Saturday, January 18, 2020

#หงส์สังหาร #2เล่มจบ #สนพ.ห้องสมุดดอตคอม


Review : 2/2563
เรื่อง : หงส์สังหาร (2 เล่มจบ)
ผู้แต่ง : อี๋ตู้จวินหัว (YIDUJUNHUA)
ผู้แปล : ทีมแปลห้องสมุด
พิมพ์ครั้งที่ 1 : มกราคม 2560
สำนักพิมพ์ : ห้องสมุดดอตคอม
คำโปรยปกหลัง :

แกร่งเหมือนมด อดเหมือนกา กล้าเหมือนหญิง
ฝันร้ายของ ‘อินจู๋หลี’ เกิดขึ้นในคืนอันมืดมิด
นางคือพยานหนึ่งเดียวที่แอบเห็นการลอบสังหารมารดาของตน
เรื่องทั้งหมดไม่ใช่อย่างที่หลายคนพยายามสรุปให้เป็น
แต่เด็กหญิงอย่างนางจะทำอะไรได้?
อินจู๋หลีหล่อเลี้ยงตัวเองด้วยความแค้น
สักวันหนึ่งเถิดนางจะเติบโตขึ้น จะแข็งแกร่ง อดทน และกล้าหาญ
เมื่อวันนั้นมาถึงนางจะฟันไม่เลี้ยงเลยสักคนเดียว!
ราชสีห์แสร้งสวมหนังแกะ
เสิ่นถิงเจียวเป็นท่านอ๋องเก้าที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เป็นรอยด่างหนึ่งเดียวของราชวงศ์
เขาห่างไกลจากราชบัลลังก์ ไร้อำนาจ ไม่ร่ำรวย เป็นม้านอกสายตาของทุกคน
ซ้ำยังโง่! ไม่น่าแปลกใจว่าใครๆมักมองข้ามเขาอยู่เรื่อย
แม้กระทั่งศึกชิงบัลลังก์ ยังไม่มีใครส่งนักฆ่าสักคนมาลอบสังหารเขา... ดูเอาเถอะ!

แต่แล้ววันหนึ่ง หญิงแกร่งกลับมาแต่งกับอ๋องห่วย
เสียงหัวเราะเยาะจึงดังท่วมเมือง
หากอินจู๋หลีต้องการชายงามไร้สมอง เสิ่นถิงเจียวก็ต้องการมารดาคนที่สอง
เช่นนั้น... ก็ปล่อยให้พวกเขาจูบปากกันเถอะ

คำนำสนพ. :
เรื่องหงส์สังหารเป็นฝีมือผู้แต่งคนเดียวกับเรื่อง 'เต้าหู้ไซซี' กล่าวถึงเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งบังเอิญไปร่วมรับรู้ในวันที่มารดาของตนเองถูกลอบสังหาร จากนั้นนางจึงตั้งปณิธานที่จะแก้แค้น แม้ว่าเรื่องนี้จะดึงเอา 'ความแค้นสิบปีไม่สาย' มาเป็นแกนหลักในการดำเนินเรื่อง แต่แท้จริงแล้วที่น่าสนใจมากกว่าก็คือการชิงไหวชิงพริบ และเอาตัวรอดในเชิงการค้า นางเอกของเรื่องนี้คือ 'อินจู๋หลี' นางถูกญาติฝั่งมารดาเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ ท้ายที่สุดก็กลายเป็น 'เจ้าบ้านอิน' ผู้ที่ครอบครองอาณาจักรธุรกิจการค้าที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นต้าสิง....เรียกได้ว่าทั้งเล่ห์ ทั้งกล ทั้งความชาญฉลาดและเด็ดขาดไม่ไว้หน้าใครอินจู๋หลีมีพร้อมและนางก็ใช่ความพร้อมในทุกด้านของตัวเอง ผลักดันให้เกิดการทวงหนี้แค้นแทนมารดาได้อีกด้วย นางเจ้าเล่ห์จนแม้กระทั่งฮ่องเต้ยังตัวก้มหัวให้! เนื้อเรื่องค่อนข้องเข้มข้น สไตล์การเขียนค่อนข้างแตกต่างจากเต้าหู้ไซซีอย่างสิ้นเชิง ใครชอบแนวชิงไหวพริบ เล่มนี้ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง!


เล่ม 1 :

ชวีหลิงเซียว เห็นเหตุการณ์ในคืนที่มารดา อินปี้อู่ถูกฆาตกรรม เมื่ออายุสี่ขวบ จากนั้นวันเวลาของนางก็ไม่มีคนสนใจโดยเฉพาะท่านพ่อ ที่พอท่านแม่ตาย ไม่นานก็แต่งงานใหม่กับเว่ยซื่อ สุดท้ายชวีหลิงเซียวก็ได้คนตระกูลอินเป็นผู้เลี้ยงดู นางได้เปลี่ยนเป็นอินจู๋หลี และเป็นเจ้าบ้านอิน จากที่อินจู๋หลีไม่สนใจเป็นต้องเขียนบัญชีส่วนตัวของอ๋องเสิ่นขึ้นมาเล่มหนึ่งทีเดียว

ท่านอ๋องเก้า เสิ่นถิงเจียว รูปงามแต่ไม่เอาไหน บนทางแคบ ในที่สุดก็ได้พบกับอินจู๋หลีที่อายุสิบแปดปีเป็นเจ้าบ้านอินที่ใจกว้าง แต่เป็นคนเดียวที่กล้าจัดการกับท่านอ๋องเสิ่น หลังจากมีเรื่องกันหลายครั้ง ท่านอ๋องไปฟ้องฮ่องเต้ในวัง สิ่งที่ได้คือสมรสพระราชทาน ส่วนอินจู๋หลีคือการซื้อขายกับฮ่องเต้ ต้องส่งเสบียงอาหารห้าแสนหาบเพื่อแก้ปัญหาชายแดน
ท่านอ๋องเสิ่นเลยเริ่มชินกับการใช้ชื่ออินจู๋หลีแปะโป้งไปทั่วเมือง เรื่องราวดำเนินไป อ๋องเก้ามีอะไรก็จะมาหาอาหลี จนกระทั่งถึงวัยสิบหกปีก็ถึงเวลาสมรสพระราชทาน ก่อนหน้านี้อินจู๋หลีให้ท่านหมอเทวดาปรุงยาให้กับตัวเองเป็นยาป้องการการตั้งครรภ์และยังมีตัวยาช่วยให้เกิดอารมณ์ผสมอยู่ด้วย เมื่อถึงตอนแต่งงานท่านอ๋องเก้ายังอายอยู่เลย อาหลีก็จับกลืนลงท้องเรียบร้อย
อินจู๋หลีดูแลอ๋องเก้าอย่างดีทุกอย่าง ทั้งเรื่องอาหาร เสื้อผ้า เรื่องส่วนตัว แต่กับคนอื่นนางมีความรู้สึกรังเกียจอย่างยิ่งแม้จะพูดคุยด้วย แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลย
ตั้งแต่ตอนแต่งงานนางแสดงออกกับแม่ทัพชวีว่ารู้ทุกอย่าง พูดเป็นนัย ทำให้คนเกิดความระแวงเกิดขึ้น
เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งมีข่าวออกมาเรื่อยๆว่าพี่ของอ๋องเก้าตายไปทีละคนเพราะโดนฮ่องเต้กำจัด ส่วนอ๋องเก้าที่ไม่เอาไหนก็ได้รับรู้ แต่ทำอะไรไม่ได้  จนถึงงานเลี้ยงในวังที่ฮ่องเต้เสิ่นถิงเหยาเรียกชายาอ๋องฝูลู่ไปคุยตามลำพัง คืนนั้นทำให้ได้เห็นอะไรที่แตกต่างเพราะอ๋องเก้าไม่ได้อ่อนแอเหมือนภายนอก และอินจู๋หลีก็ทำให้อ๋องเก้าคิดได้ถึงตัวเองว่าจะทนโดนข่มเหงแบบนี้ได้หรือ
อ๋องเก้า เสิ่นถิงเจียวรักอินจู๋หลี แต่อินจู๋หลีไม่เชื่อในความรัก เพราะเรื่องมารดาของตัวเอง แต่กลับชื่นชมอาจารย์ถังอิ่นของตัวเองมาก เพราะคอยช่วยเหลือเป็นแสงสว่างให้นางตั้งแต่อายุหกขวบ เรื่องนี้เป็นหนามตำใจของเสิ่นถิงเจียวมาก จนต้องหาโอกาสไปพูดกับอาจารย์ถังจนได้ เพื่อไม่ให้หญิงที่รักมีใจให้อีก

หลังอ่านเล่ม 1 :

เล่มแรกเส้นเรื่องยังเป็นการปูพื้นนิสัยตัวละครในตอนต้น ที่แสดงให้เห็นว่าอินจู๋หลีฉลาดหลักแหลม เป็นเจ้าบ้านอิน ที่ดูแลการค้ามากมาย แต่ไม่เชื่อในความรัก เพราะมีปมในใจ ซึ่งเรื่องราวจะค่อยๆเปิดเผยออกมา
เสิ่นถิงเจียว อ๋องเก้า อ๋องน้อยเสิ่น ทำตัวรักสนุก อะไรที่ไม่ดีล้วนทำมาหมดตั้งแต่เด็ก แต่หน้าตาดีที่สุด ได้มาเจอกับอินจู๋หลี ฮ่องเต้เสิ่นถิงเหยาจึงคิดจับคู่ให้ทั้งสอง ตอนแรกคิดว่าทั้งอินจู๋หลี และเสิ่นถิงเจียวก็หวังใช้ประโยชน์จากกันและกัน พอเรื่องดำเนินไป อินจู๋หลีมีความคิดแยบยล วางตัวอ๋องเก้าเอาไว้ว่าสามารถขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้ พาไปดูสภาพบ้านเรือนในพื้นที่ต่างๆ ให้ได้เรียนรู้ความเป็นอยู่ของชาวบ้านว่าเป็นอย่างไร และการดำเนินกิจการของสกุลอินที่ไม่เอาเปรียบที่แตกต่างจากสกุลเฝย ให้เสิ่นถิงเจียวซึมซับ
เสิ่นถิงเจียวใช่จะไม่รู้ความเพราะตอนท้ายของเล่มยังแสดงให้เห็นถึงความคิดอ่านที่ร้ายกาจ และการกระทำที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย

เล่ม 2 :

ฮ่องเต้วางแผนกำจัดอ๋องเก้า อินจู๋หลีเอาเรื่องสมบัติเข้ามาหลอกล่อแม่ทัพชวีจนสุดท้าย เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง อินจู๋หลีสามารถแก้แค้นให้อินปี้อู่ได้ เสิ่นถิงเจียวขึ้นเป็นฮ่องเต้ ในที่สุดลูกหมาน้อยก็กลายเป็นหมาป่า การเมืองในราชสำนักไม่ได้มั่นคงอย่างที่เห็น อินจู๋หลียังต้องหาทางคิดช่วยเหลือเสิ่นถิงเจียวรักษาบัลลังก์ทั้งยังสอนให้รู้ว่ายิ่งอยู่สูงก็ต้องเรียนรู้ที่จะโดดเดียว นางยังคงต้องวางแผนการทุกอย่างเพื่อเสิ่นถิงเจียว เสิ่นถิงเจียวรู้ว่าถ้าปล่อยอินจู๋หลีไปก็จะไม่ได้นางกลับมาอีกเพราะนางรักอิสรเสรีขนาดนั้น สุดท้ายเพราะบ้านเมืองยังไม่มั่นคง อินจู๋หลีก็ต้องคิดเพื่อเสิ่นถิงเจียว แต่เพราะความรักที่มีให้กับนางทำให้เสิ่นถิงเจียวรอนางกลับมา
ถึงกับยื่นข้อเสนอให้เป็นเสนาบดีกรมคลังเลยทีเดียว เมื่อดีดลูกคิดดูแล้วคิดว่าคุ้มก็กลับมา พร้อมกับดูแลการคลังของต้าสิงต่อไป

หลังอ่านเล่ม 2 :

เล่มนี้ยิ่งชัดเจนในการกระทำขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเสิ่นถิงเจียว อินจู๋หลี ที่คอยคิดแผนการอยู่เสมอสุดท้ายก็เพื่อต้าสิง และเพื่อเสิ่นถิงเจียว ใช่ว่านางจะไม่มีความรักให้กับเสิ่นถิงเจียวเพียงแค่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าความรักของนางเป็นแบบไหนกันแน่ สุดท้ายก็เข้าใจได้ในที่สุด 


เนื้อเรื่อง :

เรื่องเริ่มจากความแค้นของอินจู๋หลี ตอนอายุสี่ขวบที่เห็นมารดาตายอนาถ ที่มีต่อแม่ทัพชวีที่เป็นบิดา ความแค้นสิบปีไม่สาย นางรอคอยได้
เสิ่นถิงเจียวอายุสิบสี่ เป็นอ๋องเก้าที่เที่ยวไร้สาระไปทั่วเมืองฉางอัน ได้พบอินจู๋หลีอายุสิบแปดที่เป็นเจ้าบ้านอินดูแลกิจการค้าสกุลอินแล้ว เมื่อทั้งสองพบกัน อินจู๋หลีไม่ยอมลงให้เสิ่นถิงเจียวจนเสิ่นถิงเจียวเอาเรื่องไปฟ้องฮ่องเต้ เมื่อหลายครั้งจนฮ่องเต้มีความคิดพระราชทานสมรสให้ แต่จริงๆเป็นการซื้อขายกัน อินจู๋หลีเป็นพ่อค้าต้องดีดลูกคิดไม่อยากทำการค้านี้แต่ขัดไม่ได้
ในที่สุดก็ต้องแต่งงานกัน เรื่องราวดำเนินไป เสิ่นถิงเจียวไม่ทำงาน มีเรื่องอะไรก็มาโยนให้อินจู๋หลีสะสาง แต่ทั้งสองก็อยู่ด้วยกันได้อย่างดี อินจู๋หลีคอยดูแลความเป็นอยู่เสิ่นถิงเจียว จัดการเรื่องราวต่างๆให้ และดูแลการค้าของสกุลอินไปด้วย จนถึงตอนที่ทุกคนจ้องสมบัติของสกุลอินรวมถึงฮ่องเต้เสิ่งถิงเหยา
อินจู๋หลีวางแผนเพื่อการล้างแค้นโดยวางตัวเสิ่งถิงเจียวเอาไว้ สุดท้าย ลูกสุนัขเสิ่นถิงเจียวที่ตนคอยดูแลก็เติบใหญ่เป็นหมาป่า การออดอ้อนต่างๆหายไป แต่ความเป็นจริงเสิ่นถิงเจียวรักเพียงอินจู๋หลี แต่ไม่รู้ว่าจะหาวิธีรั้งนางไว้ข้างกายได้ยังไง เพราะนางเป็นคนที่มีอิสรเสรี เจ้าแผนการ สุดท้ายก็เป็นอินจู๋หลีที่ช่วยวางแผนปูรากฐานของบัลลังก์ให้กับเสิ่นถิงเจียว

หลังอ่าน :

มาดูเรื่องราวการแก้แค้น และจิตใจของคนแต่ละคน กับการวางแผนเล่นงานของอินจู๋หลีที่มีมากมาย เดินหมากล่วงหน้าหลายก้าว จนเอาชนะผู้คนได้ทั่ว ความแค้นสิบปีไม่สาย และไม่เชื่อในความรัก แต่สุดท้ายก็รู้ว่าความรักคืออะไร ได้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครในเรื่องทั้งอินจู๋หลี และเสิ่นถิงเจียว ที่เดินเรื่องเร็ว คลายปมต่างๆ และบอกถึงที่มาของจิตใจแต่ละคนได้เป็นอย่างดีทีเดียว สำหรับเรื่องราวแนวล้างแค้นทวงคืน ที่ใช้แผนการต่างๆมากมาย ทั้งปมต่างๆในเรื่องที่ซับซ้อนในใจของแต่ละตัวละครเอง





Thursday, January 9, 2020

#ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ #3เล่มจบ #RosePublishing


Review 30/2562-1/2563
เรื่อง : ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ (3 เล่มจบ) (นิยายวาย ช/ช)
ผู้แต่ง : เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง
ผู้แปล : คีตกาล
สำนักพิมพ์โรส

เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 2 : พฤษภาคม 2562

โปรยปกหลังเล่ม 1 :

นับตั้งแต่จำความได้ ฉีเยี่ยน ก็มีเรื่องที่ไม่พอใจในตัวเองอยู่สองอย่าง หนึ่งคือชื่อไม่น่าเกรงขามพอ สองคือหน้าตาดูไม่น่าเกรงขามยิ่งกว่าชื่อเสียอีก
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ไม่ได้กระทบกับเส้นทางสู่อนาคตอันสดใสของกระต่ายน้อยฝีปากกล้าคนนี้หรอก ยิ่งมีคู่หูกู้โลกเป็นนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล ที่มีไอสีม่วงล้ำค่าอย่าง เฉินไป่เฮ่อ อยู่ใกล้ๆ เขายิ่งไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด

"เวลาคุณไม่มีธุระอะไรก็ไปกอบกู้โลกด้วยกันกับผมแล้วกันครับ"
"ได้ครับ ถึงเวลาก็อย่าลืมเรียกผมนะ"

คำนำสนพ. เล่ม 1 :

เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่งมีผลงานมาแล้วหลายเรื่อง ทั้งแนววายและชายหญิงเป็นนักเขียนที่ขึ้นชื่อเรื่องการเขียนเรื่องธรรมดาให้น่าสนใจและชวนติดตามได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ เป็นเรื่องที่การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเนิบช้า แต่ว่าคนอ่านจะไม่มีทางเบื่อ เพราะมีจังหวะซิตคอมที่ทำให้หลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัวแทรกอยู่เป็นระยะ อ่านไปอมยิ้มไปตลอดเวลา ทั้งยังสอดแทรกประเด็นความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับสังคมอย่างแนบเนียนด้วย

Rose PUBLISHING

เล่ม 1 :
ฉีเยี่ยนนักศึกษาจบใหม่ เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงมาโดยหมอดูฮวงจุ้ย (นักพรตเต๋า? ตาแก่ที่เป็นอาจารย์เก็บมาเลี้ยง) เรียนจบก็สืบทอดวิชาประกอบอาชีพเป็นหมอดูดวงชะตากับดูฮวงจุ้ย โดยมีกฎในหนึ่งเดือนต้องดูดวงชะตาให้ห้าดวง รับค่าดูดวงห้าร้อยหยวน แต่ห้าร้อยหยวนก็เอาไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่เชื่อถือได้ รับมา ต้องแบ่งปัน ด้วยความที่หน้าเด็ก อายุยังน้อย หน้าตาดี น่ารัก มีลักยิ้มสองข้าง จึงไม่ค่อยได้รับความเชื่อถือจากคนที่มาดูดวง ต้องผ่านการพิสูจน์ฝีมือ ได้รู้จักกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจที่มีฐานะดี ได้พบว่าเฉินไป่เฮ่อ คุณชายห้าแห่งบ้านตระกูลเฉินผู้ทรงอิทธิพล ผู้มีดวงมังกร แต่ร่างกายอ่อนแอ เพราะสูงค่าจึงหักโค่น มีคนทักว่าจะอยู่ไม่ถึงอายุสามสิบห้าปี ทุกคนพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยยืดชีวิตเขา แล้วฉีเยี่ยนก็พบหนทางหนึ่ง พาเขาออกไปช่วยโลก...เรื่องของหมอดูฮวงจุ้ยกับนักธุรกิจใหญ่บ้างาน ที่จริงจังสุดๆ ท่านห้าเฉินก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเองจากที่ไม่ค่อยกินอะไร เป็นกินได้ นอนหลับ ที่บ้านดีใจกันสุดๆ เพราะว่าฉีเยี่ยนพบคนทำพิธียืมชะตาคนอื่น และได้เฉินไป่เฮ่อที่มีไอสีม่วงมากมายช่วยเอาไว้ จึงรู้ว่ามีวิธีที่สามารถช่วยเฉินไป่เฮ่อได้  เพราะก็มีเพื่อนเป็นฉีเยี่ยนที่ทำอะไรตามสบาย ชอบกินที่สุด เฉินไป่เฮ่อ ท่านห้าเฉินผู้ทรงอิทธิพลและดวงดีในทุกสถานการณ์จะพาฉีเยี่ยน เฉียนเฉียนไปกินข้าวอยู่เรื่อย จนตัวเองก็เจริญอาหารไปด้วย และฉีเยี่ยนก็จะคอยช่วยไป่เฮ่อเช่นกันทั้งคู่ส่งเสริมซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
เหตุการณ์ที่ฉี่เยี่ยนสามารถแก้ไขที่ทำให้ทุกคนจับตามองก็คือ เรื่องของเขาหงเหลียงที่เฉียนเฉียนสามารถต่อรองกับเทพแห่เพื่อขออภัยด้วยความจริงใจและสัญญาว่าจะสร้างศาลบูชาเทพแห่งขุนเขา ซึ่งเฉินไป่เฮ่อก็ได้รับไอชะตาชีวิตสีเขียวเป็นการตอบแทน
และยังมีเหตุการณ์เขตที่อยู่อาศัยลวี่เมิ่งที่มีไอวิญญาณรุนแรง ถึงแม้จะไม่ชอบเจ้าของแต่ผู้คนที่อยู่อาศัยไม่สมควรได้รับเคราะห์จากที่ดินนี้ ทั้งสองเรื่องนี้ทำให้คนตระกูลใหญ่ต่างตามหาตัวฉีเยี่ยนกันให้ทั่ว และยังพบว่าได้รับความสนิทสนมกับท่านห้าเฉิน อยู่ติดกันตลอดเวลา
เฉียนเฉียนได้ช่วยพี่ชายสามเฉินเอาไว้ ทำให้คนตระกูลเฉินยิ่งซาบซึ้งบุญคุณเข้าไปใหญ่ ตอนนี้มีเรื่องที่อำเภอหวางเซียง พี่ชายสามเฉินจึงเตือนฉีเยี่ยน แต่สุดท้ายแล้วคนของทีมพิเศษที่รับรองโดยอาจารย์เฉียนก่อนหน้านี้ก็มาพบเพื่อขอร้องให้ไป เมื่อเฉียนเฉียนอ่านรายงานจบรู้ว่ามีคนใช้คนในอำเภอหวางเซียงเป็นเครื่องบูชาก็ตัดสินใจไปช่วยทันที ทั้งยังเอาอาวุธอาคม และชุดปากว้าที่ตาแก่ อาจารย์ของตัวเองให้ไว้ไปด้วย
เฉินไป่เฮ่อพอติดต่อเฉียนเฉียนไม่ได้ก็รู้ทันทีว่าเฉียนเฉียนต้องไปที่ที่อันตรายอย่าง อำเภอหวางเซียงแน่นอน และที่อำเภอหวางเซียงอาจารย์ทั้งหลายก็มองออกแล้วว่าพิธีที่เจอคือพิธีสะกดพยัคฆ์หรือพิธีสะกดชีวิต ยังเป็นพิธีล้อมพิธี พิธีบูชาสวรรค์อีกด้วย รอให้อีกสามวันถึงวันไหว้พระจันทร์หยิบยืมพลังจากดวงจันทร์คนทั้งอำเภอกว่าห้าแสนคนต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน ตอนนี้ต้องหาทางทำลายพิธีนี้ให้ได้

หลังอ่านเล่ม 1 :

จากตอนแรก ฉีเยี่ยนที่เพิ่งเรียนจบก็เริ่มอาชีพดูดวง ดูฮวงจุ้ยอย่างเป็นทางการ แต่ไม่ง่ายขนาดนั้นถ้าจะขอให้ดูฮวงจุ้ยให้เพราะกฎสำนักมีว่าไว้ถ้าชะตาไม่ต้องกันยังไงก็ไม่ทำ และถ้าเป็นคนไม่มีคุณธรรมแค่จะมองยังไม่อยากจะเสียสายตา
แต่จากการที่ช่วยดูฮวงจุ้ย ปรับแก้จนบรรดานักธุรกิจเริ่มได้ยินชื่อเสียง ตระกูลเฉินก็ถือโอกาสเชิญอาจารย์ชื่อดังหลายท่านเพื่อมาดูฮวงจุ้ยสาเหตุเพื่อลูกหลง ท่านห้าเฉิน เฉินไป่เฮ่อที่ชะตาสูงค่าจนต้องหักโค่น และเพราะคำพูดและการกระทำทำให้เฉินไป่เฮ่อสนใจฉีเยี่ยน และยังได้ช่วยชีวิตฉีเยี่ยนโดยไม่ตั้งใจเพราะไอสีม่วงแห่งความโชคดีที่ใครก็ไม่กล้าทำร้าย ฉีเยี่ยนก็เห็นวิธีในการช่วยเฉินไป่เฮ่อจนทั้งสองสนิทกัน เป็นเพื่อนกัน
ท่านห้าเฉินที่ไม่เคยมีเพื่อนรู้สึกสนิทกับเฉียนเฉียนมาก จนอยากจะผูกเฉียนเฉียนเอาไว้กับตัวตลอด เอ๊ะ ความรู้สึกนี้มันเป็นความรู้สึกของเพื่อนสนิทจริงเหรอ แถมเฉียนเฉียนยังเป็นคนเดียวที่ทำให้ไป่เฮ่อยิ้มได้ หัวเราะได้ คุยโทรศัพท์นาน ทั้งๆที่จริงๆแล้วเฉินไป่เฮ่อเป็นคนหน้านิ่งหน้าตาไร้ความรู้สึกอีกต่างหาก รอดูความสัมพันธ์ระหว่างเฉียนเฉียน และไป่เฮ่อ กับการไปช่วยกันกอบกู้โลกกันต่อไปค่ะ  อ่านไปอมยิ้มไปกับความน่ารักของทั้งสองจริงๆ และได้มุมมองการใช้ชีวิตที่น่าคิดอีกด้วย

เล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กุมภาพันธ์ 2562


โปรยปกหลังเล่ม 2 :

นับตั้งแต่จำความได้ ฉีเยี่ยน ก็มีเรื่องที่ไม่พอใจในตัวเองอยู่สองอย่าง
หนึ่งคือชื่อไม่น่าเกรงขามพอ
สองคือหน้าตาดูไม่น่าเกรงขามยิ่งกว่าชื่อเสียงอีก
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ไม่ได้กระทบกับเส้นทางสู่อนาคตอันสดใส
ของกระต่ายน้อยฝีปากกล้าคนนี้หรอก ยิ่งมีคู่หูกู้โลกเป็นนักธุรกิจ
ผู้ทรงอิทธิพลที่มีไอสีม่วงล้ำค่าอย่าง เฉินไป่เฮ่อ อยู่ใกล้ๆ
เขายิ่งไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด

เฉียนเฉียนเอวบางชะมัด หลังก็ขาวจัง
ไม่รู้สึกมีกล้ามท้องหรือเปล่า
เฉียนเฉียนมีกล้ามท้องจริงๆ ด้วย
ดูไปแล้วก็...
ดูไปแล้วก็อยากจะลองจับดูจริงๆ เลย

เล่ม 2 :

อาจารย์ทั้งเก้าคนที่ทีมพิเศษเชิญมามีทั้งนักเวทธรรมดา ทั้งสายพุทธ ทั้งสายเต๋า  ฉีเยี่ยนเป็นสายเต๋า และยังอายุน้อยที่สุด พอถึงตอนประชุมทุกคนไม่มีวิธีแก้พิธี แต่ฉีเยี่ยนมีวิธีโดยใช้ตามวิธีกระถางสามขาเก้ากระถาง โดยตัวเองเป็นกระถางใช้ไอวิญญาณมาเติมพิธีบูชาสวรรค์ แย่งชิงชีวิตทั้งหลายกลับมา และยังดูออกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ชาวบ้าน แต่มุ่งเป้ามาที่นักเวท ให้ใช้ตัวเองเป็นเครื่องสังเวย ให้ตายอยู่บนแท่นบูชา ฉีเยี่ยนยังต้องให้คนคนนึงมาช่วยก็คือเฉินไป่เฮ่อ จึงให้ทางทีมพิเศษติดต่อไปหาเฉินชิวเซิงพ่อของไป่เฮ่อ ตอนแรกโดนปฏิเสธ คราวนี้ เฉียนเฉียนต่อรองกับทางทีมว่าให้ที่ดินที่ทุกคนหมายตาเป็นสิทธิ์ของไป่เฮ่อ และตัวเองจะเป็นคนคุยกับพ่อของไป่เฮ่อเอง ซึ่งพอเฉียนเฉียนรับรองความปลอดภัย พ่อของไป่เฮ่อก็ตกลง
เวลานั้นไป๋เฮ่อก็กำลังพยายามมาที่อำเภอหวังเซียงอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีเที่ยวบิน พอเฉียนเฉียนโทรไป ไป่เฮ่อก็มาได้เลย แต่จากคุณชายตลอดชีวิตให้มานั่งเที่ยวบินประหยัดอะไรแบบนี้ก็ไม่ชินไปบ้าง มาถึงก็ได้รับการดูแลอย่างดี ได้อยู่ห้องเดียวกับเฉียนเฉียน ไป่เฮ่อก็ยิ่งมีความคิดที่ไม่น่าจะมี
เวลาทำพิธีเฉียนเฉียนไม่ได้บอกคนอื่นว่าต้องใช้อะไรบ้าง ทำให้ตัวเองเกือบเสียชีวิตบนแท่นพิธี แต่ทุกคนก็รอดตาย ครั้งนี้ทำให้ไปเฮ่อจดจำไปนานถึงตอนที่เฉียนเฉียนนอนจมกองเลือด และโทษตัวเองตลอดที่ไม่จับมือเฉียนเฉียนให้เร็วกว่านี้
ตอนนี้เองทำให้ไป่เฮ่อดูแลอาหารการกิน อาหารบำรุงเลือด และรับเฉียนเฉียนไปดูแลที่บ้านตระกูลเฉิน ตั้งแต่ตอนที่เฉียนเฉียนเข้าโรงพยายาลไป่เฮ่อก็รู้ใจตัวเองแล้วว่านี่คือความรัก และคนที่รับรู้คนแรกของบ้านก็คือพี่สามเฉิน
เฉียนเฉียนมาพักที่บ้านไป่เฮ่อได้รับการดูแลอย่างดี จ้าวจื้อเฉิงหัวหน้าทีมพิเศษมาเยี่ยม ฉีเยี่ยนคิดถึงเรื่องพวกค้ามนุษย์ที่ตัวเองและพี่รองไปพัวพันคราวก่อนพอมาคิดดู และขอให้สืบวันเวลาตกฟากถึงรู้ว่ามีคนเตรียมจะทำพิธีแบบที่อำเภอหวังเซียงที่ตี้ตู ตอนนี้มีข่าวแพร่ออกมาว่าพวกอาจารย์วิชาเวทอายุน้อยโดนลอบทำร้ายจึงมาเตือนฉีเยี่ยน และยังบอกว่าอาจารย์เฉียนอยากจะพบ พอไปพบอาจารย์เฉียนก็ได้อาวุธอาคมจากอาจารย์เฉียน ก่อนที่อาจารย์เฉียนจะเสียชีวิตในไม่กี่วันต่อมา
ตอนงานศพอาจารย์เฉียน พวกศิษย์หลายคนไม่พอใจที่อาจารย์เฉียนให้อาวุธอาคมไปกับฉีเยี่ยนตั้งใจมาหาเรื่อง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ข่าวเรื่องอำเภอหวังเซียงทำให้หยวนฉงอันมาขอร้องฉีเยี่ยนให้ช่วยย้ายฮวงซุ้ยให้ ตอนแรกฉีเยี่ยนยังไม่รับปาก และก็ยังมีเหตุการณ์ที่หยวนเหิงอวี่จ้างคนมาแอบอ้างเป็นเพื่อนสนิทสมัยเด็กของฉีเยี่ยนถูกเปิดโปง เป้าหมายเพื่อเข้าใกล้ไป่เฮ่อ ทำให้เฉียนเฉียนปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาด
เฉียนเฉียนอยูบ้านไป่เฮ่ออย่างสบายใจ และยังเข้ากันได้ดีกับรุ่นหลาน เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆโดยเฉพาะถวนถวน ลูกสาวคนที่สองของพี่ใหญ่เฉิน ถวนถวนใส่ใจคนในบ้านรวมไปถึงป้าจางคนในครัว เลยมาขอร้องให้เฉียนเฉียนช่วยเหลือ เฉียนเฉียนรู้ว่าป้าจางตามหาลูกชายที่หายตัวไป ตอนนั้นยังพูดกับไป่เฮ่อเลยว่าถ้าคนมุ่งร้ายมาที่ตระกูลเฉินน่าจะเริ่มจากคนรับใช้ที่บ้าน และก็เป็นจริง เฉียนเฉียนสกัดป้าจางไม่ให้เข้าใกล้ถวนถวน พาไปส่งโรงเรียนเอง ทั้งยังเจอผู้ปกครองมีพิรุธถือมีดเข้ามาในโรงเรียน เฉียนเฉียนเป็นฮีโร่แต่ก็ได้รับบาดเจ็บ ดีที่ไป่เฮ่อตาไวทำให้คนร้ายไม่สามารถเอามีดเปื้อนเลือดเฉียนเฉียนไปได้
สรุปว่าป้าจางจะลักพาตัวถวนถวนให้คนร้ายดีที่เฉียนเฉียนช่วยเอาไว้ได้ก่อน คนบ้านนี้ยิ่งรักเฉียนเฉียนเข้าไปใหญ่ ไป๋เฮ่อบอกกับพ่อแล้วว่ารักเฉียนเฉียน ตอนแรกพี่สามนึกว่าพ่อจะตกใจ ที่ไหนได้พ่อรับได้อย่างดี เฉียนเฉียนผู้ไม่รู้เรื่องราวจะมองว่าคนบ้านนี้ตลกดี (ไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องตัวเองทั้งนั้น)
และแล้วฉีเยี่ยนก็รู้ว่าพวกคุณป้าแถวบ้านเป็นอาจารย์เทวดากันทั้งนั้น ทั้งป้าหวังข้างบ้านก็ยังเป็นเพื่อนกับตาแก่ อาจารย์ตัวเองเลย
ไป่เฮ่อสารภาพกับเฉียนเฉียนแบบมีความหมายแฝง ตัวเองก็เริ่มคิดแล้วว่ากลัวไป่เฮ่อบ่นเรื่องกินของอะไร เหมือนกลัวเมีย แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป คนอื่นมองออกกันตั้งนานแล้วนี่ยังไม่รู้เรื่อง จนไป่เฮ่อมาสารภาพแต่ดันเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ก่อน เลยต้องไปกับพี่สาม กว่าจักลับมาไป่เฮ่อก็ต้องไปร่วมประชุมกับทางการ ตอนขากลับก็ได้จัดการคนร้ายติดตาม และสุดท้ายได้ตามไปถึงตัวการใหญ่ ตอนนี้คนของหน่วยพิเศษชื่นชมอาจารย์ฉีสุดๆแล้ว ตอนจะกลับดันได้ข่าวว่าเครื่องบินของไป่เฮ่อถูกปล้น เฉียนเฉียนเลยทำพิธีขอพรเทพเจ้า ให้ไป่เฮ่อปลอดภัย ไป่เฮ่อที่อยู่บนเครื่องบินก็รอดมาได้จริงๆ พอกลับมาแล้วรู้ข่าวยังไงก็ต้องสารภาพความในใจให้ได้แล้ว
ในที่สุดทั้งสองคนก็สารภาพความในใจกัน แต่กลับโดนทั้งพี่รอง และพี่สามเฉินขัดจังหวะ เฉียนเฉียนเห็นแล้วขำบ้านนี้ที่สุด
มีงานสัมมนาวิชาเวทนานาชาติ คราวนี้จีนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่เกาะกุหลาบ ฉีเยี่ยนพาเฉินไป่เฮ่อไปด้วย แบบสบายๆ ไป่เฮ่อก็ออกจะดีใจที่ได้ไปเที่ยวกัน ประเทศโลซานคอยจะทำลายประเทศจีนอยู่โดยใช้ลวี่กัง ศิษย์คนรองของอาจารย์เฉียนที่ไม่ถูกกับฉีเยี่ยนมาเป็นเครื่องมือแต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ตอนที่ประชุมกันอาจารย์ทั้งหลายพูดถึงยันต์เพื่อป้องกันประเทศโลซานที่จ้องชีพจรมังกรดวงตาพยัคฆ์ เฉียนเฉียนก็เอาออกมาเป็นปึกแบบไม่มีกั๊กทำคนตกใจแทบตายเพราะบางอย่างไม่มีให้เห็นอีกแล้วอย่าง ยันต์เชิญเทพ

หลังอ่านเล่ม 2 :

เนื้อเรื่องแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเฉียนเฉียนว่ามีมากขนาดไหน แต่เจ้าตัวก็ไม่ค่อยรู้หรอก เพราะฟังตาแก่โม้มาตลอดไม่คิดว่าเรื่องจริง กับไป่เฮ่อรู้ใจตัวเองก็เริ่มดูแลเฉียนเฉียนอย่างดีไม่มีห่างกว่า เฉียนเฉียนจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ทำเอาคนที่บ้านลุ้นกันไป มีทั้งคนบื้อเหมือนเฉียนเฉียนกับคนที่มองออก ก็ฮากันไป ตอนนี้เริ่มรู้แล้วว่าประเทศจีน กับนักเวทชาวจีนกำลังเผชิญกับอะไร ก็ต้องอาศัยความสามารถของอาจารย์ฉีแล้ว เพราะอาจารย์ฉีเป็นเจ้าสำนักหนึ่งสวรรค์รุ่นที่ยี่สิบสาม คนเก่งไม่ต้องโอ้อวดตัวเอง ทำอะไรปิดทองหลังพระนะจะบอกให้ 

เล่ม 3 พิมพ์ครั้งที่ 1 : พฤษภาคม 2562

โปรยปกหลังเล่ม 3 :

นับตั้งแต่จำความได้ "ฉีเยี่ยน" ก็มีเรื่องที่ไม่พอใจในตัวเองอยู่สองอย่าง
หนึ่งคือชื่อไม่น่าเกรงขามพอ
สองคือหน้าตาดูไม่น่าเกรงขามยิ่งกว่าชื่อเสียอีก
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ไม่ได้กระทบกับเส้นทางสู่อนาคตอันสดใส
ของกระต่ายน้อยฝีปากกล้าคนนี้หรอก ยิ่งมีคู่หูกู้โลกเป็นนักธุรกิจ
ผู้ทรงอิทธิพลที่มีไอสีม่วงล้ำค่าอย่าง "เฉินไป่เฮ่อ" อยู่ใกล้ๆ
เขายิ่งไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด

"คุณไม่กลัวเหรอครับว่า ถ้าความสัมพันธ์ของเราเปิดเผยออกไป
จะกระทบกับธุรกิจของบริษัทคุณ" ฉีเยี่ยนหัวเราะคิก
"ไม่กลัวหรอก" เฉินไป่เฮ่อคิดแล้วคิดอีก
"ถ้าธุรกิจไม่ดี ผมก็ให้พี่ชายพี่สาวเลี้ยงพวกเราก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น คุณดูฮวงจุ้ยดูดวงเก่งออกจะตายไป
พวกเราคงไม่อดตายหรอก"
"แล้ววันข้างหน้าเวลาพวกคุณชายในตี้ตูทั้งหลายพูดถึงคุณ
ก็จะเปลี่ยนมาเรียกคุณว่าท่านห้าเฉินผู้เกาะคนอื่นกิน"
ฉีเยี่ยนนึกถึงภาพแบบนั้นแล้วก็แปลกดีที่รู้สึกเหมือนจะไม่เลวเหมือนกัน
"ผมเกาะผู้ชายของผมกิน มันก็ถูกต้องเหมาะสมแล้วไม่ใช่เหรอ"
เฉินไป่เฮ่อก้มลงมองฉีเยี่ยน "คุณว่าถูกไหมล่ะ หือ"

เล่ม 3 :

อาจารย์ทั้งหลายเห็นยันต์ที่เคยเห็นแต่ในตำรา แต่ฉีเยี่ยนหยิบออกมาและบอกว่าเป็นของนอกกายธรรมดา พวกอาจารย์จึงสงสัยว่าอาจารย์ของฉีเยี่ยนคือใคร ในที่สุดก็รู้ว่าคืออาจารย์อู๋ฮุ่ย ที่หาชีพจรมังกรของอาคารรับรองแห่งชาติท่านนั้น เฉียนเฉียนถึงเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ตาแก่พูดอย่างไม่สนใจ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นความจริง งานสัมมนาคราวนี้ประเทศโลซานจ้องจะจัดการประเทศจีน และจะใช้ลวี่กังมาทำให้แตกคอกันแต่ก็ไม่เป็นผล พอถึงตอนประลอง โต้วาทีทั้งคู่ปากจัดทำให้ประเทศอื่นแพ้ไปได้ พอจบการแข่งขันก็เมินหน้าใส่กันอีก การประลองเวทที่ประเทศจีนไม่เคยชนะมาเลย คราวนี้ได้ฉีเยี่ยนทำให้ชนะได้อย่างงดงามในรอบยี่สิบแปดปี ตอนที่แข่งประลองเวททางโลซานได้ใช้เวทชั่วร้ายจะทำร้ายฉีเยี่ยนแต่ฉีเยี่ยนก็เก่งพอที่จะทำให้มันสะท้อนกลับไปหาเจ้าของได้ และตอนนี้ประเทศโลซานก็คิดหาวิธีต่างๆมาจัดการฉีเยี่ยนต่อไป
พอกลับมาถึงตี้ตูที่สนามบินฉีเยี่ยนกับเฉินไป่เฮ่อได้เจอกับกลุ่มแฟนคลับดาราที่มาต้อนรับที่สนามบิน ดาราคนนั้นคือเถาเหยียน ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกับเฉินไป่เฮ่อ แต่ไป่เฮ่อไม่มีความทรงจำของคนคนนี้อยู่เลย
เฉียนเฉียนเคยรับปากพี่สาม หวังหังว่าจะช่วยดูฮวงซุ้ยให้ญาติตอนนี้ก็เลยได้พบและทำการไปหาชีพจรมังกร ซึ่งก็เจอกับหยวนฉงอันพอดีที่มาหาที่จะย้ายฮวงซุ้ย แต่สำหรับหยวนฉงอันนั้นได้เพียงชีพจรมังกรไป และอาจารย์ที่มาดูฮวงจุ้ยให้ก็เป็นพวกทำแต่เรื่องเลวร้าย สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเองเพราะจะทำลายชีพจรมังกรก็ต้องโดนฉีเยี่ยนจัดการ ด้วยความสนุกเพราะพวกนี้ฉีเยี่ยนเล่นเต็มที่ไม่เหมือนอาจารย์ที่เจอที่มีคุณธรรม และยังได้กล่าวกับหยวนฉงอันว่าถ้ายังไม่รีบหาอาจารย์ฮวงจุ้ยอีกตระกูลหยวนคงจบสิ้นลง
เพราะเรื่องตระกูลหยวน เถาเหยียนที่เป็นดาราก็รับงานเกี่ยวกับตระกูลหยวนเป็นส่วนใหญ่ตอนนี้จึงตกต่ำอย่างหนัก นึกถึงเฉินไป่เฮ่อแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เลยนึกถึงอาของตนเถาอี้หรู ที่ฐานะมั่งคั่ง แต่เพราะพ่อและปู่ของเถาเหยียนได้ทำลูกชายของเถาอี้หรูหายทำให้ตัดขาดกันไปนานแล้ว พอเถาเหยียนมาเห็นวิลล่าและสมบัติของเถาอี้หรูความคิดที่ไม่พึ่งมีก็เกิดขึ้น ถ้าประจบอาของตนมากหน่อยก็น่าจะเป็นผู้สืบทอดได้ ทำนองนั้น
มีงานเลี้ยงคอกเทลของคนใหญ่คนโต เชื่อมสัมพันธ์ทางธุรกิจ พี่สามเฉินบอกไป่เฮ่อให้พาเฉียนเฉียนไปร่วมงานเพื่อเปิดตัว งานนี้สุดท้าย ทำให้เถาอี้หรูได้เจอเฉียนเฉียนและมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ สุดท้าย เห็นนิ้วเท้าที่ไม่เหมือนใครของเฉียนเฉียนก็ยืนยันว่าฉีเยี่ยนคือลูกชายของตัวเองที่หายไป
ฉีเยี่ยนตกใจแต่ก็ยอมตรวจดีเอ็นเอกับเถาอี้หรู แต่ก็เตือนว่าให้เผื่อใจไว้ แต่สุดท้ายผลก็คือฉีเยี่ยนคือลูกชายของเถาอี้หรูที่หายไปจริงๆ ตอนที่ดูเวลาตกฟากของเสิ่นซีลูกชายของเถาอี้หรูฉีเยี่ยนได้บอกแล้วว่าฟื้นดวงอายุสั้น ฉีเยี่ยนก็คิดได้ว่าตาแก่ตั้งชื่อให้ใหม่ เสิ่นซีตายแล้วแต่ฉีเยี่ยนยังอยู่ เมื่อพ้นวันเกิดอายุยี่สิบสองก็จะมาความสุข ในที่สุดแม่ลูกก็ได้เจอกัน และทำความรู้จักกันใหม่
ครอบครัวของไป่เฮ่อและเถาอี้หรูยอมรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และตอนนี้เถาอี้หรูก็ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าตนได้เจอลูกชายที่หายไปแล้ว
เถาเหยียนที่คิดอยากเป็นทายาทเถาอี้หรูหมดสิทธิ์ประจบประแจง ตอนนี้มีงานเข้าน้อย ได้บทนักแสดงเล็กไปแสดงที่ต่างประเทศก็โดนลักพาตัวไป แลกกับให้บอกวันเวลาตกฟากของฉีเยี่ยนกับความโด่งดังในอนาคต ที่แท้คนที่จับเถาเหยียนไปก็คือคนของประเทศโลซานที่ต้องการแก้แค้นฉีเยี่ยนนั้นเอง แต่ดันบอกว่าเวลาตกฟากเป็นดวงของคนที่ตายแล้ว เถาเหยียนยอมบอกความจริงก็ยังไม่ใช่อยู่ดี แต่ได้โทรแจ้งสถานทูตแล้ว ทางการเลยได้ข่าวและช่วยออกมาได้
ฉีเยี่ยนก็รู้ข่าวตอนนั้นเลย ขณะที่จัดงานวันเกิดอยู่ แต่ดวงนั้นเป็นดวงของเสิ่นซี เสิ่นซีไม่ใช่เขา วันเวลาตกฟากที่แท้จริงตาแก่ได้ช่วงชิงเส้นทางสายหนึ่งมาให้เขาแล้ว
ตอนนี้จึงคิดวิธีจัดการพวกชาวโลซานที่ไม่จบซักที เข้าไปคุยกับอาจารย์ในกลุ่มโซเชียลจนแต่ละคนเหมือนคนแก่ติดเล่นโทรศัพท์กันมาก และคุยกันถึงอาจารย์เทวดา เฉียนเฉียนก็บอกว่าตัวเองเป็นอาจารย์เทวดา ทำเอาทุกคนตกใจ และจะพาอาจารย์เทวดามาให้รู้จัก อาจารย์เทวดาก็คือเพื่อของตาแก่อาจารย์ตัวเองนั่นเอง ป้าห่าวที่เป็นเพื่อนกับป้าหวังข้างบ้าน เฉียนเฉียนบอกว่าจะใช้ชีพจรมังกรปกป้องคนจีน จากคนภายนอก ในที่สุดป้าห่าวยอมช่วยเหลือและอาจารย์เทวดา ก็เป็นตาเฒ่า ยายเฒ่าแถวบ้านเขาทั้งนั้น มีทั้งเปิดร้านขายผลไม้ ร้านเช่าหนังสือ นัดกันมาเล่นไพ่นกกระจอก สรุปว่าทุกคนยอมช่วยเฉียนเฉียนแต่ออกจะผิดประเด็นไปบ้าง เพราะคุณลุงคุณป้า อยากไปเที่ยวโดยอาศัยเงินทางการเที่ยวแล้วเอามาอวดกัน จะผิดวัตถุประสงค์ไปไกลเกินไปหน่อยไหมเนี่ย แต่สุดท้ายทุกคนก็ยอมตกลงช่วยเฉียนเฉียน
ทุกคนมาบูชาสวรรค์ที่เขาเวิ่นติ่ง ดูเหมือนง่ายแต่ความจริงยากลำบากแต่สุดท้ายก็สำเร็จ ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากไอสีม่วงของไป่เฮ่ออีกด้วย และก็รอวันปีใหม่ที่ทุกคนต่างอวยพรกันเพื่อทำพิธีในวันนั้น 
พอถึงวันปีใหม่จีนซึ่งก็คือวันตรุษจีนในอีกสิบวัน อาจารย์เทวดาทั้งห้าต่างก็แยกย้ายกันไปทำพิธีกัน โดยฉีเยี่ยนให้อาจารย์เผยกับลวี่กังมาช่วย ครั้งนี้ฉีเยี่ยนได้บอกถึงเหตุผลที่อาจารย์เฉียนมอบอาวุธอาคมให้ไว้ และสาเหตุที่ทำให้ทุกคนต่างทำดีต่อลวี่กัง และเพราะนี่เป็นการบูชาสวรรค์ครั้งใหญ่ คนของประเทศโลซานก็คิดใช้อาจารย์ถานที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทำพิธีสาป ซึ่งฉีเยี่ยนก็รอเวลาอยู่แล้วและแสดงฝีมือของอาจารย์เทวดา สะท้อนคำสาปกลับไป อาจารย์ถานที่เป็นคนจีนแต่ไปใช้ชีวิตอยู่ประเทศโลซาน วาระสุดท้ายของชีวิตก็ยังคิดได้ถึงช่วงวัยเด็กที่บ้านเกิด
พวกอาจารย์เทวดา สามารถทำพิธีขอพรได้สำเร็จ ประเทศจีนจะร่มเย็นไปอีกร้อยปี แม้จะไม่มีใครรู้แต่ นี่ก็เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับชาวจีน
หลังจากนั้นฉีเยี่ยนก็เปิดออฟฟิศวิจัยวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน ในสถานที่สุดแพง ทำงานสองวันปิดสามวัน แต่ผู้จะมาดูดวงชะตาก็ต้องมีชะตาต้องกัน ไม่ใช่ใครๆก็มาดูกันได้ และอาจารย์ฉีก็ยังคงอวดความรักในกรุ๊ปต่อไป

หลังอ่านเล่ม 3 :

เนื้อเรื่องโดยรวมมุ่งไปที่ชาวต่างชาติตั้งใจทำลาย ชีพจรมังกรของจีน แต่ก็มีอาจารย์ฮวงจุ้ย อาจารย์เทวดากลุ่มหนึ่งที่เร้นกายไปแล้วได้กลับมาช่วยเหลือประเทศชาติอีกครั้งเพราะการขอร้องของฉีเยี่ยน ที่ในที่สุดก็เปิดเผยตัวว่าเป็นอาจารย์เทวดาเช่นกัน
เส้นเรื่องเฉียนเฉียนจะชี้ให้เห็นตลอดว่าให้เชื่อวิทยาศาสตร์ทั้งๆที่ตัวเองเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ย ต้องเชื่อในการทำความดี ติดหนี้ไว้ต้องชดใช้ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เจ้าหนี้ลืมไปแล้วแต่สวรรค์ยังไม่ลืม และการใช้ชีวิตที่ต้องทำความดี สะสมความดี เอาไว้ไม่ใช่ใช้จนหมด
ความคิดและการปฏิบัติตัวของตัวเอกที่เป็นไปตามสบาย ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะง่ายไปหมด ต้องพึ่งตัวเอง ตัวเอกจะพูดบ่อยๆว่า ผมไม่ใช่เทพเซียน ไม่ได้รู้ทุกอย่าง แต่ก็สามารถบอกได้ส่วนหนึ่ง ที่เอามาใช้เป็นหลักอ้างอิงได้ ถ้าหาเส้นทางนั้นเจอ

 เนื้อเรื่อง :

ฉีเยี่ยนนักศึกษาเพิ่งจบใหม่กำลังย้ายออกจากหอพักที่มหาวิทยาลัย ได้อาจารย์ฮวงจุ้ยเลี้ยงดูมาแต่เด็ก มีกฎหนึ่งของสำนักคือ ในหนึ่งเดือนต้องดูดวงห้าดวง เก็บเงินค่าดูห้าร้อยหยวน เงินที่ได้มาไม่อาจใช้ได้ต้องบริจาคไป ที่หอพักนั้นฉีเยี่ยนมีพี่น้องที่สนิทกันรวมตัวเองเป็นสี่คน มีพี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม และเฉียนเฉียน ซึ่งหน้าตาน่ารัก หน้าเหมือนตุ๊กตามีลักยิ้ม แต่กินเก่งมาก
เมื่อแยกย้ายกันไป อาจารย์ได้ทิ้งห้องพักให้หนึ่งห้อง และเฉียนเฉียนก็ทำตัวตามสบาย คอยช่วยเหลือคนโดยไม่หวังผลตอบแทน มีหลายครั้งที่ได้ทำลายพิธียืมดวงที่เป็นพิธีกรรมสกปรก
เมื่อเริ่มดูดวง และมีชื่อเสียงในหมู่นักธุรกิจ จนได้พบกับเฉินไป่เฮ่อ ท่านห้าเฉินที่ชะตาสูงค่าจนหักโค่น แต่เพราะฉีเยี่ยนมองเห็นไอสีม่วงมากมายรอบตัวเฉินไป่เฮ่อ และทำตัวต่างจากคนอื่นๆ ทำให้เฉินไป่เฮ่อสนใจตั้งแต่แรก และได้ต่อชะตาชีวิตให้ไป่เฮ่อด้วย เฉินไป่เฮ่อจึงเริ่มมองฉีเยี่ยนและคอยตามดู จนคอยช่วยเหลือโดยไม่รู้ตัวเพราะไอสีม่วงของตัวเอง ทำให้ฉีเยี่ยนคิดวิธีช่วยเฉินไป่เฮ่อได้ ทำให้ทั้งสองสนิทกัน
ครอบครัวตระกูลเฉินที่สูงศักดิ์ก็ดีใจที่เฉินไป่เฮ่อแข็งแรงขึ้น และสดใสขึ้น จนรู้ว่าเพราะอาจารย์ฉีเป็นคนช่วยเหลือ เมื่อคบกันไปเรื่อยๆ ฉีเยี่ยนที่ไม่เคยมีครอบครัวก็สนิทกับไป่เฮ่อมาก และเรียกว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ไป่เฮ่อกลับเริ่มคิดกับเฉียนเฉียนในแง่นั้นโดยเจ้าตัวก็ไม่รู้ จนกระทั่งเกิดเรื่องใหญ่เป็นตายขึ้นไป่เฮ่อถึงได้บอกกับพี่สาม และบอกพ่อ ดีที่บ้านนี้รับได้อย่างดี ในขณะที่ตระกูลใหญ่อื่นๆมองดูเรื่องสนุก แต่ไม่กล้าทำอะไร เพราะตระกูลเฉินเป็นตระกูลสูงศักดิ์มีคุณธรรม
เฉียนเฉียนเข้าไปช่วยเหลือคดีต่างๆมากมาย จนในที่สุดก็โยงได้ว่ามีคนคิดยุ่งกับชีพจรมังกรของจีน ฉีเยี่ยนก็ตามแก้ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เปิดเผยออกมาว่าที่แท้ฉีเยี่ยนเป็นคนของสำนักหนึ่งสวรรค์ อาจารย์คืออู๋ฮุ่ยที่หายไปนานท่านั้น และอาจารย์เทวดาก็เป็นคนธรรมดาที่อยู่ในที่ธรรมดา ซึ่งก็คือตาแก่ของตัวเองและป้า ลุงในเขตที่อยู่อาศัยที่เป็นเพื่อนกับอาจารย์ตัวเอง มาหาที่อยู่ใกล้ๆกัน มาช่วยกันปกป้องชีพจรมังกรของจีนจากการทำลายของต่างชาติ ช่วยคนจีนอีกมากมายให้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกเป็นร้อยปี

หลังอ่าน :

เนื้อเรื่องแสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตที่อิสระ แต่คงไว้ซึ่งคุณธรรมความดี เฉียนเฉียนพูดอยู่เรื่อยๆว่าผมไม่ใช่เทพเซียนไม่สามารถรู้ได้ทุกเรื่อง เพราะมีหลายครั้งที่แต่ละคนจะถามว่าอาจารย์ฉีแล้วอย่างนี้จะทำยังไงกันดี
ตัวเอกแสดงให้เห็นถึงวิธีคิด และการดำเนินชีวิตที่ดีงาม ให้คนได้เห็นผ่านการพูด และการกระทำ การอธิบายให้เชื่อทางวิทยาศาตร์ไม่ใช่เชื่อในผีสาง ที่ขัดกับตัวเองที่เป็นอาจารย์ฮวงจุ้ย และยังแสดงให้เห็นถึงการกระทำต่างๆถ้าทำยังไงก็ได้ผลลัพธ์เช่นนั้น ดังตัวละครต่างๆในเรื่องที่ไม่ทิ้งปมเอาไว้เลยทีเดียว
มีการเอ่ยถึง และผลที่ได้ เมื่อกระทำเรื่องราวต่างๆทั้งดี และร้าย ให้คนอ่านได้พิจารณา และเรียนรู้ ไม่ใช่แค่นิยายเรื่องหนึ่ง แต่ยังให้แง่คิดอีกมากมาย ทั้งเรื่องการรักษาธรรมชาติ และการใช้ชีวิต ทั้งยังมีมุกตลก มุกฮาสอดแทรกตลอดเวลา มุกอวดความรักแบบสุดๆของตัวเอกทั้งสอง มุกที่คนสนิทแต่ละคนกลายเป็นหมาเหงา มุกที่อ่านแล้วฮาเป็นระยะกับเนื้อเรื่องที่สนุก และอาหารที่อร่อยตลอดเรื่องเพราะนายเอกเป็นนักกินตัวยงทีเดียว