เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่ำ สนธยาจะใกล้ค่ำ คำนึงหน้าเจ้าตาตรู เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาพลัดคู่ เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดายฯ
Friday, November 23, 2007
Thursday, November 22, 2007
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
Sunday, November 18, 2007
คลื่นลวง...'พัดความลวง...พาความจริงมาสู่ชีวิตใหม่'
เรื่องใหม่สุดของ'พี่ปุ้ย...กิ่งฉัตร'หลังจากที่ตีพิมพ์ในนิตยสารขวัญเรือนมาประมาณ 2 ปีโดยโยงเรื่องจากการเกิดเหตุจาก การเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ คลื่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้เป็นฉากเปิดของเรื่อง เพื่อดำเนินเรื่องทั้งหมด จุดเริ่มต้นที่พลิกผันครอบครัวอันอบอุ่นมั่นคงของชายหนุ่มที่เชื่อมั่นในครอบครัว เชื่อใจในความเป็นเพื่อนรัก ความไว้วางใจต่างๆต้องพังทลายลง เพราะความโลภ ความไม่รู้จักหยุดและพอ ความทรยศหักหลัง ของคนที่ได้ชื่อว่าเมีย และต้องรู้ให้ได้ว่าผู้สมรู้ร่วมคิดคือใคร ระหว่างคนในครอบครัว เพื่อนรัก หุ้นส่วน ใครกันแน่?
สึนามิ...แทบทุกคนคงชังคลื่นยักษ์ในวันนั้น เขาเองก็เกลียดมัน แต่ต้องยอมรับว่าสึนามิไม่ได้พรากทุกอย่างไป
คลื่นช่วยชีวิตเขา
คลื่นชำระล้างความลวงออกจากชีวิตของเขา
คลื่นนำเขาสู่แสงตะวันดวงใหม่ สว่างไสว แต่ไม่ร้อนแรง มีเพียงความอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้....นายตะวัน!
ในเรื่องได้รับการกลับมาอีกครั้งของตาแปะชัชวาลจากรอยพรหม มีบทบาทมากพอสมควรช่วยคลี่คายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งครั้งนี้ยังสมหวังในความรักสักที ญาติหนุ่มสองคนมองหน้าขึงตาใส่กันแบบต่างความคิดชัชวาลที่เงียบอยู่เกือบตลอดเวลาในช่วงที่รพีพยายามแก้ไขปัญหาในครอบครัวอดไม่อยู่ ต้องยกคำแปลของภราดา ฟ. ฮีแลร์ ขึ้นท่องว่า
"สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย มองเหรียญเดียว แต่คนละด้านอย่างนี้เถียงกันไปก็ฆ่่ากันตายเปล่า"
Tuesday, November 6, 2007
ยามตะวันเบิกฟ้า
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องกล่าวถึง "แม่วัน"ผู้มีปมเรื่องรักครอบครัวยิ่งสิ่งใด ทำให้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวที่ตนรักไม่แตกร้าว! แต่...คนเราเกิดมาเปรียบเหมือนบัวสี่เหล่า พวกบ้านโรงเตา ก็เป็นได้เพียงบัวใต้น้ำ ที่เป็นเพียงอาหารของเต่า, ปลาเท่านั้น ไม่สามารถ พ้นมาเหนือน้ำได้เลยตลอดกาล คอยแต่จะยุแยงให้เกิดความแตกร้าว ภายในครอบครัวที่ให้ที่อยู่ ที่อาศัย ไม่ทำประโยชน์อันใด ให้เกิดแก่ตนทั้งยังคอยดีใจ สมใจที่เห็นความพินาศ ความแตกร้าวมาเยือนภายในครอบครัวที่ให้อยู่อาศัยเป็นเรือนตาย! เช่นนี้แล้วจุดจบที่ได้จะเป็นอย่างใดก็สุดรู้ หวังเพียงแต่ทวินันท์จะได้เห็นตะวันยามเบิกฟ้าบ้าง...
โดยบทสรุปสุดท้ายกล่าวไว้ว่า"คุณวันหวังว่า...สักวันทวินันท์จะมีโอกาสได้เห็นดวงตะวันเบิกฟ้า..."
โมหะคือหลุมแรกและหลุมลึกที่สุดของกิเลส
เมื่อมองโลก มองผู้คน มองชีวิตด้วยความหลง ความหลงนั้นย่อมพาเราไปตกหลุมแห่งความโลภกับหลุมแห่งความโกรธได้อย่างง่ายดาย
หลุมลึกทั้งหลายนี้มีแต่ธรรมะในใจตนเท่านั้นที่จะฉุดให้ตนเองหลุดพ้นขึ้นมาได้ มิใช่มือที่จะฉุดดึงขึ้นมาของผู้ใดเลย
หากต้องการพบแสงอ่อนอุ่นของดวงตะวันเมื่อยามเบิกฟ้า มนุษย์เราก็ต้องเพียรปีนป่ายให้พ้นจากเงามืดในหลุมลึก...
Subscribe to:
Posts (Atom)