Sunday, April 25, 2021

#ฉางอันสิบสองชั่วยาม #3เล่มจบ #นิยายแปลจีนโบราณ #แนวแอ็กชั่นสืบสวนอิงประวัติศาสตร์ #ดำเนินเรื่องในสิบสองชั่วยาม #บู๊แอ็กชั่น #สืบหาความจริง

 Review 12/2564

เรื่อง : ฉางอันสิบสองชั่วยาม (3 เล่มจบ) #นิยายแปลจีนโบราณ #แนวแอ็กชั่นสืบสวนอิงประวัติศาสตร์ #ดำเนินเรื่องในสิบสองชั่วยาม

ผู้แต่ง : หม่าป๋อยง (Ma Bo Yong)

ผู้แปล : ซินโป – หย่งชุน

สำนักพิมพ์ : เอ็นเธอร์บุ๊คส์

เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 1 : ตุลาคม 2561

จำนวนหน้า : 451 + 385 + 344 หน้า

โปรยปกหลังเล่ม 1 :

รัชศกเทียนเป่าปีที่สามแห่งราชวงศ์ถัง เดือนอ้าย วันที่สิบสี่

เมืองฉางอัน

ราษฎรแห่งนครหลวงต้าถังไม่รู้เลยว่ายามที่แสงโคมเรืองรองของเทศกาลซั่งหยวนส่องสว่างนั้น สิ่งที่รอคอยพวกมันอยู่คือมหันตภัยที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง!

นักรบสุนัขป่าทูเจวี๋ย การลักพาตัวบุตรีแม่ทัพ ลอบสังหาร เพลิงผลาญเชว่เล่อฮั่วตัว...ฟันเฟืองแห่งการทำลายล้างบดขยี้เมืองฉางอันเริ่มหมุนแล้ว

ความหวังทั้งมวลที่จะช่วยฉางอันได้มีเพียงนักโทษตาเดียวผู้หนึ่งซึ่งกำลังจะถูกประหาร

และเวลาเพียงสิบสองชั่วยามอันแสนสั้น...

เล่ม 1 :

รัชศกเทียนเป่าปีที่สาม เดือนอ้าย วันที่สิบสี่ ปลายยามซื่อ

เมืองฉางอัน อำเภอฉางอัน ตลาดตะวันตก

ขบวนพ่อค้าของเฉาพั่วเหยียนเข้าเมืองฉางอัน ลักษณะไม่น่าวางใจ แต่เพราะชุยลิ่วหลางออกมารับหน้า เลยสามารถเข้าเมืองได้ ที่แท้นี่คือชาวทูเจวี๋ยที่กองพิทักษ์นครา จิ้งอันซือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหลี่ปี้ ต้องการจับเป็นมาสอบสวน ชุยลิ่วหลางเป็นสายให้จิ้งอันซือ แต่สุดท้ายกลับพลาดท่า เพราะการล้อมจับของชุยชี่ ที่ทำให้ชาวทูเจวี๋ยไหวตัว ชุยลิ่วหลางถูกฆ่าตาย

ชุยชี่รายงานสถานการณ์จริง ตอนนี้หลี่ปี้ต้องการคนที่ใช้งานได้ สวีปินจึงเสนอจางเสี่ยวจิ้ง ก่อนหน้านี้กินตำแหน่งสือฉางประจำกองรักษาเขตแดนอันซี ถูกเรียกเข้าฉางอันเป็นหัวหน้าปู้เหลียงเหรินประจำอำเภอวั่นเหนียนมาเก้าปี แต่ตอนนี้เพราะปีที่แล้วกระทำผิด อยู่ในคุกฉางอันรอการประหาร หลี่ปี้คิดถึงความสามารถจึงตัดสินใจเรียกใช้จางเสี่ยวจิ้ง นักโทษรอประหารตาเดียวที่มีความสามารถไม่ธรรมดาผู้นี้

จางเสี่ยวจิ้งมาพบหลี่ปี้ ตอนแรกไม่ยอมรับปาก ขอกลับเข้าคุกดีกว่า แต่สุดท้ายก็ยอมเพราะอยากช่วยชาวเมืองฉางอัน และพออ่านเรื่องราวก็ได้ข้อสรุปทันใดว่าที่แผนการผิดพลาดเพราะนักรบสุนัขป่าทูเจวี๋ยหูไว การที่ไล่ฝูงสัตว์ออกไปทำให้เงียบกะทันหันนี่คือข้อผิดพลาด

จางเสี่ยวจิ้งขอทำทุกอย่างนอกเหนือกฎเพราะมีเวลาเพียงสี่ชั่วยามก่อนงานเทศกาลซั่งหยวนจะเริ่มขึ้น ก่อนออกปฏิบัติการยังให้สวีปินไปแจ้งข่าวกับเหวินหรั่นเพื่อให้ออกจากเมือง และบอกให้สวีปินบอกครอบครัวด้วย

เวลาจำกัด จางเสี่ยวจิ้งออกปฏิบัติการตามหาชาวทูเจวี๋ย จิ้งอันซือส่งเหยาหรู่เหนิงความสามารถเห็นคนผ่านตาไม่ลืม มาคอยจับตามอง และตัวเองก็อยากเอาแบบอย่างจากจางเสี่ยวจิ้ง แต่เห็นการทำงานในตอนแรกค่อนข้างสับสนในตัวเอง ทั้งแหกกฎไม่เคารพกฎเกณฑ์ แต่วิเคราะห์เก่ง เข้าใจชาวทูเจวี๋ย ตอนแรกที่จางเสี่ยวจิ้งคิดคือชาวทูเจวี๋ยต้องการกาแผนที่เมืองฉางอัน วิธีง่ายที่สุดคือเอาจากพ่อค้าที่แอบเก็บเอาไว้ ตามเบาะแสต่างๆ ทำให้มาถึงช้าไปหนึ่งก้าว และออกไล่ตามแผนที่ที่ชาวทูเจวี๋ยได้ไปก่อนหนึ่งก้าว จนถึงลัทธิบูชาไฟ และก็โดนเรียกตัวกลับโดยผู้ตรวจการเฮ่อจือจาง เมื่อจางเสี่ยวจิ้งรู้ว่าเฮ่อจือจางคือนายใหญ่ก็รู้ได้ทันทีว่าเบื้องหลังคือรัชทายาท เฮ่อจือจางไม่อยากให้จางเสี่ยวจิ้งทำงานแต่ก็ไม่มีคนให้เรียกใช้ และจางเสี่ยวจิ้งก็สามารถช่วยแก้ปัญหาให้เจ้าลัทธิมาเป็นพวกได้ ทำให้รู้ว่าควรตามต่อที่ใด

ด้านเหวินหรั่นรู้ว่าต้องออกจากฉางอันเพราะผู้มีพระคุณให้คนมาบอกแต่ก็ตัดใจจากร้านเครื่องหอมไม่ได้ อยากจะไปส่งเครื่องหอมให้ หวังอวิ๋นซิ่วบุตรีแม่ทัพเจี๋ยตู้สื่อก่อน และก็เป็นหวังอวิ๋นซิ่วที่เป็นที่ต้องการตัวของโย่วซา ที่อยากทำให้หวังจงซื่อที่อยู่แนวหน้าต้องเสียใจที่สู้กับชาวทูเจวี๋ย และตัวเองก็ยังจะทำเชว่เล่อฮั่วตัวเผาฉางอัน เพื่อการใหญ่ เฉาพั่วเหยียนต้องพลีชีพในปฏิบัติการครั้งนี้

ด้านเหรินหวั่นถูกนักเลงท้องถิ่นพรรคเพลิงอัคคีไล่ตาม และก็ไปหาหวังอวิ๋นซิ่ว ตอนที่นักรบสุนัขป่าจับตัวจึงโดนจับไปทั้งคู่

จางเสี่ยวจิ้งสืบหามาถึงหลงปัว และหลงปัวก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำเชว่เล่อฮั่วตัวในครั้งนี้ จิ้งอันซือก็ไม่ได้หยุดนิ่ง คิดวิธีว่าอะไรทำลายฉางอันได้เร็วที่สุด ทุกคนได้ข้อสรุปคือการเผา และก็ตรวจสอบเชื้อเพลิง ต่อไป จนสวีปินจำเรื่องราวที่จางเสี่ยวจิ้งเคยเล่าได้

จางเสี่ยวจิ้งค้นไปถึงรังแห่งหนึ่งของทูเจวี๋ย และได้รู้ว่าเหวินหรั่นและหวังอวิ๋นซิ่วถูกจับ แต่พวกทูเจวี๋ยเข้าใจผิดคิดว่าเหวินหรั่นคือบุตรีของหวังจงซื่อเพราะกลิ่นตัวที่หอมกว่า

ชูชี่ที่ไม่ยอมรับจางเสี่ยวจิ้งตอนนี้ก็รู้แล้วว่าถ้าหาบุตรีของหวังจงซื่อไม่ได้ ตัวเองต้องเป็นแพะ ก็เริ่มให้ความเคารพจางเสี่ยวจิ้ง เพื่อให้ตัวเองมีทางรอด

เหวินหรั่นถูกพามาที่เฉาพั่วเหยียนกำลังเฝ้าระวัง ทำเชว่เล่อฮั่วตัว และเพราะคิดว่าตัวเองไม่อยากถูกย่ำยีเลยกระโดดบ่อน้ำไม่รู้เป็นตาย

คดีในอดีตของจางเสี่ยวจิ้งเกี่ยวข้องกับหย่งอ๋อง ตอนนี้รู้แล้วว่าจางเสี่ยวจิ้งออกมาจากคุกก็หาทางให้เข้าคุกไปอีก ใช้ให้เฟิงต้าหลุน ด้านหนึ่งอยู่ในวงราชการตำแหน่งเล็กมีหย่งอ๋องหนุนหลัง อีกด้านคือหัวหน้าพรรคเพลิงอัคคี ตอนนี้หย่งอ๋องให้เฟิงต้าหลุนให้ศาลต้าหลี่ขอตัวนักโทษ คนที่คิดออกคือหยวนไจ่

เฉาพั่วเหยียนจ้างขอทานละแวกนั้นให้ระวังภัยให้ ในขณะที่จางเสี่ยวจิ้งตามสืบจากน้ำมันดิบที่ได้มาจนใกล้มาถึงแล้ว พอเข้าฟางก็สังเกตเห็นคนตาม และก็ถามจนไปถึงสถานที่ที่เฉาพั่วเหยียนบอก แต่ที่นั้นอยู่คนละทิศ จางเสี่ยวจิ้งก็ถามว่าแต่เช้ามีรถม้าเข้ามาที่ฟางหรือไม่ และที่ไกลที่สุดของที่นี่คือที่ไหน ที่มีคฤหาสน์ โรงงานร้าง ก็ได้คำตอบว่ามีโรงงานอิฐร้างอยู่ไกลจากที่นี่ที่สุด จางเสี่ยวจิ้งใช้หัวหน้าขอทานส่งข่าวให้ไปสถานที่ถูก ตัวเองล่วงหน้าไปก่อน

และได้เจอเฉาพั่วเหยียน ที่ตอนนี้โดนโกนผมที่กระหม่อมเท่ากับเป็นคนที่ตายแล้ว หลังจากสู้กัน จางเสี่ยวจิ้งสังเกตเห็นก็รู้ว่าพร้อมตาย และเป็นการถ่วงเวลาให้พวกที่เหลือขนของ หลบหนี หลังจากถามถึงหวังอวิ้นซิ่วไม่ได้ความ และเฉาพั่วเหยียนที่สร้อยคอที่ลูกสาวร้อยให้ขาดพยายามจะเก็บหินโดนแทงเข้าที่ท้อง จางเสี่ยวจิ้งดูแล้วคงรอดยาก ชุยชี่ตามมาและให้พวกทหารหลี่ว์เปินสำรวจโรงงาน จางเสี่ยวจิ้งไหวตัวทัน เรียกคนออกมาแต่ไม่ทันการ เหมิ่งหั่วเหลยระเบิด ที่นี่ถึงกับมีคนทำเหมิ่งหั่วเหลย เพลิงทมิฬได้

จางเสี่ยวจิ้งให้ชุยชี่เก็บกวาด ตัวเองออกตามส่วนที่เหลือ โดยได้รับการช่วยเหลือจากเหยาหรู่เหนิง การไล่ล่าเกิดขึ้นอีกครั้ง สวีปินขออำนาจของหอสังเกตการณ์จากหลี่ปี้ ทำให้สามารถเคลื่อนไหวเร็วขึ้น เพราะข่าวสารมาไวขึ้น ตามหารถม้าต้องสงสัยได้เร็วขึ้น รถม้าขึ้นเหนือมาเรื่อยๆใกล้ถึงเขตเส้นตายที่หลี่ปี้ขีดกำหนดไม่ให้ผ่าน จางเสี่ยวจิ้งกำจัดได้สองคัน ส่วนคันสุดท้ายที่มีหมาเก๋อเอ๋อร์ที่เจอก่อนหน้านี้ เข้าใกล้เขตพระราชฐานทำให้ทหารม้าราชองครักษ์ขวาเข้ามามีส่วนร่วม

จางเสี่ยวจิ้งบุกเดี่ยวเข้าไปจัดการ และนำรถม้าที่ติดไฟแล้ว ข้ามเขตเพื่อไปดับระเบิด การบังคับรถที่แม่นยำทำให้ไม่ผิดพลาด หลี่ปี้ก็คิดได้ปล่อยไปเพราะจากคำที่ตอนแรกตัดสินใจ คนเป็นท่านเลือก ทางเป็นข้าเลือก พวกเราต่างต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองเลือก

หลังช่วยจางเสี่ยวจิ้งขึ้นจากน้ำ ชุยชี่กลับนำกำลังมาจับกุมตัวไป หลี่ปี้คิดไม่ออกว่าใครที่มาคว้าตัว แต่ถานฉีกลับบอกได้ว่าคือเสนาบดีขวา ทำให้เรื่องราวกระจ่าง ตอนนี้ต้องช่วยคนออกมาก่อน หลี่ปี้ไปขอร้องเฮ่อจื่อจาง และให้ถานฉีไปช่วยจางเสี่ยวจิ้ง

หลี่ปี้ขอร้องไม่สำเร็จ แต่ยังหาทางช่วยเหลืออยู่ภายนอก ถานฉีและเหยาหรู่เหนิงมาที่กองทหารม้าราชองครักษ์ขวา แผนแรกไม่สำเร็จ จะใช้แผนแลกตัว จางเสี่ยวจิ้งไม่เห็นด้วย ต้องออกไปพร้อมกัน ถึงกับเผากองทหารม้าราชองครักษ์ขวา และออกมาได้ถึงปากทาง เจอกับหัวหน้ากานโส่วเฉิง แต่เพราะได้พนันกับหลี่ปี้จึงได้ปล่อยตัวไป

อีกด้านเฟิงต้าหลุนขอให้หยวนไจ่ช่วยเหลือเรื่องคดีของจางเสี่ยวจิ้ง แต่คนผู้นี้เจ้าเล่ห์ ต้องฟังความว่าทั้งหมดมีความเป็นมาอย่างไร เฟิงต้าหลุนบอกว่ามีพยานเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเครื่องหอม พอมาพบ หยวนไจ่ก็สังเกตเห็นความผิดปกติ พอถามดูก็รู้ว่าเป็นบุตรีของทหารชั้นผู้ใหญ่ แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์มากแผนการทำให้หวังอวิ้นซิ่วยอมฟังว่ามีเพียงหยวนไจ่ที่ช่วยนางได้

จางเสี่ยวจิ้งมาพบหลี่ปี้ และรู้ว่าหลี่ปี้ก็ทำอะไรมาบ้างแต่ไม่ได้บอกความจริง และตอนนี้จางเสี่ยวจิ้งเข้าจิ้งอันซื่อไม่ได้เพราะความเสียหน้าของกานโส่วเฉิง จางเสี่ยวจิ้งบอกเรื่องที่สังเกตเห็นที่หลี่ปี้ก็คิดออก ว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง หลี่ปี้ถามว่าไม่มีข่าวอะไรเลย สวีปินบอกว่าพอมีข่าวอยู่บ้าง เฉาพั่วเหยียนยังไม่ตายแต่ก็ใกล้เต็มที จางเสี่ยวจิ้งเลยเป็นคนไปสอบถาม

จางเสี่ยวจิ้งมาหาเฉาพั่วเหยียน ตอนแรกเฉาพั่วเหยียนไม่ยอมบอกอะไร แต่หลังจากได้ฟังว่าชาวทูเจวี๋ยโดนหลอกใช้ เพราะถึงยังไง ทำลายฉางอันต้าถังยังมีเมืองอื่น และการล้างแค้นทูเจวี๋ยคงสิ้นชาติแน่ ครั้งนี้เฉาพั่วเหยียนอัดอั้นตันใจ บอกว่าโย่วซา และคำสุดท้ายคือกางเขนบัว

ข่าวนี้ต้องให้จิ้งอันซือหาคำตอบ เพราะเป็นเพียงเบาะแสเดียว และก็หาได้ว่าคือนิกายจิ่งเจี้ยว ตอนสอบปากคำเฉาพั่วเหยียนจางเสี่ยวจิ้งได้กลิ่นเครื่องหอมรู้ว่าเหวินหรั่นต้องเคยเจอเฉาพั่วเหยียนยืนยันให้ตรวจสอบอีกครั้ง เหยาหรู่เหนิงเป็นคนไปเอง ส่วนจางเสี่ยวจิ้งขอถานฉีไปด้วยเพราะช่างสังเกต

เหยาหรู่เหนิงไม่ทำให้ผิดหวังสุนัขที่พาไปสามารถหาคนได้ แต่สุดท้ายก็รู้ว่าไม่ใช่หวังอวิ้นซิ่ว แต่คือเหวินหรั่น

จางเสี่ยวจิ้งกับถานฉีมาที่นิกายจิ่งเจี้ยว แสดงเป็นสามีภรรยา เสาะหาคน กลับถูกสังฆานุกรอีซือที่มองออก นึกว่าจะมาทำอะไรที่นี่จับขังในห้องสารภาพบาป

ก่อนจากไปบอกเป็นนัยว่าในจิ้งอันซือมีไส้ศึก หลี่ปี้ก็คิดได้ บอกกับสวีปินให้หาไส้ศึก สวีปินสุดท้ายหาออกมาได้ แต่สองเหตุการณ์ที่ครั้งแรกช่วยพวกทูเจวี๋ยกับเหตุการณ์หลังเป็นประโยชน์กับเสนาบดีขาวไม่เกี่ยวกัน ทำให้รู้ว่ามีสองกลุ่ม ชุยชี่ที่มาดูสถานการณ์ที่จิ้งอันซื่อมีสัญชาตญาณระแวงภัยบอกว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย แต่ตอนนี้จิ้งอันซื่อก็ถูกบุกแล้ว ทุกด้านดูเหมือนเข้าตาจนแล้วนะ

หลังอ่านเล่ม 1 :

เวลาแค่ไม่กี่ชั่วยาม เกิดเหตุการณ์มากมาย ลุ้นไปทุกหน้า แต่ละตัวละครมีบทบาทสำคัญ อ่านข้ามไม่ได้เลย สัมพันธ์เกี่ยวโยงกันหมด จบเล่มหนึ่งคือคือนเทศกาลซั่งหยวนกำลังจะเริ่มต้น แต่ตัวการใหญ่ ผู้อยู่เบื้องหลังยังต้องหาต่อไป แบบแข่งกับเวลาสุดๆ ลุ้นมากๆและสนุกมากค่ะ

เล่ม 2 พิมพ์ครั้ง 1 : พฤศจิกายน 2561

โปรยปกหลังเล่ม 2 :

ถึงยามโหย่ว เทศกาลโคมซั่งหยวนอันยิ่งใหญ่ตระการตาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

โคมไฟนับพันหมื่นทยอยถูกจุด ย้อมฉางอันทั้งเมืองให้สว่างไสวดุจเที่ยงวัน

หากแต่จิ้งอันซือกลับกำลังถูกเงามืดปกคลุม

กลุ่มคนลึกลับลอบเข้ามาเข่นฆ่า ทำลายหอสังเกตการณ์ ทั้งวางเพลิง

จิ้งอันซือดังคนที่ถูกตัดแขนขาและควักลูกตา!

นอกจากอนารยชนจากดินแดนแห่งทุ่งหญ้า ฉางอันยังมีภัยแฝงเร้นที่บัดนี้ก้าวออกมาอยู่หน้าฉาก

ไหนจะเชว่เล่อฮั่วตัวที่ยังไม่เผยร่างแท้จริง

ไม่เพียงเท่านั้น ผู้คนในคดีเก่าของจางเสี่ยวจิ้งยังตามกัดไม่ปล่อยอย่างไม่รู้จักแยกแยะ

แม้ถูกกดดันจากรอบด้าน แต่มันก็ยังไม่ยอมแพ้

เพื่อฉางอันในมุมมองที่มันรัก มันจะขอสู้ถึงที่สุด

ต่อให้สุดท้ายจะเหลือเพียงมันลำพังที่ยังยืนหยัดก็ตาม!

เล่ม 2 :

จางเสี่ยวจิ้งและถานฉีถูกขังในห้องเล็กสำหรับสารภาพบาป ต้องการพังประตูออกไปแต่ไม่สะดวก บอกสังฆานุกรอีซือถึงคนร้ายทูเจวี๋ยที่เป็นโย่วซา อีซือรู้ว่าเป็นใคร ตามไปดูด้วยตรชนเอง ไปถึงก็เห็นว่าถูกคนร้ายฆ่าแล้ว แต่ด้วยความช่างสังเกตทำให้รู้ว่ายังแอบอยู่ในห้อง ทำให้ตามไปจะจับคนร้าย นี่ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความตื่นเต้นที่ได้ทำอะไรบ้าง แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวเพราะมีพวกช่วยเหลืออยู่ด้านนอก หลังจากถามหลี่ว์เปินด้านนอกถึงรู้ว่าจางเสี่ยวจิ้งเป็นคนของทางการจริง

จางเสี่ยวจิ้งหาทางใหม่โดยการหลอกคนร้ายว่า คนที่สังหารยังไม่ตายพาออกมาหาหมอ เป็นแผนหลอกล่อให้เผยตัว อีซือชี้ตัวก็บอกว่าสองคนนี้คือคนที่บุกเข้าไปและลอบช่วยเหลือ คนขับรถม้ากินยาฆ่าตัวตาย แต่ที่ปลอมเป็นหมอถูกจับได้ เท่ากับหลักฐานยังไม่สูญสิ้น

ด้านจิ้งอันซือ หลี่ปี้รู้สึกว่าข่าวสารมาน้อยลง ความจริงเพราะหอสังเกตการณ์ใหญ่โดนบุก ไฟมืดดับ ไม่อาจรับส่งข่าวสาร คนร้ายที่มาเรียกตัวเองว่าปลวก หัวหน้าสั่งการคือหลงปัว ทุกคนมีฝีมือแบบทหาร ตำหนักใหญ่ถูกยึด หลี่ปี้ถูกจับไป ตำหนักข้างที่เก็บเอกสารถูกเผา แต่ตำหนักข้างที่เป็นที่ขังนักโทษกลับไม่ง่ายดาย เพราะชุยชี่และเหยาหรู่เหนิง ชุยชี่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดา ดูออกว่าเป็นทหาร ไม่คิดแง่ดีแบบเหยาหรู่เหนิงที่ว่าคนตำหนักใหญ่จะมาช่วย ต้องช่วยตัวเอง ทั้งหมดเกือบตายด้วยน้ำมันดิบ รวมทั้งเหวินหรั่น ดีที่ยังมีอีกคนที่อยู่ในคุกคือบัณฑิตที่โดนชาวทูเจวี๋ยขโมยม้าทำลายแผนการตอนนั้น เฉินเซินเป็นคนช่วยไว้

จางเสี่ยวจิ้งและถานฉีรู้แล้วว่าจิ้งอันซือถูกบุกโจมตี ตอนนี้ต้องเดินหน้าต่อ สอบปากคำคนร้ายที่จับได้เพียงคนเดียว เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะคือพวกโส่วจัวหลาง คล้ายทหารรับจ้าง ฐานอยู่ที่ผิงคังฟาง

กานโส่วเฉิงมาดูที่เกิดเหตุ ที่จิ้งอันซือ และก็คิดได้ว่าพวกคนร้ายทำลายดวงตาของฉางอัน ตัวเองตำแหน่งสูงสุดสามารถบัญชาการได้ แต่ก็ยังส่งจดหมายถึงเสนาบดีหลี่ ที่ตลอดมาอยากยึดครองจิ้งอันซือ ตอนนี้ก็ได้โอกาสพอดี และได้รู้จากชุยชี่ก่อนตายด้วยพิษบาดแผลว่าพวกปลวก ฝีมือแบบทหารทั้งหมด คือทหาร เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว

จางเสี่ยวจิ้ง ถานฉี ยังมีอีซือขอติดตามไปผิงคังฟาง สองกลุ่มแยกกัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าหลี่ปี้ถูกจับไปที่ไหน เสนาบดีหลี่ส่งคนมาควบคุมจิ้งอันซือ ผู้ตรวจการจี๋เวิน คำสั่งแรกคือบอกว่าจางเสี่ยวจิ้งเป็นสายลับให้พวกปลวก กลับดำเป็นขาวทั้งหมด โดยให้จับตัวไม่ว่าเป็นหรือตาย ผู้อยู่เบื้องหลังคำสั่งก็คือหยวนไจ่ หยวนไจ่คิดคำนวณอย่างดีให้ทุกคนรับน้ำใจตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือหวังอวิ้นซิ่ว ที่เป็นขาใหญ่ที่สุดที่จะพาก้าวหน้า

เหยาหรู่เหนิงรู้ว่าเบื้องหลังคนพวกนี้ใส่ร้ายจางเสี่ยวจิ้ง ตัวเองหลังจากรู้เรื่องบุญคุณความแค้นจากปากเหวินหรั่นของผู้มีพระคุณแล้วก็ยิ่งมีใจคิดติดตามช่วยเหลือจางเสี่ยวจิ้ง ตอนนี้ขอเป็นคนซ่อมหอสังเกตการณ์ใหญ่เอง และโดนบังคับให้เลือกระหว่างจางเสี่ยวจิ้งและเหวินหรั่น ยังดีที่มีเฉินเซินอยู่ทำให้ช่วยเหวินหรั่นไปยังที่ปลอดภัยอีกแห่งของจิ้งอันซือ โดยการส่งรหัสสัญญาณที่เหยาหรู่เหนิงบอกก่อนหน้านี้

หยวนไจ่กำลังลำพองใจที่คืนนี้อะไรก็เป็นไปตามที่ตัวเองกำหนด ตอนหลังมีคนพบสวีปิน หลังจากรู้ว่าเป็นคนที่แนะนำจางเสี่ยวจิ้ง ก็ถามถึงที่ซ่อนทำให้รู้ และตามไปเหรินหวั่นสู้เอาแท่งน้ำแข็งขู่ให้เฉินเซินหนีไปและโดนจับ ระหว่างกลับที่ว่าการจิงจ้าวก็ได้พบกับหวังอวิ้นซิ่วที่ถูกเหตุการณ์ต่างๆหลอกลวงว่าหยวนไจ่เป็นวีรบุรุษที่ช่วยเหลือตน เพราะต้องการบอกลาหยวนไจ่จึงพบกับเหวินหรั่น ทำให้รู้ว่าทั้งสองรู้จักกัน และเพราะโดนจับผิดสลับตัว หวังอวิ้นซิ่วพาตัวเหวินหรั่นไปสกุลหวัง

ด้านจางเสี่ยวจิ้งก็พบสถานการณ์ลำบาก ตั้งแต่ไปผิงคังฟาง ไปร้านหนังสือที่รวบรวมข่าวสารของโส่วจัวหลาง กลับถูกนำหน้าหนึ่งก้าว ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนสังหารหั่วซือแผนการเป็นลำดับขั้น ถูกใส่ร้าย ด้านนอกมีประกาศจับ คนจากทั้งสองทางต่างต้องการตัวจางเสี่ยวจิ้ง จางเสี่ยวจิ้งให้ถานฉีหนีไป ตัวเองอยู่รับหน้า จนสุดท้ายก็หมดแรง พอฟื้นขึ้นมาคนที่ช่วยคือเก๋อเหล่าที่เป็นอริกันมาตลอด ไม่กี่ชั่วยามก่อนตัวเองยังต้องบอกไส้ศึกและฆ่าด้วยตัวเองอยู่เลย ครั้งนี้ช่วยและจะส่งออกจากฉางอัน แต่จางเสี่ยวจิ้งขอให้ช่วยนัดโส่วจัวหลาง เมื่อพบตัวเองก็วางแผนเพื่อจัดการคนชุดดำเบื้องหลัง แต่ก็ยังพลาดท่าอยู่ดี คนชุดดำประกาศว่าชื่ออวี๋ฉางต้องมาทวงแค้น และวางแผนเรียกหน่วยตรวจตรามาจับกุม จางเสี่ยวจิ้งหมดสิ้นแรง หมดกำลังใจดีที่ได้อีซือที่ชำนาญด้านทะยานถ้ำพาไต่กำแพงหนีและได้เบาะแสใหม่จากรองเท้าคนชุดดำที่อีซือ ไล่ตามตลอดทางและหลงทาง

ด้านหลี่ปี้ถูกลักพาตัว ตอนนี้ได้เห็นสถานที่ก็รู้ว่าผู้อยู่เบื้อหลังไม่ธรรมดา หลงปัวบอกว่าเป็นพวกปลวกเองไม่ได้หรือ และแสดงเชว่เล่อฮั่วตัวให้ดู จริงๆคือการใช้เหมิ่งหั่วเหลยในโคมนั้นเอง และหลี่ปี้ก็รู้ว่าต้องมีตัวเองแผนการถึงสำเร็จจึงตั้งใจฆ่าตัวตาย แต่ไม่สามารถทำได้ และโดนขังไว้ในลักษณะที่เป็นถ้ำ

จางเสี่ยวจิ้งต้องกลับจิ้งอันซือกับอีซือ ถึงรู้ว่าเรื่องราวเลวร้ายกว่าที่คาด คนที่รู้จักทั้งหมดล้วนไม่อยู่ ตอนนี้เหลือเพียงตัวคนเดียว แต่ยังได้อีซือพูดปลุกปลอบใจทำให้สู้อีกครั้ง

ครั้งนี้ต้องลอบเข้าห้องเก็บหลักฐาน แต่เพราะไม่มีคนดับไฟแล้ว ตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บ ได้อีซือที่ปรับเปลี่ยนทันเวลาช่วยออกมา และก็รู้ว่าสวีปินก็อยู่แต่โดนกล่าวว่าเป็นไส้ศึก อีซือคิดแผนเข้าไปถามสวีปิน และรู้ว่าจิ้งอันซือมีที่เก็บหลักฐานอีกที่ ตอนนี้เป็นห้องพักของจี๋เฉิง จางเสี่ยวจิ้งได้พบกงซุนจ้าว ทำให้มีแผนการให้อีซือเข้าไปเอาหลักฐาน ตอนออกจากศาลว่าการจิงจ้าวโดนหยวนไจ่พบ และคิดว่าท่าเดินมีปัญหาเหมือนทหาร คิดว่าเป็นพวกปลวกสั่งคนตาม

ด้านถานฉีหลังแยกกับจางเสี่ยวจิ้งก็ไปดักรอรัชทายาท ในที่สุดรัชทายาทก็รู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย ทั้งยังโลเลไม่เด็ดขาด คิดแต่จะปล่อยให้จางเสี่ยวจิ้งที่เป็นคนเดียวที่สามารถกอบกู้ฉางอันได้ตายไปโดยไม่สนใจ ห่วงแต่ตัวเอง ถานฉีคิดว่าหรือจะไปหาจักรพรรดิ เพราะตอนนี้อยู่ในงานเลี้ยง ตอนที่ตัดสินใจ ได้ไท่เจินช่วยเหลือกราบทูลแทน พูดเรื่องเชว่เล่อฮั่วตัว จักรพรรดิก็สนใจทันที

จางเสี่ยวจิ้งมาหาผู้รู้ที่สุด คือคนที่ทำแผนที่ฉางอันในจิ้งอันซือ เฉาเฟิน ตอนแรกเฉาเฟินไม่สนใจ อารมณ์ศิลปิน แต่พอรู้ว่าจิ้งอันซือถูกเผา แบบจำลองของตัวเองก็ถูกทำลายเลยแค้น ยอมฟัง และเอาไม้ไผ่หลักฐานไปดู บอกถึงที่มาและการใช้สอยได้ ทำให้จางเสี่ยวจิ้งรู้ว่าเชว่เล่อฮั่วตัวจะเกิดที่ไหน นี่คือปีกกิเลนที่ใช้ในหอโคมไท่ซั่งเสวียนหยวน ทิศใต้ของพระราชวังซิงชิ่ง ลานจัตุรัสหน้าหอฉินจิ้งอู้เปิ่น หลังจากจากเสี่ยวจิ้งรู้เรื่องว่าเหลืออีกเพียงหนึ่งชั่วยามก็จะถึงเวลาจุดโคม ต้องรีบไป แต่พอจะออกมาจากบ้านเฉาเฟินกลับพอทหารหลี่ว์เปินที่หยวนไจ่นำมาปิดล้อม บนหลังคามีพลธนู อีซือถูกยิงบาดเจ็บ จากนี้ไปไม่สามารถทะยานถ้ำได้อีกแล้ว หลังจากเห็นคนรู้จักมากมายทั้งสูญหาย ทั้งบาดเจ็บ ในที่สุดความบ้าคลั่งของจางเสี่ยวจิ้งก็ระเบิด หนึ่งดาบสังหารหนึ่งคน สหายถูกทำร้ายคนแล้วคนเล่า ศัตรูยังคืบหน้าไม่หยุด ขุนนางบ้านเมืองที่โง่เง่าบัดซบ ละโมบโกงกิน คำสั่งเสียก่อนตายของสหายศึก ชีวิตนับร้อยหมื่นในฉางอัน สุดท้ายมันแปลงกายเป็นมารร้ายแห่งการสังหารอย่างแท้จริง

ก่อนที่ธนูหน้าไม้จะทะลุร่าง ประตูกลหน้าประตูบ้านก็ปิดลง เฉาเฟินบอกว่าจะยกดาบให้ มันเลือกผู้เป็นนาย แต่จางเสี่ยวจิ้งไม่รับ เฉาเฟินเลยบอกความลับที่ควรรู้และเป็นประโยชน์ต่อไปกับจางเสี่ยวจิ้ง

พลส่งสารด้านหน้าส่งสารมาพอดี ลงนามระหว่างเสนาบดีหลี่และรัชทายาท ให้ปล่อยจางเสี่ยวจิ้งชั่วคราว จางเสี่ยวจิ้งคิดว่าออกมาต้องบุกอีกครั้ง แต่ได้รับการเปิดทาง และสั่งหยวนไจ่ว่าถ้ารู้ภาษาคนอยู่บ้างให้รีบไปที่หน้าพระราชวังซิงชิ่ง พวกปลวกอยู่ที่นั้น

จางเสี่ยวจิ้งออกมา พบว่าไม่มีทางไปถึงได้ทันเวลา หลังคาก็มีคนอยู่ สุดท้ายบังคับรถประชันโคมให้ไปหน้าพระราชวังซิงชิ่ง และเพราะได้รู้ความลับจากเฉาเฟินทำให้สามารถมาทางน้ำใต้ดินได้ ในที่สุดก็เจอหลงปัวที่ตามหามานาน แต่หลงปัวกลับเป็นสหายศึกที่รอดชีวิตจากแดนประจิมอีกคนของจางเสี่ยวจิ้ง เซียวกุย หลังจากฟังความคับแค้นตลอดเก้าปีที่เซียวกุยเจอ สุดท้ายก็บอกว่าจะเข้าร่วมด้วย

เซียวกุยพาไปพบผู้บัญชาการหลี่ และบอกความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากหอส่งสัญญาณควัน อีกคนคือเหวินอู๋จี้ เท่านี้หลี่ปี้ก็คิดออกแล้ว เซียวกุยให้จางเสี่ยวจิ้งแสดงความภักดี สังหารหลี่ปี้ จางเสี่ยวจิ้งไม่ลังเลแต่ก็เสียใจ แต่สุดท้ายเป็นการทดสอบ เพราะหน้าไม้ไม่มีหัวเหล็ก จางเสี่ยวจิ้งพูดตัดสัมพันธ์กับจิ้งอันซือ คืนสัญลักษณ์ให้หลี่ปี้

เซียวกุยพาจางเสี่ยวจิ้ง และหลี่ปี้ขึ้นหอโคมแต่ยังเจออวี๋ฉาง เซียวกุยใช้เหรียญทองแดงเป็นคำสั่งไม่ให้ทำร้าย เหยาซุ่นอยู่ด้านบนโคม เซียวกุยพาหลี่ปี้มาที่ห้องหนึ่งของโคม หลี่ปี้ยังคิดไม่ออกว่าเพื่ออะไร แล้วให้คนพาลงไปเป็นการเสร็จหน้าที่ แต่เพราะคำรหัสของจางเสี่ยวจิ้ง และของที่ส่งมาพร้อมสัญลักษณ์ทำให้หลี่ปี้รอดพ้นความตาย และหาทางออกจากใต้ดิน กลับพบพวกปลวกที่เคยบุกมาที่จิ้งอันซือ

เซียวกุยพบว่าการใส่ปีกกิเลนล่าช้า จางเสี่ยวจิ้งหาทางให้เหยาซุ่นยอมบอกว่าวิธีหยุดไม่ให้หอโคมเคลื่อนคืออะไร เหยาซุ่นยอมบอก และบอกวิธีเปลี่ยนปีกกิเลน

จางเสี่ยวจิ้งหาทางไปทำลายหลังคาอารามเต๋าที่ค้ำยัน ใช้แผนการให้เซียวกุยหลงเชื่อ เวลากระชั้นชิด ถูกอวี๋ฉางรู้เข้าแต่ไม่ได้บอกเซียวกุย เซียวกุยก็ใช้งานอวี๋ฉางให้คอยจุดไฟเป็นภารกิจสุดท้าย เซียวกุยไม่เห็นเหยาซุ่น จางเสี่ยวจิ้งตัดสินใจกลับไปดูด้วยตัวเอง เวลานี้หอโคมจะเริ่มทำงานแล้ว

หลังอ่านเล่ม 2 :

ลุ้นมากกับเวลาที่เดินไปอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จางเสี่ยวจิ้งถอดใจหลายครั้ง แต่ก็ยังคงนึกถึงชาวเมืองฉางอัน ครั้งนี้จางเสี่ยวจิ้ง และหลี่ปี้ที่แยกกันจะช่วยชาวเมืองทั้งหลายได้หรือไม่ต้องอ่านในเล่มจบกันแล้วค่ะ

เล่ม 3 พิมพ์ครั้งที่ 1 : ธันวาคม 2561

โปรยปกหลังเล่ม 3 :

จางเสี่ยวจิ้งเพื่อเสาะหาช่องพลิกสถานการณ์กลับ จึงจำต้องถลำลึกลงไปทั้งตัว

จากนักโทษประหารสู่ผู้บัญชาการทหาร

มาบัดนี้มันได้กลายเป็นกำลังหลักของกลุ่มก่อการร้ายไปเสียแล้ว

ความเคลื่อนไหวต่อไปของพวกปลวกคืออะไรกันแน่

จิ้งอันซือจะสิ้นท่าไปเช่นนี้จริงๆ น่ะหรือ

ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดเป็นใครกัน และทำไปเพื่ออะไร

ทว่าใดๆ ล้วนไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดยามนี้ เมื่อเชว่เล่อฮั่วตัวตื่นจากหลับใหล

ฉางอันจะลุกเป็นไฟ หากแต่ผู้กอบกู้หนึ่งเดียวกลับยังติดอยู่ในตัวอสุรกายยักษ์นี่!

มิอาจนับว่าเหลือเวลาอีกกี่ชั่วยาม

เพราะแท้จริงจางเสี่ยวจิ้งเหลือเวลาเพียงชั่วดีดนิ้วไม่กี่ครั้งเท่านั้น

ที่จะพาตัวเองให้รอดพ้นจากการถูกคลอกเผาทั้งเป็น!!

เล่ม 3 :

หยวนไจ่มาตามคำพูดของจางเสี่ยวจิ้ง กองทหารหลงอู่มากมาย หยวนไจ่เลือกที่จะไปทางเดียวกับจางเสี่ยวจิ้ง เท่ากับอยู่ใต้หอโคม และขณะนั้นเองก็เห็นคนตกลงมาก่อนตายยังบอกกระท่อนกระแท่นเรื่องปีกกิเลน ระเบิด เครื่องขับเคลื่อน เพลายักษ์ พอทหารหลงอู่มาก็พบว่าเป็นอาจารย์เหมาซุ่น ทำให้หยวนไจ่ตัดสินใจเข้าไปในหอ และได้เห็นจางเสี่ยวจิ้งที่กำลังเอาปีกกิเลนไประเบิดเครื่องขับเคลื่อน ที่เพลายักษ์ก็เข้าใจผิดว่านี่คือตัวการ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นคนบอกให้มา แล้วจะทำเอง แต่ยังไงหยวนไจ่ก็อยากหาแพะรับบาปเอาไว้อยู่แล้ว

จางเสี่ยวจิ้งต้องหลบ และสังหารทหารหลี่ว์เปินกับทหารกองหลงอู่ ทำงานแข่งกับเวลา เพราะด้านบนปีกกิเลนก็เริ่มทำงานแล้ว

ยังไงจางเสี่ยวจิ้งก็ไม่ยอมแพ้ สุดท้ายที่ตัวเองเอาไปวางกลายเป็นระเบิดด้าน อานุภาพไม่พอหยุดการเคลื่อนของเพลายัง ต้องปีนไปด้านบน ตอนนี้เริ่มมีไฟไหม้ที่หอโคมแล้ว แต่คนภายนอกยังไม่รู้เรื่องคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงโคม จางเสี่ยวจิ้งยังบอกให้หลบไป เพราะจะระเบิดแล้ว หยวนไจ่ยิ่งสับสนงุนงง แต่เพราะสัญชาตญาณของตัวเองคิดว่าต้องหนีก่อนเลยรอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด

ด้านหลี่ปี้ออกมาจากทางน้ำใต้ดิน ไปบอกหัวหน้ากองหลงอู่ แล้วก็เห็นรัชทายาทออกจากงานเลี้ยงเลยตามไป และตามไปตลอดทาง ความคิดแง่ร้ายยิ่งชัดแจ้งเมื่อได้ยินเสียงระเบิดว่ารัชทายาทห่างไกลจุดเกิดเหตุถ้าจักรพรรดิเป็นอะไรไป รัชทายาทก็เป็นจักรพรรดิคนต่อไป

จางเสี่ยวจิ้งปีนขึ้นด้านบนโคม ห้องโคมทั้งยี่สิบสี่ห้องเริ่มจุดขึ้น ต้องหยุดให้ได้ก่อนถึงห้องที่สิบห้า แต่ด้านบนก็มีอวี๋ฉางรออยู่ ต้องต่อสู้กับอวี๋ฉางจนในที่สุดไฟทุกห้องก็ปิดสว่าง อวี๋ฉางเปิดกลไกขั้นสุดท้าย แต่ตัวเองที่คิดหนีไปกำจัดเซียวกุยก็โดนเหมิ่งหั่วเหลยที่ฝังอยู่ที่จุดที่ยืนระเบิดเป็นมนุษย์เพลิง

จางเสี่ยวจิ้งคิดว่าตนทำถึงที่สุดแล้ว แต่แล้วก็ยังคิดได้ว่าสามารถทำให้เหมิ่งหั่วเหลยด้านได้ บุกเข้าไปใช้ขวานฟันที่ลำไผ่ยักษ์อย่างต่อเนื่อง เนื้อตัวแสบร้อนเพราะไฟเผารอบกาย ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีคนผู้หนึ่งกระทำทุกอย่างเพื่อชาวเมืองฉางอัน ไม่ใช่เพื่อจักรพรรดิหรือขุนนางคนใด ทำถึงที่สุด

เซียวกุยออกมาจางทางน้ำ โดยไม่มีคนสนใจพร้อมพวกปลวก เห็นการระเบิดก็คิดว่าคำนวณพลาด จนกระทั่งหอโคมหักครึ่งด้านบนหอพังลงมาทับหอฉินจิ้งอู้เปิ่นจึงสั่งให้บุก

หยวนไจ่ไปรายงานเฉินเสวียนหลี่ และบอกให้พาตัวจักรพรรดิไปที่ปลอดภัย เฉินเสวียนหลี่ให้หยวนไจ่ไปด้วยซึ่งก็เข้าแผนการของหยวนไจ่พอดี

หลี่ปี้ตามรัชทายาทมาถึงสวนโอสถวังตะวันออก และได้รู้ว่ารัชทายาทออกจากงานเลี้ยงเพราะต้องการตามหาตัวเองจากสารจากใครไม่รู้ และที่แน่ใจเพราะสารฉบับแรกให้มองหอโคมก็เห็นหลี่ปี้ จึงแน่ใจ หลี่ปี้คิดไปมา ทั้งคิดว่าเป็นรัชทายาทและไม่ใช่รัชทายาทสุดท้ายก็บอกให้อยู่ที่นี่ปลอดภัยที่สุด และได้รู้จากสารถีว่ามีอีกคนที่ออกจากงานเลี้ยงคือเสนาบดีหลี่ จึงรีบกลับจิ้งอันซือ

ด้านจางเสี่ยวจิ้ง หลังจากหอโคมล้มตอนแรกจะกระโดดไปทางกำพงเมืองกลับกลายเป็นเข้ามาที่หอฉินจิ้งอู้เปิ่น และสลบอยู่ที่นั่น

ด้านแม่ทัพเฉินเสวียนหลี่ที่ตามมาจากด้านหน้ากว่าจะขึ้นหอได้ก็ด้วยคำแนะนำให้ใช้กระถางดอกไม้จากหยวนไจ่ และพอถึงชั้นสาม หยวนไจ่เห็นจางเสี่ยวจิ้งก็คิดข้ออ้างไม่ไปต่อ และจะฆ่าคนปิดปาก ดีที่ถานฉีที่โดนรัชทายาทไล่ออกจากงานก่อนหน้านี้โดนกักตัวอยู่ที่ชั้นนี้พอดี และรอดพ้นจากแรงระเบิดเห็นหยวนไจ่กำลังจะแทงจางเสี่ยวจิ้งจึงได้ช่วยไว้ จางเสี่ยวจิ้งพอฟื้นยังคิดจะขึ้นหอไปช่วยคนต่อทั้งที่ไม่มีแรงเหลือแล้ว

จางเสี่ยวจิ้งขึ้นถึงหอชั้นบนสุด ก็พบสถานการณ์ที่ทำให้ต้องเลือกอีกครั้งเพราะพวกปลวกจับจักรพรรดิไว้ได้ และฝ่ายกองทหารหลงอู่ แม่ทัพเฉินเสวียนหลี่ก็เป็นอีกฝ่ายที่ไปต่อไม่ได้ จางเสี่ยวจิ้งต้องทำตัวเป็นพวกเดียวกับปลวก และทำร้ายเฉินเสวียนหลี่ เพื่อให้เซียวกุยยังเชื่อใจ เซียวกุยส่งหย่งอ๋องให้ จางเสี่ยวจิ้งหาวิธีให้หย่งอ๋องส่งข่าวให้หยวนไจ่รู้ แต่ที่ทำดูเหมือนเป็นการผลักหย่งอ๋องตกหอ ทำให้จักรพรรดิยอมเปิดปาก

จักรพรรดิ ถังเสวียนจงยังไม่ยอมแพ้ ยังต่อสู้ และไม่เชื่อที่จางเสี่ยวจิ้งบอกว่ามาช่วย จนเซียวกุยจับไท่เจินได้ ทำให้จักรพรรดิยอมจำนนอีกครั้ง ทำให้ขุนนางต่างๆเห็นถึงความคลั่งรักของจักรพรรดิ ไม่ยอมให้ไท่เจินบาดเจ็บ เซียวกุยมีแผนสำหรับการหนีจากชั้นบนสุด จางเสี่ยวจิ้งต้องพลิกแพลงตามสถานการณ์ มีโอกาสที่หอซ่อนหอถล่มก็ไม่สามารถกำจัดปลวกทั้งหมดได้ แต่ก็ลดจำนวนลง

การจับจักรพรรดิยังดำเนินไป แต่เพราะเหตุหอถล่มทำให้ปลวกส่วนใหญ่เคราะห์ร้าย ไม่สามารถดำเนินแผนการเดิม เซียวกุยมีเส้นทางหลบหนีจากการคุยกับช่างชาวหูก่อนหน้านี้และคิดแผนการเอาไว้ จางเสี่ยวจิ้งต้องลอบดำเนินการ ตัดกำลังต่อไป ตอนนี้เหลือเพียงเซียวกุยกับปลวกอีกคน และจักรพรรดิกับไท่เจิน ไท่เจินจำชื่อจางเสี่ยวจิ้งได้จากถานฉี และเชื่อว่าจางเสี่ยวจิ้งมาช่วย ตอนแรกจางเสี่ยวจิ้งให้เซียวกุยพาไท่เจินมาด้วยเพื่อสร้างความลำบากมากขึ้น คราวนี้ก็ปรับเปลี่ยนแผนอีก เซียวกุยบอกว่าเป็นเพราะจักรพพดิทำให้หนีออกมาได้ เพราะทางเดินตรอกแคบนั่นเอง ไม่มีใครรู้ว่าจักรพรรดิถูกพามาทางนี้ ด้านหอฉินจิ้งอู้เปิ่นสับสนเพราะการหายตัวไปของจักรพรรดิ

ด้านหลี่ปี้กลับมาที่ศาลว่าการจิงจ้าวก็ชิงอำนาจคืนจากจี๋เฉิงได้ก็ตามหาสวีปิน สุดท้ายพบว่าถูกฆ่าตายแล้วโดยไส้ศึก ทำให้หลี่ปี้แค้นใจ และพาตัวเหยาหรู่เหนิงออกมา ให้ซ่อมหอสังเกตการณ์และปิดประตูเมือง ยกเลิกงานเทศกาลซั่งหยวน จากนั่นให้หาหอศาลาที่ตัวเองเคยถูกขัง และพบอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดชี้ไปที่เสนาบดีหลี่ เมื่อไปถึง เสนาบดีหลี่กลับบอกว่าถ้าทำแล้วตัวเองจะได้ประโยชน์อะไร ทำให้หลี่ปี้คิดได้

เหยาหรู่เหนิงถูกหลอกโดยสัญญาณรหัส ทำให้รู้ว่าใครเป็นไส้ศึก และตามจับอย่างลำบากแบบเอาชีวิตเข้าแลก สุดท้ายก่อนที่หลี่ปี้จะถามความจริงได้ พลส่งสารไส้ศึกก็ชิงฆ่าตัวตาย หลี่ปี้เรียกคนที่สนิทกับคนส่งสารมาถาม เมื่อสังเกตการณ์เล่าเรื่องสุดท้ายถึงสังเกตได้ถึงคำพูดว่าพลส่งสารต้องเป็นโส่วจัวหลาง หลี่ปี้ตามต่อไปถึงหัวหน้าโส่วจัวหลางจนมาถึงเรื่องพาณิชย์อำพราง จนในที่สุดเห็นหลักฐานสุดท้ายคิดว่าเป็นรัชทายาท

จางเสี่ยวจิ้งหาทางช่วยเหลือจักรพรรดิจนถึงจุดสุดท้ายก่อนออกนอกเมืองโดยกระเช้า โดยความช่วยเหลือของไท่เจิน สุดท้ายเซียวกุยก็รู้ว่าเป็นจางเสี่ยวจิ้งที่ทำลายแผนการตน ทั้งสองหล่นกระแทกออกมานอกกำแพงเมือง จางเสี่ยวจิ้งไม่เป็นไร แต่เซียวกุยบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายก็รู้ว่าเพราะจางเสี่ยวจิ้ง และเพราะการเลือกของตนเอง และบอกความลับสุดท้ายว่าใครบงการเบื้องหลัง จางเสี่ยวจิ้งได้รับการช่วยเหลือจากคนเลี้ยงอูฐ และหาทางเข้าเมืองได้ พอเข้าเมืองมายังมีเรื่องถูกจับไปให้เฟิงต้าหลุน และสุดท้ายก็โดนล้อมโดยทหารหลงอู่ หลังจากสัญญาณที่ตัวเองเป็นคนบอกให้อาหลัวเยวียส่งข่าว ได้รับการยืนยันว่าจักรพรรดิปลอดภัยกำลังจะตายเพราะโดนใส่ร้าย ถานฉีที่ก่อนหน้านี้จะจัดการหยวนไจ่และได้รับการเสนอว่าตัวเองสามารถช่วยจางเสี่ยวจิ้งได้ ก็ใช้คำพูดต่างๆแก้ต่างให้จางเสี่ยวจิ้งจนพ้นผิด ซึ่งมันคือเรื่องจริง และเอาแพะคือเฟิงต้าหลุน เพราะเรื่องนี้ต้องมีคนผิด เมื่อเรื่องสิ้นสุด ตัวเองพ้นข้อหา แต่เรื่องยังไม่จบผู้บงการใหญ่ยังอยู่ จางเสี่ยวจิ้งยังต้องตามหาหลี่ปี้

ทั้งคู่เจอกัน และหลี่ปี้ก็บอกว่าเป็นรัชทายาท จางเสี่ยวจิ้งบอกว่าเป็นเฮ่อจือจางด้วยบทกลอนที่เซียวกุยบอกมา เมื่อไปถึงที่พักเกิดการระเบิดโดยใช้เหมิ่งหั่วเหลย หลี่ปี้ก็ผูกโยงเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ สุดท้ายแล้วก็เพราะความกตัญญู แต่จะถามใครได้ เพราะคนก็ตายไปแล้ว และก็มีผู้รับผิดที่ไม่ใช่คนชั้นสูงแล้ว

จางเสี่ยวจิ้งไม่เข้าใจทำไมถึงไม่ห่วงราษฎร คิดถึงแต่จักรพรรดิ รัชทายาท หลี่ปี้บอกว่าเพราะที่นี่คือฉางอัน ที่ซึ่งกลืนกินทุกอย่าง

หลังอ่านเล่ม 3 :

เรื่องราวพลิกกลับไปกลับมา ลุ้นทุกตัวอักษร ทุกหน้า สนุกมาก ทั้งยังมีบุคคลในประวัติศาสตร์หลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง นักเขียนบรรยายให้เห็นอย่างละเอียด ใครที่ชอบแนวสืบสวน สอบสวน บวกกับแนวประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาด เพราะอ่านไป จินตนาการถึงฉางอันเมืองใหญ่ ฟางต่างๆ และการไล่ล่าตามหาความจริง กับบอสใหญ่สุดท้ายคือใคร แบบหน้าต่อหน้า ตัวอักษรต่อตัวอักษรเลยทีเดียว

ไม่ควรพลาดเรื่องนี้ แนวตามล่าหาความจริง แล้วตัวละครเด่นมาก ลุ้นว่าจะช่วยให้เมืองรอดได้ไหม คือต้องอ่านต่อเนื่อง บรรยายเห็นภาพชัดเจน ฉากต่อสู้ ฉากเมือง อ่านไปจินตนาการได้เหมือนได้เข้าไปอยู่ในฉางอันตอนงานเทศกาล ไล่ล่าตามจางเสี่ยวจิ้งไปด้วย บทสรุปคือดีมาก พลิกกลับไปกลับมาแบบไม่ควรพลาดทุกตัวอักษร แนะนำอย่างแรงค่ะ

เนื้อเรื่อง :

รัชศกเทียนเป่าปีที่สาม เดือนอ้าย วันที่สิบสี่ ปลายยามซื่อ

เมืองฉางอัน อำเภอฉางอัน ตลาดตะวันตก

เป็นช่วงเวลาเริ่มต้นการไล่ล่านักรบสุนัขป่าทูเจวี๋ย สุดท้ายก็เกิดความผิดพลาด หลังจากระดมแผนการมากมาย และล้มเหลว จิ้งอันซือที่มี เฮ่อจือจางและหลี่ปี้ดูแล เฮ่อจือจางขัดแย้งกับหลี่ปี้ หลี่ปี้ใช้ทุกอย่างเพื่อช่วยฉางอัน แต่เฮ่อจือจางที่ตำแหน่งสูงกว่ากลับเคร่งครัดกฎเกณฑ์ กลัวศัตรูทางการเมืองของรัชทายาทจะเล่นงาน ทำให้ขัดแย้งกันตลอดเวลา

ในเวลานี้เองที่แผนการล้อมจับชาวทูเจวี๋ยล้มเหลว สวีปิน เสนอให้ใช้จางเสี่ยวจิ้งมาตามล่าแทน มีเพียงคนผู้นี้ที่สามารถกระทำได้ แต่สถานะของคนผู้นี้คือนักโทษประหาร ข้อหาสังหารผู้บังคับบัญชา แต่เรื่องราวมีเบื้องหลังมากมาย ไม่ใช่อย่างที่โดนกล่าวหาแน่นอน หลี่ปี้อ่านประวัติและเห็นว่าสมควร เมื่อได้พูดคุยกัน จางเสี่ยวจิ้งไม่สนใจ แต่เพราะมีชาวเมืองฉางอันเป็นเดิมพัน สุดท้ายจึงตัดสินใจช่วย เพื่อชาวเมืองธรรมดาทั้งหลายเหล่านั้น

คนเป็นท่านเลือก ทางเป็นข้าเลือก ทุกคนต่างต้องยอมรับผลของการเลือกของตนเอง ประโยคนี้ตลอดสิบสองชั่วยามต้องเลือก ต้องรับผลของการเลือกในหลายๆครั้ง ต้องยอมสละคนหนึ่งคนเพื่อคนส่วนใหญ่

หลายครั้งที่ความสำเร็จอยู่ข้างหน้า แต่ก็ยังมีเหตุให้โดนขัดขวาง เรื่องราวพลิกกลับไปมาในสิบสองชั่วยามที่ลุ้นทุกตัวอักษร ทุกหน้า

การบรรยายให้เห็นถึงฉากในงานเทศกาลซั่งหยวน ความยิ่งใหญ่งดงามของฉางอัน ความดำมืดในบางพื้นที่ ความทุ่มเททุกอย่าง การถอดใจไม่ยอมแพ้ ความสิ้นหวังของเหตุการณ์รวมอยู่ในเรื่องทั้งหมด มาร่วมลุ้นไปกับจางเสี่ยวจิ้ง และผู้บัญชาการหลี่เพื่อหาคนร้ายตัวจริงเบื้องหลังเหตุการณ์เข้มข้นในสิบสองชั่วยามกันค่ะ

หลังอ่าน :

อ่านไปลุ้นไปตั้งแต่ชั่วยามแรก จนไม่คิดว่าถึงสิบสองชั่วยาม ยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว จางเสี่ยวจิ้งเป็นคนที่ตะลุยฝ่าเรื่องต่างๆ สืบหาความจริง จากนักโทษประหาร กลายมาเป็นหัวหน้าหน่วยจิ้งอันซือ กลายเป็นปลวก กลายเป็นไส้ศึก เรื่องราวพลิกกลับไปกลับมา ต้องอาศัยไหวพริบ ประสบการณ์ ไม่ให้สัตว์ประหลาดที่ชื่อฉางอันกลืนกินจิตวิญญาณไป และเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านธรรมดาที่อาศัยอยู่ที่นี่ร้อยหมื่นคนให้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้

คนเป็นท่านเลือก ทางเป็นข้าเลือก ทุกคนต้องยอมรับผลของการเลือกของตนเอง ใช้ได้ทุกสถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ

นักเขียนบรรยายนครฉางอันได้อย่างยอดเยี่ยม ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ฉากบ้านเรือง ฟางต่างๆ ผู้คนหลากหลาย การต่อสู้ที่พลาดคือถึงแก่ชีวิต

ใครที่ชอบแนวสืบสวน ค้นหาความจริง บวกกับอิงประวัติศาสตร์มีตัวละครในประวัติศาสตร์อยู่จริง เดินเรื่องสมจริง ฉับไว ไม่ควรพลาดค่ะ อ่านไปลุ้นไป ยิ่งลาสบอส สุดท้ายคือใคร คือเดาไม่ถูกจริงๆ เฉลยมานี่สามรอบกว่าจะใช่ ผูกปมได้ดีมากเลยค่ะ แนะนำให้ลองอ่านกันนะคะ

23/4/64 









Friday, April 9, 2021

#ผมไม่ได้เป็นมนุษย์แล้วครับ #3เล่มจบ #นิยายแปลจีนวายแนวปัจจุบัน #BL #ตายแล้วเกิดใหม่ #ทะลุมิติเป็นราชาเผ่าเซิร์ก #ไซไฟ #จักรวาล #โลกอนาคต

 Review 11/2564

เรื่อง : ผมไม่ได้เป็นมนุษย์แล้วครับ (3เล่มจบ) #นิยายแปลจีนวาย #BL #ตายแล้วเกิดใหม่ #ทะลุมิติเป็นราชาเผ่าเซิร์ก #ไซไฟ #จักรวาล #โลกอนาคต

ผู้แต่ง : จิ๋วอี่

ผู้แปล : ซูเหมยหลิงฮุ่ย

ภาพปก : kanapy

เล่ม 1พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤศจิกายน 2563

สำนักพิมพ์ : Clover Book

จำนวนหน้า : 327 + 335 + 351 หน้า

โปรยปกหลังเล่ม 1 :

หลังจากตายอย่างกะทันหัน

กู้หวายก็ได้ย้ายร่างแล้วมาเกิดใหม่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์

เขาได้กลายเป็นราชาแห่งเผ่าพันธุ์ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมไร้หัวใจ

ที่สร้างความหวาดหวั่นให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาล

 

ในฐานะราชาตนใหม่แห่งเผ่าพันธุ์

การต้องมาเผชิญหน้ากับสมาชิกเผ่าที่ขึ้นชื่อว่าป่าเถื่อน

เรียงหน้าเข้ามาอาสาเป็นพ่อแม่ให้อย่างขันแข็งแล้ว

กู้หวายรู้สึก... ลำบากใจมาก

เล่ม 1 :

กู้หวายเป็นนักเขียนบท แต่เพราะชอบดองงาน พอถึงเด็ดไลน์แล้วเลยทำงานไม่หลับไม่นอน จนสุดท้ายทำงานเสร็จแต่ตัวเองก็น็อคไปเลย ช่วงเวลาสุดท้ายยังได้ย้อยคิดว่าแบบนี้ถ้าบก.มาเจอสภาพข่าวจะเป็นยังไง แต่สุดท้ายแล้วกลับได้ลืมตาขึ้นอีกครั้งแต่ทำไมมันถึงมืดแบบนี้ และเพราะเป็นนักเขียนบทเลยจินตนาการไปไกล ว่าตัวเองน่าจะอยู่ในไข่ เคาะๆๆๆๆไปเรื่อยในที่สุดก็ออกมาได้ แต่ทำไมถึงมาเจอเซิร์กทาร์กที่น่ากลัวได้ ปฏิกิริยาแรกคือวิ่งหนี แล้วยังหกล้มเพราะความมืด นั่นคือการเชื่อมจิตครั้งแรกของกู้หวาย

กลายเป็นกู้หวายต้องปลอบเหล่าเซิร์กทาร์กที่ดูแล เพราะเด็กทารกเพิ่งเกิดจะให้เกิดเรื่องไม่ได้ กู้หวายเพิ่งเกินอ่อนแอมาก ต้องนอนมากๆ เหล่าเซิร์กทาร์กเป็นผู้ดูแล หลังจากหลับไปก็ได้รับความทรงจำว่าอะไรเป็นอะไร ตัวเองก็อาศัยอยู่ในดาวร้าง และตัวเองไม่ได้เป็นมนุษย์แล้ว อีกทั้งเป็นราชาเซิร์กผู้เพิ่งถือกำเนิด

ส่วนที่ไกลออกไป อัลเวสที่ต้องปิดตาเอาไว้เพราะการมองเห็นคือการเข็นฆ่า และเสียงต่างๆก็น่ารำคาญ ก็ได้รับเสียงปลอบจากกู้หวายไม่ต้องโกรธนะ ทำให้สงบลงได้ และออกคำสั่งตามหาราชา อัลเวสตามหากู้หวายเจอ หางสีเงินที่ซื่อสัตย์ทำตามใจยิ่งกว่าตัวเอง โอบกอดนอน กู้หวายก็กอดหางนอนอย่างสบายใจโดยที่คนอื่นตกใจกันหมด

ถึงเวลาออกจากดาวร้าง กู้หวายก็ให้เซิร์กทาร์กที่ดูแลตัวเองตามไปด้วย ออยเลอร์ก็เป็นเซิร์กที่เป็นยานรบก็ดีใจที่กู้หวายนั่งยานของตัวเอง

อัลเวสสั่งให้กลับทูเซอร์ ทูเซอร์ คือฐานที่มั่นของเซิร์กกองทัพที่หนึ่ง เซิร์กทั้งสี่กองทัพแยกตัวเป็นอิสระต่อกัน ต่อไปกู้หวายก็จะรวมพวกเขาให้เป็นหนึ่ง ไม่ว่าเซิร์กตนไหนก็ทนความน่ารักของราชาตัวเองไม่ไหว

กู้หวายเริ่มศึกษาเรื่องราวจากเสนาธิการ และก็อยากจะรวมเซิร์ก คนแรกที่กู้หวายติดต่อคือคาปาเลียหัวหน้าเซิร์กกองทัพที่สอง คาปาเลียตอบรับอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่ทำให้พวกเซิร์กเคร่งเครียดไม่ใช่เรื่องอะไร เป็นเรื่องการจัดอันดับสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในจักรวาลที่โหวตยังไง คะแนนก็เป็นอันดับสอง พอกู้หวายติดต่อไอย์ยี และชิโมโดได้อย่างแรกที่พวกเสนาธิการส่งให้คือการโหวต และในที่สุดกู้หวายก็ได้อันดับหนึ่ง ทำเอาทั้งจักรวาลงงว่ากู้หวายคือตัวอะไร น่ารักแค่ไหนกัน

ทูเซอร์มีเชลยชาวมนุษย์อยู่ ทั้งสองหนีออกมาและคิดว่ากู้หวายก็เป็นมนุษย์เลยพาหนีไปด้วย ทำให้ทั้งสี่กองทัพร่วมมือกันค้นหา ไปกดดันสมาพันธ์โลก เพราะกู้หวายสลบไปจากการเลื่อนระดับพลังจิต พอฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าอยู่ที่ไหน ทั้งสี่กองทัพก็มารับราชาของตัวเอง ทำเอาดาวที่โดนปิดล้อมตกใจกันไปเลยกับกองทัพใหญ่ขนาดนี้

กู้หวายมีความคิดที่จะให้ชาวเซิร์กมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาพันธ์ดวงดาว อยากเป็นพันธมิตรกัน เลยให้มนุษย์สองคนที่จับตัวเองไปมาสังเกตการณ์ที่ทูเซอร์

ดาวโนมส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเพราะโดนโจรสลัดอวกาศปล้น ทางสมาพันธ์อยู่ไกลมาช่วยเหลือไม่ทัน ที่เป็เพื่อนบ้านกันคือชาวเซิร์กที่ชาวโพพอล์ตไม่หวังว่าจะมาช่วย กลับเป็นผู้ช่วยชีวิต แถมยังทักทายอย่างดี ไม่ได้มาซ้ำเติม เลยได้เป็นแขกที่ดาวโนม และได้เซ็นสัญญาพันธมิตรกัน ยังมีข้อต่อท้ายที่ทำให้พูดไม่ออกคือต้องช่วยโหวตให้ราชากู้หวายทุกปี ตอนนี้ก็เป็นที่เปิดเผยแล้วว่าสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในจักรวาลอันดับหนึ่งคือราชาเซิร์กนี่เอง มีแต่คนอยากจะเห็น ในที่สุดทั้งจักรวาลก็รู้ว่าชาวเซิร์กเป็นติ่งราชาตัวเอง

ตอนเดินเที่ยวตัวเมือง กู้หวายเลือกอัลเวส พออัลเวสถามกู้หวายก็ตอบว่าจะได้มองสิ่งต่างๆมากขึ้น อัลเวสก็รู้แล้วว่าตัวเองอยู่มาเพื่อปกป้องอีกฝ่ายชั่วนิรันดร์

หลังอ่านเล่ม 1 :

อัลเวสผู้ไร้อารมณ์ความรู้สึก ยอมอ่อนข้อ ตามใจกู้หวายในทุกเรื่อง ในที่สุดก็รู้ว่าที่ตัวเองอดทนมาก็เพื่อปกป้องอีกฝ่ายชั่วนิรันดร์ ชาวเซิร์กที่ดุร้าย ความจริงก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเมื่อได้พบกับราชา ก็จะคิดว่าราชาตัวเองน่ารัก ต้องทำทุกอย่าง ปกป้อง ทำให้ราชาพอใจ มาดูความเปลี่ยนแปลงของชาวเซิร์กหลังจากราชากำเนิดว่าจะดำเนินไปยังไง น่ารักแค่ไหน ติ่งราชาทั้งหมดจะทำตามราชาด้วยใจรักขนาดไหน ต้องตามอ่านต่อค่ะ

เล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 1 : ธันวาคม 2563

โปรยปกหลังเล่ม 2 :

พอเริ่มสานสัมพันธไมตรีกับเผ่าอื่น

กอปรกับชื่อเสียงความเป็นมิตรของราชาเซิร์กเริ่มแพร่กระจาย

ภาพลักษณ์ของเผ่าเซิร์กภายใต้การนำของกู้หวายก็เริ่มเป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น

และไม่นานมานี้เอง ห้วงอวกาศที่สงบสุขมาเนิ่นนานก็เผชิญปัญหาน่าหนักใจ

กลุ่ม "ทหารหอคอยสีเถ้า" มุ่งเป้าโจมตีสมาพันธ์ดวงดาวด้วยอาวุธระดับทำลายล้าง

ไหนๆ ก็ตั้งใจผูกมิตรกับภายนอกทั้งที่...

ดูเหมือนคราวนี้เผ่าเซิร์กต้องออกโรงเสียหน่อยแล้ว

เล่ม 2 :

ในที่สุดในเครือข่ายดวงดาวก็ได้รู้ว่ากู้หวายคือราชาแห่งเซิร์ก และได้รู้ว่าอันดับหนึ่งของการจัดอันดับสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในจักรวาลคือราชาเซิร์ก แปลว่าเซิร์กพวกนี้เป็นติ่งราชาตัวเองกันยกกลุ่มเลยเหรอเนี่ย

เผ่าพันธุ์เพื่อนบ้านเซิร์กได้รับการช่วยเหลือจากเซิร์ก ทำให้ได้รับความอิจฉา เพราะอยากมีเพื่อนบ้านที่แข็งแกร่งแบบนี้ปกป้องบ้าง

แล้วก็มีทางผู้จัดการโหวตที่ติดต่อมาเพื่อขอทำสินค้า และทำตัวอย่างเป็นรูปลักษณ์ราชาแบบจิบิ ทำให้ทุกคนอยากได้ ร่วมมือกันไปขอร้องราชาที่แสนจะใจดี เมื่อกู้หวายตกลง สินค้าล็อตแรกก็ออกมา และขายดีมาก ทุกคนก็อยากกอดราชาที่น่ารัก ทำเอาอัลเวสหึงที่เห็นแต่ละคนกอดตุ๊กตากู้หวายเลยทีเดียว ตัวเองก็มากออดกู้หวาย กู้หวายก็รู้สึกว่าอัลเวสน่ารัก เหมือนแมวยักษ์มาก ทั้งหวงของ ทั้งออดอ้อนเก่ง กู้หวายจำอัลเวสร่างทารกได้ ว่ามีปีกคู่หนึ่งตอนนี้ก็ถามถึงอัลเวสเลยเอาปีกให้ดู ทั้งยังให้จับ ปีกเป็นจุดอ่อนไหว แต่ก็ยังพยายามฝืนทำหน้านิ่งให้กู้หวายลจับเล่น กู้หวายยังบอกว่าคราวหน้าจะจับอีก อัลเวสก็ตกลง แต่เรื่องที่อัลเวสจูบยังไงก็โดนห้าม บอกว่าทำไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ ยังไม่เข้าใจตัวเองสินะ

แล้วก็มีเหตุที่ทำให้ไม่ได้พูดกับคาปาเลียเรื่องที่ไม่ถูกกับอัลเวส เพราะมีเหตุเกี่ยวเนื่องในจักรวาล หัวหน้าคนก่อนของกลุ่มวิจัยแห่งสมาพันธ์ดวงดาวปิดบังเบื้องบน ทำการวิจัยกับร่างกายประชาชนตัดต่อยีนโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อเรื่องแดงเควินนำผลการวิจัยพร้อมทั้งกลุ่มนักวิจัยหนีออกจากศูนย์บัญชาการ ตอนนี้ได้มีการจัดตั้งองค์กรขนาดใหญ่ชื่อ หอคอยสีเถ้า ด้านในเป็นพวกที่ถูกตัดต่อยีนพันธุกรรมโดยไม่สมัครใจ ยีนส่วนใหญ่ที่โดนตัดต่อมียีนของเผ่าเซิร์กอยู่ด้วย เหตุฉุกเฉินจริงๆคือหอคอยสีเถ้า เล็ง เมเทโอมายังศูนย์บัญชาการสมาพันธ์ดวงดาว เรื่องนี้ทำให้กู้หวายอยากยืนมือเข้าช่วยเพราะว่าสมาพันธ์ดวงดาวจะได้เป็นหนี้น้ำใจ

ตอนนี้ทางศูนย์ย่อยของสมาพันธ์ดวงดาวถูกหอคอยสีเถ้าโจมตี กู้หวายเลยอยากไปดู คราวนี้พาไปไม่มากเหมือนครั้งที่แล้ว แต่ก็ยังมากในสายตาของแฮมเมอร์และเสิ่นมู่อยู่ดี

กู้หวายมาถึงศูนย์ย่อย ก็เห็นดวงตาของทหารจากหอคอยสีเถ้าก็รู้ว่ามียีนของเซิร์ก และเผ่าเซิร์กเป็นเผ่าที่หลงราชาของตัวเองเป็นที่สุด อยากเข้าใกล้ความอ่อนโยนของราชาตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเรื่องที่เค้นถามไม่ได้ พอมาอยู่ในมือของกู้หวายเลยง่ายดาย ยอมบอกทุกอย่าง แถมกองกำลังที่บุกมาโจมตีได้ยินเสียงของราชาก็หยุดนิ่งฟังคำสั่งอย่างตั้งใจ ทำให้ชนะโดยไม่ต้องรบ

กู้หวายตัดสินใจไปที่ฐานที่มั่นของหอคอยสีเถ้า หัวหน้าและเสนาธิการก็มียีนของเผ่าเซิร์ก หลงความน่ารักของราชาเหมือนส่วนใหญ่ถึงขนาดสั่งซื้อตุ๊กตาจิบิมาห้อยกระเป๋า มาวางไว้หัวเตียง เรื่องนี้ก็ง่าย ฝ่ายหนึ่งอยากอยู่กับฝ่าบาทนานๆ อีกฝ่ายทั้งที่รู้ก็ยอมอยู่เพื่อถามข้อมูล เรื่องเมเทโอ สุดท้ายการยิงเมเทโอเกิดขึ้นแต่เป็นการยิงพลุระเบิดเป็นหน้ากู้หวายแบบจิบิเหมือนตุ๊กตาจิบิ กู้หวายชวนทุกคนกลับบ้าน ที่ก่อการเพราะไม่ได้การยอมรับจากสังคม การที่ฝ่าบาทไม่รังเกียจเห็นแล้วยังน่ารักเพราะรูปร่างไม่สำคัญ แค่เห็นก็เหมือนกับพวกเซิร์กทาร์กที่ปกป้องดูแลตัวเองมาตั้งแต่แรกเกิด

พอย้ายไปที่ทูเซอร์ ก็หาดาวใกล้เคียงเพื่อให้ปักหลักสร้างถิ่นฐานคือดาวไอวี่ ระหว่างนี้อัลเวสตามติดตลอด แต่กู้หวายก็ไม่ยอมรับ จนอัลเวสต้องถามแฮมเมอร์ว่าทำยังไงถึงจะได้รับการยอมรับ แฮมเมอร์บอกว่าต้องจีบ วิธีดูได้จากเครือข่ายดวงดาว อัลเวสก็เอามาใช้หมดทั้งให้ดอกไม้ ทำตัวสนิทสนม จนกู้หวายแปลกใจ มาปรึกษาแฮมเมอร์และเสิ่นมู่ ก็ได้รับคำตอบว่าอัลเวสหลงรัก หลงใหลกู้หวายถึงกับเขินเพิ่งรู้สึกว่าการกระทำทั้งหมดของอัลเวสใช่ ก็ไม่ปฏิเสธขึงขังแบบตอนแรกอีก แค่ไม่จูบปากแต่ที่อื่นอัลเวสจูบหมด

ส่วนเรื่องคาปาเลียกู้หวายก็บอกว่าจิ๊บ จิ๊บดีมาก แล้วก็ตั้งชื่อเล่นให้คาปาเลียว่าลูน่า ตอนนี้ชื่อเสียงของเผ่าเซิร์กเป็นไปทางที่ดี มีหลายเผ่าอยากเป็นพันธมิตรด้วย ชาวฟีลดส์ก็เชิญกู้หวายเป็นแขกและขอให้มีการสอนที่สถาบันการทหารเป็นกรณีพิเศษ ไอย์ยีเลยจะเป็นคนสอน กู้หวายไปที่ดาวเลวิน และเพราะอยากรู้ว่าโรงเรียนเค้าเรียนกันยังไงเลยให้พวกผู้ปกปครองอยู่บ้าน ตัวเองไปกับเสิ่นมู่และแฮมเมอร์ ทำเอาถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวโลก เพราะรูปร่างหน้าตา เลยจะให้ทดสอบพลังจิตกัน กู้หวายที่มีพลังจิตระดับเชื่อมโยงกับเผ่าเซิร์กทั้งเผ่าในเวลาเดียวกันได้ก็คิดว่าปล่อยพลังแค่นิดเดียวคงไม่มีปัญหา ผลคือทำเครื่องเค้าพังไปสองเครื่อง ในที่สุดถึงรู้ว่านี่คือราชาเซิร์ก

กลับบ้านก็มาบอกผู้ปกครองให้ไปชดใช้ค่าเสียหาย เพราะตัวเองไม่มีเงิน ฮามากน่ารักสุดๆ  วันต่อมากู้หวายก็ยังไปที่โรงเรียนดูไอย์ยีสอน ที่สอนคือให้นักเรียนขึ้นมาต่อสู้แต่ก็ไม่มีใครสามารถสู้ได้เกินเวลาที่กำหนด เพราะไอย์ยีมองเห็นล่วงหน้า และระหว่างนั้นไอย์ยีก็เข้ามาบังด้านหน้ากู้หวายทำให้ชาวเซิร์กตื่นตัว เพราะเพดานถล่ม กลุ่มกบฏดาวเลวินเลือกวันนี้พอดี คาลูที่เป็นเซิร์กทาร์กปกป้องกู้หวายโดยเอาตัวบังเพดานที่ถล่ม กู้หวายเห็นแล้วปวดใจที่มีเซิร์กต้องเจ็บตัวเพราะตัวเอง เลยใช้พลังจิตทำให้ยานรบตกลงมา และใช้พลังแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมแลกเปลี่ยนปืนกับทหารภาคพื้น การกบฏครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็วเพราะมีราชาเซิร์กอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย

กู้หวายใช้พลังมากจนทนจะไม่ไหว ฝืนทนจนจัดการเรื่องเรียบร้อยจนนอนหลับไป ตื่นมาอีกครั้งกลายเป็นทารกเซิร์กสีดำน่ารักมาก แล้วก็เผลอเชื่อมต่อจิตกับพวกเซิร์กทั้งหมด เหล่าเซิร์กพอเห็นราชาของตัวเองในร่างทารกก็ทนไม่ไหวโดยเฉพาะเสนาธิการถึงกับสลบไปเลยเพราะความน่ารัก แต่ก็ต้องยืนหยัดเพื่อถ่ายคลิปส่งให้ชาวเซิร์กทั้งหมดได้เห็นความน่ารักของราชาไปด้วย อัลเวสพอเห็นกู้หวายร่างทารกก็รีบเปลี่ยนเป็นร่างทารกคอยอยู่เคียงข้าง หนึ่งขาวหนึ่งดำ สีขาวคอยใช้หางปกป้อง คราวนี้ก็ได้เลียเพื่อแสดงความรักสมใจ กู้หวายหาทางเปลี่ยนร่างกลับไม่ได้ เหล่าผู้ปกครองดีใจที่ได้ทั้งป้อนนม หวีขน อัลเวสก็อยู่ในร่างทารกเป็นเพื่อนตลอดแถมยังจะเกี่ยวหางอีก แต่เพราะเลียขนจนจั๊กจี้ทำให้เปลี่ยนร่างคืน คราวนี้เลยถามว่าเมื่อกี้อัลเวสทำอะไร อัลเวสตอบว่าคล้องหาง จริงๆคือสืบพันธุ์แต่อัลเวสเข้าใจตรงตัวเกินไป กู้หวายก็ทนไม่ไหวดันไปบอกว่าเกี่ยวหางไม่ได้ทำแบบนี้ อัลเวสก็เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าต้องตื้อยังไง ถามว่าอาหวายสอนจิ๊บ จิ๊บหน่อย กู้หวายที่อายสุดๆ ก็เลยคนแนะ และอัลเวสก็ทำตามสัญชาตญาณจนได้แหละนะ

หลังอ่านเล่ม 2 :

กู้หวายแสดงพลังของราชาออกมาแล้ว อัลเวสที่ตามตื้อมาตลอดสุดท้ายก็ใกล้ความจริง ตอนราชาเป็นทารกน้อยนี่ทำเอาชาวเซิร์กหลงสุดๆ ราชาน่ารักที่สุดในจักรวาลของแท้จริงๆนะ น่ารักมากจนอยากอวดทั่วจักรวาลจะแย่แล้ว

เล่ม 3 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มกราคม 2564

โปรยปกหลังเล่ม 3 :

ในที่สุดความสัมพันธ์ของกู้หวายกับอัลเวสก็พัฒนาไปอีกระดับ

พลังจิตของกู้หวายก็เช่นกัน

แต่ดูเหมือนผลกระทบของพลังจะทำให้ราชาเปลี่ยนไป

เกิดอะไรขึ้นกับกู้หวายผู้อ่อนโยนกันแน่

และท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมาย ภัยร้ายระดับจักรวาลก็กำลังก่อตัว

เควิน ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์หอคอยสีเถ้า บัดนี้เตรียมลงมืออีกครั้ง!

เล่ม 3 :

ในที่สุดสัญชาตญาณก็พาไปให้อัลเวสได้รู้ว่าการคล้องหางคือยังไงกันแน่ กู้หวายก็ยอมอัลเวสเพราะว่ารักอีกฝ่ายถึงแม้จะความรู้สึกช้า แต่พอรู้ตัวแล้วก็คิดว่าเจ้าแมวยักษ์สีเงินน่ารักที่สุดจริงๆ แต่ก็ต้องคอยปลอบตลอด

แล้วอัลเวสก็คิดว่ากู้หวายชอบดอกไม้ขนาดนี้เลยทำโครงการปรับปรุงดินให้ดาวทูเซอร์ปลูกดอกไม้ได้ เรื่องนี้ต้องใช้เวลา แต่เซิร์กทุกตนก็พยายามทำเพื่อราชาของตัวเอง

นักวิจัยอารอนตามจีบคาปาเลียมานานและเสนอตัวว่าจะมาอยู่ที่ทูเซอร์ ตอนแรกกู้หวายยังไม่สนใจ แต่เพราะเรื่องที่ชาวหอคอยสีเถ้าอายุไม่ยืน แต่มีทางแก้เพราะอารอนคิดยารักษาไว้แล้ว แต่ตอนฉีดต้องเจ็บปวดทรมานสิบนาที เรื่องนี้ทำให้กู้หวายสนใจและตกลง เพื่อช่วยชาวหอคอยสีเถ้า กู้หวายถามก่อนจะได้คำตอบว่ายอมฉีดยารักษา เพราะก่อนหน้านี้เจ็บปวดที่ไม่มีใครยอมรับมากกว่า

เผ่าเซิร์กเห็นราชาเป็นสมบัติล้ำค่า ตอนนี้อยากจะมอบของขวัญให้ราชา คือการปรับปรุงดาวร้างที่ราชาเกิด ราชาบอกว่าชอบมากพวกเซิร์กก็ดีใจที่สุดแล้ว

การจัดอันดับสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในจักรวาลครั้งที่สิบเอ็ดจะเริ่ม ครั้งนี้พวกเซิร์กก็ต้องโหวตให้กู้หวายอีก เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด แต่อันดับสอง แฟนคลับปาชก็เตรียมตัวมาดี และยังขอให้ส่งคลิปอีกด้วย คราวนี้เลยได้ส่วคลิปราชาตอนเป็นทารก ทำเอาแฟนคลับปาชบางส่วนเปลี่ยนใจ แล้วยังมีคนทั่วไปอีก ครั้งนี้กู้หวายก็ชนะแบบคะแนนนำสุดๆ เจ้าตัวนี่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แต่เหล่าเซิร์กต่างเห็นพ้องว่าราชาตัวเองน่ารักที่สุด ฮามาก ภารกิจใหญ่ระดับจักรวาลเชียวนะ

หลังการจัดอันดับ ราชาเซิร์กก็ดังไปทั่วจักรวาลจนมีรายการมาสัมภาษณ์ พอเห็นก็บอกว่าไม่เหมือนชาวเซิร์ก กู้หวายเลยเปลี่ยนดวงตาเป็นสีทอง ที่ทองยิ่งกว่าเซิร์กอัลฟ่าที่เป็นแค่สีทองอ่อน พอดวงตาเปลี่ยน บุคลิกก็เปลี่ยน พอจบการสัมภาษณ์กู้หวายก็เปลี่ยนดวงตากลับไม่ได้ทั้งยังสลบไปอีก ไอย์ยีบอกว่าไม่เป็นไรเพราะเคยฝันเห็นภาพในอนาคตแล้ว พอกู้หวายฟื้นก็เปลี่ยนเป็นอีกคน ที่เย็นชาเหมือนเผ่าเซิร์กทั่วไป เพราะตอนนี้เป็นช่วงหลอมรวมพลังของเซิร์กเข้ากับตัว ทำให้มีนิสัยเย็นชาเหมือนเซิร์ก แต่ก็ทำเอาเหล่าเซิร์กที่เคยชินกับราชาที่อ่อนโยนเสียใจ ทั้งที่ตัวเองไม่อยากทำ แต่ก็แสดงออกไปแล้ว และตอนที่สลบไปก็ได้รับรู้ถึงเจตจำนนของโลกใบนี้ที่วิญญาณของเขาไม่ใช่ของโลกใบนี้ เลยโดนกีกกัน ทำให้เจ็บปวดอยู่ตลอด แต่เพราะมีดาวเซิร์กที่ห่างไกลถูกโจรสลัดเข้าปล้น กู้หวายที่ไม่ยอมให้เซิร์กตนใดได้รับอันตรายก็เลยใช้กระแสจิตจากการมองของเซิร์กสั่งการให้โจรสลัดถอนกำลัง และเพราะสายตา ท่าที ทำให้เกิดความหวาดกลัว แค่นี้ก็จัดการได้แล้ว ครั้งนี้ใช้พลังไป หลังจากนอนหลับตื่นขึ้นก็กลับมาเป็นปกติ และเพราะรู้ว่าก่อนหน้านี้ทำตัวเย็นชากับเหล่าผู้ปกครอง เลยยอมเปลี่ยนตัวเองเป็นทารกเซิร์กเพื่อง้อเหล่าผู้ปกครองทั้งหลาย รวมถึงอัลเวสที่ต้องปลอบใจกันอย่างมากอีกด้วย

กู้หวายถามถึงความฝันของไอย์ยี ไอย์ยีตอบตามที่กู้หวายอยากเห็นแต่ไม่ได้บอกฝันที่แท้จริงเพราะกลัวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

ดาวทูเซอร์หิมะตก กู้หวายปั้นตุ๊กตาหิมะให้เซิร์กทาร์กทุกตน และยังผู้บัญชาการทั้งสี่ ไอย์ยีถือเป็นสัญญาและเป็นของขวัญที่ได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น

มีเรื่องทหารดัดแปลงที่ไม่เหมือนหอคอยสีเถ้าเกิดขึ้นอีก ครั้งนี้กู้หวายคิดว่าเควินคงไม่เอายีนของเซิร์กมาใช้ เมื่อไปดูก็เป็นจริงตามนั้น ทั้งยังดูเหมือนหุ่นยนต์ กู้หวายใช้พลังจิตแลกเปลี่ยนสามารถเอาชิปออกมาได้ เมื่อสอบถามก็พบว่าเควินอยู่ที่พื้นที่สีเทา ครั้งนี้สมาพันธ์ดวงดาวและเซิร์กร่วมมือกันเพราะมืเป้าหมาย ศัตรูคนเดียวกันคือเควิน เมื่อไปถึงกู้หวายใช้พลังจิตจนสามารถจัดการกับทหารทั้งหมดให้เหล่าสมาพันธ์ดำเนินการต่อ

อัลเวสกับไอย์ยีอยู่ข้างกายกู้หวาย สิ่งที่เควินต้องการคือกู้หวายที่เห็นเป็นศัตรู ที่ถ้าจัดการได้เซิร์กทั้งเผ่าต้องคลั่งจนเกิดสงครามแน่นอน เควินใช้เครื่องสร้างมิติพิเศษดึงกู้หวายเข้ามา ไอย์ยีที่รู้ล่วงหน้าสามารถตามมาด้วยได้ และรู้ว่าผลสุดท้ายคืออะไรจากความฝัน แต่ตัวเองก็ยินดีเพราะได้ปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นเอง ทั้งที่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยอมตาย แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว เควินที่ดูดกู้หวายเข้ามาในมิติพิเศษ มิติพิเศษจะคงอยู่สิบนาทีแต่ก็เพียงพอให้เควินจัดการกู้หวาย เพราะไม่คิดจะมีชีวิตรอดไปพร้อมตายกับกู้หวาย เพราะตัวเองเปลี่ยนเป็นเมเทโอ เพื่อให้เผ่าเซิร์กคลั่งจนเกิดสงครามขึ้น แต่ไอย์ยีเปลี่ยนตัวเองเป็นร่างเดิมที่มีความแข็งแกร่ง รับแรงระเบิด จนร่างกายแตกร้าว กู้หวายเสียใจที่มีเซิร์กต้องตายเพื่อตัวเอง กู้หวายคิดได้ว่าตัวเองมีพลังแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมเลยใช้พลังชีวิตของตัวเองแลกกับการมีชีวิตของไอย์ยี หลังมิติเปิด กู้หวายออกมาพร้อมกับไข่หนึ่งใบ หลังสลบไปหกวันก็ฟื้นขึ้นมาแล้วถามถึงไอย์ยี เมื่อเห็นไข่และพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมก็ยังมีหวัง เฝ้ารอการฟักของไข่ตลอด กู้หวายนอนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเจตจำนงของโลก กับวิญญาณที่ไม่เป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่คิดจะบอกใครให้รู้

ฤดูหนาวมาเยียนอีกครั้งไอย์ยีฟังจากไข่เป็นเด็กน้อย ไม่มีความทรงจำ แต่ก็ยังจำได้ว่าตัวเองมีสัญญาว่าจะปั้นตุ๊กตาหิมะกับราชาเลยออกจากไข่มาตอนหิมะแรกตกพอดี

ผ่านไปเจ็ดปีในที่สุดสมาพันธ์โลกส่งคำเชิญมา กู้หวายให้สถานที่เจรจาคือดาวโลก กู้หวายอ่อนเพลียลงทุกวัน นอนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็พยายามพัฒนาเซิร์กทาร์กด้วยพลังจิต จนสามารถพูดคำว่าเป่าเปา ที่หมายถึงตัวกู้หวายได้ กู้หวายเปลี่ยนให้เรียกอาหวายยังไงก็ไม่ยอม จะเรียกเป่าเปา

กู้หวายหลับนานขึ้นเรื่อยๆ จนบอกกับอัลเวสว่าถ้าวันไหนหลับไปนานให้เลิกรอ จนถึงวันที่นักวิจัยสามารถเลี้ยงดอกไม้ตูมได้ อัลเวสเอามาให้เป็นของขวัญ กู้หวายก็ยังนอนหลับไม่ตื่น

กู้หวายกลับกลายเป็นเพียงวิญญาณมาอยู่ที่ดาวร้างดวงเดิม แต่ครั้งนี้มีไข่สองใบอยู่ข้างกันหนึ่งขาวหนึ่งดำ ใบขาวฝ่อไม่มีวันจะฟักออกมาตั้งแต่ต้น แต่กู้หวายก็รู้ว่านั่นเป็นไข่ของตน ส่วนไข่สีดำ ตอนนี้เกิดการฟัก ข้างในคือทารกอัลเวสที่พอออกจากไข่ก็พบกู้หวายในร่างวิญญาณ แต่ก็ยังมองเห็นและปกป้อง กู้หวายอยู่เป็นเพื่อนอัลเวส จนถึงวันที่ไม่สามารถอยู่ได้ อัลเวสกลับมาไม่พบกู้หวายถึงรู้ว่าสูญเสียสิ่งสำคัญไปจึงเกิดการคลั่ง ต้องปิดตาเอาไว้นั่นเอง เพราะเจตจำนงในโลกบอกว่านี่คือความผิดพลาด เลยลบความทรงจำส่วนนี้ของอัลเวสไป กู้หวายขอร้องให้ตัวเองอยู่ต่อ ทั้งที่รู้ว่าต้องเจ็บปวดแต่ก็พร้อมที่จะทน

ในที่สุดกู้หวายก็ตื่น จากระยะเวลาที่ห่างกันสองปี อัลเวสต้องกลับมาปิดตาอีกครั้ง พอตื่นกู้หวายก็ส่งกระแสจิตค้นหาอัลเวสและเซิร์กทั้งหลาย แต่ตอนนี้ตัวเองกลับกลายเป็นร่างทารก และตอนนี้ก็มีเผ่าพันธุ์จากจักรวาลอื่นมารุกราน เสนาธิการขอร้องให้อัลเวสไปสู้เพื่อระบายความโกรธ อัลเวสรับรู้ถึงกระแสจิตของกู้หวาย เซิร์กตนอื่นเช่นกัน ทุกตนกำลังถอนทัพเพื่อกลับดาวทูเซอร์ แต่กู้หวายก็เทเลพอตตัวเองมาหา และโดนจับตัว เหล่าเซิร์กเห็นเป็นเรื่องใหญ่ สงครามครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็ว เพราะเหล่าเซิร์กคิดว่าราชาจะเป็นอะไรไปไม่ได้ จะเจ็บมากไม่ได้ เซิร์กน่ารักขนาดนี้เลย ในที่สุดก็ได้เห็นดอกไม้ร่วมกันแล้ว

หลังอ่านเล่ม 3 :

เรื่องราวเล่าย้อนมาถึงจุดเริ่มต้นได้อย่างลงตัว รู้ว่าเพราะอะไรอัลเวสถึงเป็นแบบนี้ มีที่มาที่ไปมากๆ ซึ้งนิดๆ และจบลงด้วยดี เรื่องนี้น่ารักสุดๆ เหล่าเซิร์กน่ารักมากๆเลย

เนื้อเรื่อง :

กู้หวายเป็นนักเขียนบท เป็นเด็กกำพร้า แต่เพราะชอบดองงาน พอถึงเด็ดไลน์แล้วเลยทำงานไม่หลับไม่นอน จนสุดท้ายทำงานเสร็จแต่ตัวเองก็น็อคไปเลย ช่วงเวลาสุดท้ายยังได้ย้อยคิดว่าแบบนี้ถ้าบก.มาเจอสภาพข่าวจะเป็นยังไง แต่สุดท้ายแล้วกลับได้ลืมตาขึ้นอีกครั้งแต่ทำไมมันถึงมืดแบบนี้ และเพราะเป็นนักเขียนบทเลยจินตนาการไปไกล ว่าตัวเองน่าจะอยู่ในไข่ เคาะๆๆๆๆไปเรื่อยในที่สุดก็ออกมาได้ แต่ทำไมถึงมาเจอเซิร์กทาร์กที่น่ากลัวได้ ปฏิกิริยาแรกคือวิ่งหนี แล้วยังหกล้มเพราะความมืด นั่นคือการเชื่อมจิตครั้งแรกของกู้หวาย

ความจริงแล้ววิญญาณของกู้หวายไม่ควรมาอยู่บนโลกใบนี้ และวิญญาณก็ถูกปฏิเสธทำให้เจ็บปวด แต่เจตจำนงของโลกก็อยากให้กู้หวายตัดสินใจอยู่ต่อเพราะเหล่าเซิร์กทั้งหลาย ไม่มีความรู้สึก มีแต่การข้าฟันสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงกันคือราชาของตัวเองที่ไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้ แต่เมื่อได้พบราชา เซิร์กทุกตนต่างทุ่มเทความรักให้ กู้หวายที่เป็นเด็กกำพร้าก็รักการเป็นครอบครัวใหญ่ที่เซิร์กมอบให้ ก็ปกป้องตอบแทน ทั้งๆที่รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนมนุษย์มาก แต่ความสามารถไม่ธรรมดา เพราะสามารถเชื่อมจิตกับเซิร์กทั้งเผ่าทั่วจักรวาลได้ในครั้งเดียว พลังจิตกล้าแข็งมากๆ

มาดูเหล่าเซิร์กที่หลงรักความน่ารักของราชา และชาวจักรวาลที่จะทำยังไงกับเผ่าเซิร์กรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม กับความที่ราชาน่ารักที่สุดกันค่ะ ตอนแรกเหมือนเนื้อเรื่องจะไม่สมเหตุผล แต่ไปๆมากับ อืมเป็นแบบนี้ก็ได้นะ

หลังอ่าน :

ชาวเผ่าเซิร์กหลงรักราชากู้หวายกันทุกตน ราชาของเราน่ารักที่สุด ทั้งตอนเป็นทารกยิ่งใช่เลยทำเอาสลบไปกันเป็นแถบๆเพราะความน่ารัก ทำยังไงดี ต้องให้ทั้งจักรวาลรู้ ว่าราชาน่ารัก

เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ของเผ่าเซิร์กและราชาเซิร์กที่เคยเป็นมนุษย์ เส้นเรื่องตลก และนารักมากค่ะ เหมาะกับการอ่านคลายเครียด ยังมีตอนซาบซึ้งให้ได้เห็นด้วยนะ เรียกน้ำตาได้นิดๆเลยละ กับความรักที่เซิร์กมีให้ราชา และราชามีให้กับชาวเซิร์ก

7/4/64