Wednesday, December 25, 2019

#รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ #7เล่มจบ #everY


Review 29/2562
เรื่อง : รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ (7 เล่มจบ) (นิยายวาย ช/ช)
ผู้เขียน : เมิ่งซีสือ
ผู้แปล : อัญชลี เตยะธิติกุล (เล่ม1-3), เซียงเซียง (เล่ม4-7)
ภาพ : อาก่า
สำนักพิมพ์เอเวอร์วาย (ในเครือแจ่มใส)



เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มีนาคม 2561

โปรยปกหลัง เล่ม 1 :

รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่แห่งต้าหมิง สภาขุนนางเรืองรุ่ง ใครต่อใครก็อยากเข้าเมืองหลวงเพื่อสอบเป็นขุนนาง
ถังฟั่น’ ผู้พิพากษาแห่งศาลซุ่นเทียน ขุนนางขั้นเล็กๆ รับผิดชอบดูแลคดีชาวบ้านๆ งานในหน้าที่ตรงกันข้ามกับมันสมอง อันที่จริงถังฟั่นจะไต่เต้าเป็นขุนนางขั้นสูงกว่านี้ใช่ว่าไม่มีหนทาง แต่ใครใช้ให้เขารักสบาย ง่ายๆ ไว้เป็นดีเล่า ด้วยเหตุนี้ในศาลซุ่นเทียนจึงมีขุนนางเล็กๆ แต่ฉลาดเฉลียวอยู่หนึ่งคน ทว่าผู้พิพากษาก็มีอันต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตายเสียเอง เมื่อเขาดันเป็นคนสุดท้ายที่ปะทะกับคุณชายใหญ่แห่งจวนอู่อันโหวก่อนคุณชายผู้นี้จะถูกพบเป็นศพ! คดีพัวพันผู้มีอำนาจ ไม่ใช่ทางของถังฟั่นเอาเสียเลย แต่ความยุติธรรมในหัวใจทำให้ผู้พิพากษารูปงามต้องหาคนร้ายตัวจริงออกมา ล้างมลทินให้สาวใช้ผู้บริสุทธิ์ ‘สุยโจว’ นายกองปากหนักประจำสำนักองครักษ์เสื้อแพร หนึ่งในขั้วอำนาจหลักแห่งราชสำนักต้าหมิง กำลังจับตามองการทำงานของถังฟั่นอย่าง ‘ใกล้ชิด’ ขอดูซิว่าอีกฝ่ายจะเป็นขุนนางน้ำดีมีอุดมการณ์ดังเช่นที่เจ้าตัวเอ่ยอ้างจริงหรือไม่!

เล่ม 1 :

ตัวละครหลักเล่ม1 :

ถังฟั่น มีชื่อรองว่า รุ่งชิง อายุเพิ่งจะยี่สิบก็สอบไอ้อันดับหนึ่งของบัณฑิตเอกชั้นหนึ่ง เวลานี้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษา ศาลซุ่นเทียน สมถะเรียบง่าย พอใจในสิ่งที่ตนมี พิถีพิถันก็แค่กับเรื่องอาหารการกินเท่านั้น

สุยโจว มีชื่อรองว่า ก่วงชวน นายกององครักษ์เสื้อแพรแห่งกองปราบฝ่ายเหนือ เงียบขรึมพูดน้อย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ พื้นฐานครอบครัวไม่ธรรมดา มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติพระพันปีองค์ปัจจุบัน

พันปิน ผู้ว่าการศาลซุ่นเทียน เป็นทั้งผู้บังคับบัญชาของถังฟั่่นและศิษย์พี่ เพราะมีอาจารย์เป็นปราชญ์ขุนนางคนเดียวกัน พันปินไม่ใช่คนขี้ขลาด เกรงอิทธิพล เพียงแค่รักความสงบ รู้รักษาตัวรอดปลอดภัยไว้ก่อน

ถังฟั่น มีชื่อรอง รุ่นชิง อายุเพิ่งจะยี่สิบก็สอบได้อันดับหนึ่งของบัณฑิตเอกขั้นหนึ่ง เวลานี้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลซุ่นเทียน สมถะเรียบง่าย พิถีพิถันกับเรื่องอาหารการกินเท่านั้น ครั้งนี้ต้องมายุ่งเกี่ยวกับคดีบุตรชายคนโตของอู่อันโหว เจิ้งเฉิง ตอนแรกพันปินผู้ว่าการศาลซุ่นเทียนคิดจะปิดคดีแบบสุกเอาเผากินให้หญิงรับใช้เป็นแพะรับบาปแต่ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะมีสำนักประจิม ที่อยากจะสร้างอำนาจทำให้โดนร้องเรียนเบื้องสูง ถังฟั่นจึงออกอุบายให้เรียกทุกหน่วยงายทั้งสำนักบูรพา และหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมาร่วมกันสืบคดี จนทำให้ได้รู้จักกับสุยโจว นายกององค์รักษ์เสื้อแพรแห่งกองปราบฝ่ายเหนือเบื้องหลังความเป็นมาไม่ธรรมดา แต่มีความเก่งในการสืบคดีอย่างมาก
ตอนแรกสุยโจวไม่เห็นถังฟั่นอยู่ในสายตาเพราะคิดว่าพวกขุนนางฝ่ายพลเรือนดีแต่ประจบสอพลอไม่ทำงานจริงเหมือนกับพันปิน แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะถังฟั่นลงมือตรวจสอบศพเอง ดูที่เกิดเหตุและตามสืบคดีเอง ทั้งยังมีความคิดที่เฉียบแหลม ช่างสังเกตอย่างยิ่ง สุดท้ายก็ได้คนร้ายตัวจริงในคดี ทำให้วังจื๋อแห่งสำนักประจิมเห็นความสามารถ และชอบนิสัยของถังฟั่นที่ไม่ประจบ ทำตัวตามสบายไม่กลัวเกรงตำแห่งและอำนาจของอีกฝ่าย
หลังจากคดีสกุลอู่อันโหว ถังฟั่นกับสุยโจวก็สนิทกันขนาดเรียกชื่อรองกันได้แล้ว สุยโจวเรียกถังฟั่นว่ารุ่นชิง ส่วนถังฟั่นเรียกสุยโจวว่าก่วงชวน ถังฟั่นตัวคนเดียวได้เช่าเรือนของสุลหลี่ที่แบ่งให้เช่าหลี่มั่นเจ้าบ้านหลังจากสอบเข้ารับราชการไม่ผ่านหลายครั้งก็เปลี่ยนไปทำอาชีพทางการค้า ภายหลังส่งข่าวมาว่ารับอนุภายนอกทั้งยังตั้งครรภ์กำลังจำเดินทางกลับมา ส่วนที่จวนสกุลหลี่คนที่ดูแลคือจ้าวซื่อภรรยาเอกที่ไม่มีบุตรแต่เลี้ยงบุตรของอนุอยู่ในเรือนเสมือนบุตรตัวเองนามหลี่หลินอายุสิบห้าปีแล้วถังฟั่นเคยเจอและให้คำแนะนำหลายครั้งนิสัยขี้อายเก็บตัว เนื่องจากที่ถงฟั่นอยู่คนเดียวจ้าวซื่อจึงให้สาวใช้อาซย่านำขนม ของว่างมาให้บ่อยครั้งจนอาซย่าเกิดความรัก สารภาพกับถังฟั่นแต่ถังฟั่นไม่มีใจจึงปฏิเสธไป ต่อมาให้อาตงนำขนมมาให้แทนอาตงอายุยังน้อยนิสัยชอบกินเหมือนถังฟั่นทำให้สนิทกันรวดเร็วจน ได้ข่าวว่านายท่านหลี่จะกลับมานายหญิงรู้สึกไม่ดีในจวนต้องอยู่กันอย่างระมัดระวัง จนมีข่าวว่าจ้าวซื่อแขวนคอฆ่าตัวตายเป็นศพคนแรกที่พ่อบ้านหลี่คิดถึงคือถั่งฟั่นจึงขอความช่วยเหลือ ซึ่งถังฟั่นก็ไปดูแลและสุดท้ายก็พบว่าเป็นหลี่มั่นที่กลับมาก่อนและวางแผนฆ่าภรรยาเอกของตัวเอง หลี่หลินเปลี่ยนไปตอนแรกอาตงขอมาอยู่กับถังฟั่นก็ไม่มีปัญหาต่อมากลับจะขายนางทิ้งพอดีสุยโจวช่วยแก้ปัญหาทั้งเรื่องที่อยู่ และเรื่องอาตงที่ถังฟั่นรับเป็นพี่ชายบุญธรรม สุยโจวให้ถังฟั่นและองตงไปอยู่ที่บ้านด้วยกันเป็นการตัดปัญหาที่อยู่ราคาแพงให้เมืองหลวง
ทั้งสามอยู่ร่วมกันได้อย่างดี ถังฟั่นเหมือนได้มารดามาเพิ่มอีกสองคน และสุยโจวก็รู้ว่าถังฟั่นชอบอ่านนิยายรัก และเขียนนิยายรักขายสุยโจวบอกว่าเคยอ่านหมดแล้วเพราะพรรคบัวขาวเคยใช้พวกนิยายพวกนี้สอดแทรกเนื้อหาที่ไม่สมควร
ต่อมายังได้รู้ว่าอนุของหลี่มั่นเฉินซื่อที่พามาด้วยหายตัวไปห้องพักในโรงเตี๊ยมยังมีสัญลักษณ์พรรคบัวขาวอยู่ด้วย
ตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นในวัง วังจื๋อเสนอชื่อถังฟั่นให้ทำการสืบคดีของสหายร่วมเรียนของรัชทายาท ที่เกี่ยวโยงไปถึงวั่นกุ้ยเฟยพระสนมคนโปรด
หานเจ่าบุตรชายของราชครูจักรพรรดิเฉิงฮว่าที่เป็นสหายร่วมเรียนของรัชทายาทเสียชีววิตกระทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุแต่ละคนล้วนอยากให้ผิดคดีอย่างเรียบง่ายแต่กุ้ยเฟยไม่ยอมจึงเกิดการตามตัวถังฟั่นขึ้น
ตอนนี้ถังฟั่นมาดูศพและให้หมอหลวงมาด้วยทำให้พบความผิดปกติ สรุปแล้วโดยเข็มทำร้ายนั่นเอง

หลังอ่านเล่ม1 :
เล่มหนึ่งเป็นการปูพื้นเรื่องราวในรัชศกเฉิงฮว่า ตำแหน่งหน้าที่ ความสัมพันธ์ต่างๆของตัวละคร และจุดเชื่อมโยงการแบ่งหน่วยงานต่างๆในเรื่อง เป็นทั้งการสืบคดีที่ถังฟั่นร่วมมือกับสุยโจวได้ดี และเห็นชีวิตประจำวันของตัวเอก ลักษณะนิสัยต่างๆได้อย่างชัดเจน คดีที่สืบสวนก็ชัดเจนในตอนจบเล่มหนึ่งเป็นตอนที่กำลังเริ่มสืบคดีเกี่ยวกับสหายของรัชทายาทที่มีความเกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายมาร่วมลุ้นกันต่อในเล่มสองเลยค่ะ

เล่ม2 พิมพ์ครั้งที่1 : พฤษภาคม 2561


โปรยปกหลังเล่ม2 :

'พระสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาทเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา!!
เหตุการณ์เกิดในวัง... ภายหลังกินของหวานที่ส่งมาโดยวั่นกุ้ยเฟย...
และเป็นที่รู้กันทั่วว่าวั่นกุ้ยเฟยร้ายกาจต่อหน่อเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิเพียงใด
ถังฟั่นถูกวังจื๋อลากตัวมารับเผือกร้อนนี้ด้วยกัน
เงื่อนไขคือต้องคลี่คลายคดีนี้ซึ่งเป็นพระบัญชาโดยตรงจากองค์เหนือหัว
ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ให้พัวพันมาถึงวั่นกุ้ยเฟยด้วย
คนนั้นก็ห้ามทำให้ไม่พอใจ คนนี้ก็ห้ามล่วงเกิน
แล้วผู้พิพากษาตัวเล็กๆ อย่างถังฟั่นจะเอาอย่างไรดีล่ะเนี่ย
ยังมี... ท่านผู้บัญชาการสำนักประจิมวังจื๋อ
ตลอดช่วงเวลานี้ออกจะอยู่ใกล้ชิดและให้ความสนิทชิดเชื้อกันเกินไปหรือไม่
บอกตามตรงว่าเขารู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ และไม่สบายกายสบายใจเอาเสียเลย!!

คำนำสนพ. เล่ม2 :

มีโอกาสได้สร้างผลงานต่อเบื้องพระพักตร์ทั้งที ถ้าเป็นขุนนางคนอื่นๆ คงเนื้อเต้นด้วยความยินดี จบงานนี้ เรื่องได้เลื่อนขั้นยังแค่เบาะๆ แต่เพราะถังฟั่นต่างจากขุนนางทั่วไป แทนที่จะดีใจ กลับปวดขมับกลัดกลุ่มสิไม่ว่า เฮ้อ! เขาก็อยู่เงียบๆ ของเขาดีๆ แล้วเชียว สุยโจวมีเหตุกะทันหันให้ต้องไปจากเมืองหลวงเสียด้วย แต่ข้างกายถังฟั่นก็ใช่ว่าจะว่างลงค่ะ เพราะคนที่เข้ามาเสียบแทน สวมบทคู่หูเป็นการชั่วคราว ก็คือคุณท่านวังจื๋อผู้แสนจะเจ้ากี้เจ้าการเอาใจยากนั่นเอง คนคนนี้เปิดตัวมาแสนจะน่าหมั่นไส้ แต่อ่านไปอ่านมาก็มีมุมน่ารักๆ เหมือนกันนะ แถมมาดราชินีๆ ของเขาก็น่าจะถูกใจใครหลายคนไม่น้อยเลย รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สี่สิบ ล่วงมาถึงเล่มสองแล้ว มาติดตามดูพัฒนาการ ความก้าวหน้าในด้านอาชีพการงานของ ถังฟั่น ควบคู่ไปกับแอบมองความสัมพันธ์ที่ใต้เท้าผู้พิพากษาของเรามีต่อผู้คนรอบตัวกันต่อได้เลยค่ะ
สำนักพิมพ์เอเวอร์วาย

เล่ม2 :

หมอหลวงซุนบอกว่าจุดสุ่ยเฟินเป็นจุดลมปราณสำคัญ สุดท้ายก็พบสาเหตุการตายที่ไม่ใช่ถูกพิษแต่เป็นการตายเพราะการฝังเข็มที่จัดลมปราณสำคัญแทน ถังฟั่นและสุยโจวรู้สาเหตุการตายแล้ว ถังฟั่นก็โดนเรียกตัวเข้าวังให้ไปพบรัชทายาท จึงบอกสาเหตุการตายและสอบถามถึงวันเกิดเหตุเพื่อหาฆาตกรต่อไป เมื่อออกมาจากวังหลวงถึงรู้ว่าสุยโจวต้องไปทำงานต่างเมืองอีกแล้ว กลับได้วังจื๋อคอยติดตามเพราะคำสั่งจักรพรรดิและเป็นคู่หูคนใหม่แทน ถังฟั่นเป็นตัวหลักในการสืบจนพบว่าสุดท้ายก็มาจบที่สกุลหาน ตอนแรกวังจื๋อจะเอาเสี่ยวโจวซื่อเป็นคนร้ายแต่ถังฟั่นยืนยันให้สืบถึงที่สุดได้ตัวหานฮุยบุตรบุญธรรมของบ้านสายรองที่ดูสุภาพเรียบร้อยแทน และสาวไปถึงคนร้ายในวังได้อีกด้วย ซึ่งก็คือขันทีคนสนิทข้างกายรัชทายาทหยวนเหลียงและนางกำนัลคนสนิทของวั่นกุ้ยเฟยฝูหรูเหตุเพราะอยากแก้แค้นแทนจี้เฟย แต่เรื่องนี้ยังมีเบื้องหลังที่ฝูหรูหลังจากปิดคดีได้จะสืบหาผู้บงการฝูหรูกลับเป็นปไม่ได้เพราะในสำนักประจิมเองก็ยังมีสายที่วังจื๋อตรวจสอบไม่พบ ระหว่างนี้สุยโจวต้องเดินทางไปสืบคดีต่างถิ่นยังไม่กลับก็มีญาติผู้น้องมาหา พอวันนี้คดีปิดหลังจากวิ่งวุ่นมาหลายวันพบว่าทั้งสุยโจวและอาตงล้วนอยู่บ้านแถมยังมีญาติผู้น้องคนนั้นของสุยโจว ถังฟั่นมองไปจึงเกิดความคิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน เผลอหลับไปจนสุยโจวกับอาตงมาพบเข้าถึงรู้ว่าทุกอย่างเป็นตัวเองคิดมากไปเอง แถมยังพลาดอาหารจานเด็ดที่สุยโจวลงมือทำเองอีกด้วย นิสัยตะกละกำเริบทันที และเพราะนั่งตากลมนานเกินไปจึงเป็นหวัดต้องหยุดงานนานครึ่งค่อยเดือนระหว่างนี้คนที่ดูแลถังฟั่นตลอดก็คือสุยโจวและอาตง ถังฟั่นมีคนมาเยียมมากมายหนึ่งในนั้นก็คือวังจื๋อ ที่ถามความเห็นถังฟั่นว่าควรไปเหนือหรือลงใต้ดี ถังฟั่นให้ความเห็นว่าควรไปเหนือเพื่อกำราบชนเผ่าต๋าต๋า แต่วังจื๋อกลับมีความคิดอยากชิงเหอเถ้าคืน ระหว่างนี้สุยโจวเหมือนรู้ความในใจถังฟั่นบอกให้อยู่ที่นี่ตลอดไปถือว่านี่เป็นบ้านของตัวเอง (มีแอบบอกด้วยนายเอกยังไม่รู้เลยจริงๆเอาแต่สนเรื่องกินอย่างเดียว) และมีเรื่องที่วังจื๋อยื่อฎีกาหลายครั้งจนจักรพรรดิเห็นชอบมีเพียงอาจารย์ของถังฟั่น ชิวจวิ้นที่ไม่ใช่ขุนนางทัดทานก็ยังค้านหัวชนฝาทำให้ถูกย้ายไปเป็นขุนนางตำแหน่งลอยอยู่ที่หนานจิง ครั้นไปพบอาจารย์ก็ยังความเห็นไม่ตรงกัน แต่ตอนที่ถึงเวลาไปส่งอาจารย์ก็ยังให้กำลังใจอีกครั้ง
ถึงวันปีใหม่ถังฟั่นและอาตงอยู่ฉลองด้วยกันที่เรือน ส่วนสุยโจวกลับไปฉลองที่บ้านแต่ก็กลับมาเร็ว เป็นวันปีใหม่ที่มีความสุขของทุกคน พอถึงเทศกาลหยวนเซียวถังฟั่นพาอาตงไปเดินเที่ยว ส่วนสุยโจวมีหน้าที่ดูแลในปีนี้ ตอนแรกก็เที่ยวกันอยู่ดีๆกลับไปเจอกับวังจื๋อที่สมควรจะอยู่ที่ต้าถง และได้รู้ว่าอีกฝ่ายกลับมาเพราะฝ่าบาทเรียกกลับมาเรื่องเขาวั่นซุ่ยมีเงาน่าสงสัย แล้วตอนนี้ยังมีเรื่องอีกคือ บุตรีคนเล็กของจูหย่งกับหลานชายของรองเสนาบดีเกิ่งหายตัวไป ตอนนี้กำลังหาตัวอยู่ แล้วที่สำคัญตอนถังฟั่นไปห้องน้ำวังจื๋อดันให้อาตงไปเป็นเหยื่อล่ออีก ตอนแรกวังจื๋อรับรองอย่างดีที่ไหนได้เด็กหายตัวไปแล้ว คราวนี้ต้องหาตัวกันขนานใหญ่เพราะมีอาตงรวมอยู่ด้วยถังฟั่นรีบไปบอกสุยโจว แล้วออกตามหา กว่าจะหาพบได้ตัวกลับมามีแต่ถังฟั่นที่ได้แผลคนเดียว แต่ยังได้ข้อมูลสำคัญที่พวกค้ามนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของลัทธิบัวขาว ทำให้รู้เรื่องราวของลัทธิบัวขาวมากขึ้น ปิดคดีสำคัญไปได้สองคดี วังจื๋อกลับไปชายแดน สุยโจวได้เลื่อนตำแหน่งหัวหน้ากองปราบฝ่ายเหนือชั่วคราว ส่วนถังฟั่นยังคงตำแหน่งเดิมแถมยังบ่นว่าไม่รู้ทำไมเงินหมดเร็วพอแจกแจงสุยโจวฟังแล้วเลยบอกให้ถังฟั่นเอาเงินมาเก็บที่ตัวเองจะได้ไม่ใช้สุรุ่ยสุร่าย นับตั้งแต่นั้นสุยโจวนอกจากดูแลภารกิจในกองปราบฝ่ายเหนือแล้ว กลับถึงเรือนนายกองพันสุยยังต้องช่วยใต้เท้าถังดูแลการเงิน กุมอำนาจทั้งในและนอกบ้าน ใต้เท้าถังช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ (ฮ่าๆๆๆ)

หลังอ่านเล่ม2 :

เล่มนี้ใต้เท้าถังปิดคดีได้ถึงสองคดีใหญ่ สุยโจวที่ช่วยทั้งสองคดีและมีอีกคดีที่ออกไปต่างเมืองได้เลื่อนขั้นพรวดๆ แต่ถังฟั่นยังอยู่ตำแหน่งเดิม แถมยังโดนสุยโจวทั้งบอกให้อยู่ที่บ้านนี้ตลอดไป ทั้งยังดูแลการเงินให้อีก แค่นี้ยังไม่รู้ตัวอีกนะ ตอนนี้ต้องติดตามดูความก้าวหน้าของสุยโจว และดูว่าถังฟั่นจะได้เลื่อนขั้นหรือไม่ กับรอดูพัฒนาการความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในเล่มต่อไป เรื่องราวสอดแทรกระหว่างความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ลัทธิ พรรค ขั้วอำนาจทางการเมือง ในรัชศกเฉิงฮว่าที่ตอนนี้เป็นปีที่สิบห้าแล้ว คอยติดตามเรื่องราวของตัวเอกทั้งสองกันต่อไป ทั้งการสืบคดีที่มีไหวพริบ ช่างสังเกต และเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนสำคัญทั้งสิ้น มาร่วมเดินทางกับทั้งสองกันต่อในเล่มสามกันเลยค่ะ

เล่ม 3 พิมพ์ครั้งที่ 1 : มิถุนายน 2561

โปรยปกเล่ม3 :

เพราะผลงานไขคดีที่อยู่ใต้พระเนตรพระกรรณองค์จักรพรรดิ
ทำให้ในที่สุดถังฟั่นก็ได้เลื่อนขั้น ย้ายเข้ากรมอาญาไปเป็นหัวหน้ากองพลาธิการ
แต่การมารับตำแหน่งนี้ของเขาออกจะลัดขั้นตอนและกะทันหันไปสักหน่อย
จึงไปขัดหูขัดตาขัดแข้งขัดขาหลายคนในกรมอาญาเข้า
เฮ้อ! ใช่ว่าเขาเลือกอะไรได้เสียที่ไหน ที่เลือกได้คือยืนหยัดในอุดมการณ์ของตนต่อไปนั่นล่ะ!
แต่แล้วจุดเปลี่ยนในชีวิตการเป็นขุนนางของเขาก็มาถึง…
เกิดคดีแปลกประหลาดและแสนจะสะเทือนขวัญขึ้นในพื้นที่การดูแลของถังฟั่น
ณ ที่ตั้งสุสานอดีตจักรพรรดิมีชาวบ้านสูญหายปริศนาสิบกว่าชีวิต ยังมีเสียงร้องไห้โหยหวนที่ไม่รู้ต้นตอ
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือโจรขุดสุสาน หรือเป็นอาถรรพ์ของ ‘เทพแม่น้ำ’ตามความเชื่อของชาวบ้านกันแน่
ถังฟั่นพร้อมด้วยสุยโจวสหายสนิท กำลังจะเดินทางไปไขปริศนาสุสานอดีตจักรพรรดิแล้ว!

คำนำสนพ. เล่ม3 :

ความสัมพันธ์ระหว่าง ถังฟั่น กับ สุยโจว แม้ไม่หวือหวาแต่หลายๆ ซีนก็มีทำให้เราใจเต้น ยิ่งในเล่มนี้มีฉากที่ทำให้ใจเต้นแรงหลายฉากเชียวล่ะค่ะ ไม่ได้หมายความว่าสองคนนี้ความสัมพันธ์พัฒนาก้าวกระโดดจากสิบไปร้อยหรอกนะคะ ที่บอกว่าใจเต้นคือด้วยความลุ้นระทึก เพราะคดีที่ ถังฟั่น ต้องรับผิดชอบในครั้งนี้คือการไขปริศนาสุสานจักรพรรดิโบราณซึ่งผู้เกี่ยวข้องมีทั้งภูตผีวิญญาณ โจรขุดสุสาน เทพแม่น้ำ และแม้กระทั่งสัตว์ประหลาด แต่ละสิ่งแต่ละอย่างนอกจากทำให้ใจเต้นแรงแล้วยังทำแข้งขาสั่นด้วย คดีประหลาดเขย่าประสาทแบบนี้ ลำพัง ถังฟั่น คนเดียวคงเอาไม่อยู่ ดีนะว่าได้สุยโจวตามประกบไปไหนไปด้วยกัน ไม่ว่าระยะทางจะไกลแค่ไหน ปริศนาจะซับซ้อนเท่าไร ต้องเผชิญอุปสรรคอะไรบ้าง แต่สองคนช่วยเหลือดูแลกัน ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขา ไม่สามารถรับมือ ทุกคนคิดเหมือนกันไหมคะ
สำนักพิมพ์เอเวอร์วาย

เล่ม3 :

สุยโจวสามารถรับมือกับบรรดาลูกน้องได้เป็นอย่างดีกับตำแหน่งผู้บังคับการ ต่อมาถังฟั่นก็ได้เลื่อนตำแหน่งเช่นกันเป็นหัวหน้ากองพลาธิการเหอหนานแห่งกรมอาญา แต่พอไปรับตำแหน่งกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะเหมือนไปแย่งตำแหน่งที่อิ่นหยวนฮว่าอยากได้ซึ่งเป็นศิษย์ของรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายกรมอาญาเหลียงเหวินหวา คนในกรมอาญาจึงไม่อยากผิดใจกับรองเสนาบดีฝ่ายซ้าย แต่ถังฟั่นก็ไม่สนใจ ตอนนี้ที่ถังฟั่นสนใจคือกฎหมายต้าหมิงควรได้รับการปรับปรุงแก้ไข ไม่อาจแก้ไขโดยตรงก็เลือกที่จะเสริมกฎบางอย่างเพิ่มเข้าไป นี่จึงเป็นเรื่องที่ถังฟั่นต้องการไม่ใช่การขัดแข้งขัดขาในที่ทำงาน
ความจริงแล้วถังฟั่นเตรียมตัวจะจัดการกับอิ่นหยวนฮว่าแล้ว ในเมื่อเสนอตัวมาทั้งทีจึงบอกเล่าแผนการและขอความช่วยเหลือเรื่องประวัติของแต่ละคนจากสุยโจวและลงมือ สุดท้ายถังฟั่นก็มีที่ยืนในกรมอาญาเพราะเสนาบดีจางอิ๋งก็ทนรองเสนาบดีเหลียงมานานแล้วเช่นกัน
สุยโจวได้ข่าวว่าที่เหอหนานเกิดเรื่องแล้วเป็นเขตความรับผิดชอบของถังฟั่นพอดี มีโจรขุดสุสานจักรพรรดิทำให้เบื้องบนส่งคนไปตรวจสอบคดี มีถังฟั่นเป็นผู้แทนหลักของราชสำนักสุยโจวเป็นผู้แทนรอง พอไปถึงอำเภอก่ง นายอำเภอเหอเฮ่าซือก็รายงานเรื่องราว ถังฟั่นบอกว่าคืนนี้จะไปพักที่หมู่บ้านลั่วเหอที่เกิดเหตุได้ยินเสียงร้องไห้ทันที อิ่นหยวนฮว่าอยากปฏิเสธแต่ถ้าไม่ไปด้วยแล้วจะมาทำไม สุดท้ายก็ไปกันทั้งคณะตอนนี้มีเรื่องราวน่ารักของถังฟั่นกับสุยโจวที่สุยโจวคอยดูแลถังฟั่นเพราะไม่เคยขี่ม้านานด้วย นอนเตียงเดียวกันอีกต่างหาก แต่คืนนั้นก็มีเสียงร้องไห้สุยโจว ถังฟั่นและองครักษ์เสื้อแพรไปดูที่สุสานจักรพรรดิหย่งโฮ่วและได้เจอกับคนหนีออกมาจากหลุมที่ขุดไว้ ทั้งยังตายอย่างประหลาด สุดท้ายจึงตัดสินใจจะลงไปสำรวจในสุสานกันพร้อมทั้งนำปืนไฟไปด้วย ถังฟันและสุยโจวรู้ใจกันเป็นอย่างดีสามารถรอดพ้นอันตรายมาได้ และยังสามารถจับหลี่มั่นที่หนีหายไปได้อีกด้วยสุดท้ายก็ได้รู้ว่าหลี่มั่นเป็นหัวหน้าลัทธิบัวขาวสาขาเหอหนาน และเพราะได้เฉียนซันเอ๋อร์ที่รอดจากกลุ่มโจรปล้นสุสานสังเกตเห็นหลี่มั่นที่กำลังจะหนีจึงสามารถหนีรอดจากสัตว์พิทักษ์สุสานได้ทั้งยังได้สมบัติที่หลี่มั่นเตรียมขนย้ายไปด้วย เสียอย่างเดียวที่ภายในสุสานตอนที่สู้กับสัตว์พิทักษ์สุสานถังฟั่นช่วยอิ่นหยวนฮว่าแต่อิ่นหยวนฮว่ากับใช้ถังฟั่นเป็นที่กำบังตนให้พ้นภัย และหนีออกไปพียงเพื่อเจอกับสัตว์พิทักษ์สุสานอีกตัวที่คอยดักอยู่นอกโถงหลัก เท่ากับสามารถทำความชอบเรื่องนำสมบัติกลับไปได้และได้เบาะแสของลัทธิบัวขาวจากเฉียนซื่ออนุภรรยาของหลี่มั่นอีกทั้งทำลายลัทธิบัวขาวสาขาเหอหนานได้ แต่อิ่นหยวนฮว่ากลับตายถังฟั่นก็เตรียมตัวรับผิดชอบอยู่แล้ว ทั้งยังเตรียมหาหนทางให้สุยโจวเพื่อตอบกับจักรพรรดิเรื่องหยวนปิน
กลับถึงเมืองหลวงถังฟั่นเจอกับรองเสนาบดีเหลียงที่ตอนนี้มีอำนาจเต็มในกรมอาญา ทั้งยังร่วมมือกับวั่นอันราชเลขาธิการ และเหลียงฟังบิดาบุญธรรมของซั่งหมิงผู้บัญชาการสำนักบูรพาขันทีคนสนิทข้างกายจักรพรรดิพูดจนจากที่จะได้เลื่อนขั้นกลับกลายเป็นถูกปลดจากตำแหน่งแทน ส่วนสุยโจวได้รับบรรดาศักดิ์จากจักรพรรดิแต่งตั้งเป็นติ้งอันป๋ออีกด้วย ภายหลังสุยโจวถึงรู้ว่าถังฟั่นถูกปลดจากตำแหน่งจะทูลขอต่อจักรพรรดิก็ไม่ได้พบ จึงคิดให้พวกลูกน้องหาทางสืบความลับเล่นงานรองเสนาบดีเหลียงที่เป็นต้นเหตุ
วังจื๋อรู้เรื่องของถังฟั่นก็ว่าเอาความชอบยกให้สุยโจวไม่คิดถึงตัวเอง แต่ถังฟั่นปล่อยวางได้และยังบอกว่าจะไปเยี่ยมพี่สาว วังจื๋อขอคำแนะนำจากถังฟั่นเรื่องที่จักรพรรดิไม่เห็นตนอยู่ในสายตาแล้วกำลังจะไม่มีที่ยืนในสายตาจักรพรรดิ ถังฟั่นก็ให้คำแนะนำอย่างดี
ถังฟั่นเดินทางไปพบถังอวี๋โดยมีเหยียนหลี่และเฉินซันเอ๋อร์ตามไปด้วย ถังอวี๋อยู่สกุลเฮ่อไม่ง่ายแต่ยังไม่ยอมบอกถังฟั่นอยู่ดี คนสกุลเฮ่อตอนแรกยังไม่รู้ว่าถังฟั่นถูกปลด แต่พอรู้และเห็นองครักษ์เสื้อแพรมาด้วยก็นึกว่าถูกส่งมาจับตาดูความคิดจินตนาการไปไกลมาก

หลังอ่านเล่ม 3 :

เล่มนี้การสืบคดีโจรปล้นสุสานทำให้ทำลายลัทธิบัวขาวสาขาเหอหนานไปได้ ถังฟั่นเองก็รู้ตัวแล้วว่าสุยโจวมีความสำคัญต่อตัวเองเพียงใด เมื่อตกอยู่ในอันตรายก็กลัวว่าสุยโจวจะตายก็ทำใจไม่ได้ เริ่มรู้ใจตัวเองล่ะ ส่วนสุยโจวเห็นถังฟั่นเป็นคนที่ต้องดูแลมานานแล้ว เห็นหน้านิ่งๆแต่ทุกอย่างล้วนยอมอ่อนข้อให้ถังฟั่นตลอดน่ารักมากๆ
เส้นทางการเป็นขุนนางของถังฟั่นถูกรองเสนาบดีเหลียงผูกใจเจ็บซะขนาดนั้น แต่ถังฟั่นก็ไม่ได้ไม่มีคนช่วยเหลือซะเลย สุดท้ายเส้นทางขุนนางที่ถูกขัดขวางจะเป็นยังไงต้องตามต่อในเล่มห้า ส่วนตอนนี้ติดตามถังฟั่นไปเยี่ยมพี่สาวคนเดียวกันต่อดูเหมือนพี่สาวก็ไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายอย่างที่คิดซะแล้วสิ 

เล่ม 4 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กรกฎาคม 2561

โปรยปกเล่ม4 :

อันที่จริงการไม่ต้องเป็นขุนนางแล้วก็มีข้อดีมากมาย
หนึ่งในนั้นคือมีอิสรเสรี อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป
ด้วยเหตุนี้ถังฟั่นจึงถือโอกาสว่างเว้นจากหน้าที่อย่างไม่มีกำหนด
เดินทางไปเยี่ยมพี่สาวกับหลานชายที่ออกเรือนไปอยู่ต่างเมือง
เพียงเพื่อที่จะพบว่าพวกนางแม่ลูกหาได้มีชีวิตที่อบอุ่นอภิรมย์
ที่แท้หลังถังอวี๋แต่งเข้าสกุลเฮ่อต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้างกัน
ถังฟั่นซึ่งบัดนี้ไม่มียศศักดิ์อำนาจแล้วจะช่วยเหลือนางได้กี่มากน้อย
ทว่า... เรื่องในบ้านสกุลเฮ่อยังหาทางออกที่เหมาะสมไม่ได้
พวกเขาก็ต้องเข้าไปพัวพันกับคดีฆ่าคนตายในคฤหาสน์คหบดีประจำอำเภอ
เมื่อผู้ต้องสงสัยว่าสังหารบุตรีคนเล็กของคหบดีผู้นั้น
คือหลานชายวัยเพียงเจ็ดขวบของถังฟั่น!

คำนำสนพ. เล่ม4 :

เชื่อว่าหลายคนที่อ่านรัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่มสามจบ ต้องเกิดอาการ "หัวร้อน" แทนถังฟั่งกันบ้างล่ะ มีอย่างที่ไหนทำดีไม่ได้ดี โดนกลั่นแกล้งจนถูกปลดจากตำแหน่ง ต่อให้ภายหลังคนขี้อิจฉาพวกนั้นจะถูกสุยโจวแก้เผ็ดคืนแล้วก็เถอะ เอาเป็นว่าเราก็ทำใจให้สบายเหมือนอย่างใต้เท้า.. เอ๊ย คุณชายถังดีกว่าค่ะ แล้วมาติดตามเขาไปเยี่ยมพี่สาวแท้ๆ กัน เหน็ดเหนื่อยตื่นเต้นกับคดีสุดอลังการอย่างสุสารจักรพรรดิโบราณมาแล้วของพักชมคดีชาวบ้านๆ สักเล่มน่าจะดีโดยชาวบ้านที่ว่าก็นับเป็นคนใกล้ตัวถังฟั่นนี่เอง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์สกุลเฮ่อและในอำเภอเซียงเหอที่ซึ่งถังฟั่นเดินทางมาพำนักเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในเล่มนี้รับรองว่า "มันส์" ไม่แพ้หลายคดีก่อนหน้าเลยล่ะคะ แต่ไม่ต้องห่วงว่าสุยโจวจะมีบทบาทเจือจางนะคะ เขาน่ะปล่อยถังฟั่นให้ห่างไกลสายตานานๆ ไม่ได้หรอก ขอเคลียร์งานแป๊บแล้วจะรีบตามไปหาเองนั่นละค่ะ
สำนักพิมพ์เอเวอร์วาย

แนะนำตัวละครเล่ม4 :

ถังฟั่น : มีชื่อรองว่า "รุ่นชิง" เวลานี้ถูกปลดออกจากตำแหน่งเป็นขุนนางก็แต่เพียงในนาม ทว่าตัวเขากลับไม่เดือดเนื้อ ร้อนใจ ยังคงสมถะเรียบง่าย พอใจในสิ่งที่ตนมี พิถีพิถันก็แค่กับเรื่องอาหารการกิจเท่านั้น

สุยโจว : มีชื่อรองว่า "ก่วงชวน" องครักษ์เสื้อแพรแห่งกองปราบฝ่ายเหนือ เงียบขรึมพูดน้อย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์พื้นฐานครอบครัวไม่ธรรมดา มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับพระพันปีองค์ปัจจุบัน

ถังอวี๋  : พี่สาวของถังฟั่น แต่งกับเฮ่อหลินซึ่งเป็นบุตรคนรองของเฮ่ออิง ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ชื่อเฮ่อเฉิง ถังฟั่น เรียกหาว่า "เจ้าเจ็ด"

เฮ่ออิง : ท่านผู้เฒ่าสกุลเฮ่อ ผู้นำตระกูลขุนนางท้องถิ่น ในอดีตเคยเป็นถึงขุนนางขั้นสาม และเป็นสหายสนิทของบิดาถังฟั่นกับถังอวี๋ จึงหมั้นหมายให้ทายาทของสองตระกูลแต่งงานเกี่ยวดองเป็นญาติ

เล่ม4 :

หลังจากที่มาถึงอำเภอเซียงเหอเป็นเวลาที่บุตรชายคนที่สามของเฮ่ออิงสอบได้จวี่เหรินกำลังจัดงานเลี้ยงพอดี ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าถังฟั่นถูกปลดจากตำแหน่ง ถังฟั่นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรยังคงให้เหยียนหลี่และเฉียนซันเอ๋อร์ไปสืบเรื่องราวของพี่สาวมาเพราะนางไม่บอกความจริงด้วยตัวเอง ทำให้รู้ว่าเมื่อแรกแต่งงานยังดี แต่พอนานไปเฮ่อหลินก็ยังสอบจวี่เหรินไม่ติด ทั้งพี่ชายน้องชายต่างได้ดีกว่าตนนานวันเข้าก็เป็นปมในใจ ถังอวี๋คิดว่าเพื่อเฮ่อเฉิงจึงอดทนต่อมา ตอนนี้ถังฟั่นได้รู้เรื่องราวคิดให้พี่สาวหย่าโดยสมัครใจแต่ลำบากที่หลานชายต้องพากลับเมืองหลวงไปด้วยให้ได้
พอดีเหวยเช่อบิดาของเหวยซื่อภรรยาเอกของเฮ่อเซวียนบุตรชายคนที่สามสกุลเฮ่อเพิ่งมีบุตรชายอายุครบเดือนจึงจัดงานเอิกเกริก เชิญถังฟั่นไปร่วมงานด้วย ในงานถังฟั่นได้พบวังจื๋อที่มาหาจึงออกไปด้วยกัน วังจื๋อคิดจะช่วยถังฟั่นและเล่าเรื่องที่ตอนนี้ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัยไหวเอินที่สนับสนุนรัชทายาทแล้ว และบอกวิธีช่วยเหลือรัชทายาทกับวังจื๋อ ระหว่างนั้นก็เกิดเรื่องกับเฮ่อเฉิง ที่โดนกล่าวหาว่าเป็นคนผลักเหวยจูเหนียงตกบ่อน้ำตาย เรื่องนี้ทำให้ถังอวี๋คิดได้ว่าไม่สามารถทนต่อไปอีกจึงคิดพาบุตรชายจากไปเพราะเฮ่อหลินช่างไร้ความสามารถไร้ความเป็นธรรม ถังฟั่นช่วยสืบคดี และระหว่างนั้นก็ยังเกิดคดีซ้อนมีคนตายอีกคนคือบุตรชายอายุครบเดือนของเหวยเช่อ เรื่องราวมากมายที่ตอนแรกยังสืบไม่ได้แน่ชัด แต่เพราะต่อมาสุยโจวตามมาทั้งยังบอกว่ามาเรื่องงานครึ่งหนึ่ง เรื่องงานก็คือมาบอกเรื่องราชโองการแก่ถังฟั่นว่าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยข้าหลวงตรวจการฝ่ายซ้าย ขั้นสี่เต็มขั้นด้วยเพราะวังจื๋อช่วยเหลือเร็วกว่าสุยโจวหนึ่งก้าว ทำให้ทุกคนในสกุลเฮ่อตกใจ และไม่อยากให้เฮ่อหลินหย่ากับถังอวี๋ แต่ถังฟั่นมีสุยโจวที่ช่วยจัดการให้ ในที่สุดก็ตกลงกันได้ที่ทั้งสองจะแยกบ้านแบ่งทรัพย์ และตอนนี้ก็รู้แล้วว่าในคดียังมีเรื่องราวในอดีตของเหวยเช่ออยู่อีกด้วยเพราะการสืบของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเหยียนหลี่และกงซุนเยี่ยน ทำให้รู้ความเกี่ยวโยงในอดีตของเหวยเช่อ ผลปรากฏว่านางหูซื่อยอมรับความผิดทั้งยังเล่าต้นสายปลายเหตุเมื่อยี่สิบปีก่อนที่เหวยเช่อยากจนเป็นญาติห่างฝั่งมารดาของนางหูซื่อไม่ได้เป็นคนอำเภอเซียงเหอเคยอยู่เมืองต้าหมิงบิดานางหูซื่อ หูฮั่นอินได้รับเป็นบิดาบุญธรรมจากนั้นถึงสอบได้ซิวไฉ่จากนั้นถึงเกิดคดีฆาตกรรมที่นางหูซื่อบอกว่าบิดาตายอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อขอให้ใต้เท้าทั้งหลายช่วยล้างมลทินให้บิดา ถังฟั่นตกลงแม้จะยากในที่สุดก็สามารถล้างมลทินให้บิดานางหูซื่อได้ แต่ไม่อาจบอกได้ว่าเหวยเช่อนำสมบัติสกุลหูมาตั้งตัวได้หรือไม่แต่ชาวบ้านก็ตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว เพราะคดีนี้ทำให้ถังฟั่นเป็นที่โด่งดังไปทั่วเรื่องเล่ากลายเป็นนิทานที่ชาวบ้านชอบจนจักรพรรดิเฉิงฮว่าให้ความสำคัญด้วยไม่น้อย
หลังจากกลับมาเมืองหลวงก็ได้ไปทำงานที่ใหม่ซึ่งไม่มีการขัดแข้งขัดขาเหมือนในกรมอาญา บรรยากาศในที่ทำงานต่างกันโดยสิ้นเชิง วันเกิดครบห้าสิบปีของวั่นทงได้เชิญขุนนางที่มีตำแหน่งขั้นห้าขึ้นไปมาร่วมงานในงานทั้งอาจารย์ชิวจวิ้นและถังฟั่นล้วนโดนวั่นทงกลั่งแกล้งแต่ถังฟั่นก็สามารถผ่านมาได้อย่างดี วั่นทงแค้นที่สุดคือวังจื๋อ สุยโจว และถังฟั่น ถังฟั่นจัดการง่ายสุดแต่ก็ยังไม่มีโอกาส ตอนนี้กลุ่มอำนาจวั่นทำเอา วังจื๋อกลับมาเมืองหลวงไม่ได้ ทั้งยังยุบสำนักประจิม ต่อมาส่งผู้แทนไปก็ขัดแข้งขัดขาวังจื๋อ กับแม่ทัพหวังเยวี่ยตลอด จนเกิดเรื่องประหลาดทหารหายไปติดต่อกัน วั่นทงจึงเสนอให้ถังฟั่นและสุยโจวไปสืบคดีที่ต้าถง เพื่อกำจัดทั้งคู่และจัดระเบียบในกองปราบฝ่ายเหนือใหม่ แต่สุยโจวก็กันเอาไว้แล้ว จึงเดินทางไปอย่างสบายใจ
ที่เมืองต้าถงถังฟั่นได้ฟังเรื่องราวจากวังจื๋อที่บอกว่าน่าจะเกี่ยวกับลัทธิบัวขาวและน่าจะมีไส้ศึกคอยส่งข่าวจึงวางแผนให้วังจื๋อและหวังเยวี่ยแตกคอกันเพื่อล่อคนร้ายออกมา ทั้งยังแนะนำวังจื๋อถึงเรื่องให้ราชสำนักจัดตั้งหน่วยงานเก็บภาษีขนส่งทางทะเล เพื่อให้วังจื๋อเลิกคิดเรื่องสำนักประจิม
วังจื๋อกับหวังเยวี่ยทำตามแผนการทะเลาะกันต่อหน้ากัวทัง พอถังฟั่นมาไกล่เกลี่ยกับวังจื๋อยังโดนวังจื๋อตบหน้ากับทำศอกหลุดอีกจะได้สมจริงไปเลย ถังฟั่นไปร้านยาจ้งจิ่งที่เผอิญได้เจอกับสุยโจวที่กำลังสืบเกี่ยวกับร้านยาพอดี สุยโจวทำเป็นตีสนิทตู้กุยเอ๋อร์เพราะร้านยาจ้งจิ่งผูกขาดการค้ายากับกองทัพ ระหว่างนั้นถังฟั่นก็สังเกตเห็นสิงเส่าจื่อที่มาซื้อยากกับตู้กุยเอ๋อร์ และออกไปที่โรงรับจำนำ และเห็นพ่อบ้านหวังของจวนแม่ทัพจึงติดตามไป ต่อมาถูกคนปล้นชิงทรัพย์เข้าอีกทำให้สุยโจวและถังฟั่นสงสัยขึ้นมาแล้วเพราะคนร้ายได้ตายซะแล้ว

หลังอ่านเล่ม4:

ในเล่มนี้ถังฟั่นที่โดนปลดออกจากตำแหน่งได้เดินทางไปเยี่ยมพี่สาว ก็ยังเกิดคดีที่หลานชายของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องจนต้องออกโรงช่วยไขคดี จนทำให้จากหนึ่งคดีได้กลายเป็นสามคดีคดีซ้อนคดี ที่ขุดลึกไปถึงเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ที่สุยโจวอยู่ห่างจากถังฟั่นได้ไม่นานก็ต้องตามมาแล้ว เพราะว่าวังจื๋อและสุยโจวคิดเหมือนกันคือต้องคืนตำแหน่งให่ถังฟั่นโดยเร็ว แต่สุยโจวยังช้ากว่าวังจื๋อไปหนึ่งก้าว
เพราะคดีนี้ทำให้ถังฟั่นโด่งดังไปทั่วจนผู้คนเรียกกันว่าเทพผู้ไขคดี เลยโดนใช้ให้ไปไขคดีแก้ยากที่ต้าถงซะเลย กลุ่มอำนาจวั่นจะได้จัดการทีเดียวทั้งสามคนวังจื๋อ สุยโจว ถังฟั่น
ความสัมพันธ์ระหว่างถังฟั่นกับสุยโจวก็ก้าวหน้าขึ้นมาก แค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว มีฉากน่ารักๆเยอะทีเดียว สุยโจวไม่ยอมปล่อยให้ใต้เท้าถังคลาดสายตาหรอกนะ
เล่ม 5 พิมพ์ครั้งที่ 1 : สิงหาคม 2561

โปรยปกหลังเล่ม 5 :

'ชายแดนต้าถงเป็นพื้นที่อ่อนไหวมาตลอด แต่นับจากวังจื๋อไปเป็นเสนาธิการ
ทัพต้าหมิงก็แทบไม่เคยปราชัยในศึกกับชนเผ่านอกด่านเลย
ทว่าไม่นานมานี้สภาพการณ์กลับผกผันตรงกันข้าม
เมื่อทุกครั้งที่ทัพต้าหมิงไล่กวดข้าศึกไปถึงบริเวณทะเลสาบ
ก็มีอันต้องเผชิญกับปรากฏการณ์วิปริตผิดแผก จนสาบสูญทั้งกองทัพ!
ลือว่านี่เป็นเวทมนตร์ของ ‘หลี่จื่อหลง’ หัวหน้าลัทธิบัวขาว
ผู้ซึ่งบัดนี้มีศักดิ์เป็นถึงราชครูของพวกต๋าต๋า
กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เหล่าทหารหาญไปแล้วไปลับ ขวัญกำลังใจกองทัพดิ่งต่ำถึงขีดสุด
ศัตรูควบคุมได้กระทั่งเมฆหมอกพายุฝนลมทราย
ยังได้ยินว่านักพรตมารผู้นั้นสามารถสั่งการภูตทหารจากเมืองผีให้ล้อมโจมตีได้อีก!
ด้วยเหตุนี้ ถังฟั่นซึ่งชื่อเสียงขจรขจายว่าเป็น ‘เทพผู้ไขคดี’ จึงได้เดินทางมาถึงยังเมืองต้าถงแล้ว...!!

คำนำสนพ. เล่ม5 :

รู้นะว่ามีหลายคนหวั่นไหว ชักอยากจะขึ้นเรือ 'วังจื่อ-ถังฟั่น' แต่เห็นจะยากหน่อยนะคะ เพราะสุยโจวคุมเข้มอยู่ที่ท่า ใครก็อย่าหวังจะขึ้นเรือนี้สำเร็จ! ใช่แล้วค่ะ มาต้าถงหนนี้ สุยโจวก็ยังคงประกบถังฟั่งไม่ห่างดังเดิม และเจ้าตัวก็เห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วถือโอกาสนี้แหละ รุก ใต้เท้าถังให้เลิก (แสร้ง) บื้อสักที

อย่าเห็นว่าคดีในเล่มห้าเคร่งเครียดร้ายแรงขนาดนั้น ไหนจะต้องแก้ปริศนาเวยหนิงไห่จื่อ ไหนจะต้องหาตัวสายลับที่แฝงอยู่ในเมืองต้าถง ไหนจะพวกลัทธิบัวขาวยังมีสงครามประสาทกับคนของกลุ่มอำนาจวั่นอีก แต่ฉากหวานๆ มีมาให้ได้ชมแน่นอนค่ะ บอกเลยว่างานนี้มีอึ้งทั้งถังฟั่นทั้งนักอ่านเลยล่ะ

สำนักพิมพ์เอเวอร์วาย

เล่ม 5 :

สุยโจวบอกว่าคนร้ายที่ทำร้ายถังฟั่นเมื่อวานตายแล้ว วังจื๋อมาบอกว่าตายเพราะเงินในถุงเงินซึ่งไม่ใช่ของถังฟั่น จึงคิดกลับมาได้ที่โรงรับจำนำที่ถังฟั่นเดินผ่าน ตอนนี้เลยไปสืบพร้อมกันในที่สุดก็รู้ว่าเถ้าแก่จินเป็นคนของลัทธิบัวขาวใช้ใบสั่งยาส่งสารลับให้สิงเส่าจื้อ และคนที่มาส่งข่าวคือติงหรงคนสนิทของวังจื๋อนั่นเอง เมื่อสืบไปก็พบว่าติงหรงคือหัวหน้าสาขาลัทธิบัวขาวที่นี่แทนเจ้าของโรงรับจำนำ สุดท้ายถังฟั่น สุยโจว วังจื๋อตัดสินใจออกไปสืบเรื่องเวยหนิงไห่จือด้วยตัวเองโดยนำเอาคนที่รอดชีวิตกลับมาไปด้วย และนักพรตชูอวิ๋นจื่อที่มาเสนอตัวถึงที่ สุดท้ายด้วยความสามารถของสุยโจว ถังฟั่น ทำให้รู้ว่าจุดประสงค์ของลัทธิบัวขาวคือวังจื๋อที่อยากจะจับเป็นไปให้พวกต๋าต๋า และสุดท้ายก็รู้ว่าชูอวิ๋นจื่อก็คือหลี่จือหลงที่เกี่ยวข้องกับคดีจิ้กจอกมารในปีนั้นที่ทำให้วังจื๋อสร้างชื่อจากสำนักประจิมได้ สุยโจวไปช่วยวังจื๋อ ส่วนถังฟั่นไปทำลายค่ายกล ทำให้สุดท้ายสามารถต้านทัพเผ่าต๋าต๋าเอาไว้ได้เป็นผลสำเร็จ
คดีซับซ้อนของเวยหนิงไห่จือปิดฉากลง ถังฟั่น สุยโจวกลับเมืองหลวง ช่วงนี้สกุลเฮ่ออยากจะรับแม่ลูกถังอวี๋กลับไปแต่โดนขัดขวางไว้ ถังฟั่นคิดวิธีให้เฮ่อหลินยินยอมหลังจากช่วยเรื่องการสอบจวี่เหรินที่เปิดเป็นกรณีพิเศษก็ไปพบพร้อมทั้งบอกว่าจะสามารถหาตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ประจำอำเภอให้ได้ ให้เฮ่อหลินแต่งเข้าบ้าน และเฮ่อเฉิงเปลี่ยนแซ่ จากนั้นก็หย่าได้ทำให้สกุลเฮ่อไม่ข้องเกี่ยวกับสกุลถังอีกต่อไป
สุยโจวเริ่มรุกหนักตั้งแต่ตอนที่อยู่เวยหนิงไห่จื่อก็บอกความในใจกับถังฟั่นแล้วแต่ถังฟั่นทำเป็นไม่สนใจ และเมื่อกลับมาต่างคนต่างงานยุ่ง สุดท้ายสุยโจวต้องใช้แผนให้สูญเสียถึงจะรู้ตัว ในที่สุดก็ยอมบอกความในใจ นี่เป็นสาเหตุให้ถังอวี๋อยากให้เฮ่อเฉิงเปลี่ยนแซ่จะได้มีผู้สืบสกุลถัง เจ้าตัวก็ยังแกล้งบื้ออยู่นั้น
ถังฟั่นได้รับราชโองการให้เป็นอาจารย์อรรถาธิบายรัชทายาท แต่เรื่องนี้ก็โดนวางหมากเพื่อเล่นงานรัชทายาทเอาไว้แล้ว สุดท้ายทำให้คนข้างกายรัชทายาทต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ส่วนถังฟั่นก็สำนึกผิดอยู่บ้าน
และก็เกิดคดีภัยแล้งและน้ำท่วมที่เมืองซูโจวอยู่ในรัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบแปด ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อน ฝนแล้งติดต่อกันนานหลายเดือน ต่อมาย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วงฝนตกติดต่อกันระดับน้ำในทะเลสาบไท่หูเอ่อล้นจนเป็นอุทกภัย ราชสำนักเปิดคลังเสบียงช่วยเหลือ กลับเกิดกรณีพิพาทอันซับซ้อนกันสามฝ่ายระหว่างผู้ตรวจการเขตพื้นที่หนานจื๋อลี่ หยางจี้ กับนายอำเภออู๋เจียง เฉินหลวน ฟ้องร้องกัน ยังมีหูเหวินเจ่าเจ้าเมืองซูโจวเขียนฎีกาอีกฉบับสามฉบับสามแบบ ทำให้ต้องส่งผู้ตรวจการไปตรวจสอบ คดีนี้จึงตกเป็นของถังฟั่น เมื่อเดินทางลงใต้ระหว่างทางต้องไปกับคนของสำนักบูรพาที่คอยขัดแข้งขัดขา มาจับผิดตลอดเวลา เมื่อเดินทางถึงหยางโจวได้พบเหตุการณ์คนตกน้ำและเป็นลู่หลิงซีช่วยเอาไว้ ลู่หลิงซีเป็นหลานลู่ติ่ง พอแยกจากก็มาเจอกันอีกทำให้ถังฟั่นรู้ว่าลู่หลิงซีติดตามมา จึงถามความจริงและได้รู้ว่าได้รับการไหว้วานมาจากไหวเอิน มาถึงในพื้นที่ถังฟั่นสังเกตความผิดปกติได้ และในที่สุดก็รู้ว่าเป็นเพราะเฉินหลวนที่ปิดบังเรื่องราว ปล่อยให้ชาวบ้านที่อพยพมาตายกันไปเองทำให้ถังฟั่นโกรธแค้นมาก ต้องจัดการเฉินหลวนให้ได้ เริ่มจากหูเหวินเจ่าเจ้าเมืองซูโจวที่หยางจี้และเฉินหลวน โยนออกมาเป็นแพะเรียบร้อย

หลังอ่านเล่ม 5 :

คดีต่างๆเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังเกี่ยวโยงไปอีกหลายชั้นที่จะต้องมีความเกี่ยวข้องกันต่อไปแน่นอน ส่วนเรื่องส่วนตัวสุยโจวก็รุกถังฟั่นแล้ว ทั้งสารภาพความในใจ ในเมื่อรอแล้วก็ไม่ได้ผลงั้นบอกตรงๆไปเลย ซึ่งผลที่ได้ ใต้เท้าถังทำเป็นบื้อไปไม่รู้เรื่องด้วยซะงั้น พอจะปฏิเสธ ก่วงชวนเลยเปลี่ยนวิธีทำให้รู้ว่าสูญเสียไปเลย คราวนี้นั่งไม่ติดล่ะ แต่พอจะบอกเค้าบ้างก็แกล้งบื้อไม่รู้เรื่องอีก แต่คดีที่ซูโจวนี่สุยโจวหายไปไหนนะ ไม่มีทางปล่อยให้รุ่นชิงลุยเดี่ยวแน่ เลี้ยงดูประคบประหงมซะขนาดนั้น และตอนนี้ใต้เท้าถังก็โกรธแล้วจริงๆด้วยที่คนชั่วทำกับชาวบ้านแบบนี้ รออ่านเล่มหกต่อเลย

เล่ม 6 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กันยายน 2561

โปรยปกหลังเล่ม 6 :

'เดิมทีถังฟั่นมาซูโจวด้วยต้องมาแก้ไขกรณีขุนนางสามฝ่ายมีข้อพิพาทกัน
เพราะต่างคนต่างเขียนฎีกาโยนความผิดกันไปมา
ว่าเหตุใดเสบียงที่แจกจ่ายราษฎรผู้ประสบภัยอดอยากจึงไม่เพียงพอ
แต่กลับกลายเป็นยิ่งขุดยิ่งพบความเน่าเหม็นบัดซบของคน
ทำให้ถังฟั่นผู้ซึ่งสุภาพอ่อนโยนเสมอมาถึงครา ‘โกรธ’ จริงๆ แล้ว
คดีนี้มีคนใหญ่คนโตมากมายอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะกลุ่มอำนาจวั่นและสำนักบูรพา
หากถังฟั่นก็ปะทะกับพวกเขาบ่อยเสียจนเรียกได้ว่า ‘สนิทชิดเชื้อ’
ส่วนตำแหน่งขุนนางของเขาก็เดี๋ยวแต่งตั้งเดี๋ยวถอดถอนจน ‘ชิน’ ไปนานแล้วเช่นกัน
ถังฟั่นจึงยอมหักไม่ยอมงอ เปิดโปงความจริงอย่างคนไม่มีอะไรจะเสียอีกครั้ง!

คำนำสนพ. เล่ม6 :

เราเคยเห็นถังฟั่นเปิ่น เห็นถังฟั่นอ้อน เห็นถังฟั่นเศร้า เห็นถังฟั่นเขิน และอีกหลายการแสดงออกทางอารมณ์ แต่กลับไม่ค่อยมีความทรงจำถึงตอนที่ถังฟั่นโกรธจัดๆ เลย อารมณ์แบบนี้ดูไม่ใช่เขาอย่างไรชอบกลว่าไหมคะ ทว่าคดีซูโจวนี้สามารถทำให้เขาเผยความรู้สึกด้านมืดออกมาได้ แต่ก็เข้าใจนะคะ ทว่าคดีซูโจวนี้สามารถทำให้เขาเผยความรู้สึกด้านมืดออกมาได้ แต่ก็เข้าใจนะคะ เพราะถ้าเป็นเราก็คงสะเทือนใจกับภาพที่ราษฎรหลายร้อยชีวิตถูกปล่อยให้อดตายเหมือนกัน ประสาอะไรกับถังฟั่นที่รักความถูกต้องพอๆ กับเรื่องอาหารการกิน

นอกจากเรื่องคดีก็มีเรื่องของตัวละครใหม่ที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ ก็คือลู่หลิงซีที่เกาะพี่ถังของเขาแจ แถมดูเหมือนจะคิดอะไรๆ กับถังฟั่นเสียด้วยสิ สุยโจวคนไกลป่านนี้จะรู้สึกสังหรณ์ใจตงิดๆ หรือเปล่านะ น่าสนุกจังเลย!

สำนักพิมพ์เอเวอร์วาย

เล่ม6 :

เพราะถังฟั่นรู้ว่าเฉินหลวนเป็นตัวการของเรื่องทั้งหมด จึงเริ่มดำเนินแผนการทั้งให้ลู่หลิงซีเอาเงินสินบนพร้อมทั้งฎีกากลับเมืองหลวง แต่ก่อนไปให้ไปขอความช่วยเหลือจากสาขาองครักษ์เสื้อแพร ที่มาเป็นนายกองตี๋หานแต่จริงๆก็คือสุยโจวปลอมตัวมา ออกมาภารกิจข้างนอกยังมีแอบวนมาหาเพราะคิดถึง เฉินหลวนใช้แผนสาวงามถังฟั่นก็ไม่หลงกล ทั้งยังซ้อนแผนทำให้ได้สมุดบัญชีสำคัญ สุดท้ายก็สามารถจัดการได้เพราะความช่วยเหลือของวังจื๋อที่มาทันเวลา เพราะได้รับราชโองการให้ถังฟั่นควบตำแหน่งรองเสนาบดีกรมอาญาฝ่ายขวา ขุนนางขั้นสามแม้เป็นตำแหน่งลอยแต่ต่อไปข้างหน้าก็สามารถขั้นถึงตำแหน่งนี้ได้จริง เหตุเพราะคดีทุจริตการสอบที่เจียงซี และที่นั้นสุยโจวก็ได้มาเพราะภารกิจที่ได้รับทราบข่าวว่าพบลัทธิบัวขาวปรากฏตัวแถบนี้ จึงทำการกวาดล้างครั้งใหญ่ แต่ได้ได้แสดงตัว ทำโดยการปลอมตัวเข้ามาในพื้นที่
ครั้งนี้คดีสอบทุจริตวุ่นวายจนทำให้ราชสำนักส่งผู้แทนมาอีกคนก็คือสุยโจว แต่สุยโจวปิดบังไม่ให้ใครรู้ บอกเพียงถังฟั่นและให้ถังฟั่นรับญาติผู้น้องที่ไม่เห็นหน้ากันมานานมาดูแล และแล้วสุยโจวก็แปลงโฉมอีกครั้งคราวนี้เป็นเสี่ยวโจว สาวใช้ข้างกายญาติผู้น้อง และพอสืบไปกลับพบว่าคดีทุจริตการสอบนี้มีเบื้องหลังเกี่ยวโยงไปถึงลัทธิบัวขาว สุดท้ายก็ไขคดีได้ รวมทั้งทำลายลัทธิบัวขาวได้อีกด้วยโดยการกำจัด หลี่จื่อหลงได้สำเร็จ คราวนี้ก็สามารถกลับเมืองหลวงได้ซะที แต่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับลัทธิบัวขาว เส้นทางการเงินในเมืองหลวง เส้นสายในวังหลวงยังต้องสืบหาต่อไป
จนถึงรัชศกเฉิงฮว่าปีที่ยี่สิบสองตอนนี้ถังฟั่นได้เข้าสภาเสนาบดี เป็นถังเก๋อเหล่าแล้ว ที่เห็นวั่นอันประจบจักรพรรดิจริงๆก็ทำงานเหมือนกัน ต้องเข้ามาสัมผัสเองถึงจะรู้ และตอนนี้ก็มีข่าวว่าจักรพรรดิยิ่งหลงงมงายในลัทธินอกรีตยิ่งขึ้นไปอีก

หลังอ่านเล่ม 6 :

คดีที่สืบได้ได้ทำให้กลุ่มอำนาจวั่นเสียผลประโยชน์ไปไม่น้อย แต่ถังฟั่นก็ยังเดินหน้าต่อไป ไม่มีการลังเล คดีทุจริตก็สามารถบอกได้ว่าที่สุดแล้วลัทธิบัวขาวที่หนีรอดไปได้ครั้งหนึ่งเป็นเพราะพื้นที่สภาพแวดล้อมอำนวยก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้อีก เพราะการสืบคดีของถังฟั่นทำให้ในที่สุดก็กำจัดหลี่จื่อหลงแห่งลัทธิบัวขาวไปได้ สุดท้ายก็ย้อนกับมาขับเคี่ยวกันในเมืองหลวงในเล่มจบอีกครั้ง

 เล่ม 7 พิมพ์ครั้งที่ 1 : ตุลาคม 2561

โปรยปกหลังเล่ม 7 :

ลัทธิบัวขาวถูกขุดรากถอนโคน กล่าวได้ว่าเก้าในสิบส่วนเป็นผลงานของถังฟั่น
เขาจะเติบโตในหน้าที่การงาน ขั้นตำแหน่งเลื่อนขึ้นพรวดพราดก็หาใช่เรื่องน่าแปลกใจ
บัดนี้ถังฟั่น ถังรุ่นชิง ก็ได้กลายเป็น ‘ถังเก๋อเหล่า’มหาเสนาบดีแห่งสภาขุนนางแล้ว!
ช่วงเวลานี้บ้านเมืองนับว่าสงบสุข หากไม่ใช่กับในราชสำนักและวังหลวง
กลุ่มอำนาจวั่นยังคงไม่วางมือจากภารกิจเปลี่ยนตัวรัชทายาท
ทั้งยิ่งต้องเร่งรัดลงมือเพราะองค์จักพรรดิพระวรกายอ่อนแอขึ้นทุกวันๆ
งานที่ใต้เท้าถังต้องสะสางก็เยอะมากพอแล้ว ยังต้องแบ่งแยกสมองมาขับเคี่ยวกับคนเหล่านี้อีก
แต่นี่คือแนวรบแห่งสุดท้ายที่เขาต้องเข้าร่วม ทั้งหมดทั้งมวลมิใช่เพื่ออนาคตตน
ทว่าเพื่ออนาคตของแผ่นดินต้าหมิงในรัชศกใหม่!!

เล่ม 7 :

ถังฟั่นตอนนี้เป็นถังเก๋อเหล่าในสภาเสนาบดีแล้ว เรื่องมากมายต้องมาถึงมือของเก๋อเหล่าทั้งหลายก่อน ตอนนี้เรื่องที่จักรพรรดิต้องการก็คือการปลดรัชทายาท เพราะเรื่องปรากฏการณ์ดวงดาว กลุ่มอำนาจวั่นอยากที่จะปลดรัชทายาทออกสุดท้ายก็เพราะการเกิดแผ่นดินไหวที่เขาไท่ซานทำให้จักรพรรดิเลิกพูดถึงไปเอง จักรพรรดิที่หลงงมงายไม่รู้เรื่องก็ยังทำให้เหล่าขุนนางอกสั่นขวัญผวาว่าจะเจออะไรอีก จนกระทั้งให้รัชทายาทไปบวงสรวงแทนพระองค์ที่อารามสร้างใหม่ ทุกคนก็ตึงเครียดมากเพราะกลัวจะเกิดการลอบสังหาร
สุดท้ายยังมีข่าวว่ามีรัชทายาทตัวปลอมทำให้เรื่องราววุ่นวาย ทั้งถังฟั่นก็โดนฟ้องว่ายุ่งเกี่ยวกับกิจการในวังคือแอบติดต่อกับวังจื๋อ ทุกเรื่องโดนดักเอาไว้หมด สุดท้ายเมื่อวั่นกุ้ยเฟยสิ้น วั่นทงก็ยังอยากให้จักรพรรดิปลดรัชทายาท จักรพรรดิแม้เลอะเลือนชั่วชีวิตก็ยังเข้าใจว่าเพราะสกุลวั่นทำให้มารดารัชทายาทตายกลัวการล้างแค้นจึงรับปาก แต่วั่นอันที่เข้าร่วมกับกลุ่มอำนาจวั่นเพียงเพื่อให้ตัวเองอยู่ดีมีสุขไม่ต้องการเช่นนี้สุดท้ายได้ส่งข่าว บอกความลับให้หลิวเจี้ยนซึ่งหลิวเจี้ยนก็เอาไปบอกถังฟั่นทำให้เรื่องราวคลี่คลายไปได้ 
ในที่สุดก็กำจัดกลุ่มอำนาจวั่นไปทั้งหมด และยังรู้ถึงเบื้องหลังลัทธิบัวขาวในวังหลวงว่าเป็นฝีมือของใคร
เรื่องราวดำเนินไปถึงสิ้นสุดรัชศกเฉิงฮว่าและขึ้นรัชศกหงจื้อควบคู่ไปกับอ้างอิงทางประวัติศาตร์ บอกเล่าถึงเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวในเรื่อง

หลังอ่านเล่ม 7 :

เล่มนี้เป็นบทสรุปที่สำคัญของรัชศกเฉิงฮว่าว่าจะเป็นอย่างไร การต่อสู้ของถังฟั่นที่คงไว้ซึ่งคุณธรรมอ่อนนอกแต่แข็งใน จะดำเนินไปได้ถึงไหน และบอกเล่าบทสรุปของตัวละครในเรื่องว่าแต่ละคนมีบทสรุปสุดท้ายอย่างไร ที่มีความเกี่ยวข้องกับถังฟั่นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องราวมาตั้งแต่เล่มแรกจะปิดฉากลงอย่างไร เนื้อเรื่องยังโยงไปถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ช่วงนั้นในภูมิภาคอื่นที่ถังฟั่นไม่รู้แต่ก็เกิดขึ้นจริง ทำให้หาช่วงเวลาที่ถูกต้องเจอเอามาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวที่ถังฟั่นและสุยโจวร่วมกันฟันฝ่ามาด้วยกัน 

ตัวละครหลัก :

ถังฟั่น มีชื่อรองว่า รุ่งชิง อายุเพิ่งจะยี่สิบก็สอบไอ้อันดับหนึ่งของบัณฑิตเอกชั้นหนึ่ง เวลานี้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษา ศาลซุ่นเทียน สมถะเรียบง่าย พอใจในสิ่งที่ตนมี พิถีพิถันก็แค่กับเรื่องอาหารการกินเท่านั้น

สุยโจว มีชื่อรองว่า ก่วงชวน นายกององครักษ์เสื้อแพรแห่งกองปราบฝ่ายเหนือ เงียบขรึมพูดน้อย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ พื้นฐานครอบครัวไม่ธรรมดา มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติพระพันปีองค์ปัจจุบัน

เนื้อเรื่อง :

เริ่มเรื่องจากคดีอู่อันโหว ที่ถังฟั่นเพิ่งเข้าเป็นผู้พิพากษาศาลซุ่นเทียน ขุนนางขั้นหกเล็กๆ แต่ไม่ยอมให้ศิษย์พี่ปิดคดีอย่างลวกๆ สุดท้ายเรียกความสนใจจากสุยโจวนายกององค์รักษ์เสื้อแพรในตอนนี้ และคดีนี้ก็ทำให้วังจื๋อ สำนักประจิมเห็นความสามารถของถังฟั่น ถังฟั่นเริ่มเข้าไปสืบคดีที่มีความสำคัญมากขึ้นเพราะคดีอู่อันโหว คดีที่เกี่ยวข้องกับวั่นกุ้ยเฟยและรัชทายาทและก็สามารถปิดคดีได้อีก เส้นทางการเป็นขุนนางของถังฟั่นมีโดนปลด โดนพักงาน แต่ก็สามารถสืบคดี ปิดคดีใหญ่ได้ตลอดเวลา ระหว่างนั้น จากคดีแรกที่ได้ร่วมงานกันสุยโจวก็เริ่มมองถังฟั่นและเริ่มสนิทสนมกันขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายถังฟั่นก็ไม่สามารถแก้บื้อเรื่องของตัวเองได้อีกต่อไป เรื่องงานก็มีสุยโจวและวังจื๋อคอยช่วย วังจื๋อส่วนมากจะมาขอคำปรึกษาจนกลายเป็นสหายสนิท และถังฟั่นเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งใน ไม่ยอมต่ออำนาจของกลุ่มอิทธิพล ทำงานอย่างมีหลักการ ทำให้สามารถก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่าก้าวหน้าเร็วกว่าคนรุ่นเดียวกัน คดีต่างๆที่สืบมาสุดท้ายก็มาจบที่วังหลวงเกี่ยวกับรัชทายาทและตำแหน่งนั้น สุดท้ายคอยดูว่าถังฟั่นจะกระทำการอย่างไร จะดำเนินชีวิตแบบไหน ไปด้วยกัน

หลังอ่าน :

เป็นเรื่องที่เริ่มต้นที่รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ ที่ถังฟั่นเริ่มเป็นผู้พิพากศาลซุ่นเทียนคดีแรกที่สืบเกี่ยวกับจวนอู่อันโหวที่ได้ทำงานร่วมกับสุยโจว และจากนั้นสุยโจวก็เริ่มสังเกตเห็นถังฟั่นจนกลายเป็นคนสนิทและเป็นสายสัมพันธ์แค่มองตาก็รู้ใจ กว่าจะรู้ตัวซึ่งสุยโจวรู้ตัวมานานแล้วก็ต้องใช้แผนมากมาย ก็จะมีมุก มีฉากน่ารักให้ได้เจอกันเป็นระยะ กับการสืบคดีที่ต้องสืบความจริงให้กระจ่างไม่สนอำนาจใดๆทั้งสิ้น และไม่ยอมอ่อนข้อต่อสิ่งเย้ายวน ทั้งเงินทอง หญิงงาม แผนไหนๆก็ใช้ไม่ได้กับถังฟั่น
แถมยังมีคนคอยคุมตลอดเวลาอย่างสุยโจว ถังฟั่นอย่างเดียวที่สนใจคืออาหารเลิศรส ซึ่งสุยโจวมาถูกทางอีก เพราะทำอาหารอร่อยที่สุดไม่มีใครเกิน
สุดท้ายได้เห็นคุณธรรมของถังฟั่น ความฉลาด การคิดการณ์ไกล การมองโลกในแง่ดี ยังมีส่วนเกี่ยวโยงในประวัติศาสตร์ถึงการปกครองในสมัยนั้น และสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในรัชศกเฉิงฮว่าควบเกี่ยวรัชศกหงจื้อ และยังมีมุกฮาอีกมาก ไม่ได้มีแต่สืบคดีเครียดอย่างเดียว แนะนำให้อ่านเลยค่ะ