธรรม ขึ้นถึงขั้นทรงฤทธา ส่วนซูเพียนจื่อที่มีเหล่าสาวกเซียนใจประเสริฐก็พลังพุ่งพรวดจนระหว่างการต่อสู้ต้องเรียกสัตว์อสูรกลับมาเพื่อเลื่อนขั้น และสุดท้ายก็จัดการมารฟ้าได้เพราะการเก็บเข้ากำไลเจ็ดดารา และใช้ติ่งห้าธาตุผลาญมารเผาด้วยไฟแท้

หลังเสร็จศึกยังต้องฟื้นฟูทั่วดินแดนพันเมฆา ซูเพียนจื่อยังกลับไปเรียนพร้อมกับคะแนนยอดเยี่ยมทั้งแปดวิชา เจิ้งเฮ่าอี้ ฉินเฝ่ย ทังเซิ่งหยางขึ้นเป็นฮ่องเต้สามแคว้น

หลังอ่านเล่ม 7 :

เล่มนี้ออกจะรวบรัดไปนิด โดยรวมเฉลยปมทุกอย่างหมดแล้ว แต่คิดว่าคล้ายกับอ่านแฮรี่พอตเตอร์เวอร์ชั่นจีน มีส่วนคล้ายคลึงบ้างทั้งวังศาสตร์ และมารฟ้า ความรักของพ่อแม่ที่ปกป้องลูก  แต่เรื่องราวความสนุกนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ อ่านได้ทีเดียวเจ็ดเล่มรวด แบบไม่หลับไม่นอนได้เลยทีเดียว ใครที่ชอบแนวแฟนตาซีแนะนำเรื่องนี้เลยนะคะ ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

เนื้อเรื่อง :

เรื่องราวของซูเพียนจื่อสาวน้อยกำพร้าจากโลกที่มายังดินแดนพันเมฆา ซึ่งที่จริงตัวเองคือตระกูลสิบแปดมงกุฎ และเป็นคนของดินแดนนี้อยู่แล้ว แต่เพราะอะไร ยังไง ทำไมถึงไปอยู่ที่โลบกได้ ทำให้มีแนวคิดที่แปลกกว่าใคร กล้าหาญ มีมโนธรรม เห็นโลกมามากกว่าทุกคนบนดินแดนนี้ ซูเพียนจื่อ ต้องตามหาบิดามารดาที่หายสาบสูญไปกลับคืนมาตามคำบอกของฝูอวิ๋นอาชาเทพคู่ใจที่มารออยู่ตอนที่นางมายังดินแดนพันเมฆาครั้งแรก และยังได้พบกับเจิ้งเฮ่าอี้ที่ได้รับการทำนายจากปู่เฉินอวี่ผู้วิเศษกำมะลอว่าถ้ามาจะพบกับเนื้อคู่แท้ที่ร่วมกันกอบกู้วันสิ้นพิภพที่จะมาเยียนในไม่ช้า

ด้วยความอัจฉริยะของซูเพียนจื่อ ทำให้ตอนแรกที่โดนปิดผนึกพรสวรรค์ไว้ก็สามารถสอบได้คะแนนเต็มทุกครั้ง จนในที่สุดก็ได้เป็นเจ้าของวัตถุศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูลไร้นาม ที่การเลื่อนขั้นแตกต่างจากชาวบ้าน คือการหลอกกคน การเดินทางเริ่มต้นเมื่อต้องออกไปทำภารกิจให้สำเร็จเป้าหมายคือเป็นที่หนึ่งเท่านั้น คู่ต่อสู้ในจินตนาการคือเจิ้งเฮ่าอี้ แล้วก็มีเซียนใจประเสริฐเป็นผู้มอบพลังให้

เป็นนางเอกที่ไม่ได้นิสัยดี จิตใจซื่อตรง เพราะนางคือสิบแปดมงกุฎหลอกคนได้ง่ายยิ่งกว่าอะไร แต่ยังไงก็มีมโนธรรมไม่ทำเรื่องที่เลวร้ายผิดทำนองครองธรรม ทั้งยังมีแก๊งค์สัตว์อสูรที่เป็นสาวกคลั่งอยากเป็นอสูรเซียนอยู่ข้างกาย เรื่องราวสนุกสนาน การเดินทางเลื่อนขั้น เพิ่มปราณที่ลุ้นชวนตื่นเต้น แถมพระเอกของเรื่องยังอยู่ฝ่ายธรรมะซะอีก แต่แท้จริงนิสัยนั้นจะใช่ที่อยู่ตระกูลนักปกครอง ยึดมั่นความถูกต้องจริงหรือไม่ต้องตามอ่านกันในเล่มค่ะ

หลังอ่าน :

สนุกมากๆ เนื้อเรื่องสไตล์เอ๋อเหมย มีสัตว์อสูร ของวิเศษ ความฮาของศิษย์พี่แต่ละคน คาแรกเตอร์ที่อ่านแล้วจำได้ทันทีว่าใครคือใคร อ่านแล้ววางไม่ลงทีเดียวคะ มาร่วมเดินทางไปกับฝูอวิ๋นและซูเพียนจื่อกันเถอะ แนะนำๆ มาอ่านกันเถอะค่ะ

แล้วจะรู้ว่าเซียนใจประเสริฐมีจริงหรือไม่ เรื่องจริงหรือเรื่องหลอกกันแน่

15/6/64