Wednesday, December 26, 2007

Merry Christmas and Happy New Year




by Snoop Diggy

happy happy

Wednesday, December 5, 2007

อลังการพลุเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชา



บรรยากาศการจุดพลุและดอกไม้ไฟเฉลิมพระเกียรติ เมื่อคืนที่ผ่านมา จากราชตฤณมัยสมาคม หรือสนามม้านางเลิ้ง โดยทางบริษัทไซโก ประเทศ ญี่ปุ่น ได้น้อมเกล้าฯ ถวายดอกไม้ไฟเฉลิมพระเกียรติ ยิ่งใหญ่อลังการเป็นพิเศษ มีประชาชนจำนวนมากมารอตั้งตาชมความสวยงาม

ขณะที่ไฮไลท์ อยู่ที่พลุชุดที่ 2 ชื่อชุดว่า ดอกไม้ไฟแห่งความจงรักภักดี 80 พรรษามหาราชา ทรงพระเจริญ ซึ่งพลุชุดนี้พลุที่สื่อความหมายเป็นตัวเลข 80 ใช้เทคนิคทำเป็นตัวเลข 80 ทั้งเลขไทยและอารบิก สื่อความหมายว่า ปวงชนชาวไทยปลื้มปิติและยินดีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา และพลุที่จุดเมื่อคืนที่ที่ผ่านมาสื่อความหมายแฝงไว้ ความสัมพันธ์ 120 ปี ไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งสร้างความประทับใจและตื่นตา ตื่นใจสมกับที่รอคอย

ข่าวจากน.ส.พ.ไทยรัฐ

ตราสัญลักษณ์ 80 พรรษา


ความหมายของตราสัญลักษณ์

ตราสัญลักษณ์ 80 พรรษา ซึ่งการออกแบบได้ใช้ตราสัญลักษณ์ มีพระราชลัญจกร รัชกาลที่ 9 หมายถึง แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มีพระมหาพิชัยมงกุฎ พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร และพระเศวตฉัตร ที่หมายถึงเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศ ของพระมหากษัตริย์ ด้านล่างมีเลขไทย 80 และเพชร 80 เม็ด ที่หมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พร้อมแถบแพรสีชมพู หมายถึงสีอายุตามโหราศาสตร์ทักษาพยากรณ์ ตรงกับวันอังคารของพระองค์ และบอกชื่อตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ทรงให้เขียนดอกพิกุลทอง 5 ดอก ดอกพิกุลเงิน 4 ดอก เพิ่มเติมที่แท่นแปดเหลี่ยมรองรับพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์
ที่มีความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์

Tuesday, December 4, 2007

รูปที่มีทุกบ้าน.


คำร้อง นิติพงษ์ ห่อนาค
ทำนอง อภิชัย เย็นพูนสุข
เรียบเรียง วีรภัทร์ อึ้งอัมพร

ตั้งแต่เล็กยังเคยได้ถามแม่ว่า บนข้างฝาบ้านเรานั่นติดรูปใคร
ที่แม่คอยบูชาประจำก่อนนอนทุกคืน จะต้องไหว้

แม่ตอบว่าให้กราบรูปนั้นทุกวัน ท่านเป็นเทวดาที่มีลมหายใจ
ที่เรายังพอมีกินอย่างวันนี้ ท่านดูแลคนไทยมานานเหลือเกิน ให้จำไว้

เป็นรูปที่มีทุกบ้าน จะรวย หรือจน หรือว่าจะใกล้ไกล
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ

เติบโตมากี่สิบปีที่ผ่าน ภาพที่เห็นคือท่านทำงานทุกวัน
เมื่อไรเราทำอะไรที่เกิดท้อ
แค่มองดูรูปบนข้างฝาจะได้กำลังใจ จากรูปนั้น

เป็นรูปที่มีทุกบ้าน จะรวย หรือจน หรือว่าจะใกล้ไกล
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ

จะขอตามรอยของพ่อ
ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
เป็นลูกที่ดีของพ่อ
ด้วยความรัก ด้วยภักดี

จะขอตามรอยของพ่อ
ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
เป็นลูกที่ดีของพ่อ
ด้วยความรัก ด้วยภักดี

จะขอตามรอยของพ่อ
ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
เป็นลูกที่ดีของพ่อ
ด้วยความรัก ด้วยภักดี
ด้วยความรัก ด้วยภักดี ตลอดไป

ทรงพระเจริญ.


คำร้อง : ยืนยง โอภากุล
ทำนอง/เรียบเรียง : อัสนี โชติกุล

เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือราชามีองค์ราชันย์
ผู้อดทนทุ่มเทบากบั่น เติมความฝันให้แผ่นดินขวานทอง
เหนือดินทั่วถิ่นไปถึง พ่อเป็นที่พึ่งของไทยทั้งผอง
ให้รักใคร่สามัคคีปรองดอง เดินตามครรลองของความพอเพียง

เหนือใต้อีสานออกตก คือมรดกแห่งความสามัคคี
คนไทยเป็นไทวันนี้ กินดีอยู่ดีทั้งมีชื่อเสียง
เหนือสิ่งอื่นใดใต้หล้า มิอาจสรรหาถ้อยคำร้อยเรียง
เทียบได้น้ำพระทัยหล่อเลี้ยง พสกนิกรให้อยู่เย็นเป็นสุข

ทรงพระเจริญอยู่ยิ่งยืนนาน
ทรงพระเกษมสำราญ ตลอดกาล...ตลอดไป

พ่อคือพ่อของแผ่นดิน หยาดหยดเหงื่อไหลโลมรินก็เพื่อลูกลูก
ยามใดคนไทยเป็นทุกข์ พ่อยิ่งทุกข์ระทม....หลายเท่า

พวกเราเป็นลูกของพ่อ เกิดบนแผ่นดินพ่อ
ภูมิใจที่ได้เฝ้ารอ เฉลิมพระชมน์ 80 พรรษา
เวลาพาโลกเปลี่ยนไป พ่อเรายิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา
ขอพรพระสยามเทวา คุ้มชาติศาสนาพระมหากษัตริย์

เหนือแดนสยามธานี เพลานี้ดอกไม้อบอวล
ศูนย์รวมใจไทยทุกส่วน คือพ่อของเราพระเจ้าอยู่หัว
เหนือเกล้ากระหม่อมขอเดชะ ในวาระนี้คนไทยถ้วนทั่ว
ประเทศไทยรวมใจรวมตัว เปล่งคำจงรักเรารักในหลวง

ในหลวงทรงย้ำ"ต้องสามัคคี" ถ้าไม่ระวังประเทศชาติล่มจม






4 ธันวาคม 2550 21:38 น.
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในหลวงพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร ทรงย้ำให้ชาวไทยสามัคคี ปรองดอง ให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง หากไม่ระวังประเทศชาติจะล่มจม แนะกองทัพเรือ สร้างเรือไบโอดีเซลใช้เอง คิดทำอะไรต้องประหยัด ดีกว่าไม่มีเลย หันมาพัฒนาไบโอดีเซลใช้แทนนำเข้า ไม่ต้องขายแพง ซื้อแพง ไม่ขาดทุนต่างชาติ อยู่ได้แบบพอเพียง

เมื่อเวลา 16.22 น. วันที่ 4 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะองคมนตรีและคู่สมรส นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และคณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2550

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ภายหลัง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ความว่า "ขอขอบใจนายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวคำอวยพร และขอบใจท่านทั้งหลายที่ได้มาเยี่ยมและมาให้พร ทำให้มีกำลังใจ ความจริงการที่ท่านมานี้เป็นการให้กำลังใจที่บอกว่าดูแข็งแรง ดูมีอนามัยที่ดี ความจริงไม่ใช่ ความดีของแพทย์ เป็นความดีของเราที่ตั้งใจที่จะให้แข็งแรง เพื่อที่จะต้อนรับท่านได้ ถ้าไม่ได้ตั้งใจที่จะแข็งแรงที่จะต้อนรับท่านก็จะมาต้อนรับท่านไม่ได้ เพราะว่าเดินก็เดินขานำไปข้างหน้าข้างหนึ่ง แล้วอีกข้างหนึ่งล้ำไปข้างหลัง ไม่ค่อยยอมสามัคคี ต้องสามัคคี

แล้วก็ได้พูดเมื่อวานซืนนี้ว่า ทหารก็ตามพลเรือนก็ตาม ต้องสามัคคีเหมือนขาของเราที่จะต้องเดินสามัคคีกัน หมายความว่าแล้วก้าวไปข้างหน้า แล้วก็อีกข้างหนึ่งก็ยันข้างหลัง และเมื่อยันข้างหลังเรียบร้อยแล้วก็ก้าวไปข้างหน้าอีกข้าง อันนี้ก็สามารถเดินได้แล้วไม่หกล้ม ซึ่งถ้าไม่สามัคคีก็บอกแล้วว่าประเทศจะประสบความหายนะ ไม่ได้ใช้คำว่าหายนะ แต่คล้ายๆ กัน ว่าถ้าไม่สามัคคีกัน ไม่ปรองดองกันประเทศชาติล้ม ถ้าล้ม ก็ผลของการล้มนั้นมีหลายอย่าง ถ้าทางกายก็ร่างกายกระดูกหัก และต้องเข้ารักษา บางทีรักษานานๆ ไม่มีสิ้นสุด ถ้าไม่ระวังประเทศชาติก็ล่ม เมื่อล่ม เราจะไปอยู่ที่ไหน คือล่ม ล่มก็หมายถึงว่าลงไป จม ล่มจม ถ้าเราไม่ระวัง ประเทศชาติล่มจม ล่มจมก็หมายความว่าล่มลงไปในทะเล เพราะว่าเมืองไทยนี้ก็ติดทะเล ถ้าล่มลงไปล่มมาก็ลงทะเล

และสมัยนี้เค้าก็ขู่กันว่าน้ำทะเลจะขึ้น แล้วก็เพราะว่าอากาศมันร้อน แต่ทำไปทำมาก็ไม่ได้ร้อนจริง มาตั้งแต่ต้นธันวานี้ คนบ่นว่าอากาศเย็น อากาศหนาว ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใคร ว่าตอนนี้จะหนาวหรือจะร้อน แต่ว่าคำว่าร้อน ร้อนจริงๆ คือเหงื่อออก ร้อน เดือดร้อน จึงเดือดร้อนมากกว่าทุกคนที่มานั่งอยู่ที่นี่ ก็จะเดือดร้อน ภาษาไทยเค้าใช้คำว่าเดือดร้อน ร้อนแล้วเดือด น้ำเดือดมันร้อน อากาศร้อนก็อากาศทำให้เราไม่สบาย ถ้าไม่สบายแล้วอยู่ไม่ค่อยได้ ที่อากาศร้อนก็เพราะว่าอากาศมันเจอความร้อนของพระอาทิตย์ ซึ่งเมืองไทยก็เคราะห์ดีอยู่เหมือนกัน ว่าอากาศร้อนไม่ได้เย็น ไม่ได้เย็นเหมือนอเมริกา เดี๋ยวนี้ที่อเมริกากำลังเดือดร้อนเพราะอากาศเย็น อากาศหิมะตกมีซึ่งตามปกติไม่น่าจะตกอย่างนี้ แต่ว่าอเมริกากำลังร้อน เดือดร้อนในความเย็น

เมืองไทยนี้ก็มีความเดือดร้อนด้วยกับความเย็นเหมือนกัน แต่ว่าพูดว่าเดือดร้อน แล้วก็พูดถึงว่าเมืองไทย บ่นว่าเดือด ที่จริงไม่ได้เดือด แต่คนน่ะเดือด ก็เหมือนทางธรรม ทำเดือด ทำให้คนเดือดร้อน แล้วก็เวลาเดือดร้อนนี่ มันไม่สบาย น้ำเดือดจะมีประโยชน์ ต้มไข่ได้ แต่ว่าถ้าเดือดเฉยๆ ไม่มีประโยชน์ ทำให้คนเดือดร้อนนี่สิ้นเปลืองเปล่าๆ แล้วก็เมื่อคนทำให้เดือดร้อน ที่ว่าสิ้นเปลืองเปล่าๆ แล้วก็บ่น บ่นว่าประเทศลุกเป็นไฟ ก็ต้องระวังไม่ให้ลุกเป็นไฟ เพราะว่าจะทำให้ล่มจม ล่มจมอย่างนี้ที่ต่างประเทศเค้าบอกว่าเมืองไทยจะล่ม จะจม ความจริง ยังไม่ล่ม แล้วไม่จม แต่ถ้าไม่ระวังก็จะล่มจม ฉะนั้นก็จะต้องระมัดระวัง ทุกๆ วันนี้ไม่ปรองดองกัน เมื่อไม่ปรองดองไม่ปรองดองก็มีรู ก็จะล่มก็จะล่มจมลงไป

ที่จริงพยายามจะอุดช่องไว้อย่างมาก เช่น น้ำ จะท่วมก็ปิดกั้นไม่ให้น้ำท่วม แต่ที่เค้าทำน้ำจะท่วมก็ต้องสูบน้ำออกไปใส่ในทะเล ทะเลก็มีน้ำมากเกินไป น้ำก็ล้นเข้ามาในพื้นแผ่นดินแล้วมันก็ประเทศชาติก็ล่มจม ฉะนั้นการป้องกันไม่ให้ล่มจม จะต้องระวังไม่ให้น้ำขึ้นมากเกินไป ซึ่งถ้าน้ำขึ้นมามากเกินไป ก็ต้องแก้ไข แต่แก้ไขนี่มีหลายวิธี จะต้องทำเขื่อน แต่ว่าเค้าด่ากัน ถ้าทำเขื่อนเท่ากับประเทศจะจม จมในน้ำเพราะว่าตั้งเขื่อนน้ำก็ต้องขังไว้ แต่ว่าการขังน้ำโดยใช้เขื่อนนั้น มันมีหลายวิธี ซึ่งบางทีไม่เข้าใจ ทำเขื่อนแล้วก็น้ำก็ท่วมบางแห่ง แต่ถ้าหากว่าทำเขื่อนแล้วไม่ระวัง ไม่ได้บริหารเขื่อน บางทีไม่เข้าใจข้ามคืนแล้วก็น้ำก็ท่วมกำแพง แต่ถ้าหากว่าข้ามคืนแล้ว ไม่ระวัง ไม่ได้บริหารเขื่อนนั้นให้ดี มันก็อาจทำให้น้ำท่วม

อย่างที่เคยพูดถึงเขื่อนป่าสัก เขื่อนป่าสักนี่ถ้าไม่ได้ทำ ถ้าไม่ได้ทำก็จะเสียเงินเป็นพันล้านทุกปี แล้วก็เสียเงินอย่างนี้แล้วไม่ได้อะไรเลย เดี๋ยวนี้ที่ได้ทำป่าสักมาทุกปีมีผลดีคือทำการเกษตร กสิกรรมได้ผล และเมื่อได้ผลแล้ว ก็ได้รายได้ ถ้าไม่ได้ผลก็จะต้อง นี่ก็น้ำท่วมทุ่งอีกแล้ว นี่ยังนี่น้ำท่วมทุ่ง หรือนี่เหมือนพ่อเขาพูดมาก ปู่พูดไม่มากแต่เวลาพูดเขาก็ว่ามาก พูดมากหาว่าน้ำท่วมทุ่ง ไอ้น้ำท่วมทุ่งนี่มันไม่ดี เพราะว่าเวลาท่วมทุ่งในทุ่งนั้นน่ะทำอะไรไม่ได้ พืชผลต่าง ๆ ก็เน่า แล้วก็ถ้าพืชผลเน่าก็เท่ากับทำให้ทำลายพืชผลนั้น ซึ่งตามปกติพืชผลขึ้นมาสามารถที่จะขายได้ ถ้าพืชผลที่เน่าขายไม่ได้ พืชผลที่เน่าทำให้เสียหาย แต่ที่ทำให้ปลื้มใจที่ป่าสักนี่น้ำท่วมมีบ้างแต่น้อยมาก คือว่าแต่ก่อนนี้ทุกปีต้องเสียเงินเป็นพันล้านสำหรับแก้ไขด้วยเรื่องน้ำท่วม เสียหายไปพันล้านนั่นน่ะไม่มีรายได้เลย มีแต่รายจ่าย ถ้ามีรายได้ก็ไม่เป็นไร น้ำท่วมที่เวลามีน้ำท่วมขึ้นมาความจริงก็มีรายได้เพราะว่าอย่างเช่นข้าว ถ้าไม่มีน้ำก็แห้ง แห้งผากก็ไม่มีผล แต่อย่างไรก็ไม่มีผลอย่างนั้นยังงอกออกมาได้ก็ยังมีข้าว แต่ยัง ถ้าข้าวนั้นถูกท่วมและเน่าต้องเสียข้าวนั้น เสียไม่ได้ผล มีแต่ทำเสียไม่มีทำได้

ฉะนั้นการที่ทำเขื่อนแล้วก็ไม่มีน้ำท่วมก็มี ต้องจ่ายเงินสำหรับค่าทำเขื่อนแล้วก็มี เสียหายเล็กน้อยจนถึงเดี๋ยวนี้ เมืองไทยก็มีรายได้มากกว่ารายจ่าย แต่ว่าถ้าไม่ได้ทำโครงการป้องกันไม่ให้น้ำท่วม มีแต่รายจ่ายไม่มีรายได้ เพราะอย่างนี้เราก็อยู่ไม่ได้ อันนี้พูดเป็นปริศนาว่าถ้าไม่มีรายได้ก็ไม่มีรายจ่าย เขาว่าถ้าไม่มีรายได้ก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเพื่ออยู่ดีมีแต่ต้องจ่าย ถ้าเราป้องกันน้ำท่วมนั่นน่ะ ป้องกันแล้วไม่มีกำไรเลยมีแต่เสีย ฉะนั้นก็ที่คนเขาว่าทำโครงการแล้วก็เสียจริง เสียเสียเงินแต่ว่าไม่เสียผลประโยชน์ ฉะนั้นก็ก็ต้องคิดดีๆ ว่า ที่ได้ทำโครงการนั้นก็มีจุดประสงค์ที่จะให้มีรายได้ แต่ถ้าพูดอย่างที่เขาพูดจ่ายเงินเยอะแยะที่ต้องจ่ายแยะแต่ว่าไม่ได้เสีย เพราะว่ามีรายได้ เวลาพูดกลับไปกลับมาอย่างนี้ท่านก็งง ท่านมองหน้าว่าเอ๊ะจะไปไหน ไปน่ะต้องทำโครงการนี้ อะไรก็ตามก็ต้องมีเหตุผล ก็ต้องบริหารงานการให้ดี

พูดถึงบริหารข้างหน้าที่ก็มีฝ่ายที่จะเป็นรัฐบาล รัฐบาลก็คือการบริหาร แต่ว่าบริหารนี่มีทุกอย่าง บริหารโครงการ บริหารกิจการต่าง ๆ บริหารการเงิน ทุกอย่างคือต้องบริหารให้ดี ฉะนั้นก็ถ้าไม่บริหารก็ล่มจม แต่คนที่เป็นฝ่ายบริหารมีแต่ตำหนิติเตียนว่าไม่ทำ ที่จริงฝ่ายบริหารเขาก็ทำ คนที่ติเตียนนั่นก็เป็นคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ตรงข้ามมีแต่ทำลาย ฉะนั้นที่มาเมื่อสองสามวันนี้ ถ้ากลุ้มใจที่ฟังวิทยุแล้วก็พูดๆ ว่าเมืองไทยนี้ไม่ก้าวหน้าเลย แต่ความจริงก็ก้าวหน้า ถ้าไม่ทำอะไรเลยป่านนี้ก็ล่มจมแล้ว ถ้าไม่ทำก็ล่มจมเหมือนน้ำท่วม ล่มจมนี่พูดถึงน้ำมากเกินไปแล้วเดี๋ยวหาว่าพูดน้ำท่วมทุ่ง แต่ว่าอย่างไรก็ตามต้องพูด วันนี้ตั้งใจจะต้องพูด ว่าถ้าไม่ทำอะไร ทำแต่พูด ก็จะไม่ดี นี่ก็พูดมามากแล้วในทางที่จะคล้าย ๆ ปรามไม่ให้พูด แต่อย่างไรก็ตามวันนี้ท่านเงียบหมดทุกคน เงียบก็หมายความว่าท่านก็ตั้งใจจะไม่พูด เราก็เห็นว่าท่านไม่พูดเราก็จะไม่พูด แล้วก็พูดมากแล้ว

และก็อย่างไรก็ตามก็จะต้องอธิบายว่าไปเข้าโรงพยาบาลนี้เข้าๆ ออกๆ เข้าๆ ออกๆ หนังสือพิมพ์ก็ลงวันนี้เข้าเข้าแต่งสีชมพูออกมาแต่งสีฟ้า เขาเหมือนตำหนิติเตียนว่าทำไมเปลี่ยน ก็เข้าๆ ออกๆ ก็ต้องเปลี่ยนบ้าง ถ้าเข้าๆ ออกๆ แต่งเครื่องแบบ ก็เข้าๆ ออกๆ หนังสือพิมพ์เขาลงวันนี้เข้า ก็แต่งสีชมพู ออกมาแต่งสีฟ้า เขาเหมือนตำหนิติเตียนว่าทำไมเปลี่ยน ก็เข้าๆ ออกๆ ก็ต้องเปลี่ยนบ้าง ถ้าเข้าๆ ออกๆ แล้ว แต่งเครื่องแบบมันก็น่าเบื่อ น่าเบื่อเขาก็ยัง อย่างท่านนายกฯ แต่งเครื่องแบบเลย แล้วท่านก็บอกว่าน่าเบื่อ เบื่อหน้าแล้ว ถ้าเบื่อหน้าก็ไล่ออกสิ ไล่ออก แต่ท่านนายกฯ ไม่ได้ยิน เดี๋ยวหาว่าท่านนายกฯ เป็นอย่างนี้ แก่แล้ว เขาว่าแก่ ที่จริงยังหนุ่มอยู่ หนุ่มนิดเดียว ของเราหนุ่มแบบพรุ่งนี้จะอายุ 80 ไม่นึกเลยว่าจะถึงอายุ 80 80 ใครจะว่าแก่ก็ไม่ว่า ใครตำหนิว่าแก่ไม่ว่า เพราะว่าแก่จริงๆ แต่คนที่อายุ 60 นี้ไม่แก่ แต่ว่าท่านนายกฯ ก็น่าเบื่อ น่าเบื่อเพราะว่าเจอทีไรก็แต่งเครื่องแบบขาว แล้วก็ความจริงควรจะแต่งสีอื่นบ้าง เพราะว่าวันนี้ไม่มีสีขาว สีเหลือง เนกไทสีเหลือง บางคนมีสีชมพูด้วย ก็หมายความว่าเราก็แก่แล้ว แต่ไม่อยากแต่งตัวให้มากน่าเบื่อ

วันนี้ก็เตรียมเสื้อคล้ายท่านองคมนตรี เสื้อเชิ้ตขาว แล้วก็เสื้อ ไม่ใช่ท่านองคมนตรี ประธาน คนเดิมนะสิว่าเสื้อสีน้ำเงินแก่ เราก็แต่งสีเทา ที่จริงแต่งไม่น่าเบื่อ แต่ยังมีเนกไทสีเหลืองก็เก๋หน่อย ยังดีไม่ไปใส่สีชมพู แต่วันนั้นใส่สีชมพู เขาก็ตื่นเต้น เวลาใส่สีชมพูแล้ว ก็ใส่สีเขียว ใส่สีอะไรก็ได้ สีแดงก็ยังได้ สีแดง เป็นกาลิณีของเรา คนที่ว่าเป็นกาลิณีของเรา ไม่น่าจะใช้ นี้ยังไง ตั้งแต่แม่ ท่านเกิดวันอาทิตย์ ท่านก็สีแดง พี่สาวก็เกิดวันอาทิตย์ พี่ชายก็เกิดวันอาทิตย์ ก็หมายความว่าเป็นสีแดงเหรอ คนที่รับใช้ก็เกิดวันอาทิตย์ ก็เลยยังดี ทองแดงไม่ดี ก็ไม่ได้เกิดวันอาทิตย์ เพราะเกิดวันเสาร์ สีม่วง ทองแดงสีม่วง เราก็ไม่เดือดร้อน แต่สีม่วงก็ดี วันก่อนนี้ใส่สีม่วง ก็เลยใส่ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าท่านนายกฯ ใส่เครื่องแบบขาวทุกวัน ทุกครั้ง มันน่าเบื่อ ก็จริงน่าเบื่อ แต่ว่าท่านเรียบร้อย แล้วแต่งขาวทำงานได้ดี ทำงานได้ดีก็ไม่น่าเบื่อ ท่านผู้หญิงสีเหลือง สีเหลือง แต่เหลืองอ๋อย สีเหลืองเนี่ย ความจริงตามเรื่อง ต้องเป็นสีค่อนข้างเหลืองอ่อนมาก เมื่อวานนี้ใส่สีเหลือง สีเหลืองอ่อน นั่นแหละเป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง เพราะว่าเป็นสีเหลืองที่สว่างของพระจันทร์ ก็วันนี้ นี้เขาให้มามีกระต่ายอยู่ด้วย ก็เลยเป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง แต่มาพูดว่านายกฯ แต่งขาวนี้ก็ได้เหมือนกัน เพราะว่าวันจันทร์ก็เป็นสีขาว แล้วก็จะบอก ใครมาบอกว่าท่านนายกฯ น่าเบื่อ ก็บอกว่าน่าเบื่อไม่ได้ แต่งสีขาวสวยมาก ดีมาก แล้วทำงานอะไรก็คล่องแคล่ว ไม่ใช่ทำงานไม่ดี ทำงานดี สีขาวก็หมายความว่าหมดจดดี

แล้วก็ครั้งแรกที่คนเขาตำหนิเมื่อปีที่แล้ว ไปบอกว่านายกฯ อายุมาก ก็เปรียบเทียบกับนายกฯ เก่า นายกฯ เก่านั้นนะเขาเด็กกว่า แต่ก็ไม่เท่าไรก็แก่ แล้วก็นายกฯ กำลังดี 60 กว่าๆ ก็กำลังดี ไม่เหมือนเราแก่ เราแก่เกินไป เราแก่ แล้วก็ประธานองคมนตรียิ้มๆ บอกท่านก็แก่กว่า ท่านแก่กว่า ท่านแข็งแรง 80 กว่านี้ยังดี พรุ่งนี้ข้าพเจ้าก็จะ 80 กว่า กำลังหนุ่ม กำลังแข็งแรง คนอื่นไม่แข็งแรงยังไม่ 80 พูดถึง80 ก็ มีอยู่ว่าพี่สาวอายุ 84 ท่านค่อนข้างแก่ แล้วเมื่อวาน เมื่อวานนี้เราไปเยี่ยม ที่จริงไม่ควร ควรมาพักที่สวนจิตรฯ แต่ท่านไม่สบาย ไม่สบาย ก็ไม่สบายอยู่มาก ก็ต้องไปให้กำลังใจท่าน วันนี้ก็ไปไม่ได้เพราะว่ามีงาน พรุ่งนี้ก็ไปไม่ได้ มะรืนนี้ก็ไปไม่ได้ แต่ว่าต้องไปเยี่ยม ท่านไม่สบาย แต่ว่ามีอยู่ ประชาชนไปเยี่ยมอยู่มากมาย ที่โรงพยาบาล มีประชาชนไปเยี่ยมเต็มลาน ห้องชุมนุมก็เต็ม ก็เลยทำให้สบายใจว่า มีคนเอาใจใส่ คนที่ไม่สบายให้กำลังใจ อันนี้ต้องชมคนไทยว่า คนไทยไม่สบายก็ให้กำลังใจ เพราะว่าคนไทยไม่สบาย รู้ว่ามีคนเอาใจใส่ก็สบาย

อย่างที่ไปเข้าโรงพยาบาล ไม่รู้ตัวว่าไม่สบาย เขาหาว่าเราจะแย่ก็ดูแล คนเขาว่า ว่าพิการที่สมอง สมอง สมองเรา เราก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร ทำไปทำมาบอกว่าเป็นที่ลำไส้ เขาบอกว่าพิการหรือป่วยที่ลำไส้เขาก็หาใหญ่ ตามธรรมดาลำไส้ที่พิการเขาจะดูทางขวา ทางซ้าย ทางซ้าย แต่ว่าทำไปทำมากลับดูว่าเป็นพิการทางขวา ทางขวาของเรา ทีนี้เขาไปดูทางซ้าย ทางซ้ายไม่มีอะไร เขาก็เคาะใหญ่ เคาะมัน ไม่มีอะไร ถ้าจะเป็นเป็นทางขวา เขาก็บอกว่าประหลาด ว่าพิการทางขวา ไม่นึกว่าตัวเราเป็นแบบประหลาด เวลาดูป่วยทางไหนก็มาบ่น ดูป่วยทางขวาแล้วไป แต่ทีหลังก็ทำไปทำมา ก็เรียบร้อย ดูแล้วไม่เป็นแล้ว ไม่เป็นแล้ว เขาก็บอกว่าเป็นที่สมอง เป็นที่สมองไม่ใช่ของเรา เป็นที่สมองของหมอเขา เขาว่าพิการ ที่จริงพิการที่สมองของหมอ พอเสร็จแล้วปุ๊บไปเข้าเครื่อง เครื่องในเครื่องดัง ป๊อง ป๊อง ไม่เป็นอะไร ไม่มีพิการ ก็เลยออกไม่ไหวออกจากโรงพยาบาลดีกว่า ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลจะพิการจริงๆ เพราะว่าอยู่โรงพยาบาลนี่แย่ เกือบจะเปลี่ยนโรงพยาบาล เปลี่ยนไปโรงพยาบาลที่อยู่ฝั่งนี้ ไปอยู่ฝั่งโน้น จะเป็นบ้า แล้วก็เลยนึกไปไปดูว่าทำไมเป็นบ้า เป็นบ้าเพราะน้ำมันจะท่วม น้ำจะท่วม น้ำมันขึ้นเลย ขึ้นไปขึ้นมาแล้วใครมาบอกว่าน้ำจะท่วม แต่น้ำไม่ท่วมเพราะมีโครงการที่พระประแดงและก็พูดไปพูดมาเขาเอาเรือของกองทัพเรือเขาสร้าง มีเรือใหญ่เขาบอกว่าให้ไปเรือนี้ก็เอาเรือนั้นมาจอดเรือสวย ก็เลยล่ำลือกันใหญ่ว่าพรุ่งนี้จะเสด็จ เรายังไม่ไปเพราะว่ามีงานมีงานตลอดปีตลอดทั้งเดือน ก็เลยต้องต้องปฎิเสธก็บอกว่าไม่ใช่พรุ่งนี้มะรืนนี้จะไป ไป บอกว่าจะไป จะไปเยี่ยมโครงการที่พระประแดง บอกยังไม่ไปไม่เชื่อ แต่ทำไปทำมาก็เชื่อ เรือไม่เอามาแล้ว ไม่งั้นเอาเรือมาจอดเอาเรือมาจอดให้เราไป เราก็เลยบอกว่าเรือเนี่ยใช้น้ำมัน เปลืองน้ำมันเหมือนกัน แต่เราจะใช้ไบโอดีเซล เขาบอกว่าใช้ไม่ได้ ถ้าใช้ไม่ได้เราไม่ไป แต่เรือที่เป็นเรือแท็กซี่เขาใช้ไบโอดีเซลได้

เดี๋ยวนี้กำลังพัฒนาไบโอดีเซลเพราะว่าถ้าใช้ดีเซลเปลืองแล้วก็ดีเซลจะหมดโลกแล้ว แต่ไบโอดีเซลของแบบฝรั่งเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าไบโอเพียง 10 เปอร์เซ็น เราไม่ยอมเราจะใช้ไบโอดีเซล 100 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าดีเซลแบบไบโอแบบพืชใช้ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างคราวก่อนนี้ไป แล้วก็นายกฯ ใช้ไบโอฯ 100 เปอร์เซ็นต์ ไบโอฯ ใช้น้ำมัน แบบก๊าซโซฮอลล์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ 10 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่เขาใช้ ขึ้นภูเขา ขึ้นตรงเขื่อน ขึ้นชัน รถก็ไปได้ดี รถใช้ใช้น้ำมันก๊าซโซฮอลล์ แบบของเรา ก็ขึ้นได้ดีแต่ว่ามันจะมีน้อยหน่อยราคาถูกกว่า ถูกกว่าดีเซลเดี๋ยวนี้ก็ใช้ดีเซลแบบก๊าซโซฮอลมาตอนนี้จะใช้ดีเซลแบบน้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์ม 100 เปอร์เซ็นต์ จะใช้ได้ไม่ต้องใช้ดีเซลสั่งมาจากเมืองแขก คือถ้าเราใช้ดีเซลจากเมืองแขกอีกหน่อยก็หมด อีกหน่อยหมดแล้วก็เดี๋ยวนี้เขาก็มี เขาก็ไม่ใช้แต่จะเก็บเอาไว้สำหรับมาขายให้เรา เราก็เสียแพงๆ เราจะใช้ไบโอดีเซลแบบน้ำมันปาล์มที่เราปลูกเอง เราปลูกเองอาจจะมีน้อยหน่อย ก็ใช้น้อยอย่าไปฟุ่มเฟือยใช้มากเกินไป น้ำมันใช้น้อยๆหน่อย แต่เราจะมีใช้ ปลูกต้นปาล์มแล้วมาทำเชื้อเพลิง ต้นปาล์มมาทอด มาทอดปลาทอดอะไรต่างๆได้ แล้วก็มาใส่ในรถดีเซลได้ ใช้แล้วก็ใช้ได้มันวิ่งช้าหน่อย วิ่งช้าก็ไม่เป็นไรเราอย่าเร่งรีบชีวิตอย่างให้เร่งรีบมากเกินไป แต่ราคาก็ถูก ถือหลักว่าใช้ของราคาไม่แพงเกินไป ก็อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับไฮสปีดดีเซล แต่ก็ไปได้ ก็ขอให้คิดว่าทำอะไรต้องประหยัด

คนเขาว่าประหยัดๆ ดีกว่าไม่มีเลย ถ้าไม่มี ถ้าไม่มีดีเซล เราก็ต้องก็ไปซื้ออยู่ดี เราไปซื้อก็มีสองแห่งที่เขาขาย สิ่งสำคัญก็คือของแขก ของฝรั่ง ของฝรั่งก็คืออเมริกัน เขาไม่ ของอเมริกันเขาไม่มีใครขาย เขาบอกว่าไม่มี แท้จริงเขามีเยอะ แต่ว่าเขาไม่ขายเพราะว่าเขาเก็บเอาไว้ มาขายให้เราแพงๆ ที่จริงน้ำมันจะเป็นดีเซล หรือน้ำมันเบนซิน มันราคาไม่ถึงที่เขาขาย จนกระทั่งเขาแย่เพราะว่าเขาขายแพงเหลือเกิน เลยขายไม่ได้ ขายไม่ออก บางทีก็ต้องลดราคา ถ้าเราซื้อน้ำมันราคาถูกของเราเอง ถูกกว่าของฝรั่ง ของแขก แล้วก็อาจจะคุณภาพหรือกำลังน้อยกว่าดีเซลที่ขุดจากดิน แต่ที่จริงที่ขุดจากดินนั้นน่ะ ราคาไม่น่าจะแพงอย่างนั้น ก็โลภอยากได้น้ำมันที่มีกำลัง ก็เลยยอมเสียเงิน เสียเงินซึ่งเราควรจะนำไปใช้อย่างอื่น

ฉะนั้นก็การที่เราเสียรู้ทางฝรั่ง ทางแขก เสียเงินเขา ฝรั่งกับแขกเขาได้เงินเยอะๆ ก็ไปซื้ออาวุธ เขาสลับสู้รบกันเอง อิรักเขาก็มีน้ำมันมากแต่ว่าเขาไม่ขาย เขาไม่ขายเพราะว่าเขาขายไม่ได้ ไม่มีโรงที่จะกลั่นก็ขายให้เราแล้วเราเอามากลั่น ก็ขายให้แขก แต่เขาซื้อในราคาถูก เขาขายในราคาแพง มันไม่ถูกหลักของการค้า การค้าที่รัฐบาลมีผู้เชี่ยวชาญในการค้า ต้องขายอะไรให้ราคาแพงจะได้มีกำไร เราซื้อในราคาถูก แต่เราทำตรงข้าม เราซื้ออะไรราคาถูก ราคาแพง แล้วขายในราคาถูก อย่างนี้เราแย่ เพราะเราเราไม่มีทางที่จะขายอะไรราคาแพง เพราะว่าเขาบอกอู้เขาขาดทุน เวลาไปที่ร้านก็บอกผมขาดทุนเป็นเสียงภาษาแขกเสียงภาษาจีนภาษาฝรั่ง เขาต้องบอกเขาขาดทุน ถ้าเราขายราคาแพง โหมันแพงเกินไป เขาก็เลยซื้อไม่ได้เขาบอกเขาซื้อไม่ได้ ก็เวลาเราจะซื้อเขาเขาก็ขายไม่ได้เขาขาดทุน ที่จริงเราคนไทยนี่ เราใจดีเกินไป เรายอมขาดทุนเรื่อย ความจริงถ้าเราขายอะไรไม่ให้ขาดทุน ซื้ออะไรไม่ให้ขาดทุน เรารวย เมืองไทยนี่รวย แต่ว่าเราใจดีเกินไป ต่างประเทศเขาบอกว่าเขาขาดทุน เราก็ลงท้ายด้วยการเชื่อเขา ไม่ดี เราขาดทุนไม่ได้ ไม่รู้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะเจอซื้ออะไรขายอะไรให้ขาดทุนหรือเปล่า แต่ก่อนนี้ขาดทุนเสมอ ฉะนั้นก็เราก็จะต้องพยายามที่จะทำอะไรที่เราไม่ขาดทุนหรือทำเองต้องทำเอง เราถึงมีรัฐบาลสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงนี่หมายความว่าเราไม่ทุกข์ว่าเขาจะว่าว่าเราเอากำไรมากเกินไปเราไม่เอากำไรมากแต่เราไม่ทำให้ขาดทุน เราไม่ทำให้มีกำไรมากเกินไปเพราะเราขายกันเอง ก็กันเองเราก็ไม่ต้องขายแพง กันเองไม่ต้องซื้อแพง ฉะนั้นเศรษฐกิจพอเพียงนี่ไม่ได้หมายความว่าขาดทุน ขาดทุนก็ขาดทุนแต่ว่าขาดทุนกำไรของเราเองกันเอง

เมื่อพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงมาหลายปีแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจกัน เพิ่งมาเข้าใจซักเดือนหนึ่งสองเดือนเนี่ย ฉะนั้นก็ขอเอาไปศึกษาต่อนะในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงคืออะไร ไม่ใช่เพียงพอ คือว่าไม่ได้หมายความว่าให้ทำกำไรเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง ทำกำไรก็ทำถ้าเราทำกำไรได้ดีมันก็ดี แต่ว่าขอให้พอเพียงเพราะถ้าเอากำไรหน้าเลือดมากเกินไปมันไม่ใช่พอเพียง นักเศรษฐกิจก็ว่าพระเจ้าอยู่หัวคิดอะไรแปลกๆ ก็แปลกสิขายไม่ให้ได้กำไร ซื้ออะไรไม่ขาดทุน เป็นเศรษฐกิจพอเพียง แล้วไม่ต้องหน้าเลือด ไม่ใช่เพื่อจะกำไรมากเกินหรือไปน้อยเกินไป ให้พอเพียง ไม่ใช่เรื่องของการค้ากันเองเป็นเรื่องของการพอเหมาะพอดี เราทำพอเหมาะพอดีก็ดี พูดไปพูดมาเรื่องเดี๋ยวก็จะโกรธเอา เราสร้างเรือ สร้างเรือให้พอเพียง เรือตรวจการณ์ชายฝั่งนั่นน่ะมันไม่พอเพียง มันเล็กเกินไป ยังเล็กเกินไป ก็อาจจะมันควรจะใหญ่กว่าหน่อย ถ้าใหญ่เกินไปไม่พอเพียง ถ้าเล็กเกินไปก็ไม่พอเพียง ที่เขาทำเรือที่เขาจะทำเรือดำน้ำดำลงไปดำลงไป ไปปักเลนเลย เอ๊ะเดี๋ยวนี่เขาโกรธเอา เดี๋ยวเขาโกรธเอา ว่าเรือแล่นๆไปลงไป ดำน้ำไม่ลึกไม่พอ ใครมาเครื่องบินเห็นเรือเห็นแจ๋วเลย ต้องไปจมเลนถึงเห็น แล่นๆ ไปปักเลน ถ้าอยากไปที่ที่ลึกต้องไปอยู่นอกเส้น ก็รู้สึกว้าเหว่ กลายเป็นเรือดูแลใกล้ฝั่งนี่ดีกว่า แต่ลำที่เราทำ เราสร้างก็ใช้ได้ดีแล้ว แต่ที่จะกำลังจะสร้างต่อไปให้ใหญ่กว่านี้ซัก ใหญ่กว่านี้หน่อย แต่ตอนนี้คงไม่มีเงินแล้วต้องใหญ่กว่าหน่อยเพราะว่าถ้าไม่ใหญ่พอจะไม่สามารถที่จะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง แต่ว่านี่พูดกลายเป็นราชการลับ

แต่พวกราชการลับว่าที่พูดเนี่ยควรจะซื้อเรือของรัสเซียเรือที่เขาสร้างใหม่ใหญ่กว่าที่เราสร้างไม่มาก นั่นน่าจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าซื้อของรัสเซียเนี่ยราคาไม่ถึงครึ่งของเยอรมัน ของอเมริกัน อเมริกันเขาโกรธแน่ ถ้าไปซื้อของรัสเซีย ลองไปดู ไปดูเรือ เรือของรัสเซีย แต่เขาอาจจะไม่ขายก็ได้ แล้วให้ไปทำไม่ล่ะ เขาอาจจะขายให้ราคาแพงแต่ความจริงก็ควรจะขายให้เรา ขายเราไปขอเขาดู ของรัสเซียดีจริงๆ แต่รู้ไม่ได้ เขาอาจจะขายให้เราลำโปเกๆ ก็ได้ เนี่ยพูดความลับราชการ แต่เมืองไทยเนี่ยความลับราชการก็เผยเรื่อย เผยความลับราชการก็ไม่รู้นะทองแดง ถ้าเผยความลับราชการก็อาจจะดีก็ได้ เพราะว่าความลับราชการก็ไม่ได้เรื่องอยู่ดี ยังไงก็ไปทำอะไรก็มาเผยทั้งหมดก็ได้ กองทัพเรือก็มีเรือดำน้ำ กองทัพอากาศก็มีเรืออะไรนะ เรือสมัยใหม่นี่ก็แต่เดี๋ยวนี้เขาก็เกินไปแล้ว จะมาซื้อลำนิดเดียวแต่ราคาแพงกว่าลำใหญ่ แต่ตอนนั้นจะซื้อลำใหญ่ราคานิดเดียวเหมือนลำเล็ก แต่ว่าแต่ก่อนนี้ที่ว่าจะซื้อ ซื้อเครื่องบินลำใหญ่เหมือนในราคาของเครื่องบินลำเล็กก็ชอบกลอยู่นะ ก็รัสเซียเหมือนกัน ทำไปทำมาซื้อ จะซื้อเรือรัสเซีย เรือบินรัสเซียเราไม่เห็นด้วย แต่ถ้าซื้อเรือน้ำรัสเซียก็น่าใช้ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศก็ได้ ชวนกันมาซื้อเครื่องบิน อย่าซื้อเครื่องบินรัสเซีย ซื้อเรือรัสเซียไม่ใช่นะ ไม่งั้นเดี๋ยวชนกัน

เรือของรัสเซีย เรือน้ำของรัสเซีย เข้าใจว่าดี เรือบินของรัสเซียเข้าใจว่าใช้ไม่ได้ ก็ไปดู เพราะว่านี่นานๆ ทีได้พบกันก็ต้องปรารภ ว่าอะไรควรจะทำไม่ควรจะทำ เรือบินก็ได้ตกลงกันแล้ว ถึงเวลาก็ได้เรือบินมาก็อาจจะล้าสมัยแล้ว 2ปีกว่าจะได้ 2 ปี คงล้าสมัยแล้ว เรือบินมาจากรัสเซีย เรือบินของสวีเดนนะ ก็ดูดีเพราะลำมันไม่ใหญ่ กองทัพบกก็จะไปซื้อก็ล้าสมัยเหมือนกัน เพิ่งรู้ว่าคนไทยนี่ชอบซื้ออะไรล้าสมัย แต่ว่าเอามาเล่นก็ดีเหมือนกันรถถังก็ล้าสมัย รถ รถล้าสมัย ล้าสมัยเหมือนกัน แต่เมืองไทยนี้ใช้รถถังทันสมัย มันใช้ไม่ได้มันจมเลน จมเลนแล้ว ก็ถ้าจมเลนพักก็มันก็หมดสมัย มันลำบาก เดี๋ยวนี้จะซื้อ รัฐบาลก็หมดสมัยแล้ว อีกหน่อยก็หมดสมัย อีกไม่กี่เดือนก็หมดสมัย เอาไว้ให้รัฐบาลใหม่เขาซื้อ เขาซื้อรถถังรถอะไรเนี่ย แต่อย่างนี้ แนะนำการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กลางที่จะประชุมนี้ ที่ประชุมนี้ก็ใหญ่กว่าสภา มีคนมากกว่า มีคนตั้ง 2 หมื่นคน ลงท้ายเขาฟังข้างนอกเขาก็งงไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไร แต่ยังไงก็ตามที่พูดอย่างนี้ให้เห็นว่าเราต้องคิดดีๆ ว่าจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จะซื้ออย่างไร รู้สึกว่าท่านก็คงงงหมดแล้ว ว่าไม่ได้พูดถึง ไม่ได้พูดถึงพลเรือนว่าจะซื้ออะไร มีแต่จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ต้องซื้อต้องมี เพราะว่าเดี๋ยวนี้น้ำท่วมก็ใช้กองทัพ กองทัพทั้งนั้น กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ไปช่วยชาวบ้าน ถ้าพลเรือนไม่มี ไม่มีอาวุธที่จะไปช่วยพวกที่เดือดร้อน พวกที่ต้องการใช้เรียกว่าอาวุธสำหรับช่วยประชาชน ยังไงก็พลเรือนก็ต้องมีอาวุธเหมือนกัน

แต่ก่อนนี้พูดถึงตำรวจเป็นเป็นกองทัพ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่เป็นแล้ว แต่ว่าต้องใช้อาวุธสำหรับช่วยชาวบ้าน จะให้เขา คงต้องเลือกพูด เพราะว่าถ้าพูดมากเดี๋ยวท่านก็งงว่าจะมาใช้เงินเยอะแยะ ก็ไหนว่าเรารวยแล้วเดี๋ยวนี้เรารวยเงิน เงินบาทมีราคาสูง สูงเกินไปก็ใช้สิเงิน เงินบาทสูงเกินไปก็ใช้ ใช้ในที่ๆ ควร ไม่ทราบ เราเดี๋ยวนี้ไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นเหมือนที่หมอเขาว่าสมองเราฝ่อ แต่เรารู้สึกสมองเราไม่ฝ่อ แต่เขาว่าเราฝ่อ ฟังว่ารัฐบาลหรือเมืองไทยประชาชนมีเงินเยอะ มีเงินเกิน ก็ใช้สิ เขาหาว่าเราเศรษฐกิจพอเพียง คำว่าพอเพียงถ้ามีเงินก็ต้องใช้ ไม่ใช่ขี้เหนียว ถ้ามีเงินไม่ต้องขี้เหนียว ซื้อไปเถอะอะไรก็ตาม เครื่องบิน เรือ รถถัง ซื้อ ถ้ามีเงินเยอะ ก็ถือว่าสนับสนุนให้จ่าย เดี๋ยวนี้เขาบอกว่าในหนังสือพิมพ์เห็นว่าเขาสนับสนุนให้จ่าย เพราะถ้ามีก็จ่าย แต่ถ้าไม่มีจะก็ระงับหน่อย มันเป็นอย่างนี้คนเราก็พูดเกินไปเสมอ

อย่าให้ตอนนี้ที่ท่านมา มาให้พร อวยพร ก็นับว่าดีมาก ทำให้มีกำลังใจ แต่ไม่ทราบว่าคิดถูกหรือไม่ถูก เพราะว่าท่านไม่ได้บอกอะไร เรามีเงินเยอะใช่มั้ย ดูท่าทางว่าเรามีเงินเยอะ ก็ถ้ามีเงินเยอะก็จ่าย ใช้เงินให้สมกับที่เรามีเงิน ถ้าไม่มีเงินเราจ่ายจะอันตราย แต่ถ้ามีเงินและไม่จ่ายก็อันตรายเหมือนกัน เพราะว่าคนที่มีเงินแล้วไม่จ่ายหมายความว่าจะเก็บไว้ทำอะไร บางคนมีเงินแล้วไม่จ่ายให้คนอื่นจ่าย คนที่ไม่มีเงินบอก ใช้เงินเพื่อที่จะได้กำไร คนที่มีเงินยิ่งอยาก อยากได้กำไร อย่างนี้ไม่ดี ฉะนั้นก็ต้องคนที่มี มีเงินก็จ่าย แล้วก็ช่วยคนที่ไม่มีเงิน นี่รู้สึกตัวว่าพูดอะไรที่ถูกต้อง คือคนที่มีเงินต้องจ่าย คนที่ไม่มีเงินต้องไม่จ่าย แต่คนเขาคิดตรงข้าม คนที่ไม่มีเงินนั้นต้องจ่าย อย่างสมัยนี้คนไม่มีเงินให้ใช้เงิน ใช้เงินมากๆ เพราะว่าถ้าคนไม่มีเงินใช้เงินมากๆ ก็ต้องไปกู้ คนที่มีเงินมากๆ ก็ได้กำไร ไม่พอเพียง ก็ยังไงก็ขอให้ที่ท่านมานี่ได้ ได้ผลไปคิด ให้ไปคิดว่าควรจะทำอะไร แล้วท่านก็มีความคิดดีอยู่แล้ว อย่าไปคิดว่ายังมีปมด้อยว่าไม่มีความคิด ซื้อเรือ ซื้อเครื่องบิน ซื้อรถถัง ก็ไปซื้อเถอะ เอาเรือสร้างเอง สร้างให้เขาสร้างเรือ อันไหนที่สร้างไม่ได้ไปสร้างที่อื่น เราก็ไปสร้างที่ๆ เขาแล่น แล่นไปมันคลอนหมด ไปซื้อเรือที่แล่นๆ จะไปสู้กับเขาไม่ได้เพราะมันคลอนหมด สร้างเองดีกว่า เค้างงว่าทำไมยุให้สร้าง สร้างเรือ สร้างเรือเองให้คุณภาพดีไม่ให้คลอน แต่เครื่องบินอย่าไปสร้างเอง มันตก เพราะยังไงก็คงพูด พูดมากเกินไป ทองแดงก็เมื่อย พูดอะไรก็เห็นด้วยล่ะนะ ก็ยังไม่ไป ยังไม่ไป ก็ขอบใจที่ท่านมา ขอให้ท่านสามารถที่จะมีจิตใจที่เข้มแข็ง แข็งแรง แล้วก็เพื่อจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม ก็จะเป็นประโยชน์กับท่านเอง ก็ขอขอบใจอีกที"

Friday, November 23, 2007

Thursday, November 22, 2007

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ






วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, ในหลวงของเรา ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับพระราชวังจิตรลดาฯ ยังความปลื้มปีติแก่เหล่าพสกนิกรที่เฝ้ารับเสด็จเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ได้ทราบข่าวพระอาการประชวรของพระองค์...

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...

Sunday, November 18, 2007

คลื่นลวง...'พัดความลวง...พาความจริงมาสู่ชีวิตใหม่'


เรื่องใหม่สุดของ'พี่ปุ้ย...กิ่งฉัตร'หลังจากที่ตีพิมพ์ในนิตยสารขวัญเรือนมาประมาณ 2 ปีโดยโยงเรื่องจากการเกิดเหตุจาก การเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ คลื่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้เป็นฉากเปิดของเรื่อง เพื่อดำเนินเรื่องทั้งหมด จุดเริ่มต้นที่พลิกผันครอบครัวอันอบอุ่นมั่นคงของชายหนุ่มที่เชื่อมั่นในครอบครัว เชื่อใจในความเป็นเพื่อนรัก ความไว้วางใจต่างๆต้องพังทลายลง เพราะความโลภ ความไม่รู้จักหยุดและพอ ความทรยศหักหลัง ของคนที่ได้ชื่อว่าเมีย และต้องรู้ให้ได้ว่าผู้สมรู้ร่วมคิดคือใคร ระหว่างคนในครอบครัว เพื่อนรัก หุ้นส่วน ใครกันแน่?

สึนามิ...แทบทุกคนคงชังคลื่นยักษ์ในวันนั้น เขาเองก็เกลียดมัน แต่ต้องยอมรับว่าสึนามิไม่ได้พรากทุกอย่างไป

คลื่นช่วยชีวิตเขา

คลื่นชำระล้างความลวงออกจากชีวิตของเขา

คลื่นนำเขาสู่แสงตะวันดวงใหม่ สว่างไสว แต่ไม่ร้อนแรง มีเพียงความอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้....นายตะวัน!

ในเรื่องได้รับการกลับมาอีกครั้งของตาแปะชัชวาลจากรอยพรหม มีบทบาทมากพอสมควรช่วยคลี่คายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งครั้งนี้ยังสมหวังในความรักสักที ญาติหนุ่มสองคนมองหน้าขึงตาใส่กันแบบต่างความคิดชัชวาลที่เงียบอยู่เกือบตลอดเวลาในช่วงที่รพีพยายามแก้ไขปัญหาในครอบครัวอดไม่อยู่ ต้องยกคำแปลของภราดา ฟ. ฮีแลร์ ขึ้นท่องว่า
"สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย มองเหรียญเดียว แต่คนละด้านอย่างนี้เถียงกันไปก็ฆ่่ากันตายเปล่า"

Tuesday, November 6, 2007

ยามตะวันเบิกฟ้า


เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องกล่าวถึง "แม่วัน"ผู้มีปมเรื่องรักครอบครัวยิ่งสิ่งใด ทำให้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวที่ตนรักไม่แตกร้าว! แต่...คนเราเกิดมาเปรียบเหมือนบัวสี่เหล่า พวกบ้านโรงเตา ก็เป็นได้เพียงบัวใต้น้ำ ที่เป็นเพียงอาหารของเต่า, ปลาเท่านั้น ไม่สามารถ พ้นมาเหนือน้ำได้เลยตลอดกาล คอยแต่จะยุแยงให้เกิดความแตกร้าว ภายในครอบครัวที่ให้ที่อยู่ ที่อาศัย ไม่ทำประโยชน์อันใด ให้เกิดแก่ตนทั้งยังคอยดีใจ สมใจที่เห็นความพินาศ ความแตกร้าวมาเยือนภายในครอบครัวที่ให้อยู่อาศัยเป็นเรือนตาย! เช่นนี้แล้วจุดจบที่ได้จะเป็นอย่างใดก็สุดรู้ หวังเพียงแต่ทวินันท์จะได้เห็นตะวันยามเบิกฟ้าบ้าง...

โดยบทสรุปสุดท้ายกล่าวไว้ว่า"คุณวันหวังว่า...สักวันทวินันท์จะมีโอกาสได้เห็นดวงตะวันเบิกฟ้า..."

โมหะคือหลุมแรกและหลุมลึกที่สุดของกิเลส

เมื่อมองโลก มองผู้คน มองชีวิตด้วยความหลง ความหลงนั้นย่อมพาเราไปตกหลุมแห่งความโลภกับหลุมแห่งความโกรธได้อย่างง่ายดาย

หลุมลึกทั้งหลายนี้มีแต่ธรรมะในใจตนเท่านั้นที่จะฉุดให้ตนเองหลุดพ้นขึ้นมาได้ มิใช่มือที่จะฉุดดึงขึ้นมาของผู้ใดเลย

หากต้องการพบแสงอ่อนอุ่นของดวงตะวันเมื่อยามเบิกฟ้า มนุษย์เราก็ต้องเพียรปีนป่ายให้พ้นจากเงามืดในหลุมลึก...